บทที่ 6 - ครอบครองขุมพลังอำนาจแห่งพยัคฆ์ 2 ตัว

          "รวดเร็วดั่งอัสนีเคลื่อนย้ายดั่งวายุ!"

เสียงดังสนั่นกึกก้องกังวาลไปทั่วขุนเขา

ภาพเงาลางๆได้เคลื่อนไหวไปมาผ่านต้นไม้ใหญ่ ในขณะที่ทุกครั้งที่เขาปล่อยฝ่ามือปล่อยออกไปก็จะเกิดเป็นคลื่นเสียงระเบิดดังสนั่นกึกก้องราวกับเป็นเสียงคำรามจากชั้นฟ้า

          "ปัง!" เสียงโหยหวนและเศษไม้ปลิวว่อนไปในอากาศ รอยแตกจำนวนมากที่คล้ายคลึงกับรูปใยแมงมุมขนาดใหญ่ ได้ปรากฏขึ้นทุกที่ที่ฝ่ามือของเขากระทบ

นอกจากนี้ ยังมีเสียงแตกหักของต้นไม้ที่โค่นล้มไปเป็นจำนวนมาก

กระบวนท่าทั้ง 4 ของ"ฝ่ามืออสนีบาต" เย่ชีเหวิน ได้รับการฝึกฝนอย่างหนักในช่วง 5 วันที่ผ่านมาโดยไม่หยุดพัก จนความแข็งแรงของเขาได้พุ่งทะยานขึ้นไปถึง 995 จิน ซึ่งใกล้เคียงกับพลังอำนาจแห่งพยัคฆ์ 2 ตัว มีเพียงแค่ผู้เยี่ยมยุทธก่อตั้งขั้น 5 เท่านั้นถึงจะสามารถครอบครองขุมพลังอำนาจแห่งพยัคฆ์ 2 ตัวได้ แต่ในตอนนี้ เย่ชีเหวิน กับรู้สึกว่ามันอยู่ใกล้เพียงเอื้อม ในความเป็นจริงเขารู้สึกได้ว่าอีกไม่นานนี้ เขาก็จะสามารถหักผ่านไปยังระดับขั้นต่อไปได้แล้ว

นอกจากนี้ ไม่เพียงแค่ความแข็งแรงของเขาเพียงเท่านั้นที่ใกล้ถึงขอบเขตของขุมพลังอำนาจแห่งพยัคฆ์ 2 ตัว แต่"ฝ่ามืออสนีบาต"ของเขาเองก็ได้หักผ่านมถึงก้องที่ 6 แล้ว! (ขั้นที่ 6)

เย่ชีเหวิน ได้ประสบความสำเร็จอย่างมากในช่วง 5 วันที่ผ่านมาหลังจากที่ได้หักผ่าน"ก่อตั้งขั้น 4" แต่ถึงอย่างนั้น มันก็ยังไม่เพียงพอสำหรับเขา!

เย่ชีเหวิน ได้ปล่อย"ฝ่ามืออสนีบาต"ออกไปซ้ำแล้วซ้ำเล่า ความต่างชั้นระหว่างวรยุทธ์ขั้น 4 และ 5 นั้นเป็นเพียงแค่เส้นกั้นบางๆ ในขณะที่ความแข็งแรงระดับ 1,000 จิน นั้นกับมีเส้นกั้นขนาดใหญ่ หากวัดกันด้วยที่ความแข็งแรงเพียงอย่างเดียว เหล่าจอมยุทธ์ที่มีความแข็งแรงระดับ 1,000 จิน นั้นสามารเอาชนะเหล่าจอมยุทธ์ที่มีความแข็งแรงระดับ 999 จิน ได้อย่างง่ายดายนับหลาย 10 คน

ทุกครั้งที่ความแข็งแรงของบุคคลเพิ่มขึ้นทุกๆ 500 จิน พลังอำนาจภายในร่างกายก็จะเปลี่ยนไปจากเดิม ความแข็งแรงเหล่านี้จะไม่เพิ่มไปที่จุดใดเพียงจุดเดียว แต่จะแพร่กระจายไปทั่วทั้งร่าง ทำให้ความสามารถของบุคคลนั้นเพิ่มขึ้นในทุกๆด้าน ซึ่งพัฒนาการเหล่านี้สามารถเพิ่มขึ้นไปได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุดและสามารถพลิกได้แม้แต่สวรรค์

เมื่อความแข็งแรงของบุคคลก้าวขึ้นมาถึง 1,000 จิน ความแข็งแกร่งของพวกเขาก็จะเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า ซึ่งความแข็งแรงของพวกเขานั้นจะเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมากจนตัวของพวกเขาเองก่อนหน้านี้ก็มิอาจเทียบได้

เย่ชีเหวิน ยังคงปล่อย"ฝ่ามืออสนีบาต"ออกไปอยู่อย่างต่อเนื่อง จนดูเหมือนว่าในที่สุดเสียงก้องคำรามที่ 7 ก็จะเริ่มเล็ดลอดออกมาแล้วอย่างแผ่วเบา

          "ปัง!"

เย่ชีเหวิน ได้ปล่อยฝ่ามือของเขาออกไปอีกครั้งจนอากาศเบื้องหน้าเกิดการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ในขณะที่ทั่วทั้งร่างของเขาต่างชุ่มไปด้วยเหงื่อตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าราวกับเขาพึ่งขึ้นมาจากบ่อน้ำ เขารู้สึกได้อย่างชัดเจนถึงกล้ามเนื้อทั่วทั้งร่างของเขาที่กำลังด้านชาและสั่นไปทั้งตัวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งน่าจะเป็นผลพวงมาจากที่ร่างกายของเขาได้มาถึงขีดจำกัดแล้ว

เย่ชีเหวิน ขบฟันแน่นพร้อมกับเหงื่อที่ไหลผ่านดวงตา ร่างกายของเขาเริ่มแสดงให้เห็นถึงความเหนื่อยล้าและด้านชาไปทั้งตัว แต่ เย่ชีเหวิน ก็ทราบดีว่าการยอมแพ้ในตอนนี้มันไม่ใช่ตัวเลือกสำหรับเขา แม้ว่าสำนักที่เขาอยู่ในตอนนี้จะมิใช่สำนักหลักของสำนักยี่หยวน แต่ถึงอย่างนั้น มันก็ยังมีตำราเก่าแก่อยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งตำราเหล่านั้นได้บอกถึงเคล็ดลับในการประสบความสำเร็จของบุคคลไว้เป็นจำนวนมาก และกุญแจสำคัญในการยกระดับความแข็งแกร่งและการฝึกฝนวรยุทธ์นั้นก็ขึ้นอยู่การฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง เมื่อร่างกายได้มาถึงขีดจำกัดโดยการฝึกฝนอย่างไม่หยุดพัก หากสามารถผ่านสถานการณ์ที่ยากลำบากเช่นนั้นไปได้ ภายในร่างกายของบุคคลนั้นก็จะก่อให้เกิดเป็นพลังอำนาจในรูปแบบใหม่ และจะกลายเป็นวงจรของขุมพลังที่หมุนเวียนไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด


          "ย่ะ,ย่ะ!" เย่ชีเหวิน ขบฟันเค้นเสียงพร้อมปล่อย"ฝ่ามืออสนีบาต"ของเขาออกไปอีกครั้งอย่างไม่ลังเล

ภาพเงาได้พุ่งผ่านไปมาในป่าไม้ ทุกฝ่ามือที่ปล่อยออกไปต่างเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น

หลังจากที่ไม่ทราบว่าเวลาได้ผ่านล่วงเลยไปนานเท่าใด เย่ชีเหวิน ก็ได้ปล่อยฝ่ามือของเขาออกไปจนเกิดเป็นคลื่นพลังปราณฟ้าร้องที่ดังสนั่นกึกก้อง

          "*เสียงฟ้าร้อง!"

          "*เสียงฟ้าผ่า!"

...............

"ปัง!"

ฝ่ามือของ เย่ชีเหวิน ได้ส่งเสียงก้องคำรามออกมาทั้งหมด 7 ครั้ง

กล้ามเนื้อทั่วทั้งร่างของเขาเริ่มหดตัวและบีบอัดกระดูกจนเกิดเสียงแตก ด้วยความพยายามที่ผลักดันร่างกายจนมาถึงขีดสุด ทำให้ความแข็งแรงของเขาได้ทะลุผ่านขีดจำกัดของร่างกาย จนก่อให้เกิดเป็นพลังอำนาจในรูปแบบใหม่ "ขุมพลังอำนาจแห่งพยัคฆ์ 2 ตัว" ซึ่งถือเป็นความก้าวหน้าที่ยกระดับการบ่มเพาะพลังของเขาให้มาถึง"จุดสูงสุดก่อตั้งขั้น 4"

แม้ว่า เย่ชีเหวิน จะเป็นเพียงแค่"จุดสูงสุดก่อตั้งขั้น 4" แต่ด้วยการอาศัย"ขุมพลังอำนาจแห่งพยัคฆ์ 2 ตัว"และ"ฝ่ามืออสนีบาต 7 ก้อคำราม"

แม้ต่อให้เป็น"ผู้เยี่ยมยุทธก่อตั้งขั้น 5"ก็ยังมิใช่คู่ต่อสู้ของเขา

แต่ทันใดนั้นเอง ก็ได้มีเสียงดังสนั่นกึกก้องมาจากป่าเบื้องหน้า มันคือหมูตัวใหญ่ที่สูงกว่า 2 เมตรและรอบตัวของมันต่างเต็มไปด้วยหนามอันแหลมคม มันส่งเสียงคำรามออกมาพร้อมกับพุ่งชนและงัดต้นไม้ที่ขวางทางมันจนราบคาบเป็นหน้ากลอง

เย่ชีเหวิน รู้สึกใจสั่นสะท้าน เพราะเขาทราบดีว่าเจ้าสัตว์ตัวนี้มีชื่อว่า หมูเม่น สัตว์อสูรก่อตั้งขั้น 5 อาวุธที่ร้ายแรงที่สุดของมันก็คือหนามอันแหลมคมที่ปรากฏขึ้นอยู่ตามตัว ซึ่งหนามเหล่านี้มีหน้าที่ปกป้องตนเองและโจมตีใส่ศัตรู โดยที่ไม่ต้องกล่าวถึงเลยว่าหากเขาไม่ระวังมันล่ะก็ร่างของเขาคงเต็มไปด้วยรูพรุนเป็นแน่

เจ้าหมูเม่นตัวนี้มีกล้ามเนื้อที่หนาแน่นและผิวหนังที่หยาบหนา ซึ่งเป็นเรื่องยากมากที่จะจัดการกับมัน นอกจากนี้ มันยังมีเขี้ยวงาคมยาวที่สามารถใช้สังหารพยัคฆ์ได้ในการโจมตีเพียงครั้งเดียว

ดวงตาคู่เล็กได้แคบลงและจับจ้องมองตรงมาที่ เย่ชีเหวิน พร้อมกับปลายเท้าที่กระชับพื้นแน่นและกล้ามเนื้อเกร็งไปทั้งตัว ฉับพลัน ลูกศรยาวนับหลาย 10 ลูก ได้พุ่งทะยานขึ้นจนบดบังท้องฟ้าและถ่าโถมลงมาใส่ เย่ชีเหวิน

ใบหน้าของ เย่ชีเหวิน ถึงกับหมองลงในทันทีเมื่อเห็นการกระทำของมัน นี่คงเป็นเพราะว่าเขาหมกมุ่นอยู่กับการฝึกฝน"ฝ่ามืออสนีบาต"จนไม่ได้สังเกตเห็นว่าเขาได้รุกล้ำเข้ามาในอาณาเขตของเจ้าหมูเม่น เย่ชีเหวิน ไม่รอช้าและรีบตอบสนองในทันทีโดยการระเบิดพลังปราณไปที่ใต้ฝ่าเท้าของเขาและรอยขึ้นไปบนอากาศเพื่อหลบหนามส่วนใหญ่และปัดป้องส่วนที่เหลือ

เมื่อเจ้าหมูเม่นเห็นว่าการโจมตีของมันไม่ได้ผล มันจึงพุ่งทะยานตรงไปที่ เย่ชีเหวิน อย่างรวดเร็ว ด้วยการจู่โจมอย่างไม่คาดคิดบวนความเร็วที่เร็วมากและงาคมยาวของมัน ดูเหมือนว่างาของมันจะพุ่งเป้าไปที่ศีรษะของ เย่ชีเหวิน โดยตรง

เย่ชีเหวิน กวาดเท้าซ้ายและขวาเข้าหากันเพื่อบิดตัวกลางอากาศและเบี่ยงเบนทิศทางจนสามารถหลบงาคมยาวของเจ้าหมูเม่นออกมาได้อย่างฉิวเฉียด

ทันทีที่ เย่ชีเหวิน ร่อนลงมาถึงพื้นเจ้าหมูเม่นก็ได้พุ่งตรงมาทางเขาอีกครั้งราวกับหินกลิ้งขนาดใหญ่ โดยที่ไม่ทำให้เขาได้มีโอกาศได้แม้แต่ได้พักหายใจ

เย่ชีเหวิน เริ่มรู้สึกเหลืออด เมื่อไม่มีที่ให้ถอยกลับ เขาจึงเลือกพุ่งทะยานไปข้างหน้า โดยการระเบิดพลังปราณไปที่ปลายเท้า เพื่อทำให้ร่างของเขาพุ่งตรงออกไปราวกับลูกศร พร้อมกับฝ่ามือที่ปล่อยออกไป มันราวเหมือนกับมีเมฆหมอกมาปกคลุมไปทั่วฝ่ามือของเขา อัสนีคำราม! เสียงฟ้าร้องดังสนั่นก้องหู เพียงชั่วพริบตา ร่างของ เย่ชีเหวิน ก็ได้ทะลวงผ่านชั้นป้องกันหนามของเจ้าหมูเม่นจนไปถึงตัวของมัน ด้วย"ขุมพลังอำนาจแห่งพยัคฆ์ 2 ตัว"พร้อมกับประจุระเบิดสายฟ้าที่แล่นผ่านฝ่ามือของเขา

          "ปัง!"

ลูกศรสายฟ้าได้ทะลวงผ่านร่างของเจ้าหมูเม่น ผิวของมันถึงกับไหม้เกรียมและซี่โครงหักไปหลายซี่ มันส่งเสียงกรีดร้องออกมาอย่างทรมานเป็นครั้งคราวก่อนที่ร่างของมันจะค่อยๆถอยล่นออกมาห่างจากตัวของ เย่ชีเหวิน

ถ้าเป็น"พลังปราณ"โดยทั่วไปแล้ว แน่นอนว่ามันไม่สามารถทำอะไรกับสัตว์อสูรที่มีผิวหนังหยาบหนาและกล้ามเนื้ออันหนาแน่นอย่างเจ้าหมูเม่นได้เลย นี่ยังไม่กล่าวถึงว่ามันเป็นสัตว์อสูรก่อตั้งขั้น 5 กับ เย่ชีเหวิน ที่เป็นเพียงแค่"จุดสูงสุดก่อตั้งขั้น 4"

แต่อย่างไรก็ตามด้วย"ขุมพลังอำนาจแห่งพยัคฆ์ 2 ตัว"จึงทำให้ความแข็งแรงของ เย่ชีเหวิน นั้นมิได้ด่อยไปกว่าเจ้าหมูเม่นเลย นี่ยังไม่นับรวม"ฝ่ามืออสนีบาต"ที่หักผ่านไปถึง 7 ก้องคำราม

ด้วยการโจมตีเพียงฝ่ามือเดียวของ เย่ชีเหวิน ก็ถึงกับทำให้เจ้าหมูเม่นต้องร้องโอดครวญออกมาอย่างสังเวชและดังก้องไปทุกหนทุกแห่ง

########################################

B1 : ตอนแรกก็ทำท่าทีเหมือนจะสู้ไม่ได้นะ

B2 : แต่พอได้ต่อยเท่านั้นหล่ะ

B3 : ฮืม!! ร้องเยียงหมา นี่ หมู หรือ หมา กันแน่!!

B4 : นี่มันทารุณกรรมสัตว์ชัดๆ โคตรผิด พ.ร.บ. ไทย @#@$!#)!(_*()$#&!@#*

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม