บทที่ 1 : พื้นที่ลึกลับ

สำนักยี่หยวนตั้งอยู่บนหุบเขาฉิงฟงที่มีพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาร นี่เป็นช่วงเวลายามเย็นที่สวยงามทามกลางฤดูร้อน ดวงตะวันที่ค่อยๆลับขอบฟ้าทอดแสงเงายาวเป็นประกาย

บนขอบทะเลสาบขนาดเล็กมีชายหนุ่มผู้หนึ่งนั่งอยู่ ซึ่งดูเหมือนว่าเขาจะมีอายุราว 17 - 18 ปีสวมเสื้อผ้าสีดำ เขาคว้าหินจากริมทะเลสาบและขว้างมันออกไป จนทำให้น้ำในทะเลสาบนั้นกระเพื่อมเป็นวงราวกับดอกไม้ที่เบ่งบาน

ชายหนุ่มผู้นี้มีนามว่า เย่ชีเหวิน เขานั่งลงด้วยท่าทีที่หดหู่ เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่าเขาจะก้าวเข้ามายังอีกโลกหนึ่ง เดิมเขาควรอยู่ในศตวรรษที่ 21 และเป็นเพียงแค่นักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมดา หลังจากที่ใช้เวลากว่า 1 เดือนในโลกใบใหม่นี้ เขาก็เริ่มยอมรับความจริงว่านี่มิได้เป็นเพียงแค่เรื่องตลกขบขัน เขาได้ก้าวเดินเข้ามาสู่โลกใบให่แล้วจริงๆ

อยู่ในโลกใบนี้มานานแล้วกว่า 1 เดือนเขาก็เริ่มสามารถยอมรับความจริงได้ว่านี่มิได้เป็นโลกใบเดียวกับที่เขาเคยอยู่ แม้วัฒนธรรมท้องถิ่นจะคล้ายคลึงกับจีนสมัยโบราณก็ตาม แต่สถานที่แห่งนี้ก็ถูกเรียกว่าโลกการต่อสู้ที่แท้จริง

ในโลกใบนี้วิทยายุทธได้สร้างอารยธรรมอันน่าพิศวงไว้ เหล่าจอมยุทธ์ที่น่าเกรงขามได้ทำการฝึกฝนการบ่มเพาะพลังเพื่อทำในสิ่งในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้ เช่น ยกภูเขา แยกแม่น้ำ หรือแม้แต่การเคลื่อนไหวไปตามช่องเขา นอกจากนี้พวกเขายังสามารถยืดอายุขัยของตัวเองไปได้เรื่อยๆ

สถานะของ เย่ชีเหวิน ในปัจจุบันนั้นคือบุตรชายคนที่ 3 ของผู้อาวุโสในสำนักยี่หยวน แม้ว่าเขาจะเป็นบุตรบุญธรรมก็ตาม พ่อบุญธรรมของเขา เย่คงหมิง ได้พาเขากลับมายังจวนเมื่อ 18 ปีก่อน เรื่องนี้มิได้ถือเป็นความลับใดๆภายในสำนัก

สำนักยี่หยวนถือเป็น 1 ในสำนักมหาอำนาจที่มีขุมพลังมากที่สุดในจักรวรรดิต้าเยว้ซึ่งได้รับการยอมรับโดยเหล่าผู้เยี่ยมยุทธ

แต่อย่างไรก็ตาม สำนักยี่หยวนที่ตั้งอยู่บนยอดหุบเขาฉิงฟงนั้นก็เป็นเพียงแค่สำนักสาขาย่อย ซึ่งสำนักสาขาย่อยเหล่านี้ได้ถูกแพร่กระจายไปทั่วทั้งจักรวรรดิต้าเยว้และมีอยู่เป็นจำนวนมาก โดยงานหลักของพวกเขาคือการบ่มเพาะพลังให้กับเหล่าศิษย์ที่มีพรสวรรค์มากที่สุดในสำนักและส่งไปยังสำนักหลักยี่หยวน

การบ่มเพาะพลังของ เย่ชีเหวิน ในปัจจุบันนั้นคือก่อตั้งขั้น 3 หากเทียบกับอายุขัยของเขาแล้วก็นับว่าเป็นเพียงแค่ความสามารถของคนธรรมดาทั่วไป

ในโลกการต่อสู้ที่แท้จริง เหล่าจอมยุทธ์ที่เริ่มการฝึกฝนบ่มเพาะพลังจะเริ่มต้นที่ก่อตั้งขั้น 1 และไต่จนไปถึงก่อตั้งขั้น 9 และเหนือจากระดับก่อตั้งขึ้นไปนั้นจะถูกเรียกว่าระดับก่อเกิดแต่ เย่ชีเหวิน ไม่ทราบว่าระดับก่อเกิดนั้นมีอยู่ด้วยกันทั้งหมดกี่ขั้น หลังจากที่ทั้งหมดภายในสำนักยี่หยวนนั้นยังคงเป็นเพียงแค่ผู้เยี่ยมยุทธก่อเกิด

สำนักยี่หยวนนั้นถูกแบ่งออกเป็นด้วยกันทั้งหมด 3 ส่วน คือ ฝ่ายนอก ฝ่ายใน และ ฝ่ายหลัก หลังจากที่ศิษย์คนใดคนหนึ่งสามารถเข้าร่วมฝ่ายหลักได้แล้ว พวกเขาจะมีสิทธิ์ในการขอเข้าร่วมการทดสอบเพื่อเข้าไปยังสำนักหลักยี่หยวนได้

ระดับของศิษย์ภายในสำนักยี่หยวนนั้นจะไม่ถูกจะแบ่งโดยอายุขัยของพวกเขา แต่จะถูกแบ่งโดยการบ่มเพาะพลังของแต่ละคน โดยยึดมั่นระดับก่อตั้งทั้ง 9 เป็นหลัก หลังจากที่มีศิษย์คนใดสามารถตัดผ่านเข้าสู่ก่อตั้งขั้น 3 ได้แล้ว พวกเขาจะถูกเลื่อนขึ้นจากศิษย์ฝ่ายนอกให้ขึ้นมาเป็นศิษย์ฝ่ายในและสำหรับศิษย์คนใดที่สามารถตัดผ่านเข้าสู่ก่อตั้งขั้น 5 ก็จะถูกเลื่อนให้ขึ้นมาเป็นศิษย์หลัก แต่หากต้องการมีส่วนร่วมในการเข้าทดสอบเพื่อไปยังสำนักหลักยี่หยวน พวกเขาก็จำเป็นที่จะต้องมีการบ่มเพาะพลังที่ไม่ต่ำกว่าก่อตั้งขั้น 7 

ด้วยความต้องการที่ค่อนข้างสูง ท่านบรรพชนจึงมิได้คาดหวังกับ เย่ชีเหวิน มากนัก ด้วยอายุ 18 ปี แต่กับมีการบ่มเพาะพลังเพียงก่อตั้ง 3 ด้วยระดับการบ่มเพาะพลังเพียงเท่านี้ มันมิใช่เรื่องที่น่าภูมิใจนัก แม้ระดับนี้จะไม่ถือว่าเลวร้าย แต่ก็ไม่นับว่าดี เป็นเพียงแค่ความสามารถของคนธรรมดาทั่วไปเท่านั้น

เย่ชีเหวิน ถือได้ว่าเป็นศิษย์ธรรมดาภายในสำนักยี่หยวน เมื่อเทียบกับศิษย์ฝ่ายในคนอื่นๆ แม้ว่าศิษย์ฝ่ายในจะมีฐานะน้อยกว่าเมื่อเทียบกับศิษย์หลัก แต่ก็ไม่ต่ำเตี้ยเลียดินเมื่อเทียบกับศิษย์ฝ่ายนอก นอกจากนี้บิดาของเขาก็ยังเป็นถึงผู้อาวุโสภายในสำนักยี่หยวน ฉะนั้นเขาจึงไม่ได้ถูกมองว่าแย่นักในสายตาของคนรอบข้าง

แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังมิได้รับความสนใจมากนัก แม้ว่า เย่ชีเหวิน ในตอนนี้จะบรรลุถึง"จุดสูงสุดก่อตั้งขั้น 3" แต่เมื่อเทียบกับพี่น้องของเขาอีก 2 คนแล้ว โดยเฉพาะพี่ชายคนโต เย่ฟง ด้วยอายุเพียง 21 ปี แต่กับสามารถบรรลุถึงจุดสูงสุดก่อตั้งขั้น 8 เขาจึงได้รับการยอมรับว่าเป็นบุคคลที่มีพรสวรรค์มากที่สุดภายในสำนัก นอกจากนั้นพี่สาวของ เย่ชีเหวิน , เย่ยู๋เซว่ ที่มีอายุมากกว่าเขาเพียง 1 ปี แต่ก็มีการบ่มเพาะพลังถึงก่อตั้งขั้น 7

ด้วยเหตุนี้เองเขาจึงมิได้รับความสนใจมากเท่าที่ควร!

          “ ซู่ซู่ ! ”

มีเสียงพุ่มไม้ดังออกมาจากด้านหลังของเขา ชายหนุ่มร่างอ้วนอายุราว 17 - 18 ปี สวมชุดผ้าไหมกระโดดออกมาจากพุ่มไม้ ใบหน้าของ เย่ชีเหวิน เผยให้เห็นถึงรอยยิ้มจางๆเมื่อเขาได้เห็นชายอ้วน คนผู้นี้มีนามว่า หวังเล้ เขาคือสหายคนสนิทของ เย่ชีเหวิน ในวัยเด็ก หวังเล้ นั้นมาจากตระกูลที่ร่ำรวยที่ตั้งด้านล่างของหุบเขาฉิงฟง ซึ่งเป็นเมืองใหญ่และมีความสัมพันธ์อันดีงามกับสำนักยี่หยวน นับตั้งแต่ หวังเล้ ยังเป็นเด็ก เขาก็ได้ปีนขึ้นมาบนหุบเขาเพื่อเขารับการฝึก นับแต่นั้นพวกเขาทั้ง 2 คนก็ได้แลกเปลี่ยนและแบ่งปันกันเรื่อยมาจนกลายเป็นสายสัมพันธ์อันแน่นแฟ้น

แน่นอนมันเป็นเพราะว่าพรสวรรค์ของพวกเขาทั้ง 2 คนนั้นใกล้เคียงกัน แม้ว่า เย่ชีเหวิน จะอยู่จุดสูงสุดก่อตั้งขั้น 3 แต่ดูเหมือนว่า หวังเล้ จะแข็งแกร่งกว่า เย่ชีเหวิน เล็กน้อย ในขณะที่เขาเองก็อยู่ในจุดสูงสุดก่อตั้งขั้น 3 เช่นกัน ดังนั้นพวกเขาทั้ง 2 จึงสนิทกันมาก

          " นี่เจ้ายังไม่กลับไปพักอีกหรือ? นี่ก็เย็นมากแล้วทำไมเจ้าถึงยังอยู่ที่นี่? " เย่ชีเหวิน กล่าวถามด้วยรอยยิ้ม

          " ข้าต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายถามเจ้าข้ารู้สึกกังวล! " หวังเล้ กล่าวและยิ้มกลับ " เจ้าทำตัวแปลกๆไปเมื่อไม่นานมานี้ ปกติเจ้ามักชอบพูดเกี่ยวกับสิ่งลี้ลับไม่รู้จบ! "

          " สบายใจได้มันไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับข้า " เย่ชีเหวิน กล่าวว่า

ก็ไม่มีอะไรมากนอกจากต้องปรับตัวเข้ากับโลกใบใหม่หลังจากที่เพิ่งข้ามโลกมา!

          " จะว่าไปเจ้าอยู่ในช่วงสำคัญในการตัดผ่านเข้าไปสู่ก่อตั้งขั้น 4 แล้วมิใช่หรือ แล้วเหตุใดเจ้าถึงยังไม่เก็บตัวเพื่อฝึกฝน? " เย่ชีเหวิน ว่ากล่าว สำหรับก่อตั้งขั้น 3 แล้วนั้นถูกพิจารณาว่าเป็นชนชั้นธรรมดาภายในสำนักฝ่ายใน แต่ถ้าหากสามารถตัดผ้านเข้าไปสู่ก่อตั้งขั้น 4 ได้แล้วหล่ะก็ บุคคลนั้นก็จะถูกพิจารณาให้เป็นชนชั้นสูงภายในสำนักฝ่ายในในทันที แม้ว่าจะต่างกันเพียงแค่ 1 ขั้น แต่ก็นับเป็นความแตกต่างราวกับสวรรค์และโลก

          " เฮ้ ข้ามาเจ้าเพียงเพราะเป็นห่วง ในเรื่องนี้ข้าได้เตรียมการเอาไว้แล้ว การจะเก็บตัวเพื่อฝึกฝนนั้นมันจำเป็นที่จะต้องใช้เวลา แต่ที่ข้ามาที่นี่ก็เพื่อที่จะมาตรวจสอบเจ้าเพราะว่าข้าเป็นกังวล " หวังเล้ ดูเป็นกังวลมากเมื่อกล่าวกับ เย่ชีเหวิน เพราะพวกเขาเติบโตมาด้วยกันความสัมพันธุ์ของพวกเขาจึงเปรียบเหมือนพี่น้อง แม้จะทะเลาะกันบางแต่เขาก็เป็นกังวลเกี่ยวกับน้องชายของเขาไม่น้อย แต่แน่นอนว่าเขาจะไม่มีวันรู้ว่าน้องชายที่เขารู้จักนั้นได้ถูกเปลี่ยนตัวไปแล้ว

          " เพียงแค่ผ่อนคลายและเน้นไปที่การฝึกฝนของเจ้าก็พอ เจ้าไม่มีอะไรที่จะต้องเป็นห่วงข้า เพราะตัวข้านั้นสบายดี " เย่ชีเหวิน หัวเราะ " นี่ก็ใกล้ค่ำแล้วเจ้าควรกลับไป ข้าจะนั่งอยู่ที่นี่สักครู่และหลังจากนั้นค่อยกลับ "

          " อย่าให้ค่ำมากเกินไปนักหล่ะ เจ้าควรระวังพวกสัตว์ปีศาจเอาไว้ให้ดี หวังว่าเจ้าคงจะไม่ไปเจอมันโดยบังเอิญหรอกนะ " หวังเล้ กระตุ้น

สำนักยี่หยวนนั้นตั้งอยู่บนหุบเขาฉิงฟง ซึ่งเต็มไปด้วยพวกสัตว์ปีศาจมากมายที่หลบซ่อนตัวอยู่ภายในหุบเขา พวกมันล้วนครอบครองพลังอำนาจอันยิ่งใหญ่ที่เมื่อเทียบกับพวกสัตว์ธรรมดาแล้วพวกมันถือว่ามีพละกำลังและความดุร้ายกว่ามาก มีเพียงแค่เหล่าจอมยุทธ์ที่ได้รับการฝึกฝนมาแล้วเท่านั้นถึงจะสามารถรับมือกับพวกมันได้

          " ข้าทราบแล้ว! " เย่ชีเหวิน พยักหน้า

แม้จะกล่าวว่าทั่วทั้งบริเวณสำนักยี่หยวนนั้นจะไร้ซึ่งสัตว์ปีศาจใดๆ แต่ก็ยังนับว่าเป็นการยากอยู่ดีหากมันปรากฏตัวออกมาอย่างกระทันหัน หากพวกสัตว์ปีศาจที่แสนน่าสะพรึงกลัวเหล่านั้นเข้ามาโจมตีโดยไร้ซึ่งสัญญาณบ่งบอกใดๆ ต่อให้เป็น เย่ชีเหวิน ก็คงไม่อาจตอบสนองได้ทัน แม้แต่เวลาจะบ่นหรือร่ำไห้กับความไม่ยุติธรรมของโลกก็คงไม่มี หากเขาได้เผชิญหน้ากับพบกับพวกมันโดยบังเอิญ

มีสัตว์ปีศาจจำนวนมากที่อาศัยอยู่บนหุบเขาลูกนี้ ฉะนั้นเขาจึงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องปกป้องตนเอง เหตุที่สำนักยี่หยวมาตั้งอยู่บนหุบเขาแห่งนี้ นั่นก็เพื่อที่จะข่มขู่พวกสัตว์ปีศาจและยับยั้งพวกมันให้ถอยร่นออกไปจากหุบเขาเพื่อไม่ให้พวกมันไปรบกวนเช้าบ้านที่อยู่ด้านล่างของหุบเขา แม้ว่ามันจะเป็นไปไม่ได้ที่จะขับไล่พวกมันไปทั้งหมด แต่ด้านล่างของหุบเขาก็ยังคงมีผู้ฝึกยุทธเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับตนเงอยู่ไม่น้อย นอกจากนี้ ก็ยังมีชาวยุทธพลุกพล่านอยู่อีกเป็นจำนวนมาก ฉะนั้นมันจึงมิใช่เรื่องที่น่ากังวลนัก

ด้วยความสัมพันธ์เช่นนี้ เหล่าศิษย์จากสำนักยี่หยวนจึงได้รับความเคารพนับถือจากชาวเมืองอยู่เสมอ ภายในรอบรัศมี 50 ลี้ พวกเขาจะรับเคารพนับถือจากทุกคนที่พวกเขาเดินผ่าน

ทันทีที่ หวังเล้ กล่าวจบเขาก็หันกลับไป แม้ร่างกายของเขานั้นจะดูอวบอ้วน แต่ด้วยการฝึกฝนวิทยายุทธมันทำให้ทุกย่างก้าวของเขานั้นช่างงดงามพร้อมกับหายตัวไปในพุ่มไม้อย่างรวดเร็ว

เย่ชีเหวิน นั่งพักอยู่ที่นั่นสักครู่ ในขณะที่เขากำลังจะเดินจากไป เขาก็เหลือบไปเห็นแสงสีประหลาดกระพริบอยู่ในทะเลสาบอย่างบ้าคลั่งเป็นเวลา 2 วิ ก่อนที่มันจะคืนความเงียบสงบดั่งเดิมให้กับทะเลสาบ

เย่ชีเหวิน ถึงกับงุนงงเล็กว่าแสงสีประหลาดนั่นมันคืออะไร? เป็นไปได้ไหมว่านั่นอาจเป็นสมบัติบางอย่างที่หลับลึกอยู่ภายในก้นทะเลสาบ เมื่อเพ่งพิศอย่างถีถ้วนเขาก็ลุกขึ้นยืนด้วยท่าทีตื่นเต้น หากมันเป็นสมบัติล้ำค่าที่หลบซ่อนอยู่ข้างใต้ก้นทะเลสาบจริง มันอาจทำให้เขามีความก้าวหน้าขึ้นอย่างมากในอนาคต

หลังจากที่เพ่งพิศในใจจู่ๆเขาก็พุ่งหลาวชายลงไปในทะเลสาบทันที โดยที่ไม่คำนึงถึงชีวิตของเขาก่อนหน้านี้ เพราะดูเหมือนว่าในตอนนี้ เย่ชีเหวิน จะมีความสามารถในการว่ายน้ำที่ดีเยี่ยมอย่างมาก

เย่ชีเหวิน ยังคงดำต่อไปเรื่อยๆและเดินเข้าไปอย่างช้าๆทามกลางก้นทะเลสาบ ดูเหมือนว่านี่จะเป็นเพียงแค่ทะเลสาบธรรมดา เพราะมันไม่มีพวกสัตว์ปีศาจร้ายอยู่เลย คงอาจเป็นเพราะผู้เยี่ยมยุทธในสำนักยี่หยวนได้กำจัดพวกมันออกไปจนหมดแล้วก็เป็นได้ ดังนั้นเขาจึงไม่จำเป็นที่จะต้องกังวลเรื่องสัตว์ปีศาจร้ายใดๆในสถานที่แห่งนี้อีก

เย่ชีเหวิน เปิดตาพร้อมกับกวาดไปรอบๆและก็พบเข้ากับก้อนศิลาเล็กๆก้อนหนึ่ง ซึ่งมีแสงหลายสีเปล่งออกมาจากรอบตัวมัน ด้วยสภาวะหยุดนิ่งของมันทำให้ เย่ชีเหวิน รู้สึกราวเหมือนกับว่ามันกำลังนอนอยู่

เย่ชีเหวิน ไม่รู้สึกถึงอันตรายใดๆจากตัวมันอีกทั้งมันยังให้ความรู้สึกที่อบอุ่น แต่ทันใดนั้นเองมันก็ได้พุ่งเข้ามาหาเขาด้วยความเร็วอย่างฉับพลันพร้อมกับพยายามที่จะมุดเข้ามาในร่างกายของเขา

เย่ชีเหวิน ได้ยื่นมืออกไปหมายจะคว้ามัน แต่จู่ๆทันใดนั้นเอง แสงก็ได้สว่างวาบเปล่งประกายออกมาอย่างฉับพลันและค่อยๆหายเข้าไปในร่างกายของเขา

เย่ชีเหวิน ถึงกับตื่นตระหนกพร้อมกับหันไปรอบๆ แต่ก็ไม่พบก้อนศิลาหลากสีนั่น มันได้หายไปแล้ว

เย่ชีเหวิน ได้รีบโผล่ขึ้นมาจากน้ำและว่ายกลับเข้าไปที่ฝั่งอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้เขายังคงอยู่ในอาการตื่นตระหนกอย่างฉับพลัน ฉะนั้นเขาจึงรีบตรวจสอบร่างกายของเขาอย่างรวดเร็วแต่ก็ไม่พบการเปลี่ยนแปลงใดๆ มันจึงช่วยลดความกังวลให้กับเขาได้บ้าง

เย่ชีเหวิน ได้ใช้ปราณรูปแบบหนึ่งระเหยน้ำออกจากร่างกายของเขา พร้อมกับเตรียมตัวที่จะมุ่งหน้ากลับ แต่ทันใดนั้นเองจู่ๆเขาก็สัมผัสได้ถึงช่องว่างบางอย่างที่เกิดขึ้นภายในจิตใจของเขา

มันเป็นความรู้สึกที่แปลกมาก เพราะมีเพียงแค่ผู้เยี่ยมยุทธก่อเกิดเท่านั้นถึงจะสามารถตรวจสอบเข้าไปภายในร่างกายของพวกเขาได้ หากแต่มันมีขีดจำกัดที่พวกเขาสามารถตรวจสอบได้เพียงเส้นโลหิตหรือสิ่งแปลกปลอมที่อยู่ภายในโลหิตของพวกเขาเท่านั้น แต่ดูเหมือนว่า เย่ชีเหวิน จะสามารถตรวจสอบได้ถึงพื้นที่พิเศษบางอย่างที่เกิดขึ้นภายในจิตใจของเขา

นอกจากนี้ เย่ชีเหวิน ยังได้ค้นพบอีกว่าทุกครั้งที่เขาทำสมาธิมันจะทำให้เขาสามารถรับรู้ได้ถึง"พื้นที่ลึกลับ"นี้ ด้วยความเชื่อมั่นบางอย่าง มันทำให้เขารีบมุ่งหน้ากลับไปยังลานเล็กๆของตนอย่างรวดเร็วและไม่แม้แต่จะทักทายบิดาหรือมารดาของเขา

หุบเขาฉิงฟงนั้นมีพื้นที่กว้างใหญ่ไพศาลและพื้นที่ในสำนักยี่หยวนนั้นก็กว้างขวางมิใช่น้อย แม้จะไม่มีมากนัก แต่ก็มีจวนจำนวนมากที่ตั้งอยู่ภายในสำนัก นอกจากนี้ เย่คงหมิง ก็ยังเป็นถึงผู้อาวุโสของสำนักยี่หยวน ซึ่งตำแหน่งที่ค่อนข้างสูง หลังจากที่ได้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ เย่ชีเหวิน ก็ได้ออกมาจากจวนของบิดาและมารดาของตน เพื่อมาสร้างลานเล็กๆอยู่เองใกล้ๆจวนของบิดาและมารดาของเขา

เย่ชีเหวิน ยังคงอยู่ในสภาพที่ตื่นตระหนกเมื่อกลับมาถึงลานของเขา นอกจากนี้ท้องฟ้าภายนอกก็ยังมืดครึ้ม

เย่ชีเหวิน นั่งทำสมาธิพร้อมกับมุ่งมั่นควาสนใจของเขาไปที่สิ่งใดสิ่งหนึ่ง ฉับพลัน"พื้นที่ลึกลับ"ก็ได้ปรากฏขึ้นในห้วงความคิดของเขาอีกครั้ง ในตอนนี้เขาไม่สามารถผ่อนคลายความคิดของเขาได้เลย นอกจากนี้เขายังพยายามเพ่งสมาธิของเขามากขึ้น

ทันใดนั้นเองความมืดมิดก็ได้เข้าปกคลุมดวงตาทั้ง 2 ข้างของเขาอย่างสมบูรณ์ ทำให้ภายในใจของเขานั้นตกสู่ความโกลาหล เย่ชีเหวิน เองก็รู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก หากแต่ด้วยการตอบสนองของเขาก็ฟื้นคืนอย่างรวดเร็ว เขาตระหนักได้ว่าสถานที่แห่งนี้มิใช่อื่นใด หากแต่เป็นสถานที่ที่เกิดขึ้นภายในจิตใจของเขา ในช่วงเวลานี้มันได้เกิดอะไรหลายๆสิ่งหลายๆอย่างขึ้นรอบตัวเขา มันจึงทำให้เขานั้นสามารถทำความเข้าใจได้อย่างรวดเร็ว

นี่ไม่น่าจะเป็นไปได้ที่ร่างกายของเขานั้นจะเข้ามายังในสถานที่แห่งนี้ แต่น่าจะเป็นจิตวิญญาณของเขามากเสียกว่าที่ได้เข้ามา นอกจากนี้เขายังไม่ทราบเกี่ยวกับวิธีทำงานของ"พื้นที่ลึกลับ"แห่งนี้

แต่ไม่ช้า เย่ชีเหวิน ก็ได้ค้นพบว่าเขาไม่สามารถออกไปจากสถานที่แห่งนี้ได้ ไม่ว่าเขาจะเดินไปที่ใดมันก็ไม่มีทางออกให้กับเขาเขายังคงอยู่ที่เดิมภายใต้สถานที่อันมืดมิด ไม่ว่าเขาจะมองไปที่ใดภูมิทัศน์ของมันก็ยังคงเป็นเช่นเดิมไม่เปลี่ยนแปลง

######################################################


B1 : สวัสดีกับนิยายแนวแฟนตาซีข้ามโลกและผู้ฝึกยุทธ นิยายเรื่องนี้ไม่มีฮาเร็มเพราะนางเอกเองก็ค่าตัวสูง ใครไม่เข้าใจว่าค่าตัวสูงคืออะไรอ่านไปเดียวก็รู้เอง!!

B2 : แรกๆ ท่านอาจงงว่าพี่เย่เราข้ามโลกมาได้ยังไง แต่พอ บทที่ 2 และ บทที่ 3 ผ่านไป ท่านก็จะงงเช่นเดิมเพราะมันไม่มีการท้าวความค...ยไรทั้งนั้น และพอผ่าน บทที่ 5 และ บทที่ 6 เป็นตนไป ท่านก็จะไม่สนใจเรื่องความเป็นมาของพี่เย่เราไปโดยปริยายราวกับเป็นเรื่องที่ถูกลืม!!

B1 : ง่ายๆ สั่นๆ พระเอกเก่ง! โหด! เทพ! มีดวงขั้นเล็กน้อยถึงบานกลาง!

B3 : และตัวร้ายบัดซบที่โคตรจะอ่อนแอ

B4 : สำหรับใครที่เป็นแฟนนิยายฮาเร็มหรือชอบความหวานโลแมนก็ขอแสดงความเสียใจด้วย

B1,B2,B3 : เจอกันในบทถัดไป

6 ความคิดเห็น:

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม