บทที่ 7 - ผลไม้แกนโลก

เย่ชีเหวิน ไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่าฝ่ามือของเขาจะรุนแรงถึงเพียงนี้ แม้แต่ผิวหนังอันหยาบหนาและกล้าเนื้อที่หนาแน่นของสัตว์อสูรเช่นเจ้าหมูเม่นก็ยังถูกทะลวงผ่าน เลือดและเนื้อของมันต่างสาดกระเซ็นไปทั่ว พลังทำลายของ"ฝ่ามืออสนีบาต 7 ก้องคำราม"นั้นช่างนับว่าน่าหวาดหวั่นเป็นยิ่งนัก ถึงขั้นที่แม้แต่ก้องคำรามที่ 4 เมื่อก่อนหน้านี้ก็มิอาจนำมาเทียบเคียงกับก้องคำรามที่ 7 นี้ได้เลย

          "เสียงโหยหวน!"

สัตว์อสูรหมูเม่นร้องโอดครวญ จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจเลย หากมันเลือกที่จะถอยร่นแทนที่จะพุ่งเข้าจู่โจมดั่งเช่นก่อนหน้านี้ แม้ว่าเดิมที่สติปัญญาของพวกมันจะดีกว่าพวกสัตว์ร้ายทั่วไป แต่ถ้าให้เทียบกับมนุษย์แล้วก็ยังนับว่าห่างชั้นกันอยู่มากนัก ราวกับฟ้าสวรรค์และผืนดิน แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์วิกฤตระหว่างชีวิตและความตาย พวกมันจะมีการตัดสินใจที่เด็ดขาดมากกว่ามนุษย์นับหลายเท่าตัวนัก

แต่เขาก็ไม่เคยคาดคิดว่าสัตว์อสูรตัวนี้จะเลือกที่จะถอยร่น แม้ว่าจะเคยมีคนกล่าวว่า หากสัตว์อสูรมีการบ่มเพาะพลังที่ต่ำ สติปัญญาของพวกมันก็จะต่ำตามลงไปด้วย แต่เมื่อต้องพบเจอกับสถานการณ์ที่แปลกประหลาดเช่นนี้ มันก็ออกจะดูเหมือนเกินความคาดหมายของเขาไปบ้าง

มันพุ่งตัวออกไปราวกับลูกศร แม้ว่าหมูเม่นจะดูเงอะงะ แต่คงไม่มีใครคาดคิดว่ามันจะมีทักษะที่ว่องไวถึงเพียงนี้ เพียงแค่ชั่วพริบตาเดียว มันก็ได้หายเข้าไปในป่าลึก

แต่มีหรือที่ เย่ชีเหวิน จะปล่อยให้มันหลบหนีออกไปได้อย่างง่ายดาย? แทบจะในทันทีเขาได้ระเบิดพลังปราณไปที่ปลายเท้าและใช้ทักษะทั้งหมดที่มีพุ่งทะยานออกไปอย่างรวดเร็วราวกับภูติผี เพียงแค่ชั่วอึดใจเดียว เขาก็สามารถไล่ตามมันได้ทัน

เย่ชีเหวิน ตามเจ้าหมูเม่นไปตลอดทาง จนในที่สุดก็ได้โผล่ออกมาในพื้นที่โล่งด้านบน อีกด้านหนึ่งของพื้นที่โล่งมีหน้าผาหินขนาดใหญ่ขวางกั้นอยู่ ซึ่งถูกรายล้อมไปด้วยพืชพันธุ์สูงยาวประมาณ 3 นิ้วและมีใบไม้แยกออกเป็น 6 แฉกรายล้อมรอบผลไม้ชนิดหนึ่ง ซึ่งรอบๆผลไม้ชนิดนั้นก็ยังเปร่งประกายกลิ่นหอมออกมาอย่างไม่อาจทานทนได้

มันคือผลไม้ชนิดหนึ่งที่ชื่อว่า ผลไม้แกนโลก ซึ่งมีอายุกว่า 50 ปีและเติบโตโดยการดูดซับพลังจิตวิญญาณแห่งผืนปฐพี เย่ชีเหวิน เกิดฉุกคิดขึ้นได้ว่าเขาเคยเห็นมันมาก่อนในตำราสมุนไพร นอกจากนี้ มันยังเป็น 1 ในส่วนประกอบโอสถอมตะ(ยาอายุวัฒนะ) ซึ่งถูกนำมาใช้เพื่อเร่งการบ่มเพาะพลังให้กับผู้ฝึกยุทธ โดยทั่วไปแล้วหากใช้โอสถที่ทำขึ้นมาจากผลไม้แกนโลกที่มีอายุกว่า 50 ปี มันจะสามารถช่วยในการเร่งการบ่มเพาะพลังปราณได้ยาวนานต่อเนื่องถึง 5 ปี ซึ่งถือว่าเป็นสมบัติที่มีความล้ำค่าเป็นอย่างมาก

ในขณะเดียวกัน เย่ชีเหวิน ก็สามารถเข้าใจได้ในทันทีถึงต้นเหตุแห่งความร้าวฉาน มีความเป็นไปได้ว่ามันจะหลงคิดว่าเขาได้เข้ามาเพื่อเข้าร่วมกับการต่อสู้เพื่อชิงผลไม้แกนโลก

ความสำคัญของสมบัติล้ำค่านั้นมิได้มีเพียงแค่มนุษย์เท่านั้นที่รู้ซึ้ง แม้แต่พวกสัตว์ร้ายหรือสัตว์อสูรเองที่มิได้มีสติปัญญามากนักก็ยังทราบถึงคุณค่ามัน นอกจากนี้ ผลไม้แกนโลกก็ยังเป็นที่รู้จักกันดีว่าหากมันสุกง่อมเต็มที่แล้วมันจะล่วงหล่น ฉะนั้นเจ้าสัตว์อสูรหมูเม่นจึงรอคอยช่วงเวลานั้นมาอย่างยาวนาน

ด้วยการเคลื่อนไหวที่ราวกับภูติผีของ เย่ชีเหวิน จึงสามารถประกบมันได้ทัน พร้อมกับบิดตัวกลางอากาศและปล่อยฝ่ามือออกไป

         "ปัง!"

เย่ชีเหวิน ได้ปลดปล่อย"ฝ่ามืออสนีบาต"ออกไป ทุกฝ่ามือของเขาได้สร้างเสียงระเบิดที่ดังสนั่นกึกก้อง แม้แต่ผู้เยี่ยมยุทธก่อตั้งขั้น 4 ก็ยังต้องบาดเจ็บหนักหากรับฝ่ามือนี้ของเขาเข้าไปโดยตรง แต่ก็ยังนับว่าโชคดีที่สัตว์อสูรอย่างเจ้าหมูเม่นนั้นมีผิวหนังที่หยาบหนาและกล้ามเนื้อที่แข็งแกร่ง ซึ่งเหนือชั้นกว่าสมรรถภาพทางกายของผู้เยี่ยมยุทธก่อตั้งขั้น 4 ทั่วไปนัก จึงทำให้มันสามารถรอดพ้นไปจากฝ่ามือที่เปรียบเสมือนเป็นเคียวยมทูตของ เย่ชีเหวิน ได้

แต่อย่างไรก็ตามการโจมตีฝ่ามือของ เย่ชีเหวิน ในครั้งนี้นั้น มันได้พุ่งตรงเข้าไปที่กระดูกสันหลังของมันโดยตรง จนทำให้กระดูกสันหลังของมันนั้นแตกละเอียด

          "คำราม!" หมูเม่นร้องโอดครวญอย่างน่าสงสาร ร่างที่ใหญ่โตของมันได้ล้มลงบนพื้นเข้าอย่างแรง ก่อนที่จะเริ่มชักกระตุกไปมา ซึ่งแน่นอนว่า เย่ชีเหวิน ไม่มีทางปล่อยให้โอกาศนี้หลุดลอยไปแน่ เขาจึงเดินตรงเข้าไปที่ร่างของเจ้าหมูเม่นที่ชักกระตุกอยู่บนพื้น ก่อนที่จะปล่อยฝ่ามือของเขาทะลวงผ่านเข้าไปที่ศีรษะของมันโดยตรง จนเลือดและสมองของมันสาดกระเซ็นไปทั่วทุกทิศทาง

เสียงร้องโอดครวญที่ทรมานของเจ้าหมูเม่นได้ดังก้องเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะสิ้นลม

เมื่อเห็นฉากนี้ เย่ชีเหวิน เองก็เทียบมิอยากเชื่อสายตาตนเองเช่นกัน สัตว์อสูรก่อตั้งขั้น 5 ต้องร้องระงมอย่างทุกทรมานและถูกตีจนตายด้วยฝ่ามือของเขาเพียง 3 ย้าย หากเป็นในอดีตเรื่องเช่นนี้คงเป็นสิ่งที่ยากเกินจะเชื่อ แม้แต่ผู้เยี่ยมยุทธที่มีการบ่มเพาะพลังที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเจ้าพวกสัตว์อสูร พวกมันก็ยังนับว่ามีความแข็งแกร่งที่เหนือชั้นกว่า แต่สำหรับเจ้าหมูเม่นที่ถูกตีจนตายด้วยฝ่ามือของเขาเพียง 3 ย้ายนี้ มันก็เริ่มทำให้ เย่ชีเหวิน มีความมั่นใจมากขึ้นสำหรับการแข่งขันภายในสำนักที่กำลังจะมาถึงนี้ในอีก 1 เดือนข้างหน้า

เย่ชีเหวิน ไม่มีความลังเลใดอีกต่อไปและเริ่มสับร่างของเจ้าหมูเม่นออกเป็นชิ้นๆ เพื่อหา ดวงจิตอสูร ที่อยู่ภายในร่างกายของมันออกมา ดวงจิตอสูรนั้นก็เปรียบเสมือนเป็นแกนกลางหรือหัวใจของพวกมัน ซึ่งถือว่ามีความสำคัญอย่างมากและไม่ต่างไปจากสมบัติล้ำค่าสำหรับผู้ฝึกยุทธเลย แม้ว่ามันจะเป็นเพียงแค่ดวงจิตอสูรของสัตว์อสูรก่อตั้งขั้น 5 ก็ตาม หากนำไปขึ้นเงินมูลค่าของมันก็ไม่ต่ำกว่าศิลาวิญญาณระดับต่ำจำนวนนับ 20 ก้อน

นอกจากนี้เพียงเพราะดวงจิตอสูรนั้นมีคุณค่า จึงทำให้จำนวนในการล่าของพวกมันนั้นเพิ่มขึ้นในทุกๆปี แม้ว่าในท้ายที่สุดแล้วจะมีจอมยุทธไม่น้อยที่จบชีวิตลงในปากของพวกมัน

อย่างไรก็ตาม เย่ชีเหวิน ยังไม่มีความคิดที่จะขายดวงจิตอสูรเหล่านี้ เพราะหากเขามอบมันให้กับสำนัก เขาก็จะสามารถเปลี่ยนมันให้กลายเป็นแต้มของสำนักได้ แม้ว่าแต้มของสำนักอาจไม่คุ้มค่าเท่ากับเงินตราภายนอก แต่มันก็ยังสามารถใช้สิทธิประโยชน์ได้อย่างมากมายภายในสำนัก ไม่ว่าจะนำมันไปแลกเป็นสุดยอดทักษะที่ช่วยในการฝึกฝนการบ่มเพราะพลัง หรือ สมุนไพรชั้นยอดที่ช่วยเพิ่มพลังปราณ หรือแม้แต่ ร่ำเรียนกับผู้อาวุโสระดับสูงบางคนภายในสำนักเพื่อขอคำแนะนำเป็นการส่วนตัว ซึ่งสิ่งเหล่านี้สำหรับ เย่ชีเหวิน แล้วถือว่ามีค่าเสียยิ่งกว่าเงินตรายิ่งนัก

ในโลกแห่งนี้ความแข็งแกร่งถือเป็นที่สุด ความแข็งแกร่งนั้นคือพื้นฐานของทุกอย่าง ซึ่งสิ่งที่นอกเหนือเกินจากนั้นก็ล้วนแล้วแต่ไร้ค่า!

แน่นอนว่าส่วนอื่นๆของเจ้าสัตว์อสูรหมูเม่นยังคงสามารถเอาไปขึ้นเงินได้ เพียงแต่เป็นเรื่องที่น่าเสียดายที่เขานั้นไม่อาจนำกลับไปได้ทั้งหมด ดังนั้นเขาจึงตัดใจและปล่อยวางในเรื่องนี้อย่างมิอาจหลีกเลี่ยงได้!

หลังจากที่ได้ดวงจิตอสูรมาแล้วเขาก็เก็บมันเข้าไปในกระเป๋าและเริ่มปีนป่ายขึ้นไปบนหน้าผา ด้วยความสามารถทางร่างกายที่โดดเด่น จึงทำให้เขาสามารถปีนป่ายได้อย่างรวดเร็วราวกับมีวิญญาณวานรมาเข้าสิง ซึ่งทำให้การเคลื่อนไหวของเขานั้นลื่นไหลไม่ติดขัดและเป็นไปอย่างราบลื่นอย่างมีอิสระเสรี

เย่ชีเหวิน รีบปีนขึ้นไปบนหน้าผาจนปรากฏอยู่เบื้องหน้าของผลไม้แกนโลก ซึ่งกลิ่นหอมของสมุนไพรที่ไม่อาจทานทนได้นั้น ได้โหมกระหน่ำโจมตีเข้าใส่จมูกของเขา
เย่ชีเหวิน เอื้อมมือหมายคว้าผลไม้แกนโลก แม้ว่าประสิทธิภาพของผลไม้แกนโลกที่มีอายุกว่า 50 ปีจะมิได้ถือว่าดีที่สุด แต่สำหรับตัวเขาในตอนนี้การเลือกที่จะใช้มันก็ยังดีกว่าไม่ได้ใช้ แม้ว่ามันจะมีคุณสมบัติที่ช่วยในการบ่มเพาะพลังได้เร็วขึ้นยาวนานถึง 5 ปี แต่ในความเป็นจริงหากเขาเลือกที่จะใช้มันในตอนนี้ อย่างน้อยมันก็สามารถผลักดันให้เขาขึ้นไปถึงจุดสูงสุดของก่อตั้งขั้น 4 ได้โดยตรง

แต่ทันใดนั้นเอง ก็ได้มีเสียงพร้อมกับกลิ่นคาวเลือดที่เตะจมูกของเขามาจากทางด้านบนที่พุ่งกระโจนเข้ามา

ด้วยไหวพริบและการตอบสนองที่รวดเร็วของ เย่ชีเหวิน ทำให้เขายันปลายเท้าไปที่พื้นเพื่อเบี่ยงตัวหลบไปทางด้านซ้าย เพื่อหลีกเลี่ยงกลิ่นอายที่มุ่งร้ายนี้

เมื่อเขาหันมองกลับไปอีกครั้งก็พบว่ามันคือ งูหลามสีรุ้ง ขนาดใหญ่ที่ปากเต็มไปด้วยคราบเลือดกับกลิ่นอายอันชั่วร้าย กลิ่นคราวเลือดอันไม่มีที่สิ้นสุดได้แผ่ออกมาจากปากของมันและแพร่กระจายออกไปทั่วทุกทิศทาง รูปร่างของมันนั้นมีขนาดใหญ่โตและยาวประมาณ 5-6 เมตร ซึ่งดูเหมือนราวกับรถพ่วงหรืออะไรสักอย่าง

ว่ากันว่าสมบัติล้ำค่ามักถูกห้อมล้อมไปด้วยเหล่าสัตว์อสูรที่คอยปกปักษ์รักษา เดิมที่ครั้งแรกที่ เย่ชีเหวิน เผชิญหน้ากับเจ้าสัตว์อสูรหมูเม่นและสามารถจัดการมันลงได้นั้นก็ทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายลงไปมาก แต่โชคดีที่เขามิได้คลายการป้องกันลงและสามารถหลบหลีกได้ทัน

มิฉะนั้นร่างของเขาในตอนนี้คงจะขาดครึ่งไปแล้วด้วยคมเขี้ยวอันแหลมคมและปากอันกว้างใหญ่นั่น

เห็นได้ชัดเลยว่าเจ้าอสรพิษตัวนี้มีพลังอำนาจพิเศษบางอย่าง  เพราะเนื่องจากผลไม้แกนโลกนั้นจะเติบโตขึ้นในที่ที่เต็มไปด้วย ปราณจิตวิญญาณ อันอุดมสมบูรณ์หนาแน่น เมื่อต้องถูกห้อมล้อมไปด้วย ปราณจิตวิญญาณ อันหนาแน่นนี้เป็นเวลานาน มันจึงทำให้งูหลามธรรมดาตัวหนึ่งที่เป็นเพียงแค่สัตว์ร้ายทั่วไปกลายเป็นสัตว์อสูรที่โหดเหี้ยม หากมองดูจากกลิ่นอายที่แผ่ออกมาจากร่างกายของมัน ก็จะเห็นได้ชัดเลยว่ามันเป็นสัตว์อสูรที่มีระดับการบ่มเพาะพลังถึงระดับก่อตั้งขั้น 5

แต่เนื่องจาก เย่ชีเหวิน ไม่สามารถรับรู้ถึง ปราณจิตวิญญาณ ที่อยู่บริเวณโดยรอบได้ นั่นก็หมายความว่ามันคงจะถูกดูดซึมไปโดยผลไม้แกนโลกจนหมดสิ้นแล้ว เพื่อทำให้มันเจริญเติบโตยิ่งขึ้น

          "ฟ่อ!" งูหลามสีรุ้งขู่คำราม เมื่อมันเห็นว่า เย่ชีเหวิน ไม่มีท่าทีจะหลบหนีดั่งเช่นก่อนหน้านี้ มันจึงเลือกที่จะโจมตีใส่เขาอีกครั้งโดยพุ่งศีรษะของมันตรงไปที่ เย่ชีเหวิน พร้อมกับปากที่เปิดกว้าง

กลิ่นเหม็นคาวเลือกที่ไม่อาจจะทานทนได้ ได้เตะเข้ามาที่จมูกของ เย่ชีเหวิน อีกครั้ง ในขณะที่เขากำลังจะกระโดดหลบด้วยความเร็วเช่นราวกับภูติผี เพื่อหลีกเลี่ยงคมเขี้ยวอันแหลมคมของงูหลามสีรุ้ง พร้อมกับเบี่ยงตัวกลางอากาศและยิงฝ่ามือออกไป

เคลื่อนไหวดั่งอัสนีเคลื่อนย้ายดั่งวายุ!

ฝ่ามือของ เย่ชีเหวิน นั้นได้ยิงออกไปอย่างรวดเร็วพร้อมกับประทับตราลงบนร่างของงูหลามสีรุ้ง

          "ปัง!"

เสียงดังสะท้อนราวกับเป็นการปะทะของแผ่นเหล็ก เกล็ดของงูหลามนั้นมีความแข็งแกร่งมาก ซึ่งแข็งเสียยิ่งกว่าแผ่นเหล็กทั่วไปเสียอีก

แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นความแข็งแกร่งของ เย่ชีเหวิน ก็ยังเป็นที่รู้จักกันดีว่าน่ากลัวเพียงใด แม้ว่าจะสามารถทะลวงเกล็ดหนังของมันได้ แต่ก็ยังส่งมันบินออกไปไกลนับหลายเมตร

- จบ -

แปลโดย : นายกระทิ 3B

3 ความคิดเห็น:

  1. งูสายรุ้ง นี้คุ้นๆ นะ เหมือนเคยอ่านเจอที่ไหน แต่คิดไม่ออก ฮ่าๆ

    ตอบลบ
  2. 3 ย้าย คืออะไร 3ฝ่ามือ หรือ 3กระบวนท่า หรือ3ลมหายใจ

    ตอบลบ

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม