บทที่ 14 - ดินแดนก่อตั้งขั้นหก

อย่างไรก็ตาม การที่พวกมันสามารถใช้ทักษะการต่อสู้ได้ก็คงมิใช่เรื่องแปลก เพราะมีทักษะการต่อสู้อยู่มากมายหลายแขนงที่มนุษย์ลอกเลียนแบบมาจากพวกสัตว์อสูรเหล่านี้ บ้างก็เป็นทักษะประเภท กำปั้นพยัคฆ์ กำปั้นวานร กำปั้นอสรพิษและ กำปั้นอื่น ๆ อีกมากมายหลายหลายแขนง เพียงแค่ดูจากชื่อของพวกมันก็คงเดาได้ไม่ยากถึงภาพลักษณ์ของเคล็ดวิชาเหล่านั้น

ราชันย์ของเหล่าวานรเหล็กสีเงินโจมตีสวนกลับอย่างเกรี้ยวกราด

ทั้งสองฝ่ายต่างเข้าห้ำหั่นกันด้วยความโกรธเกรี้ยว ก่อนหน้านี้พวกเขาไม่อาจรับมือกับพวกวานรเหล็กสีเงินได้ เนื่องจากว่าพวกมันเป็นสัตว์อสูรที่ดุร้ายและรับมือได้ยาก แต่ถึงอย่างนั้น พวกเขาเองต่างก็เป็นผู้ฝึกยุทธทั้งยังเป็นคนตระกูลจาง พวกเขาได้พยายามอย่างหนักมาอย่างยาวนานกับการฝึกฝนวิชายุทธ ดังนั้นพวกเขาเกลียดการพ่ายแพ้เป็นที่สุด

ชายวัยกลางคนที่มีบาดแผลเป็นบนใบหน้ากำลังเผชิญหน้ากับราชันย์วานรเหล็กสีเงิน แต่จิตสังหารของเขากับถูกผลักดันกลับมาโดยราชันย์วานร ชายวัยกลางคนนั้นมีพื้นฐานฝึกตนอยู่ที่ระดับก่อตั้งขั้นเจ็ด ในขณะที่ราชันย์วานรนั้นมีความแข็งแกร่งอยู่ที่ก่อตั้งขั้นแปด ซึ่งเป็นความห่างชั้นราวกับสวรรค์และโลก แต่ทว่าชายวัยกลางคนก็ยังไม่ล้มเลิกความคิดที่จะยอมแพ้

แต่ทว่า เย่ชีเหวิน นั้นทราบดีว่าผู้เยี่ยมยุทธเหล่านี้จะต้องถอยร่นกลับไปในไ่ช้า หลังจากที่พวกมันได้ประสบกับความพ่ายแพ้อย่างสแสนสาหัส ดังนั้นเขาจึงไม่จำเป็นต้องรีบร้อนอันใด เขาค่อย ๆ ถอยร่นออกห่างมาจากสนามรบและหลบเข้าไปในถ้ำของพวกวานรเหล็กสีเงิน

ในตอนนี้กลุ่มกองกำลังทั้งหมดของพวกวานรเหล็กสีเงินกำลังมุ่งหน้าออกไปกำจัดผู้บุกรุกของมันทั้งหมดอย่างเต็มกำลัง จึงอาจกล่าวได้ว่าช่วงเวลาในตอนนี้เป็นช่วงเวลาอันล้ำค่า พวกวานรเหล่านี้ล้วนแต่ชอบสั่งสมสิ่งต่าง ๆ เอาไว้มากมาย และได้สังหารจอมยุทธและนักเดินไปหลายต่อหลายคนในช่วงระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา หากเป็นพวกสัตว์อสูรธรรมดาทั่วไป พวกมันคงไม่สนใจสิ่งที่มนุษย์หลงเหลือเอาไว้ หากแต่สำหรับสัตว์อสูรประเภทนี้มันต่างกัน พวกมันมีภูมิปัญญาที่สูงกว่าพวกสัตว์อสูรสามัญทั่วไป ดังนั้นพวกมันจึงชอบสั่งสมสิ่งต่าง ๆ ที่แวววาวและดึงดูดใจของพวกมันไว้

เย่ชีเหวิน ได้ตรวจสอบเรื่องนี้มาแล้วในหลาย ๆ เรื่อง

ไม่นานหลังจากนั้น เย่ชีเหวิน ก็ได้ค้นพบถ้ำของพวกมัน อันที่จริงถ้ำของพวกมันอยู่ท่ามกลางหน้าผาหินขนาดใหญ่ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากว่าเวลานั้นไม่คอยท่า อีกไม่นานพวกมันก็จะกลับมา เขาไม่มีเวลามากพอที่จะค้นทุกส่วนภายในถ้ำหรือเข้าทีละห้อง ดังนั้นเขาจึงจำเป็นที่จะต้องเลือกถ้ำที่ใหญ่ที่สุด แน่นอนว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่เขาจะมุ่งหน้าค้นหาถ้ำของราชันย์วานรเหล็กสีเงินเป็นอันดับแรก

ทันทีที่เขาก้าวเท้าเข้าไปยังภายในถ้ำของราชันย์วานร กลิ่นอายของสุราเลิศรสหอมกรุ่นก็ลอยมาเตะจมูกของเขา ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีว่าสุรานั้นจะทำให้มนุษย์มึนเมา

มันคือสุราวานร!

ชื่อนี่ได้ผุดขึ้นมาในจิตใจของ เย่ชีเหวิน เขาได้อ่านตำรามาแล้วมากมายและพบว่าบางส่วนมีบันทึกไว้เกี่ยวกับสุราวานร ซึ่งสุราชนิดนี้ใช้ผลไม้ส่วนใหญ่เป็นส่วนผสมและสกัดหมักมันให้กลายเป็นสุรา ซึ่งเป็นชื่อที่เรียกกันว่าสุราวานร

สายตาของ เย่ชีเหวิน กวาดมองไปรอบ ๆ และพบกับบ่อขนาดใหญ่ที่อยู่ภายในถ้ำ ซึ่งถ้าหากก้าวเข้ามาก็จะเห็นได้อย่างชัดเจน บ่อขนาดใหญ่นี้ต่างอัดแน่นไปด้วยสุราจำนวนมาก และกลิ่นอันหอมกรุ่นที่คุกรุ่นไปทั่ว เพียงแค่หากได้ดื่มมันสักอึกก็จะทำให้รู้สึกขนลุกซู่ซ่าไปทั้งตัว นอกจากนี้ภายในกลิ่นอันหอมกรุ่นของมันก็ยังแฝงไปด้วยกลิ่นอายของพลังปราณ

แน่นอนว่านี่ต้องไปใช่สุราวานรธรรมดาเป็นแน่ มันอาจไม่ได้ทำผลไม้ธรรมดา บางที่มันอาจเป็นผลไม้ที่อันแน่นไปด้วยปราณวิญญาณหลากหลายชนิดมาผสมหลอมรวมกัน จนอาจกล่าวได้ว่ามันเป็น"สมบัติล้ำค่า"ก็มิใช่เรื่องเกินเลย

โดยไม่มีความลังเลใจใด ๆ เย่ชีเหวิน ได้รีบจัดเก็บสุราไว้ในขวดน้ำเต้าและเก็บเข้าไปในแหวนจัดเก็บพื้นที่ของตนในทันที

หลังจากนั้นเขาก็ชายตามองไปทั่วทั้งภายในถ้ำ ถึงแม้ว่าภายในถ้ำจะมืดมิด แต่ดวงตาที่ผ่านการฝึกฝนและการต่อสู้มาอย่างโชกโชน ความมืดเพียงเท่านี้ก็เปรียบเสมือนเป็นดั่งแสงสว่างในตอนกลางวัน ในมุมหนึ่งของถ้ำมีศิลาวิญญาณทับซ้อนอยู่เป็นชั้น ๆ ทั้งยังส่งเสียงหึ่ง ๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง ราวกับเป็นส่วนหนึ่งในดินแดนแห่งสรวงสวรรค์ก็มิปาน

ดูเหมือนว่ามันจะมีศิลาวิญญาณระดับต่ำไม่น้อยกว่าหนึ่งพันก้อน ซึ่ง เย่ชีเหวิน ก็เร่งรีบปล้นมันอย่างรวดเร็ว และเก็บมันไว้ในแหวนจัดเก็บพื้นที่ของเขา

ส่วนที่เหลือก็มักเป็นอาวุธไม่ก็ชุดเกราะสนิมเขรอะเน่าเสีย ที่ดูเหมือนจะผ่านเวลามานานนับหลายปี และไม่มีค่าใดเลย

เนื่องจากว่าสิ่งของเหล่านี้ล้วนไม่มีค่าและไม่สามารถนำไปใช้สอยได้ ดังนั้นเขาจึงเลือกหยิบเพียงแค่ใบมีดยาวเล่มหนึ่งที่มีฝุ่นเกาะหนาเตอะอยู่ที่พื้นขึ้นมา เขาไม่ทราบว่ามันมีอายุการใช้งานมานานแล้วกี่ปี แต่ที่เห็นได้ชัดว่ามันมิได้ผุพังเฉกเช่นเดียวกันกับอาวุธชนิดอื่น ๆ ที่กองรวมกันอยู่ตรงนั้น นอกจากนี้ที่ปลายใบมีดก็ยังมีรัศมีอันหนาวเย็นที่น่าทึง ในขณะที่ด้ามจับถูกเคลือบด้วยทองคำบริสุทธิ์ และมีความคมที่น่าเหลือเชื่อ

และเหตุผลที่เขาเลือกใบมีดนี้มันก็ง่ายมาก เพราะว่าเขาได้ครอบครองวรยุทธ์ที่มีชื่อว่า"ตัดจันทราเงียบงัน" ซึ่งการที่เขาเลือกอาวุธชนิดนี้ มันก็ดูสอดคล้องกับเงื่อนไขของเคล็ดวิชา และมันก็จะยิ่งทำให้รูปแบบของเคล็ดวิชานั้นดูสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น
หลังจากที่เขาหยิบใบมีดขึ้นมาเขาก็ได้คาดมันไว้ที่เอว จากนั้นเขาก็เลือกที่จะหันหลังกลับ เพราะว่าเขาไม่ต้องการที่จะอยู่ที่นี่นานเกินไปนัก

หลังจากที่เก็บกวาดข้าวของภายในถ้ำของราชันย์วานรจนหมดสิ้น เย่ชีเหวิน ก็ได้ก้าวเท้าออกมาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นและเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข ราวกับว่าสิ่งเหล่านี้เป็นเพียงแค่ความฝัน สำหรับเขาเพียงแค่ก้อนศิลาวิญญาณนับสิบก้อน ก็ถือว่าเป็นจำนวนทรัพยากรที่มากเกินพอแล้วสำหรับเขา เพียงแต่ในตอนนี้เขากับได้ครอบครองมันเป็นพัน ๆ ก้อนในระยะเวลาอันสั่น

จนทำให้เขาในตอนนี้ยิ้มแก้มปริจนแทบจะถึงหู นี่ถือว่าเป็นเรื่องน่ามหัสจรรย์และน่าตื่นตาตื่นใจอย่างแท้จริงสำหรับเขา!

ภายในแหวนจัดเก็บพื้นที่ เย่ชีเหวิน ได้หยิบขวดน้ำเต้าออกมาและเปิดมัน เดิมทีขวดน้ำเต้านี้มีไว้เพื่อกักเก็บน้ำดืม แต่ในครั้งนี้เขาใช้มันเพื่อบรรจุสุราวานร

จากนั้นเขาก็ดื่มมันเข้าไปและในทันทีที่กลืนลงคอ เขาก็รู้สึกได้อย่างฉับพลันถึงกระแสเลือดที่อยู่ภายในร่างกำลังสูบชีด นอกจากนี้เขาก็ต้องพบกับความประหลาดใจที่พละกำลังของเขากำลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แม้ว่าความแข็งแรงที่เพิ่มขึ้นมานั้นจะเป็นเพียงแค่ครึ่งจินก็ตาม แต่สุราวานรนี้กับแสดงให้เห็นผลที่แปลกประหลาดยิ่ง อาจกล่าวได้ว่านี่เป็นสมบัติจากสวรรค์ก็ไม่ปาน ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำให้ร่างกายของพวกวานรเหล็กสีเงินนั้นถึงได้แข็งแกร่งถึงเพียงนั้น ไม่ว่ามันจะเป็นดาบหรือหอกก็มิอาจเจาะทะลวงผ่านผิวหนังของพวกมันได้

เย่ชีเหวิน จ้องมองไปยังสนามรบที่กำลังเกิดการต่อสู้อยู่อย่างต่อเนื่อง ระหว่างผู้เยี่ยมยุทธ์ตระกูลจางกับพวกวานรเหล็กสีเงิน สนามรบมิได้อยู่ไกลมากนักจากจุดที่เขายืน เขายังคงมองเห็นการต่อสู้ได้อย่างชัดเจนทั่วทั้งสมรภูมิรบ กลิ่นอายแห่งการฆ่าฟันได้พุ่งทะยานขึ้นจนถึงท้องฟ้าอย่างน่ามหัศจรรย์ ทำให้พวกสัตว์ที่อยู่บริเวณรอบ ๆ ต่างหวาดกลัวและต่างพากันถอยห่างออกไป

จากนั้นเขาก็ปีนขึ้นไปบนต้นไม้ใหญ่และเจาะภายในให้เกิดโพลง เพื่อที่สำหรับเขาจะได้ปิดประตูฝึกตนและทำการบ่มเพาะพลัง

ในตอนนี้เองที่ศิลาวิญญาณจำนวนมากเริ่มถูกเผาผลาญ กลายเป็นปริมาณของปราณมหาศาลที่เพิ่มพูนขึ้นอย่างรวดเร็วภายในร่างกายของ เย่ชีเหวิน เขาทำเพียงแค่หลับตาลงและจมลึกลงในไปห้วงพื้นที่ลึกลับอีกครั้ง พร้อมกับจิบสุราวานรอยู่เรื่อย ๆ และความแข็งแรงของเขาก็เริ่มพุ่งทะยานขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ปราณจำนวนมากเริ่มหมุนวน จนกลายเป็นกระแสน้ำวนพลังปราณหมุนเวียนอยู่ภายในร่างของ เย่ชีเหวิน ซึ่งแทบจะในทันที เย่ชีเหวิน ก็ได้ทำการดูดซับมันอย่างรวดเร็ว

ภายในพื้นที่ลึกลับการบ่มเพาะพลังของเขานั้นเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วแต่มันมิใช่เพียงเท่านั้น อัตราความเร็วของเขายังคงเพิ่มมากขึ้นและมากขึ้น และมันยังคงเป็นเช่นนั้นไปอย่างต่อเนื่อง

ระดับต้นก่อตั้งขั้นห้า!

ระดับกลางก่อตั้งขั้นห้า!

ระดับปลายก่อตั้งขั้นห้า!

ระดับจุดสูงสุดก่อตั้งขั้นห้า!

พื้นฐานฝึกตนของ เย่ชีเหวิน กำลังเพิ่มพูนสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับพละกำลังของเขาที่พุ่งทะยานขึ้นควบคู่ไปด้วยกัน!

ขุมอำนาจแห่งพยัคฆ์หกตัว!

ขุมอำนาจแห่งพยัคฆ์เจ็ดตัว!

ขุมอำนาจแห่งพยัคฆ์แปดตัว!

ขุมอำนาจแห่งพยัคฆ์เก้าตัว

ขุมอำนาจแห่งพยัคฆ์สิบตัว!

ด้วยอัตราการเพิ่มความแข็งแกร่งอย่างรวดเร็วของ เย่ชีเหวิน อาจทำให้ทุกคนต้องตกใจ นอกจากนี้ประสิทธิภาพของสุราวานรยังถูกดูดซับจนหมดเกลี้ยง

วันคืนผ่านไปจนไม่อาจรู้เดือนรู้ตะวัน

          "ปัง!" ในที่สุด เย่ชีเหวิน ก็ได้หักผ่านเข้าสู่ ดินแดนก่อตั้งขั้นหก!

และพละกำลังของเขาก็ได้ทะลุผ่านขุมอำนาจแห่งพยัคฆ์สิบห้าตัว!

แม้กระทั่งทักษะ"ฝ่ามืออสนีบาต"ของเขาก็ยังประสบความสำเร็จโดยการบรรลุถึงขั้นก้องเสียงที่เก้า ซึ่งมีพลังอำนาจที่น่าตื่นตาตื่นใจเป็นที่สุด หากเขาเร่งพลังเสียงคำรามของสายฟ้าจนถึงเสียงก้องที่เก้าแล้วล่ะก็ พลังอำนาจของฝ่ามืออสนีบาตของเขาก็ยิ่งจะทวีคูณเพิ่มพูนสูงขึ้น

เย่ชีเหวิน เริ่มฝึกฝนทักษะ"ตัดจันทร์เสี้ยว"ภายในห้วงพื้นที่ลึกลับ ซึ่งมันเป็นขั้นตอนแรกของวรยุทธ์"ตัดจันทราเงียบงัน" เขาโบกสะพัดมือไปมา และสังเกตเห็นว่ามีเงาใบมีดถูกปล่อยออกมาเป็นหกสาย ถ้าหากว่าเขาประสบความสำเร็จจนสามารถปลดปล่อยเงาใบมีดออกมาได้ถึงเก้าสาย นั่นก็จะถือว่าเป็นการสำเร็จเคล็ดวิชา"ตัดจันทร์เสี้ยว"ที่แท้จริง

และในขั้นตอนนี้ ศิลาวิญญาณกว่าห้าร้อยก้อนก็ได้ถูกเผาผลาญไป พวกมันกลายเป็นผงสีขาวและลอยหายไปในอากาศ แม้แต่สุราวานรที่อยู่ในขวดน้ำเต้าก็ยังถูกดื่มจนหมดจดไม่เหลือแม้แต่หยดเดียว

ในที่สุด เย่ชีเหวิน ก็เปิดตาของเขาขึ้น ร่างของเขาถูกปกคลุมไปด้วยสิ่งปฏิกูลสีดำ แต่เมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้แล้วมันน้อยลงมาก

และด้วยสิ่งนี้เอง มันก็เป็นที่แน่ชัดแล้วว่าสิ่งปฏิกูลสีดำที่อยู่ภายในร่างกายของเขานั้นค่อย ๆ บั่นทอนลดลงเรื่อย ๆ เย่ชีเหวิน รีดเร้นพลังปราณภายในร่างของเขาเพื่อขจัดสิ่งปฏิกูลเหล่านี้ออกไปจากร่างกาย

จากนั้นเขาก็โบกสะบัดใบมีดยาวที่อยู่ในมือของเขาออกไป กลายเป็นเงาใบมีดตัดผ่านต้นไม้ใหญ่ขาดเป็นสองท่อน จนพวกมันโค่นล้มลงมาในทันที!

เย่ชีเหวิน สูดลมหายใจเข้าลึกพร้อมกับครุ่นคิดกระบวนท่าที่นายน้อยหนุ่มตระกูลจางใช้กับเขาก่อนหน้านี้ ซึ่งมันช่างห่างไกลจากเขาในตอนนี้มากนัก พลังอำนาจที่เขาสามารถแสดงออกมาได้นั้นมันได้อยู่ในระดับที่ห่างไกลเกินกว่าที่นายน้อยหนุ่มตระกูลจางจะสามารถเทียบได้ แม้ต่อให้ต้องเผชิญหน้ากับผู้เชี่ยวชาญก่อตั้งขั้นเจ็ด เขาก็ยังสามารถสู้รบกับพวกมันได้อย่างมิต้องเกรงกลัว!

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม