บทที่ 141 - ผู้ชนะเลิศ

เทียบกับคนอื่น ๆ แล้ว เย่ชีเหวิน ช่างมีความกล้าหาญยิ่งนัก ถึงกล้าโต้เถียงกับเหล่าศิษย์ที่แท้จริงเช่นนั้น ช่างนับว่าสร้างความประหลาดใจให้กับพวกเขาไม่น้อย

การคิดท้าทายศิษย์ที่แท้จริงที่มีความแตกต่างกันราวฟ้าดิน ช่างเป็นสิ่งที่คนธรรมดาสามัญทั่วไปนั้นมิอาจทำได้ พวกเขาจำเป็นที่จะต้องใช้ความกล้ามากแค่ไหนกัน ถึงจะสามารถทำเช่นนั้นได้น่ะหรือ?

เหล่าศิษย์จำนวนมากต่างเริ่มคิดคำนึงถึงความจริง และเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ซึ่งทำให้ความโกรธของ ลู่ยี่ฟาน นั้นพุ่งทะยานสูงขึ้น จนเกือบถึงขีดสุด เขาแทบอยากที่จะสังหาร เย่ชีเหวิน เสียให้ตายตั้งแต่ตอนนี้ หากแต่เขามิอาจทำเช่นนั้นได้ จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้เขารู้สึกอึดอัดยิ่งนัก

แต่สำหรับ เย่ชีเหวิน แล้ว ความต้องการของเขาก็แทบจะมิได้ต่างไปจาก ลู่ยี่ฟาน เลยแม้แต่น้อย ภายในใจของเขาเองต่างก็เต็มไปด้วยเจตจำนงแห่งการฆ่าฟันอันแรงกล้าที่ยากเกินจะสั่นคลอน ซึ่งดูเหมือนกว่าพวกเขาทั้ง 2 ต่างก็พร้อมที่จะปะทุมันได้ทุกเมื่อ และไม่แม้แต่ที่จะปิดบังความเกลียดชังซึ่งกันและกัน ถึงขนาดที่พวกเขาทั้ง 2 เองต่างก็สามารถรับรู้ถึงมันได้ ซึ่งไม่ช้าก็เร็วสถานการณ์เช่นนี้จะต้องไปถึงจุดแตกหัก ในขณะที่ ลู่ยี่ฟาน กำลังหาทางที่จะกำจัด เย่ชีเหวิน

ความคิดของ เย่ชีเหวิน ก็ได้หลั่งไหลเข้ามานับ 100 นับ 100 วิธีการที่จะสังหาร ลู่ยี่ฟาน เพราะนี่เป็นเพียงทางออกเดียวสำหรับทุกอย่าง พวกเขาทั้ง 2 ต่างก็ไม่อาจอยู่ร่วมผืนแผ่นดินเดียวกันได้ หากอีกฝ่ายหนึ่งอยู่อีกฝ่ายหนึ่งก็ต้องตาย!

แต่ศิษย์คนอื่น ๆ นั้นมิได้ล่วงรู้ถึงมูลเหตุแท้จริงที่อยู่เบื้องหลัง พวกเขาต่างรู้เพียงแค่ว่า ลู่ยี่ฟาน นั้นดูแปลกไป เหตุใดถึงต้องทำการโกงเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับชายคนหนึ่ง แต่ในขณะที่ เย่ชีเหวิน นั้น กลับดูแปลกเสียยิ่งกว่า เหตุใดกันเขาถึงได้โต้เถียงกับศิษย์ที่แท้จริงต่อหน้าผู้คนจำนวนมากเช่นนี้ หรือว่านี่เขาไม่ต้องการที่จะมีชีวิตอยู่ต่อแล้วรึ?


แต่หาได้เป็นเช่นนั้นไม่ แน่นอนว่านี่คือแผนที่ เย่ชีเหวิน ได้เอาวางไว้ เพราะเขาทราบดีว่า หลินเจิ่นเทียน เองก็ยืนอยู่ที่นั่นด้วยเช่นกัน หาก ลู่ยี่ฟาน คิดที่จะจัดการเขาเสียเดี๋ยวนี้ แน่นอนว่า หลินเจิ่นเทียน ย่อมมิอาจอยู่นิ่งเฉยเป็นแน่ แม้ว่า ลู่ยี่ฟาน นั้นจะแข็งแกร่ง หากแต่ความแข็งแกร่งของ หลินเจิ่นเทียน ก็ไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถมองข้ามได้!

ฉะนั้น เย่ชีเหวิน จึงยินดีที่จะลองเสี่ยงดู ซึ่งในความเป็นจริงมันก็เป็นไปตามดั่งที่เขาคาด เพราะเขาในตอนนี้ยังคงปลอดภัยดี

เย่ชีเหวิน ได้ใช้คำพูดอย่างชาญฉลาด เพื่อปิดปากของ ลู่ยี่ฟาน หากแต่ความเป็นจริงในสายตาของศิษย์คนอื่น ๆ แล้ว เขากลับกลายเป็นบุคคลที่นิสัยหยาบคายและไม่มีความเคารพต่อผู้ที่ผู้อาวุโสกว่า ต่อสายตาของทุกคนที่นี่!

          “ บังอาจ เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใคร ถึงได้กล้ามาท้าทายข้า! ” น้ำเสียงของ ลู่ยี่ฟาน พุ่งสูงขึ้น ในขณะเดียวกันกลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัว ที่ไม่มีใครเทียบ ก็ได้ล็อคแน่นมาที่ เย่ชีเหวิน ทำให้เขานั้นรู้สึกเหมือนราวกับท้องฟ้าที่กว้างใหญ่ไพศาลกดทับลงมาที่ร่างกายของเขา

นี่คงเป็นเหตุผลที่ไม่มีใครสามารถทัดเทียมกับเหล่าศิษย์ที่แท้จริง ที่เป็นถึงผู้เชี่ยวชาญในระดับขั้นดินแดนลมปราณแท้จริงได้ พวกเขาที่เข้าใจถึงกฎเกณฑ์แห่งธรรมชาติและรับรู้ถึงกฎเกณฑ์ของโลก จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ผู้เชี่ยวชาญใน[ระดับขั้นดินแดนลมปราณแท้จริง]นั้นมีความแข็งแกร่งที่น่าหวาดกลัว และน่าเกรงขามไร้ขอบเขต ยิ่งกว่านั้นความแข็งแกร่งของพวกเขา ยังมิใช่ความแข็งแกร่งของบุคคลเพียงคนเดียว หากแต่มันได้ถูกดึงมาโดยพลังงานของธรรมชาติ ซึ่งแน่นอนว่าบุคคลธรรมดานั้นมิอาจทำความเข้าใจกับพลังงานธรรมชาติได้ ด้วยเหตุนี้เอง มีหรือที่พวกเขาจะสามารถต่อต้านความแข็งแกร่งของเหล่าผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ใน[ระดับขั้นดินแดนลมปราณแท้จริง]ได้


          “ ตึม! ” เย่ชีเหวิน รู้สึกตื่นเต้นกับการคุกคามที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ กลิ่นอายอันน่าหวาดหวั่นได้กดทับลงบนร่าง ทำให้ พลังปราณหยวน ภายในร่างของเขาควบแน่นไปทั่วร่างอย่างช่วยไม่ได้ แต่อย่างไรก็ตาม ในขณะเดียวกัน[ กระจกกำเนิดสวรรค์ ]ก็ได้มีปฏิกิริยาบางอย่าง ซึ่งมันได้ปลดปล่อยแสงสีแดงออกมาจาก ๆ ห่อหุ้มทั่วร่างของเขาเอาไว้ ทำให้บรรยากาศคุกคามโดยรอบ ที่กดทับลงบนร่างของเขานั้นจางหายไปโดยพลันอย่างไร้ร่องรอย

เย่ชีเหวิน รู้สึกมีความมั่นใจมากขึ้น พร้อมปรากฏรอยยิ้มบนหน้าพลางกล่าวว่า “ ศิษย์พี่ลู่ ท่านเข้าใจผิดแล้ว ข้ามิเคยมีความคิดที่จะท้าทายท่านเลยแม้แต่น้อย เพียงแต่ข้าคิดว่าบางที ท่านอาจจะลืมกฎการประลองของสำนักไปเท่านั้น ข้าจึงได้กล่าวเตือนท่านเกี่ยวกับเรื่องนี้! ”

          “ นี่มันอะไรกัน….. ” น้ำเสียงของ ลู่ยี่ฟาน ต่างเต็มไปด้วยความสงสัย เขามิเคยคาดคิดเลยว่าการคุกคามของเขานั้น จะใช้มิได้ผลกับ เย่ชีเหวิน ซึ่งเห็นได้ชัดว่าก่อนหน้านี้ เย่ชีเหวิน เคยตกอยู่ภายใต้การกดขี่ของเขา หากแต่ในตอนนี้เขากลับสามารถหลุดพ้นมันไปได้อย่างง่ายดายบางที เย่ชีเหวิน อาจมีเคล็ดวิชาลับบางอย่างซึ่งทำให้ความมุ่งมั่นที่อยากจะสังหาร เย่ชีเหวิน ของ ลู่ยี่ฟาน นั้นพุ่งทะยานมากขึ้น

          “ พอได้แล้ว พวกเราไม่ควรตั้งคำถามถึงเรื่องความเป็นความตายในสนามประลอง จงให้เรื่องทั้งหมดนี่ จบลงเสียที่นี่ซะ! ” ในเวลาเดียวกัน ณ ด้านบนสุดของสนามประลอง ผู้อาวุโสผู้หนึ่งก็ได้กล่าวขึ้น

ซึ่งสถานะของเขานั้น อยู่ในระดับที่สูงมากเมื่อเทียบกับผู้อาวุโสทั่วไป แม้แต่ ลู่ยี่ฟาน ที่เป็นถึงศิษย์ที่แท้จริงก็ยังต้องเชื่อฟัง เพราะไม่มีใครในที่นี้ที่มีสถานะสูงเกินไปกว่าเขา หรือบางทีอาจมีเพียงแค่ ศิษย์ที่แท้จริงระดับสูงอย่าง ฉีเฟยฟาน เพียงเท่านั้น ที่จะมีสถานะเทียมผู้อาวุโสระดับสูงได้

เย่ชีเหวิน สามารถเข้าใจได้ในทันที ว่าคนผู้นี้นั้นมั่นเหมาะที่จะเป็นผู้อาวุโสระดับสูง เนื่องจากที่พฤติกรรมการแทรกแซงของ ลู่ยี่ฟาน ได้หยุดลง มันก็ได้หมายความว่าทั้งสถานะและความแข็งแกร่งของคนผู้นี้นั้น ต้องอยู่ในระดับที่ห่างไกลเกินกว่าที่ ลู่ยี่ฟาน นั้นจะต่อกรได้ หากเป็นเช่นนั้น

ในตอนนี้ก็มิมีสิ่งใดที่ ลู่ยี่ฟาน สามารถทำได้อีกต่อไปแล้ว
ตราบเท่าที่ความแข็งแกร่งของเขายังคงมีมากพอ สถานการณ์โดยรอบก็จะเป็นไปตามที่เขานั้นต้องการ!

          “ การประลองในรอบนี้ เย่ชีเหวิน เป็นฝ่ายชนะ! ”

นี่คือชัยชนะของ เย่ชีเหวิน อย่างมิต้องสงสัย แต่ก็ใช่ว่ามันจะดีเสมอไป เพราะการกระทำที่ท้าทายศิษย์ที่แท้จริงของ เย่ชีเหวินทำให้ศิษย์หลาย ๆ คนเริ่มเป็นกังวลเกี่ยวกับเขา!

          " น้องเล็ก การที่เจ้าท้าทายศิษย์ที่แท้จริงเช่นนี้ ข้าเกรงว่าเขาจะหาทางกำจัดเจ้าในภายหลังเป็นแน่! " เย่ฟง เดินไปข้าง ๆ เย่ชีเหวิน และกล่าวออกมาด้วยท่าทีที่เป็นห่วง

          " พี่ใหญ่ ท่านไม่ต้องเป็นห่วง แม้คำพูดของเขาจะดูรุนแรง หากแต่เขาไม่สามารถทำอะไรข้าได้ในตอนนี้ แม้ว่าเขาจะพยามยามสังหารข้า โดยเพิ่มความสามารถให้กับ จูปิ่งหยุน หากแต่นั่นก็หมายความว่า เขาไม่สามารถที่จะสังหารข้าได้ในด้านหน้าของทุกคน! " เย่ชีเหวิน อธิบาย

          " ถ้าเช่นนั้นแล้วเจ้าจะทำเช่นไรต่อไป! " เย่ฟง กล่าวขึ้นอย่างเร่งรีบด้วยท่าทีที่กังวล แม้ว่าเขาจะเป็นคนที่เต็มไปด้วยความภาคภูมิ แต่เขานั้นทราบดีว่า ศิษย์ที่แท้จริงนั้นคือตัวตนที่อยู่เหนือจินตนาการของเขา ไม่ว่าจะเป็นศิษย์ฝ่ายในหรือนอกที่ก้าวเข้าสู่สำนักยี่หยวน ต่างก็มีความมุ่งมั่นและเป้าหมายสูงสุดที่จะเป็นศิษย์ที่แท้จริงในสักวัน

          " พี่ใหญ่โปรดมั่นใจ ข้านั้นมิใช่บุคคลอ่อนแอที่จะยอมให้มาเหยียบย่ำได้ง่าย ๆ หากมันต้องการที่จะสังหารข้า ข้าก็จะโต้กลับด้วยทุกสิ่งทุกอย่างที่ข้ามี! " เย่ชีเหวิน กล่าวออกมาอย่างมั่นใจ เพื่อให้พี่ใหญ่ของเขานั้นรู้สึกสบายใจมากขึ้น

คำพูดของ เย่ชีเหวิน ได้ปลดปล่อย เย่ฟง จากความไม่สบายใจ แม้ว่าเขาจะยังเป็นห่วงอยู่บ้าง หากแต่เขาเองก็ทราบดีว่าน้องชายของเขานั้น เก่งขึ้นกว่าแต่ก่อนมากนัก ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน ประดุจดั่งความสามารถที่ถูกปลุกขึ้น ทำให้ เย่ชีเหวิน ไม่เคยพ่ายแพ้ให้กับผู้ใด และกลายเป็นดั่งความหวังเขา แม้ว่าเขาจะมองไม่เห็นถึงผลสรุปในจุดแตกหักครั้งนี้หากแต่ในเมื่อ เย่ชีเหวิน กล่าวออกมาอย่างมั่นใจ นั่นก็หมายความว่าเขาคงมีแผนอยู่แล้วในใจ

          " แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เจ้าก็จงระมัดระวังตนเอาไว้ให้ดี ลู่ยี่ฟาน นั้นเป็นบุคคลอันตราย มีผู้เชี่ยวชาญระดับสูงหลายคนที่อยู่ภายใต้อาณัติของเขา เพียงแค่เขาออกคำสั่ง อันตรายอาจมาถึงตัวเจ้าได้! " เย่ฟง กล่าว

          " พี่ใหญ่โปรดมั่นใจ เรื่องนั้นข้าทราบดี! " เย่ชีเหวิน กล่าวด้วยท่าทีที่สงบ เพราะเขาไม่ต้องการที่จะเพิ่มความกดดันให้กับพี่ชายของเขามากเกินไป

          " รอบชิงชนะเลิศ เย่ชีเหวิน ปะทะ หนานกงหวั่ง! "

ในที่สุดก็มาถึงรอบสุดท้ายสำหรับ เย่ชีเหวิน นี่นับว่าเป็นการแข่งขันชิงแชมป์สำหรับการประลองศิษย์เมล็ดพันธุ์คู่สุดท้าย ระหว่าง เย่ชีเหวิน และ หนานกงหวั่น

หนานกงหวั่น นั้นสวมเสื้อคลุมจีนสีแดง และมีอากัปกิริยาที่สง่างาม พร้อมด้วยใบหน้าที่หล่อเหลา เขานั้นมาจากตระกูลใหญ่ใน[ จักรวรรดิ ต้าเยว้ ] ตระกูลหนานกง ด้วยความแข็งแกร่งของเขานั้น ถือเป็นที่สุดในบรรดาเหล่าศิษย์ฝ่ายใน และถูกยอมรับว่าเป็นศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุด แม้แต่ศิษย์ฝ่ายหลักบางคนก็ยังมิใช่คู่ต่อสู้ของเขา

          " ศิษย์น้อยเย่ ข้าขอแสดงความยินดีกับการประสบความสำเร็จในการบ่มเพาะของเจ้าด้วย ซึ่งข้าทราบดีว่าตัวข้าเองนั้นมิใช่คู่ต่อสู้ของเจ้า หากแต่ข้าหวังว่าศิษย์น้องเย่จะให้คำแนะนำแก่ข้า! " หนานกงหวั่น กุมมือทั้ง 2 ข้างขึ้นเหนือระหว่างอก และกล่าวออกมาด้วยท่าทีที่จำยอม หากแต่ยังคงไว้รายซึ่งความสง่างาม ทำให้มันกลายเป็นเรื่องยากที่จะมีใครประสงค์ร้ายต่อเขา

เย่ชีเหวิน พยักหน้าพลางกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม " ถ้าเช่นนั้นเรามาเริ่มกันเลยเถอะศิษย์พี่ หนานกงหวั่น "

สำหรับคนเช่นนี้แล้ว มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะทำให้เขานั้นรู้สึกรังเกียจ

เดิมที เย่ชีเหวิน ก็มิใช่คนก้าวร้าว หากแต่ความก้าวร้าวของเขานั้นมีให้เพียงแค่กับศัตรูหากเขาพบกับมิตร เขาจะเลี้ยงด้วยสุรา หากเขาพบหมาป่า เขาจะเลี้ยงด้วยลูกอีซอง เขามิใช่บุคคลที่จะยื่นแก้มขวาให้กับผู้ที่ตบมาทางซ้าย เพราะนั่นมิใช่นิสัยของเขา

จู่ ๆ กลิ่นอายของ หนานกงหวั่น ก็ทะลักออกมาอย่างฉับพลัน ซึ่งมิได้ด้อยไปกว่า จูปิ่งหยุน เลยแม้แต่น้อย มิน่าแปลกใจที่ หนานกงหวั่น นั้นพร้อมที่จะประมือกับ เย่ชีเหวิน อย่างตรงไปตรงมา ด้วยความแข็งแกร่งของเขา ไม่มีผู้ใดที่อยู่ใน[ระดับขั้นที่ 6 ดินแดนลมปราณก่อเกิด] จะสามารถต่อกรกับเขาได้ซึ่งสิ่งที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนนั้นคือประสิทธิภาพของพลังปราณ เกรงว่าเขาในตอนนี้จะมีความเป็นไปได้ที่จะอยู่ใน[ระดับจุดสูงสุดขั้นที่ 6 ดินแดนลมปราณก่อเกิด] และอีกไม่นานเขาจะก้าวขึ้นไปสู่ใน[ระดับขั้นที่ 7 ดินแดนลมปราณก่อเกิด] ซึ่งอาจกล่าวได้เลยว่า เขานั้นเป็นผู้ที่มากไปด้วยพรสวรรค์อย่างมิต้องสงสัย ทั้งความสามารถและสถานะของเขา มิใช่สิ่งที่ จูปิ่งหยุน จะสามารถนำมาเทียบได้ หลังจากที่ความแข็งแกร่งของ จูปิ่งหยุน ได้มาจากผู้อื่น แต่ความแข็งแกร่งของ หนานกงหวั่น นั้นคือของจริง ที่ได้มาจากการฝึกฝนกันอย่างสม่ำเสมอ

          " ศิษย์น้องเย่ โปรดรับมือ! " หนานกงหวั่น ไม่ลืมที่จะกล่าวเตือน เย่ชีเหวิน ตามด้วยกระบี่คมยาวสีน้ำตาลแดงปรากฏขึ้นบนฝ่ามือ เพียงชั่วพริบตา ทั่วทั้งสนามประลอง ต่างก็ถูกลายล้อมไปด้วยฝุ่นละอองจำนวนมาก ประดุจดั่งคลื่นพายุทะเลทรายปรากฏขึ้นที่สนามประลอง


ด้วยพลังอำนาจของคมกระบี่ ทำให้มันหลบซ่อนไปกับพายุทราย ที่ปกคลุมไปทั่วท้องฟ้า ฉับพลันกลุ่มก้อนกรวดเม็ดทราย ก็ได้แปรสภาพกลายเป็นมีดบินจำนวนมากและมุ่งเป้าไปที่ เย่ชีเหวิน

ซึ่ง เย่ชีเหวิน เองก็เตรียมรับมือด้วยการเรียกใช้ พลังปราณหยวน ออกมาเพื่อสร้างกำแพงอันแข็งแกร่ง ปิดกั้นเขาไว้จากพายุทราย ในขณะที่ดวงตาของเขาได้โคจรไปด้วย พลังปราณหยวน ทำให้สายตาของเขานั้นดีขึ้น แม้เม็ดทรายเพียงเม็ดเดียวก็ยังมิอาจรอดพ้นไปจากสายตาของ เย่ชีเหวิน ได้

เย่ชีเหวิน ไม่มีความคิดที่จะหลบหลีกเลยแม้แต่น้อย เพียงแค่ลูบคลำไปที่ฝ่ามือของเขา มันก็ได้แปรสภาพเป็นกรงเล็บมังกร และยื่นมือคว้าออกไปจับกระบี่คมยาวสีน้ำตาลแดง เขาในตอนนี้มีเพียงความคิดที่จะต้องเอาชนะ หนานกงหวั่น ให้รวเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แล้วทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับ เย่ชีเหวิน ในตอนนี้ก็คงหนีไม่พ้น การบังคับให้ หนานกงหวั่น นั้นยอมพ่ายแพ้ไป

          " ตูม! " กระบี่ของ หนานกงหวั่น ได้ปะทะกันอย่างเกรี้ยวกราดกับฝ่ามือกรงเล็บมังกรของ เย่ชีเหวิน ซึ่งการปะทะกันอย่างรุนแรงครั้งนี้ ได้ส่งผลให้คลื่นชั้นบรรยากาศโดยรอบนั้นระเบิดออก เพียงแต่ กระบี่คมยาวสีน้ำตาลแดงที่ถูกจับโดยกรงเล็บมังกรของ เย่ชีเหวิน นั้นไม่อาจขยับไปไหนได้ ด้วยความแข็งแกร่งทางร่างกายของที่ฝึกฝนโดยเคล็ดวิชา[กายทรราช] ทำให้ความทนทานทางร่างกายของ เย่ชีเวิน นั้นอยู่ในระดับที่เกินสามัญสำนักของผู้คน จนใครก็มิอาจจินตนาการได้ ยิ่งหากถูกปกคลุมด้วย พลังปราณหยวน ด้วยแล้ว แม้ต่อให้เป็นกระบี่น้ำตาลแดงก็มิอาจสร้างได้แม้แต่รอยขีดข่วนบนฝ่ามือของเขา

          " ฮ่ะ! " เสียงตะโกนของ หนานกงหวั่น ทำให้กระบี่น้ำตาลแดง เกิดมีปฏิกิริยาขึ้นมาอย่างฉับพลัน คลื่นพายุทรายจำนวนมากต่างลายล้อมที่ตัวกระบี่ ในขณะที่มันก็ได้แปรสถาพเป็นคลื่นดาบจำนวนนับไม่ถ้วนกดทับลงบนร่างของ เย่ชีเหวิน

          " ย้า! " เสียงตะโกนของ เย่ชีเหวิน ดังก้อง พร้อมกับคลื่น พลังปราณหยวน รุนแรง พุ่งพรวดออกมาจากร่างกายของเขา ราวกับคลิ้นยักษ์มหาสมุทรที่โหมกระหน่ำ พลังปราณหยวน ที่พวยพุ่งออกมานับไม่ถ้วน ได้สลายดาบทรายที่มุ่งเป้าเข้ามาอย่างหมดสิ้น

ยิ่งกว่านั้น พลังปราณหยวน ยังคงสถิตอยู่ที่มือของ เย่ชีเหวิน เพื่อยับยั้งความเกรี้ยวกราดของกระบี่น้ำตาลแดง ด้วยเหตุนี้เขาจึงเพียงแค่หวังว่า หนานกงหวั่น นั้นจะยอมรับความพ่ายแพ้ในการต่อสู้ครั้งนี้

ไม่นานนัก กระบี่น้ำตาลแดงก็พลันเงียบลงและมิได้ต่อต้านอีก

ซึ่งอยู่ในท่าทางที่สงบนิ่งในฝ่ามือของ เย่ชีเหวิน

          " ศิษย์พี่ หนานกง โปรดให้ข้าเป็นผู้ชนะ! " เย่ชีเหวิน กล่าวออกมาในขณะที่กระบี่น้ำตาลแดงยังคงอยู่ในมือของเขา

          " ขอบคุณศิษย์น้อย เย่ สำหรับความเมตตา! " หนานกงหวั่น กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่ราวเหมือนกับว่ามีบางอย่างซ่อนอยู่ภายในจิตใจและสาปแช่งต่อชะตากรรมของตัวเองที่เขานั้นได้พ่ายแพ้ในครั้งนี้

          " การแข่งขั้นรอบสุดท้าย เย่ชีเหวิน คือผู้ชนะ! "

          " และสำหรับผู้ที่ได้รับชัยชนะเลิศในการประลองศิษย์เมล็ดพันธุ์ครั้งนี้ได้แก่....เย่ชีเหวิน!! "

6 ความคิดเห็น:

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม