บทที่ 56 - มุ่งหน้าสู่หบเขาฟงเย้

เย่ชีเหวิน รู้สึกมีความสุขจากใจจริง หลังจากที่พลังอำนาจของเขาได้พัฒนาจนกลายเป็นพลังอำนาจของ[ มังกร ] มิหนำซ้ำ 10% [ พลังปราณก่อตั้ง ]ภายในร่างกายยังถูกเปลี่ยนกลายเป็น[ พลังปราณก่อเกิด ] มันยิ่งทำให้ เย่ชีเหวิน มีความมั่นใจว่าความแข็งแกร่งของเขาในตอนนี้สามารถเอาชนะผู้เชี่ยวชาญ[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด ] ได้อย่างง่ายดาย

เย่ชีเหวิน ได้พบตำราที่จัดเก็บอยู่ภายในแหวนพื้นที่ของ ลู่เทียน ซึ่งมันทำให้ เย่ชีเหวิน ได้รับรู้ว่า[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด ] นั้นได้ถูกแบ่งออกเป็น 9 ระดับ ซึ่งในแต่ละระดับรูปแบบพลังปราณก็จะค่อย ๆ เปลี่ยนไป พวกเขาสามารถเปลี่ยน[ พลังปราณก่อตั้ง ]ของตนให้กลายเป็น[ พลังปราณก่อเกิด ] 10% ได้ก็ต่อเมื่อพวกเขาได้ก้าวเข้าไปยัง[ ระดับขั้นแรกดินแดนลมปราณก่อเกิด ] และเมื่อไปถึง[ ระดับจุดสูงสุดขั้นแรกดินแดนลมปราณก่อเกิด ] [ พลังปราณก่อตั้ง ] ภายในร่างกายของพวกเขาจะถูกปรับเปลี่ยนให้กลายเป็น[ พลังปราณก่อเกิด ] 20% และมันจะถึง 30% ก็ต่อเมื่อพวกเขาได้ก้าวผ่านไปยัง[ ระดับขั้นที่ 2 ดินแดนลมปราณก่อเกิด ]
         
แต่ถึงอย่างนั้นในขณะนี้เขาก็ได้บรรลุแล้วความแข็งแกร่งระดับขั้น[ มังกร ] ทั้ง[ พลังปราณก่อตั้ง ]ภายในร่างยังถูกปรับเปลี่ยนให้เป็น[ พลังปราณก่อเกิด ]ไปแล้วกว่า 10% ซึ่งมันสามารถเทียบชั้นได้กับผู้เชี่ยวชาญ[ ระดับขั้นแรกดินแดนลมปราณก่อเกิด ] และถึงแม้ว่าเขาอาจไม่แข็งแกร่งเทียบเท่าแต่แน่นอนคือความแข็งแกร่งของเขาได้เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดและมันไม่ใช่สิ่งที่เขาจะพ่ายแพ้ได้โดยง่าย

แต่ช่วงเวลาแห่งความสุขนี้มันก็มิได้อยู่กับเขานานนัก แม้ว่าเขาจะสามารถต่อกรกับผู้เชี่ยวชาญ[ ระดับขั้นที่ 1 ดินแดนลมปราณก่อเกิด ] ได้แต่เส้นทางในการบ่มเพาะพลังมันยังคงอีกยาวไกล บนโลกใบนี้ต่างมีผู้เชี่ยวชาญ[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด ] นับไม่ถ้วนและแน่นอนว่าพวกเขาคงมิได้เป็นเพียงแค่[ ระดับขั้นที่ 1 ดินแดนลมปราณก่อเกิด ]

เวลาได้ผ่านล่วงเลยไปกว่า 1 เดือนและมีเวลาเหลืออยู่อีกเพียงแค่ 10 กว่าวันเท่านั้น ภายในระยะเวลาที่เหลือเขาจำเป็นที่จะต้องเพิ่มคะแนนให้ได้มากที่สุด แม้ว่าเขาจะได้ฆ่าตระกูลจางไปแล้วกว่า 7 – 8 คน แล้วมีคะแนนมากถึง 5,000 จุด หากแต่เขาคิดว่ามันยังคงไม่เพียงพอที่จะทำให้เขาเป็นผู้ชนะเลิศในการแข่งขัน[ ผลไม้โลหิตหยวน ]ครั้งนี้ได้

ณ ตอนนี้เขามีพลังอำนาจที่เทียบเท่าได้กับผู้เชี่ยวชาญ[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด ] ซึ่งมันเป็นเรื่องที่ง่ายมากสำหรับเขาในการเพิ่มคะแนนอย่างรวดเร็ว ไม่มีแม้แต่สัตว์ปีศาจ[ ระดับจุดสูงสุดขั้นที่ 9 ดินแดนลมปราณก่อตั้ง ] ตนไหนจะสามารถต่อกรกับเขาได้

วันเวลาได้ผ่านล่วงเลยไป เย่ชีเหวิน ได้ฆ่าสัตว์ปีศาจทุกตัวตลอดทางที่ไปยัง[หุบเขาฟงเย้] คะแนนของเขาได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

เพียง 5 วันคะแนนของ เย่ชีเหวิน ได้รุดหน้าไปกว่า 10,000 จุด มิหนำซ้ำในช่วงเวลานั้นเขายังได้พบกับโทเค็นสีเหลือง

ซึ่งเขาไม่เคยมีประสบการในการแข่งขันเช่นนี้มาก่อนเลยมิรู้ว่าคะแนน 10,000 จุดนั้นมันมากพอแล้วหรือไม่ ฉะนั้นแล้วเขาจึงไม่มีทางเลือกและทำได้เพียงเพิ่มคะแนนของเขาให้มากถึงมากที่สุดเท่าที่เขาจะสามารถทำได้

แต่ถึงอย่างนั้นเวลาที่จะออกไปจาก[ ดินแดนโลหิตหยวน ]แห่งนี้มันก็ได้ใกล้เข้ามาเต็มที เย่ชีเหวิน จึงต้องรีบมุ่งหน้าไปยัง[หุบเขาฟงเย้]ให้เร็วที่สุด ก่อนที่ประตู[ ดินแดนโลหิตหยวน ]จะถูกเปิดออกแล้วผู้อาวุโสทั้ง 4 จะประกาศผลพร้อมมอบ[ ผลไม้โลหิตหยวน ]ให้แก่ผู้ที่ชนะ

แต่ก่อนหน้านั้นไม่มีความจำเป็นใด ๆ ที่จะต้องเป็นกังวลเกี่ยวกับ[ ผลไม้โลหิตหยวน ] เพราะมันคงไม่มีใครโง่พอที่จะเก็บเกี่ยวมันก่อนที่มันจะสุกเต็มที่มิเช่นนั้นแล้วมันจะสูญเสียคุณสมบัติที่น่าอัศจรรย์ของมันไปทั้งหมดและกลายเป็นเพียงแค่ผลไม้ธรรมดา เหล่าผู้เชี่ยวชาญและสัตว์ปีศาจตนอื่น ๆ ต่างรู้ความจริงข้อนี้ดี ฉะนั้นแล้วจึงไม่จำเป็นต้องกังวลว่าจะมีใครไปแตะต้องมัน

ยิ่งไปกว่านั้นสำหรับสัตว์ปีศาจที่ได้ก้าวขึ้นมายัง[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด ] พวกมันจะได้รับสติปัญญา ซึ่งทำให้พวกมันมีความคิดที่เฉลียวฉลาดมากขึ้นอีกทั้งยังบวกกับความแข็งแกร่งที่เหลือล้นของพวกมัน จึงทำให้เหล่าสัตว์ปีศาจที่ได้ก้าวขึ้นมายัง[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด ] เหล่านี้มีชื่อเรียกว่าสัตว์ปีศาจที่แท้จริง มันทำให้เหล่าบรรดาสัตว์ปีศาจที่อยู่ใน[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อตั้ง ] กลายเป็นเด็กเล่นไปเลยหากเปรียบเทียบกับพวกมัน

ยิ่งไปกว่านั้นมันยังมีสัตว์ปีศาจที่แข็งแกร่งอยู่อีก 1 เผ่าพันธุ์ที่สามารถแปลงกายเป็นมนุษย์ได้ ซึ่งมันมีชื่อเรียกว่า เยาจู๋

…………………………..

บริเวณใกล้ชายป่า[หุบเขาเขาฟงเย้] เหล่าศิษย์จากสำนักยี่หยวนนับหลาย 10 คนต่างรวมตัวกัน ซึ่งผู้นำกลุ่มคือ เย่ฟง และ จางหยาง พวกเขาทั้งสองต่างมุ่งหน้าไปยังทิศทางใจกลางของ[หุบเขาฟงเย้]ตามเวลาที่ผู้อาวุโสได้แจ้งเอาไว้ [ ผลไม้โลหิตหยวน ] ก็จวนใกล้จะสุกเต็มที หลังจากที่พวกเขาได้เข้ามายัง[ ดินแดนโลหิตหยวน ]มันก็ได้ผ่านไปกว่า 1 เดือนแล้วซึ่งนั่นมันก็มีเวลามากพอในการรวบรวมเหล่าศิษย์จากสำนักยี่หยวนที่ได้กระจัดกระจายกันออกไปและในเวลาเดียวกันพวกเขาก็ได้ตามล่าหาคะแนนจุดไปในตัว

วัตถุประสงค์เพียงอย่างเดียวของกฎนี้คือการส่งเสริมให้ทั้งสองฝ่ายฆ่ากันอย่างเห็นได้ชัด หลังจากที่พวกเขาได้เข้ามายังภายใน[ ดินแดนโลหิตหยวน ]แห่งนี้ทั้งตระกูลจางและสำนักยี่หยวนต่างก็พากันหาพักพวกที่กระจัดกระจายกันออกไปเพื่อรวมกลุ่มและหลีกเลี่ยงกลุ่มหลักของอีกฝ่ายเอาไว้เพื่อเป็นการรักษาชีวิต

ในทันทีที่การแข่งขันได้เริ่มต้นขึ้นเหล่าศิษย์จากทั้งสองฝ่ายต่างต้องบาดเจ็บล้มตายกันไปจำนวนมาก ทั้งจากสัตว์ปีศาจและศิษย์จากสำนักตรงข้าม ฉะนั้นแล้วพวกเขาจึงได้จัดตั้งกลุ่มย่อยขึ้นมาหลาย ๆ กลุ่มเพื่อรักษาอัตราการบาดเจ็บล้มตายให้น้อยลง

นอกจากนี้ภายใน[ ดินแดนโลหิตหยวน ] นั้นก็แทบจะไม่มีเหล่าสัตว์ปีศาจใน[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด ] เหลือรอดอยู่แล้ว หลังจากที่ทุก ๆ 10 ปีสำนักยี่หยวนและตระกูลจางจะส่งผู้เชี่ยวชาญ[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด ] ระดับสูงเข้ามายังภายใน[ ดินแดนโลหิตหยวน ] เพื่อทำลายสัตว์ปีศาจ[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด ] ทั้งหมด แม้ว่าบางตัวจะเล็ดรอดน้ำมือของพวกเขาไปได้แต่มันก็มีเพียงแค่ไม่กี่ตัวเท่านั้น นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมสำนักยี่หยวนถึงได้ยอมรับข้อเสนอของตระกูลจางและส่งเหล่าศิษย์เข้าไปแข่งขันภายใน[ ดินแดนโลหิตหยวน ] หากภายใน[ ดินแดนโลหิตหยวน ]เต็มไปด้วยเหล่าสัตว์ปีศาจ[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด ] เดินเพ่นพ่านไปทั่วมันก็คงเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอนที่พวกเขาจะส่งลูกศิษย์ของตนให้ไปตาย

นอกจากนี้ เย่ฟง เองก็ยังเป็นถึงผู้บรรลุ[ ระดับครึ่งขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด ] มีความเป็นไปได้ที่เขาจะช่วยให้เหล่าศิษย์จากสำนักยี่หยวนนั้นบาดเจ็บล้มตายได้น้อยที่สุด

แต่ถึงอย่างนั้นเหล่าศิษย์หลักบางคนก็ยังบาดเจ็บล้มตายไปแล้วไม่ต่ำกว่า 15 คน ซึ่งศิษย์หลักทุกคนล้วนแล้วแต่มีความสำคัญต่อสำนักยี่หยวนแม้เสียเพียง 1 ก็ยังนับว่าเป็นการสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ หากแต่นี่กลับสูญเสียไปถึง 15 คนแน่นอนว่ามันเป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดของสำนักยี่หยวน

ซึ่งแน่นอนว่าตระกูลจางเองก็ได้สูญเสียศิษย์หลักไปไม่น้อยเช่นกัน

          “ การแข่งขันได้มาถึงจุดสิ้นสุดแล้ว! ” เย่ฟง กล่าว “ ในทันทีที่พวกเราไปถึง[หุบเขาฟงเย้]พวกเราก็ทำเพียงแค่รอให้ท่านผู้อาวุโสทั้ง 2 มาถึงเพียงเท่านั้น! ”

เพียงแต่หากพวกเขาพบหน้าคนตระกูลจางระหว่างทางที่ขึ้นไปยัง[หุบเขาฟงเย้] มันคงเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาทั้ง 2 ฝ่ายจะหลีกเหลี่ยงการต่อสู้

นอกจากนี้พวกเขายังจำเป็นที่จะต้องขึ้นไปให้ถึงยอดของ[หุบเขาฟงเย้]ให้เร็วที่สุด เพื่อป้องกันพวกตระกูลจางที่คิดจะแย่งชิง[ ผลไม้โลหิตหยวน ]

แสงสว่างสาดส่องลงบนใบหน้าในที่สุดพวกเขาก็ได้ออกมาจากป่าทึบ เหล่าผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากต่างมีความแข็งแกร่งเพิ่มมากขึ้น มากกว่า 10 ผู้เชี่ยวชาญ[ ระดับจุดสูงสุดขั้นที่ 8 ลมปราณก่อตั้ง ] ได้ก้าวขึ้นมาเป็น [ ระดับขั้นที่ 9 ลมปราณก่อตั้ง ] เหล่าศิษย์จำนวนมากต่างบรรลุความแข็งแกร่งของตนอีกทั้งบางคนยังมีความก้าวหน้าในการฝึกฝนเคล็ดวิชาของพวกเขา

          “ พวกเราจะต้องระวังไอ้พวกตระกูลจางเอาไว้ให้ดี! ” เย่ฟง กล่าวเตือน “ ตลอด 1 เดือนที่ผ่านมาข้ารู้สึกว่าไอ้พวกตระกูลจางมันมีบางอย่างแปลกไป ทั้งที 2 – 3 วันแรกมันค่อยเอาแต่ตามล่าพวกเราแต่หลังจากนั้นพวกมันกลับเงียบหายไป! ”

          “ นั่นมันก็แค่การคาดการณ์ หากพวกเราร่วมแรงร่วมใจกันต่อให้มันจะมาไม้ไหนมันก็ไร้ประโยชน์! ” จางหยาง กล่าวด้วยรอยยิ้ม แม้ว่าผู้อาวุโสอ้วนจะกล่าวเตือนว่าศิษย์หลักแถวหน้าของสำนักยี่หยวนในปีนี้มีความเสียเปรียบต่อตระกูลจางอยู่มาก หากแต่พวกเขากลับมิได้คิดเช่นนั้น

จางหยาง มีความมั่นใจว่าพวกเขานั้นมีความสามารถมากพอที่จะจัดการกับไอ้พวกศิษย์หลักตระกูลจางและศิษย์แถวหน้าของพวกมัน หากเขาและ เย่ฟง ร่วมมือกันการจะจัดการพวกมันนั้นย่อมมิใช่เรื่องยาก

ฉะนั้นแล้ว จางหยาง จึงไม่ได้รู้สึกเป็นกังวลเกี่ยวกับเรื่องที่จะเกิดขึ้นต่อจากนี้

#########################################################

เอาละในช่วงท้ายก็มาพบกับเราเหล่าพี่น้อง 4B หัวดอที่จะมาเผานิยายเรื่องนี้ไปพร้อมกลับคุณ

B1 : พลามทั้งตอน มีแต่น้ำไม่มีเนื้อผสมเลย

B2 : แหม่นี่เขาเรียกว่าปูพื้น

B1 : งั้นหรอ อื้ม อย่างงั้นเลยนะ งั้นบนนี้ขอไม่คอมเม้นล่ะกัน

B2 : เห้อ ข้าก็คิดเหมือนเจ้านั้นแหละนะ B1

#########################################################
เอาล่ะก็ขอจบสาระเร้าใจ BY: นายกระทิข้น ไว้เท่านี้ก่อนนะครับขอบคุณครับสำหรับผู้อ่านทุกท่าน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม