บทที่ 13 - ยืมมือสร้างความวิบัติ

ในวันหนึ่ง เย่ชีเหวิน กำลังนั่งสมาธิอยู่ด้านบนกิ่งก้านของต้นไม้ใหญ่ พร้อมกับถอดถอนลมหายใจ บาดแผลบนร่างของเขากำลังฟื้นตัวจนใกล้จะหายสนิท ซึ่งนั่นก็เป็นผลมาจากการรักษาโดยใช้ทักษะ"อำนาจหยกพิสุทธิ์" ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าทึ่งอย่างแท้จริง หากอาการบาดเจ็บนี้ได้เกิดขึ้นบนโลกของเขา มันคงต้องใช้ระยะเวลาในการรักษากว่าหลายเดือนเพื่อให้หายสนิท แต่นี่กลับใช้เวลาเพียงแค่วันเดียว สภาพร่างกายของเขาก็กลับคืนสู่สภาพเดิม จนมันอาจกล่าวได้ว่าทักษะการต่อสู้บนโลกใบนี้นั้น ช่างเป็นสิ่งที่น่ามหัศจรรย์อย่างแท้จริง

วันเวลาผ่านไป เขาได้หลบซ่อนตัวอยู่ที่นั่นทีที่นี่ที ซึ่งก็ดูเหมือนว่าจำนวนคนของตระกูลจางก็จะยิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆเพื่อไล่ล่าหาตัวเขา นอกจากนี้ก็ยังมีพวกที่เคยฝึกฝนอยู่ในบริเวณแถบนี้มาก่อน แม้ว่าพวกมันจะไม่เคยเห็นใบหน้าของ เย่ชีเหวิน และแม้ว่าพวกที่เห็นจะถูกสังหารลงในทันทีด้วยน้ำมือของ เย่ชีเหวิน แต่นั้นก็ไม่อาจหยุดความทะเยอทะยานในการตามล่าเขาของพวกมันได้ เมื่อพวกมันพบเห็นผู้ต้องสงสัย คนเหล่านั้นก็อาจถูกจับไม่ก็ถูกสังหารในทันที โดยฝีมือของพวกคนตระกูลจาง

ความเป็นจริง พวกมันได้สังหารผู้คนไปแล้วกว่าสามพันคน ไม่มีใครแม้แต่คนเดียวที่มีชีวิตลอดกลับไป

การไล่ล่ายังคงเป็นไปอย่างต่อเนื่องตลอดวันตลอดคืนอย่างไม่มีการหยุดพัก นับตั้งแต่ที่สองนายหนุ่มถูกสังหารลงโดย เย่ชีเหวิน คนตระกูลจางก็ไม่อาจระงับความโกรธเกรี้ยวได้อีกต่อไป นอกจากนี้ยังมีผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากที่ได้เข้าร่วมกับการไล่ล่าในครั้งนี้ เวลาค่อยๆผ่านพ้นไปเรื่อยๆ ทั้งวิธีการค้นหาและกลุ่มคนที่มีแต่จะแข็งแกร่งมากขึ้น จนในตอนนี้จำนวนคนที่เพิ่มมากขึ้นก็ไปจนถึงในระดับที่น่าหวาดกลัว

เย่ชีเหวิน ยังคงครุ่นคิดถึงวิธีการ ที่จะทำให้พวกมันได้รู้ซึ้งถึงความเจ็บปวด และทำลายพวกมันไปจนถึงแกนกลาง

          "โฮก!" แต่ทันใดนั้นเอง ก็ได้มีเสียงคำรามของสัตว์ร้ายดังก้องออกมา ซึ่งหากฟังดูแล้วก็จะเห็นได้ชัดว่ามันเป็นเสียงร้องคำรามของฝูงวานร

แต่เสียงร้องคำรามที่ไม่ทราบที่มาแน่ชัดนี้ ได้ดังก้องกังวาลสั่นสะเทือนได้แม้แต่ท้องฟ้า

เย่ชีเหวิน ถึงกับลุกขึ้นยืนและกระโดดขึ้นไปบนยอดไม้อีกต้นหนึ่ง จากนั้นเขาก็กระโดดจากอีกต้นไปอีกต้น และมุ่งหน้าหาต้นตอของเสียงคำรามอย่างรวดเร็ว

ในที่ที่ไกลออกไป เขาเห็นกลุ่มวานรขนาดมหึมามากกว่าหนึ่งร้อยตัว พวกมันถูกปกคลุมไปด้วยขนสีเงินและสีขาวทั่วทั้งร่าง ทั้งยังมีความสูงราวประมาณสองเมตร และมีเขี้ยวที่แหลมคมงอกออกมาจากปาก ซึ่งลักษณะของพวกมันนั้นช่างดูดุร้ายเป็นอย่างมาก

พวกมันคือกองกำลังวานรเหล็กสีเงิน

สัตว์อสูรวานรไม่ถือว่าเป็นเผ่าพันธ์ุที่แปลกประหลาดในหุบเขาฉิงฟง เนื่องจากสถานที่แห่งนี้มีสัตว์อสูรอยู่หลายเผ่าพันธุ์ แต่ถึงอย่างนั้น พวกมันก็ถือว่าเป็นสัตว์อสูรที่มีชื่อเสียงเป็นอันดับต้นๆในหมู่สัตว์อสูรด้วยกัน พวกมันมักอยู่รวมตัวกันเป็นฝูง ทั้งยังมีนิสัยที่ดุร้ายและป่าเถือนทรงพลัง พวกมันส่วนใหญ่ล้วนมีพละกำลังเทียบเท่ากับพยัคฆ์สี่ตัว หรือก็คือมีความแข็งแกร่งเทียบเท่าได้กับผู้เยี่ยมยุทธ์ก่อตั้งขั้นห้า พวกมันสามารถฉีกกระฉากเสื้อทั้งตัวได้ด้วยกรงเล็บของมัน เนื่องด้วยผิวหนังของมันนั้นมีความทนทานสูง และกล้ามเนื้อที่แข็งราวกับเหล็กกล้า ซึ่งไม่ว่าจะเป็นคมดาบหรือคมหอก ก็ยากที่จะเจาะทะลุผ่านชั้นผิวหนังของมันเข้าไปได้

ในกลุ่มของวานรเหล็กสีเงิน มันมีอยู่เพียงตัวเดียวเท่านั้นที่มีขนปกคลุมกายเป็นสีทอง มันยืนเหนืออยู่บนยอดเขาเพียงตัวเดียว ซึ่งมันมีความสูงถึงสามเมตรและสูงมากกว่าวานรตัวใด ๆ

มันคือราชันย์ของเหล่าวานรเหล็กสีเงิน คลื่นรัศมีพลังของมันนั้นน่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างมาก หากจัดเรียงลำดับตามพื้นฐานฝึกตนของมนุษย์แล้วละก็ มันควรที่จะมีความแข็งแกร่งอยู่ที่ในระดับก่อตั้งขั้นแปดหรือบางทีอาจมากกว่านั้น

พวกมันไม่ใช่กลุ่มก้อนของกองกำลังเล็กๆ แต่พวกมันมีจำนวนวานรเหล็กสีเงินที่มากกว่าถึงร้อยตัว

แต่ทันใดนั้นเอง ความคิดบางอย่างก็ได้ผุดเข้ามาในหัวของ เย่ชีเหวิน ว่าถ้าหากทำให้กองกำลังของคนตระกูลจางรุกล้ำเข้าไปในเขตพื้นที่ของพวกวานรเหล็กสีเงินได้ นั่นก็นับว่าเป็นความคิดที่ดีมิใช่น้อย เพราะว่าถ้าหากมีใครรุกล้ำเข้าไปในอาณาเขตของพวกมัน นั้นก็เท่ากับเป็นการบุกรุกบ้านของพวกมันโดยที่ไม่ได้รับอนุญาต และพวกมันก็จะบุกจู่โจมเข้าใส่ผู้บุกรุกนั้นในทันที

ซึ่งในเวลานั้นเอง เย่ชีเหวิน ก็จะสามารถหลีกหนีปัญหาของเขาได้ และแทนที่โดยการนั่งตกปลาเพื่อมองดูความทุกข์ของผู้อื่น

เย่ชีเหวิน หันหลังกลับพร้อมกับมุ่งหน้าไปยังกลุ่มคนตระกูลจาง

          -----------------------------

อีกด้านหนึ่งของหุบเขา เหล่าผู้เยี่ยมยุทธตระกูลจางยังคงหาร่องรอยของเขาอยู่อย่างต่อเนื่อง แม้แต่ผู้เยี่ยมยทุธระดับสูงก็ยังถูกส่งตัวมา เพื่อมาตามล่าเขาและสังหารเขาให้จงได้

แต่ทันใดนั้นเอง ก็ได้มีเงาหนึ่งกระโจนขึ้นมาด้านบนของต้นไม้ พร้อมกับเสียงกระหึ่มคลื่นลมพายุฟ้าร้องคำรามและอากาศที่บิดเบี้ยวจนกลายเป็นรูปมือขนาดใหญ่ กดทับลงมาจากด้านบน 

          "ปัง!" ผู้เยี่ยมยุทธผู้โชคร้ายคนหนึ่งตกตายไปในทันทีจากการจู่โจมฉับพลัน

          "เจ้านั่นเองที่เป็นมือสังหารที่สังหารคนตระกูลจางของพวกเรา,จับตัวมันไว้!" ทันใดนั้นเอง ก็ได้มีผู้เยี่ยมยุทธผู้หนึ่งตะโกนขึ้นเมื่อเห็นการโจมตีของ เย่ชีเหวิน 

แต่อย่างไรก็ตาม ทันทีที่เขาได้สังหารผู้เยี่ยมยุทธตระกูลจางลง เย่ชีเหวิน ก็ได้หันหลังกลับและหลบหนีออกไป ทำให้เหล่าผู้เยี่ยมยุทธตระกูลจางต้องรีบเร่งออกไล่ล่าเขาในทันที

หลังจากที่กระโดดออกไปอยู่หลายครั้งในที่สุดเขาก็ได้จมหายเข้าไปในพุ่มไม้ แต่อย่างไรก็ตาม ในกลุ่มของผู้ไล่ล่าตระกูลจางก็ได้มีผู้เชี่ยวชาญระดับสูงแฝงตัวอยู่ด้วยนับหลายสิบคน 

          "ตามมันไป,วันนี้ต้องจับตัวมันมาให้ได้!"

          "สังหารมัน,จับมันหั่นเป็นร้อยชิ้นพันชิ้น,ในเมื่อมันกล้าสังหารคนตระกูลจางของพวกเรา,พวกเราไม่อาจปล่อยให้มันหนีรอดกลับออกไปได้!"

          "แก้แค้นให้นายน้อยหนุ่ม!"

          "เด็กน้อย,เจ้าต้องตายในวันนี้!" แต่ในตอนนั้นเอง ก็ได้มีเสียงคำรามมาจากชายวัยกลางคนที่ดังมาจากด้านหลัง ซึ่งเขาคือชายคนเดียวกันกับก่อนหน้านี้ที่มีบาดแผลบนใบหน้า เขาได้เข้าร่วมกลับกลุ่มไล่ล่าเพื่อตามล่า เย่ชีเหวิน ในครั้งนี้ด้วย

เย่ชีเหวิน สามารถรับรู้ได้ถึงกลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวอยู่หลายจุดที่แฝงอยู่ในกลุ่มคนที่ไล่ตามเขามา อีกทั้งเขายังล่วงรู้ถึงความตั้งใจของพวกมันเป็นอย่างดี แต่อย่างไรก็ตาม เกียวกับสถานการณ์นี้ เขาทำได้เพียงแค่ยิ้มเยาะ ยิ่งพวกมันมากันมากเท่าใด เขาก็ยิ่งมีความเพลิดเพลินไปกับการนั่งดูความทุกข์ทรมานของพวกมันมากเท่านั้น

ผู้ไล่ล่ากำลังใกล้เข้ามาในขณะที่อาณาเขตของพวกวานรเหล็กสีเงินนั้นกำลังใกล้ขึ้นเรื่อยๆ ในตอนนั้นเอง เย่ชีเหวิน ก็ได้คว้าหินและปามันเข้าไปที่หัวของวานรเหล็กสีเงินที่อยู่ภายในอาณาเขตของพวกมันจนหน้าทิ่ม

จากนั้นเขาก็ตรงดิ่งลงพื้นและหลบหนีเข้าไปในป่าพร้อมกับลบตัวตนอย่างรวดเร็ว

          "ปัง!" ก้อนหินขนาดใหญ่กระแทกเข้ากับศีรษะของวานรเหล็กสีเงิน แต่กับเป็นว่าหินก้อนนั้นแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ ความแข็งแกร่งของ เย่ชีเหวิน นั้นเป็นที่ประจักษ์กันดีว่ามีพละกำลังถึงหนึ่งพันจิน แต่กระดูกของวานรเหล็กสีเงินนั้นกับมีแข็งแกร่งราวเหล็กกล้า หากว่าหินก้อนนี้ปาโดนสัตว์ทั่วไปแล้วละก็ คงไม่ต้องกล่าวถึงสภาพของพวกมัน

          "โฮก!"

          "โฮก!"

          "โฮก!"

การกระทำเมื่อครู่ ทำให้ให้วานรเหล็กสีเงินเริ่มคลุ้มคลั่งและไปด้วยความโกรธา เมื่อมีคนกล้ามาลอบโจมตีมันในอาณาเขตพื้นที่ของพวกมันเช่นนี้ มันจึงยกมือขึ้นและทุบไปที่หน้าอกของมันเพื่อเป็นสัญญาณ เหล่าวานรที่ได้ยินเสียงก็เริ่มตะโกนร้องลั่นพร้อมกับทุบหน้าอกของพวกมันเพื่อเป็นสัญญาณตอบรับ จนเสียงดังกระหึ่มกึกก้องไปทั่วท้องฟ้า

ฝูงวานรเหล็กสีเงินที่ไม่ได้ถูกนำโดยราชันย์ของพวกมันได้มุ่งหน้าไปยังทิศทางของ เย่ชีเหวิน อย่างรวดเร็วด้วยความเร็วที่เหลือเชื่อ กล้ามเนื้อขนาดใหญ่ของพวกมันที่กระทบลงบนพื้นหญ้า ทำให้ต้นไม้ใหญ่หรือแม้แต่ผืนดนยังต้องสั่นสะเทือนเลือนลั่น จากกิ่งไม้อีกต้นไปยังอีกต้น เพียงแค่การกระโดดเพียงครั้งเดียว พวกมันก็พุ่งทะยานออกไปไกลนับหลายสิบเมตร

และในตอนนั้นเอง ในที่สุดกลุ่มไล่ล่าของกองกำลังตระกูลจางก็ได้มาถึง พวกมันต่างตระโกนเลือนลั่นกันอย่างบ้าคลั่ง พร้อมกับจิตสังหารอันรุ่นแรงที่สามารถสั่นคลอนได้แม้กระทั่งอากาศและอาจสร้างความวุ่นวายได้อย่างใหญ่โต

แต่ถึงอย่างนั้น พวกมันทั้งสองฝ่ายต่างก็ไม่ได้เตรียมพร้อมกันมาซึ่งสถานการณ์เช่นนี้ เพียงแค่ช่วงสั่นๆที่สายตาของพวกมันกระทบซึ่งกันและกัน ด้วยความเร็วที่ไม่อาจยับยั้งได้ ก็เหมือนราวกับคลื่นกระแสน้ำที่เชี่ยวกราดทั้งสองสายได้มาบรรจบกัน

ผู้เยี่ยมยุทธกองหน้าที่มีพื้นฐานฝึกอยู่ก่อตั้งขั้นสี่ของกองกำลังตระกูลจาง ได้เข้าปะทะกับกลุ่มของฝูงวานรเหล็กสีเงินพร้อมกับล้มลงและตกตายไปในเวลาต่อมา

เหล่าวานรเหล็กสีเงินพวกนี้ต่างเคลื่อนที่ด้วยความเร็วอย่างเหลือเชื่อ ผนวกกับกล้ามเนื้อที่ใหญ่โตของพวกมัน จึงทำให้พวกมันราวกับเป็นเครื่องบดเนื้อเคลื่อนที่และทิ้งเหลือไว้เพียงแค่ฝุ่นที่อยู่เบื้องหลัง ซึ่งในความเป็นจริงด้วยกล้ามเนื้อที่ใหญ่โตของพวกมัน จึงทำให้พวกมันแทบที่จะอยู่ยงคงกระพันและยากที่จะมีอาวุธใดเจาะทะลุผิวหนังของพวกมันได้

          "บัดซบ,เหตุใดที่นี่ถึงได้มีวานรเหล็กสีเงินมากมายถึงเพียงนี้!" ชายวัยกลางคนที่มีบาดแผลบนใบหน้าได้ก่นด่าสาปแช่งออกมาด้วยน้ำเสียงอันดัง ขณะที่ในมือก็ใช้ใบมีดตัดผ่านล่างของพวกมันขาดออกเป็นสองท่อน พวกวานรเหล่านี้ล้วนไม่ใช่สัตว์รักสงบในหุบเขาฉิงฟง แม้ต่อให้เป็นตระกูลจางก็อาจไมประมาทและบุกเข้าไปในอาณาเขตของพวกมันเช่นนี้ หากต้องการฝึกฝนเพื่อเพิ่มประสบการณ์ของตนเอง พวกเขาก็จำเป็นที่จะต้องเลือกสัตว์อสูรที่เฉพาะเจาะจงหรือตัวที่อยู่ตนเดียว มิใช่ไปกระตุ้นกลุ่มของพวกมันเช่นนี้

นี่ยังไม่นับว่ากลุ่มวานรเหล็กสีเงินนั้นถือเป็นกองกำลังที่แข็งแกร่งและทรงพลังเป็นอย่างมาก

กระแสน้ำอันน่าสะพรึงกลัวทั้งสองสายได้ซัดเข้าหากัน เหล่าผู้เยี่ยมยุทธตระกูลจางมากมายต่างล้มตายและเสียหายอย่างย่อยยับ แต่ในขณะเดียวกัน วานรจำนวนมากต่างก็ถูกจัดการและเด็ดศีรษะลงโดยเงื้อมมือของผู้เยี่ยมยุทธเหล่านี้ไปพร้อมๆกัน

          "โฮก!" แต่ในตอนนั้นเอง ราชันย์ของเหล่าวานรเหล็กสีเงิน ราชันย์วานรทองคำก็ได้กู่ร้องคำราม พร้อมกับส่งคลื่นกระแทกออกไปเป็นวงกว้างทั่วทั้งท้องฟ้า จากนั้นมันก็กระโดดลงมาจากต้นไม้ด้านบน

         "ปัง!" แรงกดดันอันมหาศาลกดทับลงมาจากท้องฟ้า แต่มิใช่เพียงเท่านั้น เหล่าจอมยุทธที่ทนไม่ได้ก็พลันตัวแตกไปในทันควัน อีกทั้งแม้แต่ผืนดินยังต้องสั่นสะเทือน

         "ปัง!" ใบมีดของจอมยุทธผู้หนึ่งได้ตัดลง แต่นั่นก็ทำให้ต้องพบกับความประหลาดใจ เมื่อราชันย์วานรรับมันไว้โดยมือเปล่า และในวินาทีถัดมาใบมีดเล่มนั้นก็หักงอราวกับกระดาษพับ พร้อมทั้งยังถูกสวนกลับโดยกำปั้นราชันย์วานรอย่างรุนแรง

และกำปั้นที่รุนแรงนี้ก็ยังถือเป็นทักษะ ซึ่งแม้แต่ เย่ชีเหวิน เองก็ยังต้องตกตะลึง เมื่อเห็นวาสัตว์อสูรสามารถใช้วรยุทธที่เรียกว่าทักษะกำปั้นได้ และกำปั้นนี้ก็ยังถือว่าเป็นกำปั้นวานรชนิดหนึ่ง

-จบ-

แปลโดย : นายกระทิ 3B

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม