บทที่ 54 - การปรากฏตัวของผู้เชี่ยวชาญลึกลับ

หลังจากที่คนจากตระกูลจางได้ถูกสังหารไปจนหมดสิ้น เย่ชีเหวิน ก็ได้ยึดทรัพย์สมบัติของพวกมันมามากกว่า 30,000 ศิลาวิญญาณระดับต่ำ แม้ว่าพวกมันจะมิได้มีความร่ำรวยมากเท่าเขา แต่ก็ยังถือได้ว่ามีความมั่งคลั่งสำหรับเหล่าศิษย์หลัก นอกจากนี้ทรัพยากรของ เย่ชีเหวิน ยังสามารถเทียบเท่าได้กับผู้เชี่ยวชาญ[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด ]

แต่ที่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใดคือคะแนน[กระเป๋าพื้นที่]ของ เย่ชีเหวิน ในตอนนี้มันได้เพิ่มขึ้นมาแล้วมากกว่า 5,000 จุด ซึ่งแม้ว่าพวกมันจะได้กระทำการตามล่าเขา หากแต่พวกมันก็ยังคงไม่ลืมที่จักเก็บเกี่ยวคะแนนไปด้วยและก็ด้วยเหตุนี้เองมันจึงทำให้คะแนนภายใน[ กระเป๋าพื้นที่ ]ของ เย่ชีเหวิน นั้นเพิ่มสูงขึ้น

ซึ่งในทันทีที่คะแนนภายใน[กระเป๋าพื้นที่]ของ เย่ชีเหวิน ได้เพิ่มสูงขึ้นเขาก็เริ่มแน่ใจแล้วว่าความหมายของกฎในการแข่งขันครั้งนี้นั้นคือการส่งเสริมให้พวกเขาทั้ง 2 ฝ่ายนั้นเข่นฆ่ากันเอง

หลังจากที่ เย่ชีเหวิน ได้ยึดทรัพย์สมบัติของพวกมันทั้งหมด เขาก็มิได้เลือกที่จะอยู่นานนักและอัทธานหายไปภายในป่าทึบ

.……………………….

ภายในป่าใหญ่มีกลุ่มคนประมาณ 7 – 8 คนกระโดดไปมาอย่างรวดเร็วบนต้นไม้ พวกมันทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นผู้เชี่ยวชาญ[ ระดับขั้นที่ 9 ดินแดนลมปราณก่อตั้ง ] อีกทั้งยังมีศิษย์ชั้นสูงของตระกูลจางอย่าง จางจิ่งชิน และหญิงสาวผู้แข็งแกร่งอย่าง จางเยว้เหลียน

แต่ที่น่าแปลใจคือผู้ที่เป็นผู้นำของกลุ่มกลับมิใช่ จางจิ่งชิน หรือ จางเยว้เหลียน แต่มันกลับเป็นชายหนุ่มลึกลับที่มีอายุราว 20 ปีและมีใบหน้าที่หล่อเหลา

          “ ศิษย์พี่หลิว! ” จางจิ่งชิน กล่าว “ เจ้าพวกศิษย์จากสำนักยี่หยวนนั่น มันอาจก่อปัญหาให้กับพวกเราได้ แล้วเหตุใดพวกเราถึงไม่ไปจัดการพวกมันเสียทั้งหมดในตอนนี้เลยเล่า! ”

ชายหนุ่มแซ่หลิ่วขมวดคิ้วพร้อมกล่าวว่า “ เหล่าบรรดาศิษย์จากสำนักยี่หยวนต่างแพร่กระจายกันออกไปทั่วทั้งพื้นป่าใหญ่ แล้วเจ้าจะไปตามล่าพวกมันเพื่อฆ่าพวกมันที่ละคนเช่นนั้นหรือ นั่นจะดูไม่เป็นการเสียเวลาเกินไปหน่อยหรือไม่ นอกจากนี้ไอ้พวกศิษย์จากสำนักยี่หยวนนั่นมันก็ไม่อาจสร้างปัญหาใดให้กับแผนการของข้าได้อยู่แล้ว! ”

          “ ใช่แล้วใช่แล้ว มันเห็นได้อย่างชัดเจนอยู่แล้วว่าความสามารถของศิษย์พี่หลิวนั้นช่างมิอาจหาที่ใดเปรียบ หากแต่สำนักยี่หยวนมันยังมีบุคคลเช่น เย่ฟง อยู่ข้าได้ยินมาว่าการบ่มเพาะพลังของมันได้มาถึงแล้วใน[ ระดับครึ่งขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด ]ซึ่งข้าเกรงว่ามันอาจเป็นศัตรูที่จัดการได้ยาก ยิ่งไปกว่านั้นน้องชายของมัน เย่ชีเหวิน ก็ยังเคยมอบความพ่ายแพ้ให้กับศิษย์ชั้นสูงของตระกูลจางเราได้อย่างง่ายดายและใครหลาย ๆ คนต่างก็เห็นว่ามันมีความแข็งแกร่งที่ล้ำลึกเป็นอย่างมากจนไม่อาจคาดเดาได้! ” จางจิ่งชิน ว่ากล่าว

          “ เหอะอย่าได้ห่วงไป แม้ว่ามันจะก้าวมายัง[ ระดับครึ่งขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด ]แล้วก็ตาม แต่มันก็ยังไม่สามารถที่จะนำอะไรมาเทียบชั้นกับข้าได้ เมื่อเวลานั้นมาถึงการจะฆ่ามันย่อมมิใช่เรื่องยาก ” ชายหนุ่มแซ่หลิวกล่าวอย่างไม่เร่งรีบ “ และนอกจากนี้เป้าหมายของพวกเราคือ[หุบเขาฟงเย้]สถานที่ตั้งอยู่ของ[ ผลไม้โลหิตหยวน ] เมื่อเวลานั้นมาถึงเราค่อยกำจัดพวกมันทุกคนที่คิดจะขวางทางเรา! ”

          “ เพื่อให้ได้ครอบครอง[ ผลไม้โลหิตหยวน ] ข้าจึงจำเป็นเข้ามาแทรกแซงการแข่งขันศิษย์หลักของพวกเจ้ากับสำนักยี่หยวนด้วยตนเองและข้ายังต้องการที่จะเป็นผู้ชนะเลิศในการแข่งขันครั้งนี้ [ ผลไม้โลหิตหยวน ]จะสามารถทำให้ข้าทะลวงผ่านไปยัง[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณแท้จริง ] ได้ ซึ่งเมื่อเวลานั้นมาถึงพวกเจ้าจักได้รับผลตอบแทนที่เหมาะสมอย่างแน่นอน ” ชายหนุ่มแซ่หลิ่วกล่าวด้วยซุ่มเสียงที่ผ่อนคลาย

          “ ใช่แล้ว ใช่แล้ว ตราบใดที่นั่นคือความสุขของศิษย์พี่หลิว นั่นก็เท่ากับเป็นความสุขของพวกข้าเช่นกัน! ” จางจิ่งชิน รีบกล่าวอย่างรวดเร็ว

          “ พวกเจ้าไม่ต้องเป็นกังวล หลังจากที่ข้าสามารถก้าวผ่านไปยัง[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณแท้จริง ] ได้เมื่อใด การที่จักส่งเสริมให้พวกเจ้าให้กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญ[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด ] นั้นย่อมเป็นเรื่องที่ง่ายดายราวกับปอกกล้วย! ” ชายหนุ่มแซหลิวกล่าว “ พวกเจ้าในตอนนี้ยังไม่จำเป็นที่จะต้องรีบร้อน ยังมีเวลาอีกมากกว่าที่[ ผลไม้โลหิตหยวน ]จะเติบโตเต็มที่เมื่อเวลานั้นมาถึงพวกเราจะฆ่าพวกมันทุกคนไม่ว่ามันจะเป็นศิษย์จากสำนักยี่หยวนหรือสัตว์ปีศาจก็ตามพวกมันจะไม่มีวันได้เห็น[ ผลไม้โลหิตหยวน ]หรือแม้แต่แสงตะวันอีกต่อไป แต่ตราบใดที่[ ผลไม้โลหิตหยวน ]ยังไม่เติบโตเต็มที่ก็คงไม่มีผู้ใดกล้าพอที่จะไปแตะต้องมันแม้ว่าพวกมันจะเป็นสัตว์ปีศาจก็ตาม ซึ่งในตอนนี้ดูเหมือนว่าศิษย์จากสำนักยี่หยวนมันกำลังหลบซ่อนตัวอยู่เพื่อว่างแผนอะไรบางอย่าง ฉะนั้นแล้วในตอนนี้ข้าจะเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับพวกเจ้าเป็นอย่างแรกเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้ที่จะมาถึง ช่วยแสดงให้ข้าเห็นหน่อยว่าพวกเจ้าจักมีประโยชน์ต่อข้าได้มากแค่ไหน! ”

          “ ครับ! ” เหล่าศิษย์ตระกูลจางต่างตอบรับด้วยความตื่นเต้นหลังจาที่พวกเขาทั้งหมดจะมีความแข็งแกร่งเพิ่มมากขึ้นมีใครบ้างเล่าที่จะไม่ดีใจ

………………………….

ณ ภายในป่าโลหิตหยวนซึ่งเต็มไปด้วยต้นไม้ที่กว้างใหญ่นับไม่ถ้วนจนสุดลูกหูลูกตา

ยิ่งไปกว่านั้นมันยังเต็มไปด้วยเสียงร้องของวานรและเสียงของการขย่มต้นไม้บางก็ยังได้ยินเสียงต้นไม้ใหญ่ถูกโค่นจนล้ม

หลายวานรเหล็กสีเงินที่มีขนาดตัวที่ใหญ่ต่างคำรามจนกึกก้องดังสนั่นไปทั่วน่านฟ้า พวกมันได้เข้าล้อมรอบชายหนุ่มผู้หนึ่งและทำการรุมโจมตีใส่ร่างของชายหนุ่มผู้นั้นอย่างต่อเนื่อง

ฝ่ามือขนาดใหญ่ของพวกมันนั้นสามารถทำให้ผู้เชี่ยวชาญ[ ระดับขั้นที่ 7 หรือ ระดับขั้นที่ 8 ดินแดนลมปราณก่อตั้ง ] ได้รับบาดเจ็บสาหัสลงได้อย่างง่ายดาย ยิ่งไปกว่านั้นวานรเหล็กสีเงินแต่ล่ะตัวยังอยู่ใน[ ระดับจุดสูงสุดขั้นที่ 9 ดินแดนลมปราณก่อตั้ง ] อีกทั้งลักษณะและพละกำลังของมันยังดูน่าหวาดหวั่นเป็นอย่างมาก

แต่ทว่าชายหนุ่มผู้ที่ยืนอยู่ท่ามกลางฝูงวานรเหล็กสีเงินที่มีความดุร้ายเหล่านี้นั้นกับแบกรับการโจมตีจากพวกมันทุกฝ่ามือ

          “ ปัง! ”

          “ ปัง! ”

          “ ปัง! ”

ผ่ามือขนาดใหญ่ของวานรเหล็กสีเงินอัดกระแทกเข้าไปที่ร่างกายของชายหนุ่มอย่างโหดเหี้ยม ชายหนุ่มเปล่งเสียงในลำคอราวเหมือนกับว่าเขาเต็มใจที่จะแบกรับความเจ็บปวดนี้เอาไว้

ชายหนุ่มผู้นี้มิใช่ใครอื่นนอกจาก เย่ชีเหวิน นับตั้งแต่ที่เขาได้ฆ่า จางยวิ๋นเทียน และศิษย์ตระกูลจางคนอื่น ๆ มันก็ได้ผ่านล่วงเลยมาแล้วกว่า 20 วัน ตลอดระยะเวลา 20 วันที่ผ่านมา เย่ชีเหวิน ได้ใช้ไปกับการฝึกฝนกายเนื้อของเขาโดยการต่อสู้กับเจ้าสัตว์ปีศาจพวกนี้ด้วยมือเปล่า

แม้ว่าแต่เริ่มเดิมทีร่างกายของเขาจะมีความแข็งแกร่งที่น่าอัศจรรย์อยู่แล้ว หากแต่เมื่อต้องเผชิญกับฝ่ามือที่รุนแรงของวานรเหล็กสีเงิน มันก็ได้ทำให้เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสและบางครั้งยังเกือบต้องตกตายไป

หาก เย่ชีเหวิน ใช้มีดยาวของเขาแน่นอนว่าการสังหารพวกวานรเหล็กสีเงินเหล่านี้นั้นย่อมมิใช่เรื่องยาก เพียงแต่ เย่ชีเหวิน ต้องการที่จะก้าวข้ามผ่านขีดจำกัดความแข็งแกร่งทางกายของตน จึงได้ตัดสินใจที่จะแบกรับการโจมตีจากฝ่ามือของพวกมันเพราะเขาคิดว่านี่จะเป็นวิธีที่เร็วที่สุดที่จักทำให้เขาสามารถก้าวข้ามผ่านขีดจำกัดของตนได้

โชคดีที่ เย่ชีเหวิน นั้นได้ครอบครองสมุนไพรเป็นจำนวนมาก หลังจากที่เขาได้ฆ่าเหล่าศิษย์หลักมามากมายทั้งยังนายน้อยหนุ่มที่มีฐานะนามว่า ลู่เทียน ผู้เชี่ยวชาญ[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด ] สมุนไพรคุณภาพสูงต่าง ๆ มากมายหลายชนิดได้อยู่ในการครอบครองของ เย่ชีเหวิน เขาสามารถใช้มันเมื่อใดเวลาใดก็ได้ เมื่อยามที่เขาได้รับอาการบาดเจ็บจากการต่อสู้กับฝูงวานรเหล็กสีเงิน เขาได้ใช้สมุนไพรเหล่านั้นในการรักษาตนเองมาอย่างต่อเนื่องภายในระยะเวลา 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา

อาการบาดเจ็บที่มีได้ถูกรับการรักษาจนหายขาด ทั้งร่างกายยังมีความแข็งแกร่งเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้เคล็ดวิชา[ กายาทรราช ] ยังมีความก้าวหน้าขึ้นไปอีก 1 ขั้น เคล็ดวิชา[ กายาทรราช ] มิได้มีเพียงแค่เสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับร่างกายของเขาเพียงเท่านั้น แต่ยังคงเพิ่มพละกำลังอันมหาศาลให้กับของเขาด้วย ซึ่งมันทำให้ เย่ชีเหวิน ในตอนนี้สามารถฆ่าเหล่าวานรเหล็กสีเงินลงได้อย่างง่ายดายด้วยมือเปล่า

ในตอนนี้เหล่าบรรดาฝูงวานรเหล็กสีเงินที่ได้อัดกระแทกฝ่ามือขนาดใหญ่ของพวกมันเข้าใส่ร่างกาย เย่ชีเหวิน อย่างต่อเนื่อง หากแต่มันกลับไม่สามารถทำให้ เย่ชีเหวิน ถอยหลังกลับไปได้เลยแม้เพียงครึ่งนิ้ว

          “ ฮ้า! ” เย่ชีเหวิน ตะโกนพร้อมทั้งปล่อยฝ่ามือของเขาออกไปกระแทกเข้ากับฝ่ามือขนาดใหญ่ของวานรเหล็กสีเงินอย่างรุนแรงจนคลื่นพลังอำนาจได้แพร่ขยายออกไปเป็นวงกว้าง

          “ ฮึมเปรี้ยงเปรี้ยง ” [ ฝ่ามืออสนีบาต 9 ก้องคำราม ] ได้ฝึกฝนจนมาถึงแล้วในระดับจุดสูงสุดของมัน อีกทั้งมันยังเป็นเคล็ดวิชาแรกที่ เย่ชีเหวิน ได้รับการฝึกฝนและพัฒนามันไปจนถึงขั้นในระดับจุดสูงสุด

          “ ปัง! ”

          “ แครก ”

เสียงแตกหัก เย่ชีเหวิน ได้หักแขนของวานรเหล็กสีเงินได้อย่างง่ายดายเพียงแค่ 1 ฝ่ามือ

          “ โฮก ! ” วานรเหล็กแผดเสียงกรีดร้องคำราม หากแต่ เย่ชีเหวิน ยังคงมิได้หยุดพลางปล่อยฝ่ามือออกไปอีกครั้งและกระแทกเข้ากับหน้าอกของมันอย่างรุนแรง ด้วยการจู่โจมที่รวดเร็วทำให้วานรเหล็กสีเงินไม่มีเรี่ยวแรงพอที่จักหลบหนีฝ่ามือของ เย่ชีเหวิน ได้พ้น

ฝ่ามือของเขาได้ถูกห่อหุ้มไปด้วยประกายแสงสีขาวราวกับหิมะที่สร้างขึ้นจากพลังปราณและอัดกระแทกเข้ากับหน้าอกของมัน จนฝ่ามือของเขานั้นได้ทะลวงผ่านร่างกายของมันไป

[ 3B //:// ลองนึกภาพคาคาชิใช้พันปักษาอัดทะลุร่างของโอบิโตะดู ]

ด้วยพลังอำนาจที่รุนแรง มันได้ฆ่าวานรเหล็กสีเงินตัวนั้นในทันที ในขณะที่วานรตัวอื่น ๆ ได้เห็นฉากตรงหน้ามันก็ได้คำรามคึกและอัดกระแทกฝ่ามือของพวกมันเข้าใส่ เย่ชีเหวิน ในทันที

          “ ปัง! ”

          “ ปัง! ”

          “ ปัง! ”

#########################################################

เอาละในช่วงท้ายก็มาพบกับเราเหล่าพี่น้อง 4B หัวดอที่จะมาเผานิยายเรื่องนี้ไปพร้อมกลับคุณ

B1 : ชายแซ่หลิ่ว…ชายแซ่หลิ่ว!!!!!!!! เดี้ยว{ ม. }รู้เลยจริง ๆ ไม่กี่บทนี้หรอก…นะ ไม่สามารถเทียบชั้นได้งั้นหรอ เหอะถ้าพูดถึงคนพี่อ่ะอาจใช่ แต่ถ้าคนน้องอ่ะเดี้ยว{ ม. }รู้เลย!!!! ว่ามดที่อยู่บนพื้นอ่ะมันมีกี่ตัว 555555

B2 : 55555 สัมผัสใหม่แห่งการมอง

B4 : เห้อพอกลับมาก็ต้องมาเจออะไรแบบนี้ รู้สึกสงสารฝูงลิง

B1,B2 : อ้าวไอ้สี่มาไงเนี่ย…..

B4 : อ่อพอดี ไอ้สาม มันบอกว่าช่วงนี้มันเพลีย ๆ น่ะเห็นบอกเจอตัวร้ายโง่เกินจะบรรยายมันเลยรับไม่ไหวเลยขอไปพักสัก 2 บทน่ะ…

B1,B2 : ใคร…

B4 : …..ใครอะไร

B1,B2 : ใครให้{ ม. }มา!!!!

B4 : { ก. } ก็กำลังจะบอกอยู่นี่ไงว่า ไอ้สาม มันให้{ ก. }มาแทนมัน { ม. }ไม่ฟังให้จบล่ะ ห่ะมารยาทอ่ะพวก{ ม. }มีไหม

B1,B2 : แหม่…รักหรอกจึงหยอกเล่น…ว่าแต่อยากลองกินเนื้อลงไหมดูจางทรงแล้วบทหน้าคงตายยกฝูง

B4 : หยอก { พ. }{ ม. } เดะ { ก. } ไม่แดกเพราะ { ก. } ไม่กินเนื้อ นี่ถ้า ไอ้สาม ไม่ขอร้องนะ { ก. } ไม่มาหรอก

B1 : เอิ่ม…..เดี้ยว ๆ ใจเย็นก่อนนะ คือ { ม. }ไปแสวงบุญมาหรือ{ ม. }ไปทำอะไรมากันแน่ ทำไม{ ม. }ดูเปลี่ยนไป

B4 : เปลี่ยนไร!!.....{ ก. }ก็เป็นยังงี้อยู่แล้วทำไม ?? มีปัญหา ??

B1 : แต่….

B2 : B1 จุจุจุ…อยากโดนมันด่า{ พ. }อีกหรอ ปล่อยมันไปเถอะรอไอ้สามมาแล้วค่อยถามว่ามันเป็นอะไรเกิดอะไรขึ้นกับมัน

B1 : .....ก็ได้แต่มันแลดูเปลี่ยนไปมากเลยนะ!

#########################################################
เอาล่ะก็ขอจบสาระเร้าใจ BY: นายกะทิข้น ไว้เท่านี้ก่อนนะครับขอบคุณครับสำหรับผู้อ่านทุกท่าน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม