บทที่ 19 - เริ่มต้นการประลอง

ใน [ ดินแดนโลหิตหยวน ] นั้นมีสัตว์และนกฟ้าสวรรค์ต่าง ๆ จำนวนมากอาศัยอยู่ซึ่งรวมไปถึงวัตถุสมบัติต่าง ๆ นับไม่ถ้วน แต่สิ่งที่สำคัญคือมันยังเต็มไปด้วยอัตราความเสี่ยงที่สูง แม้ว่าจะเป็นถึงผู้เชียวชาญระดับขั้นก่อเกิดก็ตาม ก็ยังเอาตัวลอดได้ยากในสถานที่แห่งนี้

ทุกครั้งที่มีการเปิดทางเข้า จะต้องมีผู้อาวุโสจากสำนักยี่หยวนและผู้เชียวชาญระดับสูงจากตระกูลจางอยู่ด้วยเสมอ ซึ่งในอดีตที่ผ่านมาพวกเขาไม่เคยส่งศิษย์ของพวกเขาเข้าไปยังสถานที่แห่งนั้น เพราะมันใช้ระยะเวลามากเกินไปในการเปิดทางเข้าแต่ละครั้ง อย่างน้อยเต็มทีก็ต้องใช้ระยะเวลาถึง 10 ปี นอกจากนี้ความแข็งแกร่งของพวกเหล่าศิษย์นั้นยังคงมีน้อยมากเกินไป และมันไม่มีสิ่งใดที่จะรับประกันถึงความปลอดภัยของพวกเขา

          “ [ ดินแดนโลหิตหยวน ] ! ” เย่ คงหมิง ยังคงขมวดคิ้วและกล่าวว่า “ การที่มันถูกเปิดในปีนี้ นั่นก็เพราะว่ามันเป็นเวลาเดียวกันที่ผลไม้โลหิตหยวน นั้นออกผล ซึ่งทางผู้อาวุโสตระกูลจางได้ให้ข้อเสนอในการแข่งขันศิษย์หลักในปีนี้ว่าถ้าหากใครสามารถติด 3 อันดับแรกได้นั้นจะได้รับผลไม้โลหิตหยวน เป็นรางวัล! ”

ผลไม้โลหิตหยวน นั้นเป็นชนิดผลไม้จิตวิญญาณที่พิเศษ เพราะว่ามันสามารถออกผลได้เพียงแค่ในดินแดนหยวนเท่านั้น และเหตุผลที่ว่าทำไมดินแดนแห่งนี้ถึงมีชื่อว่าเลือดหยวน นั้นก็เพราะว่ามันมีความสัมพันธ์ที่คล้องจองกันระหว่างดินแดนและผลไม้จิตวิญญาณ

นี่คือผลไม้จิตวิญญาณ แม้ว่ามันผู้ที่กินมันจะเป็นผู้เชียวชาญระดับขั้นก่อเกิดก็ตาม มันจะช่วยทำให้พวกเขาสามารถทลายกำแพงการบ่มเพาะพลังไปยังระดับขั้นต่อไปได้ แต่แน่นอนว่าผลไม้จิตวิญญาณนั้นเป็นสิ่งที่หาได้ยาก นอกจากนี้มันยังต้องใช้เวลาในการเจริญเติบโตเต็มที่ถึง 100 ปี ถึงพวกเขาจะสามารถเก็บเกี่ยวมันได้ และทุกครั้งที่เขาเปิดทางเข้าสู่[ ดินแดนโลหิตหยวน ] จำนวนนับสิบครั้งพวกเขาค้นพบพวกมันเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้นและพวกมันเป็นสิ่งที่หาได้ยากและพวกเขาค้นพบพวกมันเพียงแค่ 9 ผล

          “ และไม่ว่าฝ่ายไหนก็ตามที่เป็นฝ่ายชนะพวกเขาจะได้รับผลไม้โลหิตหยวน ถึง 6 ผล ในขณะที่ฝ่ายพ่ายแพ้จะได้เพียงแค่ 2 ผล! ” เย่ คงหมิง กล่าว

นี่ก็ไม่ได้ต่างอะไรจากอดีตที่ผ่านมาฝ่ายที่เป็นผู้ชนะในการแข่งขันจะได้ผลตอบแทนที่สูงส่วนคนที่พ่ายแพ้จะได้รับเพียงแค่น้อยนิด

          “ ฉันเคยได้ยินมาว่าในปีที่ผ่านมาตระกูลจางได้มีการปรากฏตัวของสามอัจฉริยะที่มีประสิทธิภาพเป็นอย่างมาก เห็นได้ชัดว่าพวกเขายังเป็นเพียงแค่วัยหนุ่มสาว แต่กลับมีการบ่มเพาะพลังไปจนถึงระดับขั้นที่ 9 ” เซี้ยชุนเชว่ จู่ ๆ ก็ได้กล่าวถึงเรื่องนี้

          “ ใช่มันเป็นเช่นนั้น มันเห็นได้อย่างชัดเจนว่าพวกเขาตระกูลจางได้ทุ่มสุดตัวกับสามคนนี้เป็นอย่างมาก! ” เย่ คงหมิง ยิ้มเยาะพร้อมกล่าว “ แต่แน่นอนว่ามันจะไม่ได้เป็นไปอย่างที่พวกเขาคิดเพราะตอนนี้ ฟงเอ๋อ กำลังฝึกฝนตนเองอยู่เมื่อยามที่เขาเปิดประตูออกมาเมื่อไหร่ เขาย่อมต้องสามารถทลายกำแพงไปสู่ระดับขั้นที่ 9 ได้อย่างแน่นอน แล้วเมื่อถึงเวลานั้นเขาก็สามารถที่จะลงการแข่งขันในศึกชิงผลไม้โลหิตหยวนได้ ซึ่งในท้ายที่สุดแล้วใครจะเป็นผู้ชนะนั้นก็ยากที่จะตัดสินใจ! ”  

เย่ชีเหวิน เห็นได้อย่างชัดเจนว่าในเวลานี้ตระกูลจางมีความตั้งใจที่ชั่วร้าย แต่ดูเหมือนว่าผู้อาวุโสของสำนักยี่หยวนก็จะมีการวางแผนเตรียมเอาไว้แล้วด้วยเช่นกัน ฉะนั้นแล้วเขาจึงไม่ได้เป็นห่วงอะไรมากนัก

          “ ไม่ฉันไม่ได้กังวลเกี่ยวกับผลไม้โลหิตหยวน แต่ที่ฉันกังวลคือ[ ดินแดนโลหิตหยวน ]มันอันตรายเกินไป มันจะเกิดอะไรขึ้นถ้าพวกเขาต้องเจอกับสัตว์ปีศาจที่หน้ากลัวใน[ ดินแดนโลหิตหยวน ]! ” เซี้ยชุนเชว่ กล่าวด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวล “ ขอร้องโปรดอย่าให้ เย่หรูเชว่ มีส่วนร่วมในการแข่งขันครั้งนี้ ฟงเอ๋อ ได้มาถึงจุดสูงสุดแล้วของระดับขั้นที่ 8 อีกแค่เพียงก้าวเดียวเขาก็จะสามารถทลายกำแพงไปสู่ระดับขั้นที่ 9 เขาสามารถถูกส่งตัวไปยังสำนักหลักของยี่หยวนได้แล้ว แค่นี้มันยังไม่เพียงพออีกหรือ ? ”

          “ ฟงเอ๋อ เป็นผู้นำที่โดดเด่นในหมู่ศิษย์หลักของสำนักยี่หยวน ฉะนั้นแล้วเขาจะต้องเข้าร่วมโดยไม่มีแม้ใด ๆ และตราบใดที่พวกเขามีสติและร่วมกันต่อสู้กับสัตว์ปีศาจอย่างรอบคอบและระมัดระวังมีหรือที่พวกมันจะสามารถทำอะไรกับพวกเขาได้! ” เย่ คงหมิง กล่าวด้วยท่าทางที่หมั่นใจ “ เอาล่ะลูก เย่ เจ้าไปได้แล้ว เจ้าจำเป็นที่จะต้องใช้เวลาพักผ่อนเยอะ ๆ เพื่อเตรียมตัวเองให้ดีที่สุดในการประลองของเหล่าศิษย์ฝ่ายใน ”

          “ ครับท่านพ่อ! ” เย่ชีเหวิน กล่าว
         
เย่ชีเหวิน กลับไปยังจวนเล็ก ๆ ของเขา แต่เขาไม่ได้ทำอะไรอย่างอื่นหากแต่เขาได้หยิบบางอย่างขั้นมา นั้นคือตำราที่อยู่ข้างกายของ หม่า เหยียน [ ย่างก้าวทูตสวรรค์ ] มันคือตำราล้ำค่าที่ หม่า เหยียน ใช้มันเป็นกลโกงในการข่มขู่รีดไถผู้คนจำนวนมาก
         
เย่ชีเหวิน ดู [ ย่างก้าวทูตสวรรค์ ] และรับรู้ได้ในทันทีว่า [ ย่างก้าวทูตสวรรค์ ] นั้นเป็น [ เคล็ดวิชาการต่อสู้ระดับขั้นก่อเกิด ] แต่ทว่ามันเป็นฉบับที่ไม่สมบูรณ์และมันมีเพียงแค่ครึ่งเนื้อหาเดิมของมันเพียงเท่านั้น ซึ่งแน่นอนว่าผู้ที่ได้ทำการฝึกฝนมันจะไม่สามารถพัฒนามันไปได้ถึงจุดสูงสุด หากแต่พลังอำนาจของมันนั้นก็ไม่ได้ด่อนไปกว่า [ เคล็ดวิชาการต่อสู้ระดับขั้นสูง ] ทั่วไปเลยแม้แต่น้อย และเนื่องด้วย เย่ชีเหวิน นั้นมีเกือบทุกอย่าง ที่เขาขาดก็มีเพียงแค่เคล็ดวิชาความคล่องตัว แม้ว่า [ ฝ่ามืออสนีบาต ] และ [ ตัดเดือนหนาว ] จะมีความคล่องตัวอยู่แล้ว หากแต่มันยังมีความเป็นไปได้ที่พวกมันนั้นจะเป็นด้อยกว่า [ ย่างก้าวทูตสวรรค์ ] ที่มีความคล่องตัวเป็นพิเศษ
         
เย่ชีเหวิน ยังคิดไว้อีกด้วยว่า หลังจากจบการประลองเขาจะไปที่ตำหนักตำราเคล็ดวิชายุทธ์เพื่อเลือกเคล็ดวิชาที่มีความสามารถคล่องตัวสักหนึ่งเคล็ดวิชา แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่จำเป็นแล้ว
         
เพราะว่าเขาในตอนนี้มี [ ย่างก้าวทูตสวรรค์ ] แม้ว่ามันจะไม่สมบูรณ์ แต่สำหรับ เย่ชีเหวิน แล้วนั้นมันก็เพียงพอแล้ว หากในอนาคตเขามีโอกาสแน่นอนว่าเขาจะให้อีกส่วนหนึ่งของเคล็ดวิชา [ ย่างก้าวทูตสวรรค์ ] และทำให้มันสมบูรณ์
         
ตอนรายละเอียนข้างต้นของเคล็ดวิชา [ ย่างก้าวทูตสวรรค์ ] มันเหมาะสมเป็นอย่างมากสำหรับการประลองยุทธ์ขนาดเล็ก เมื่อมีการประลองยุทธ์ขนาดเล็กเกิดขึ้นมันจะเป็นประโยชน์ให้แก่ เย่ชีเหวิน เป็นอย่างมาก
         
เย่ชีเหวิน ได้ล้มเลิกความคิดที่จะฝึกฝนเคล็ดวิชา [ ตัดเดือนเสี้ยว ] ไปในทันทีเพราะในตอนนี้เขาก็มี [ ตัดเดือนดับ ] อยู่แล้วซึ่งมันก็หน้าจะเพียงพอในการประลองยุทธ์ภายในสำนักฝ่ายใน เพราะการที่จะมีศิษย์ที่วสามารถฝึกฝนเคล็ดวิชาไปจนถึงจุดสูงสุดของมันได้นั้นมีอยู่น้อยมาก นี่จึงยิงไม่ต้องพูดถึง [ เคล็ดวิชาการต่อสู้ระดับกลาง ]
         
ฉะนั้นแล้วในตอนนี้การฝึกเคล็ดวิชา [ ย่างก้าวทูตสวรรค์ ] จึงเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรก
         
เย่ชีเหวิน ปิดตาของเขาและเข้าสู่พื้นที่ลึกลับเพื่อเริ่มฝึกฝนเคล็ดวิชา [ ย่างก้าวทูตสวรรค์ ] ที่ถูกเขียนเอาไว้ภายในตำรา
         
มันเริ่มต้นด้วยการเผาผลาญ[ ศิลาวิญญาณระดับต่ำ ]ด้วยจำนวนที่มากขึ้น จิตวิญญาณชี่จำนวนมากมายได้ถูกส่งผ่านเข้าไปภายในร่างกายของ เย่ชีเหวิน เข้าเริ่มต้นที่จะเข้าใจถึงเคล็ดวิชา [ ย่างก้าวทูตสวรรค์ ] ได้อย่างรวดเร็ว
         
เย่ชีเหวิน ได้ฝึกฝนเคล็ดวิชาภายในพื้นที่ลึกลับของเขาอย่างต่อเนื่อง ยามแรกเขายังคงไม่รู้สึกคุ้นเคยร่างกายของเขาจึงได้เคลื่อนไหวค่อนข้างที่จะเชื่องช้า หากแต่เมื่อเวลาผ่านไปไม่นานนักเขากลับสามารถเคลื่อนที่ได้อย่างรวดเร็วราวกับว่าเขาเป็นผู้เชียวชาญที่มากไปด้วยฝีมือ
         
เพียงพริบตา วันเวลาไปผ่านล่วงเลยไปแล้วถึง 2 วัน
         
ภายในจวนขนาดเล็กของ เย่ชีเหวิน ฝ่ามือทั้งสองข้างของเขาได้ไขว้หลัง พลางก้าวเท้าออกไปยังด้านหน้า เพียงพริบตาเขาได้ไปปรากฏอยู่ที่มุมสุดของปลายทาง
         
รอยยิ้มได้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของ เย่ชีเหวิน เพียงแค่สองวัน ที่เขาได้ทำการฝึกฝน [ ย่างก้าวทูตสวรรค์ ] เขาก็สามารถฝึกฝนมันไปจนถึงแล้วใน[ ดินแดนที่ 3 เชี่ยวชาญ ] ซึ่งในระดับขั้นของเคล็ดวิชานั้นจะถูกแบ่งออกเป็น 4 ดินแดนได้แก่ [ แรกเริ่ม ] , [ ชำนาญ ] , [ เชี่ยวชาญ ] , [ สูงสุด ] ซึ่งแม้ว่ามันจะมีเพียงแค่ 4 ดินแดน ในแต่ละดินแดนนั้นมีความแตกต่างและห่างชั้นกันอยู่มากในการฝึกฝนที่จะก้าวไปยังในแต่ละดินแดน ซึ่งการที่จะสามารถฝึกฝนจนมาถึง[ ดินแดนที่ 3 เชี่ยวชาญ ]ได้ มันจำเป็นที่จะต้องใช้ระยะเวลานานเป็นอย่างมากในการฝึกฝน ซึ่งมันสามารถเทียบเท่าได้กับ [ เคล็ดวิชาการต่อสู้ระดับขั้นสูง ] แต่อย่างไรก็ตามสำหรับ เย่ชีเหวิน นั้นไม่เหมือนกัน เพราะว่าเขามีพื้นที่ลึกลับที่จะช่วยเขาในการบ่มเพาะพลังและฝึกฝนเคล็ดวิชาการต่อสู้ หนึ่งวันสำหรับเขามันสามารถเทียบเท่าได้กับ 100 วันของคนอื่นหรืออาจมากกว่านั้น ซึ่งแน่นอนว่าเขาย่อมต้องจ่ายราคาด้วยการเผาผลาญศิลาวิญญาณไปในจำนวนมากจนแทบคลั่ง เพียงแค่ 2 วันที่เขาได้ฝึกฝนเคล็ดวิชา [ ย่างก้าวทูตสวรรค์ ] ไปจนถึง[ ดินแดนที่ 3 เชี่ยวชาญ ] เขาได้เผาผลาญ[ ศิลาวิญญาณระดับต่ำ ]ไปแล้วกว่า 1,500 ก้อน นับจาก 2,000 เขาจึงเหลือศิลาวิญญาณติดตัวอยู่เพียงแค่ 500 ก้อนเท่านั้น ซึ่งมันไม่เพียงพอที่จะทำให้เขาพัฒนาเคล็ดวิชา [ ย่างก้าวทูตสวรรค์ ] ไปยังขั้นตอนที่ 4 ได้
         
นอกจากนี้มันยังต้องใช้อย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 1,000 [ ศิลาวิญญาณระดับต่ำ ]
         
และในตอนนี้ เย่ชีเหวิน ไม่ได้มีเวลามากพอที่จะพัฒนาเคล็ดวิชา [ ย่างก้าวทูตสวรรค์ ] ไปยังระดับขั้นต่อไปได้ เนื่องจากว่าการแข่งขันภายในสำนักฝ่ายในนั้นได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว
         
แสงแห่งรุ่งอรุณทะลุผ่านก้อนเมฆสาดส่องลงมายังบน[ หุบเขาฉิงฟง ]เพื่อต้อนรับวันใหม่ บรรยากาศด้านบนของ[ หุบเขาฉิงฟง ]นั้นเต็มไปด้วยเสียงครึกครื้นของการจัดฉากงานเทศกาล
         
บน[ หุบเขาฉิงฟง ]ภายในสำนักยี่หยวนมีผู้คนมากกว่า 10,000 คนที่มาดูการประลองในวันนี้ และมีเพียงแค่ 1,000 คนเท่านั้นที่มีส่วนร่วมในการประลองของสำนักฝ่ายใน มันไม่ใช่ว่าจะสามารถเข้าร่วมได้เสียทุกคน เพราะว่าบางคนนั้นก็ยังขาดความแข็งแกร่งมากเกินไป หากให้พวกเขาเข้าร่วมมันจะเป็นอันตรายถึงชีวิตของพวกเขา ฉะนั้นแล้วมันจึงมีเพียงแค่เฉพาะผู้ที่ต้องการจะไขว้คว้าไปยังตำแหน่งที่สูงขึ้นหรือไม่ก็บางพวกที่มาเข้าร่วมก็เพื่อจะทดสอบระดับพลังของตน
         
ส่วนใหญ่การแข่งขันในครั้งนี้นั้นไม่ได้บังคับ ทุกคนสามารถมีส่วนร่วมได้
         
ในหมู่พวกเขาศิษย์ฝ่ายนอกได้เข้ามาทำการลงทะเบียนแล้วกว่า 800 คนและศิษย์ฝ่ายในนั้นได้ทำการลงทะเบียนไปแล้วกว่า 400 คนเช่นกัน จำนวนของผู้ลงทะเบียนนั้นมันได้มากกว่าที่แล้ว ๆ มาทั้งที่การแข่งขันนั้นออกจะรุ่นแรง นั้นมันก็เพราะว่า ในการประลองรอบที่แล้วนั้นพวกเขาได้มีการมอบรางวัลให้แก่ 50 อันดับแรกเพียงเท่านั้นหากแต่ในครั้งนี้พวกเขาจริงได้มอบรางวัลให้แก่ผู้ที่ได้ 100 อันดับแรก ซึ่งมันเต็มไปด้วยจำนวนรางวัลที่มากมาย จึงเป็นสาเหตุที่ดึงดูดให้ศิษย์ฝ่ายนอกและศิษย์ฝ่ายในต่างแห่กันมาลงทะเบียนเป็นจำนวนมากเช่นนี้
         
#########################################################

เอาละในช่วงท้ายก็มาพบกับเราเหล่าพี่น้อง 4B หัวดอที่จะมาเผานิยายเรื่องนี้ไปพร้อมกลับคุณ
         
B1 : เอิ่มเหมือนแอดเค้าจะมีปัญหากับทางซับซะแล้วล่ะม้างเนี่ยสงสัยเสมอจะ ERROR
B2 : ชอบนอนดึกไงหัวเลยไม่ดีด
B1 : ก็เงี้ยล่ะนะ
B3 : นี่ถามจริงจะมาเม้ามอยคนแอดกะทิหรือจะมาเม้ามอยนิยาย ??
B4 : รู้สึกเหมือนมีบทน้อย
B1 : …….
B2 : …….
B4 : …….
B3 : นี่จะไม่คุยเกี่ยวกับไอ้เหวินในบทนี้จริง ???
B1,B2,B4 : ……..
B3 : [ - -* ]

#########################################################
เอาล่ะก็ขอจบสาระเร้าใจ BY: นายกระทิข้น ไว้เท่านี้ก่อนนะครับขอบคุณครับสำหรับผู้อ่านทุกท่าน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม