บทที่ 21 - เพียง 1 ฝ่ามือ

          “ เอาล่ะดูเหมือนว่าเขาจะทำมันได้! ” เย่คงหมิง กล่าวด้วยลักษณะที่รุนแรง หากแต่รอยยิ้มที่ปรากฏบนใบหน้าของเขานั้นมันกลับบ่งบอกถึงอารมณ์ที่ดีของเขาได้อย่างชัดเจนเพราะเขาได้คาดคิดเอาไว้เพียงแค่ด้วยระดับพลังของ เย่ชีเหวิน ถ้าสามารถผ่านรอบแรกมาได้มันก็คงจะดี หากแต่เขาไม่ได้คาดคิดว่า เย่ชีเหวิน จริงจะสามารถผ่านรอบแรกได้อย่างง่ายดาย ถ้าเกิดมันเป็นเช่นนี้ล่ะก็เขาคิดว่ารอบสองก็อาจไม่มีปัญหาใด ๆ บางทีเป็นไปได้ว่าเขาอาจผ่านไปถึงรอบที่สาม เมื่อมองลงมายังมุมนี้แล้วนั้นมันก็เป็นเรื่องธรรมดาที่เขานั้นควรที่จะอารมณ์ดี
         
ไม่นานนักหลังจากที่ได้ผ่านรอบแรกมา เย่ชีเหวิน ได้ขึ้นลานประลองครั้งที่ 2 ในทันที คู่ประลองของเขาในครานี้เป็นชายหนุ่มที่มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเขา เขาได้สวนชุดเสื้อคลุมจีนและมีสีหน้าที่ภาคภูมิใจ
         
          “ ข้า เย่ชีเหวิน! ” เย่ชีเหวิน กล่าว
         
ชายหนุ่มจับจ้องเบา ๆ ไปที่ เย่ชีเหวิน แล้วกล่าว “ เจ้าจงยอมแพ้ให้เร็วที่สุดเท่าทีจะเป็นไปได้เสีย ไม่ใช่นั้นแล้วเจ้าจะไม่สามารถหลีกเหลี่ยงกับความโชคร้ายที่เจ้าจะต้องเผชิญ ”
         
ในเวลานี้เหล่าศิษย์ต่างได้พูดคุยกันและยอมรับถึงต้นกำเนิดของชายหนุ่มผู้นี้
         
          “ เป็นเรื่องจริง หวังเฉ่าชี เขาได้รับการฝึกฝน [ หมัดพยัคฆ์ปืนใหญ่ ] ซึ่งเป็น [ เคล็ดวิชาการต่อสู้ระดับสูง ] ที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด นับแต่ในอดีตที่ผ่านมาเขายังคงเป็นเพียงแค่ศิษย์ธรรมดาภายในสำนักฝ่ายใน หากแต่หลังจากที่เขาได้ใช้พลังอำนาจของ [ หมัดพยัคฆ์ปืนใหญ่ ] มันทำให้เขานั้นสามารถเอาชนะศิษย์ระดับผู้อาวุโสมาแล้วเป็นจำนวนมากจนพวกเขาถึงกับต้องหลบหนีอย่างหัวซุกหัวซุน เขาเกือบที่จะไต่ขึ้นไปยัง 100 อันดับแรกและนอกจากนี้ยังมีผู้อาวุโสท่านหนึ่งได้รับเขาเป็นลูกศิษย์และทำการฝึกสอนให้แก่เขาเป็นการส่วนตัว จนในตอนนี้เขาได้มาถึง[ ระดับจุดสูงสุดขั้นที่ 5 ดินแดนลมปราณก่อตั้ง ] และที่สำคัญนอกจากนี้แม้ว่าจะเป็นผู้เชียวชาญ[ ระดับขั้นที่ 6 ดินแดนลมปราณก่อตั้ง ] ก็ยังไม่ได้เป็นคู่มือของเขา ”
         
          “ จริงหรือไม่น่าแปลกใจที่เขามีความภาคภูมิใจเช่นนั้น แต่ถึงอย่างนั้น เย่ชีเหวิน ก็ดูเหมือนจะไม่ง่าย เพราะเขาสามารถจัดการ ชิ ฟง ได้ด้วยเพียงแค่ 1 กระบวนท่าจนล้มลงหมดสติไป แม้แต่ตอนนี้เองก็ยังไม่ทราบเลยว่าเขาเป็นหรือตาย บางทีการต่อสู้ของพวกเขาทั้งสองคนอาจรุนแรงอย่างมากก็เป็นได้! ”
         
ดูเหมือนว่า หวัง เฉ่าชี จะได้ยินคำพูดเหล่านั้นจากพวกศิษย์ทางด้านบนเขาจึงได้บังเกิดรอยยิ้มเยาะขึ้นมาในทันทีพร้อมกล่าว “ เจ้าคิดเพียงเพราะว่าเจ้าสามารถเอาชนะ ชิฟง ได้แล้วเจ้าจะสามารถเป็นคู่มือให้แก่ข้าได้อย่างนั้นหรือ ข้าไม่มีความป่าเถื่อนเหมือนเจ้า ชิ ฟง หลอกนะ ถึงแม้ว่ามันจะมีกำลังที่ดุร้าย หาแต่ไม่รู้จักวิธีที่จะใช้มัน มันก็เป็นได้เพียงแค่บุคคลที่โง่เขลา! ”
         
          “ หยุดพูดไร้สาระได้หรือยัง! ” เย่ชีเหวิน กล่าว
         
          “ ดูเหมือนว่าข้าจะต้องแสดงบางอย่างให้เจ้าดูเป็นขวัญตา! ” หวังเฉ่าชี ตะโกนเสียงดังพลางด้านหลังของเขาปรากฏเป็นรูปเงาของพลังอำนาจที่ยิ่งใหญ่กลิ่นอายที่รุนแรงและหน้าเกรงขามได้แพร่กระจายออกไปทุกทั่วสารทิศ ราวเหมือนกับว่ามันเป็นพยัคฆ์ที่ดุร้ายได้ลงมาจากขุนเขา
         
นี่คือ [ หมัดพยัคฆ์ปืนใหญ่ ] เมืองมองไปยังหมัดของเขานั้นมันจะปรากฏบรรยากาศของกลิ่นอายที่แพร่กระจายออกไปโดยรอบ และหลอมรวมเข้าด้วยกันจนหลายเป็นหัวของพยัคฆ์
         
          “ ปัง! ” หวัง เฉ่าชี ได้กล่าวเท้าของเขาออกไปยังเบื่องหน้าพลันหายตัวไปในทันทีและในช่วงเวลาถัดมาเขาก็ได้ไปปรากฏยังเบื้องหน้าของ เย่ชีเหวิน พร้อมระเบิดพลังหมัดเข้าใส่เขา “ พยัคฆ์ขุนเขา ”
         
สภาพโดยรอบของมันเป็นจริงเหมือนกับพยัคฆ์ขุนเขาที่กำลังเกรี้ยวกราด นอกจากนี้สภาพของ หวัง เฉ่าชี ยังกลายเป็นพยัคฆ์รูปแบบของพลังอำนาจวิญญาณปีศาจ
         
ผู้อาวุโสที่นั่งจับจ้องไปยัง หวัง เฉ่าชี ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มนั้นเขาคืออาจารย์ของ หวัง เฉ่าชี ผู้อาวุโส ฟู๋ นอกจากนี้ผู้อาวุโสอีกคนยังยิ้มแล้วกล่าว “ ครั้งสุดท้ายที่ได้เห็น หวัง เฉ่าชี เขาเกือบที่จะไต่ขึ้นไปยัง 100 อันดับแรก ได้สำเร็จด้วยความช่วยเหลือจาก [ หมัดพยัคฆ์ปืนใหญ่ ] หากแต่เมื่อเทียบกับ 3 ปีที่ผ่านมา เขาจะต้องฝึกฝนไปยังขอบเขตที่สูงมากขึ้นอย่างแน่นอน ซึ่งอย่างน้อยที่สุดเขาสมควรที่จะไต่อันดับไปได้ถึงตำแหน่งที่ 20 เห็นจะได้ ”
         
          “ อ่า ชีเอ๋อ เขายังเด็กมาเกินไปและไม่ควรที่จะรีบร้อน เขาสมควรที่จะได้สัมผัสกับเหล่าศิษย์ผู้ที่เป็นผู้เชียวชาญระดับสูง จากจักรวรรดิที่อยู่เหนือกว่าเขา เขาจะได้รู้จักกับความกว้างใหญ่ของโลกใบนี้และหวังว่าเขาจะเลิกคุยโวเสียที! ” คำพูดที่ผู้อาวุโสได้กล่าวออกมานั้นช่างรุนแรง หากแต่มันก็ไม่ได้ปกปิดรอยยิ้มที่อยู่บนใบหน้าของเขาที่กำลังพึงพอใจ “ แต่ถึงอย่างไรก็ตามเด็กหนุ่มคนนั้นไม่สมควรที่จะเป็นคู่มือของ ชีเอ๋อ ! ”
         
ทันใดนั้นศิษย์คนหนึ่งก็ได้อุทานออกมา
         
เพราะว่าพวกเขานั้นประหลาดใจที่อยู่ดีดี ร่างกายของ เย่ชีเหวิน ก็ได้จางหายไปยังเบื้องหน้าของ หวัง เฉ่าชี ซึ่งดูแล้วมันสมควรที่จะเป็นเคล็ดวิชา [ ย่างก้าวทูตสวรรค์ ]
         
ร่างกายของ หวังเฉ่าชี ได้ทะลุผ่านร่างเงาตำแหน่งของ เย่ชีเหวิน ที่ได้ยืนอยู่ก่อนหน้านี้ และก็ในตอนนั้นเองที่เขาได้รู้สึกว่ามีอะไรบางที่ไม่ชอบมาพากล
         
          “ แย่แล้ว! ” ในที่สุด หวัง เฉ่าชี ก็ได้ตระหนักว่าถึงปัญหาที่กำลังจะเกิดขึ้นกับเขา
         
          “ ช้าเกินไป! ” เย่ชีเหวิน ปรากฏอยู่ทางด้านหลังของ หวัง เฉ่าชี และ ตบไปที่ร่างกายของ หวัง เฉ่าชี
         
          “ ปัง! ” หวังเฉ่าชี ไม่ได้มีโอกาสที่จะได้แม้แต่โต้ตอบใด ๆ เขาถูกตบจนกระเด็นออกมาจากลานประลองโดยตรงด้วยน้ำมือของ เย่ชีเหวิน แต่ เย่ชีเหวิน จริงไม่ได้มีเจตนาที่จะทำร้ายเขา
         
หวัง เฉ่าชี ได้ถูกตบปลิวกระเด็นออกมาด้วยเพียงกระบวนท่าเดียว โดยที่ตัวเขาเองก็ไม่สามารถที่จะทำใจเชื่อได้ลง แต่ความจริงคือเขาไม่สามารถโจมตี เย่ชีเหวิน ได้เลยแม้แต่กระบวนท่าเดียว หวัง เฉ่าชี จึงหันไปทาง เย่ชีเหวิน พลางคำนับมือพร้อมกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้มที่บิดเบี้ยว “ ศิษย์พี่ เย่ ข้าขอขอบคุณในความเมตรตาของท่าน ก่อนหน้านี้ข้ามันเป็นเพียงบุคคลที่โง่เขลา มันช่างเป็นเรื่องที่น่าตลกยิ่งนัก ”
         
หวัง เฉ่าชี ได้หันหลังและเดินออกไปด้วยท่าทีที่ซึมเศร้าเล็กน้อย
         
          “ อะไรกันนี่มันเกิดอะไรขึ้นเป็นไปได้อย่างนั้นหรือที่ เย่ชีเหวิน จะมีความสามารถถึงเพียงนี้ แม้แต่ หวัง เฉ่าชี ก็ยังไม่ใช่คู่มือของเขา ยิ่งไปกว่านั้นเขากลับถูกตบปลิวกระเด็นออกไปจากลานประลองด้วยเพียงแค่ 1 กระบวนท่า นี่มันช่างเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อยิ่งนัก ”
         
ผลของการต่อสู้ในครั้งนี้นั้นได้ก่อความวุ่นวายแก่ฝูงชนเป็นอย่างมาก พวกเขาจริงไม่ได้คาดหวังว่า เย่ชีเหวิน จะสามารถเอาชนะ หวัง เฉ่าชี ได้อย่างง่ายดายเช่นนี้โดยที่มันยังไม่ทันที่จะได้เกิดการต่อสู้ใด ๆ
         
หวัง เฉ่าชี ได้รับการยอมรับว่าเขานั้นเป็นอัจฉริยะในหมู่ศิษย์ภายในสำนักฝ่ายใน และเมื่อ 3 ปีที่ผ่านมาเขาได้เข้ามายังสำนักฝ่ายในเป็นครั้งแรกและเขาเกือบที่จะไต่อันดับไปได้ 100 อันดับแรก และในครั้งนี้เป้าหมายของเขาก็คือการไต่อันดับไปถึงตำแหน่งที่ 20 อันดับแรกหรือแม้แต่กระทั้งอันดับที่ 10 ที่มันจะทำให้เขากลายเป็นผู้ที่เหมาะสมในการเข้าไปยังสำนักฝ่ายหลักและส่งเสริมให้กลายเป็นศิษย์หลักของสำนัก
         
เขาจะได้พบกับการผจญภัยมากมายและยังได้รับเชิญให้กลายเป็นศิษย์ของผู้อาวุโสโดยตรง ซึ่งอัจฉริยะที่มีความเก่งกาจและน่ากลัวดั่งกล่าวจริงได้พ่ายแพ้ให้กับ เย่ชีเหวิน ยิ่งไปกว่านั้นเขายังพ่ายแพ้โดยเพียงแค่ 1 กระบวนท่า มันเป็นเรื่องยากที่เกินกว่าเขาจะสามารถจินตนาการถึงมันได้
         
แม้แต่ผู้อาวุโส ฟู๋ เองก็ต้องพบกับความอับอายเช่นกันแม้ว่าก่อนหน้านี้เขาจะได้กล่าวออกมาอย่างเจียมเนื้อเจียมตัว หากแต่ทุกคนก็ยังสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเขานั้นมีความพึงพอใจในตัวของลูกศิษย์เขา แต่แล้วในที่สุดคำพูดเหล่านั้นก็ต้องลดลง หลังจากที่ หวัง เฉ่าชี ได้พ่ายแพ้ให้กับ เย่ชีเหวิน มันราวเหมือนกับว่าเขาพูดเหล่านั้นมันได้ย้อนกลับมาตบที่ใบหน้าของเขาอย่างแรง
         
          “ ยินดีด้วย ยินดีด้วย ท่านผู้อาวุโส เย่ ดูเหมือนว่าบุตรชายของท่านนี่จะโดดเด่นอย่างแท้จริง แม้แต่การแข่งขันรอบที่ 2 เขาก็ยังสามารถเอาชนะได้อย่างง่ายดาย ฮ่าฮ่า ข้าเกรงว่าบางทีเขาอาจไต่อันดับไปถึงอันดับที่ 10 โดยที่ไม่มีปัญหาใด ๆ เลยก็เป็นได้!”
         
          “ ใช่ใช่ เด็กทั้งสามจากตระกูลเย่ นี่ช่างมีความโดดเด่นอย่างแท้จริง! ”
         
จากที่นั่งอีกด้านหนึ่งของผู้อาวุโสได้มีเสียงแสดงความยินดีดังออกมาจากใบหน้าที่บิดเบี้ยวของผู้อาวุโส ฟู๋
         
เย่คงหมิง นั้นไม่อาจกล่าวออกมาได้ว่าบุตรชายของมีท่าทีที่แตกต่างออกไปเพราโดยปกติแล้วนั้นบุตรชายของเขาจะเป็นคนที่อ่อนน้อมถ่อมตนเป็นอย่างมาก
         
ในหัวใจของเขานั้นเขาพอใจมากต่อความแข็งแกร่งของ เย่ชีเหวิน ในตอนนี้แต่สิ่งที่เขาไม่ได้คาดคิดคือ เขาได้หายตัวไปเป็นเวลาเพียงแค่ 1 เดือนแต่กับมีความก้าวหน้าจริงถึงเพียงนี้ แม้แต่อัจฉริยะที่มีชื่อเสียงอย่าง หวัง เฉ่าชี ในตลอดระยะเวลา 3 ปีที่เขาได้ฝึกฝนมาก็ยังต้องมาพ่ายแพ้ให้แก่เขาเพียงแค่ 1 กระบวนท่า ซึ่งเขาไม่ได้คาดคิดถึงมันมาก่อน แต่ทว่าในตอนนี้มันได้เปลี่ยนไปแล้วดูเหมือนว่าเขาจะเริ่มมีความหวังกับบุตรคนที่ 3 ของเขาขึ้นมาว่าเขานั้นจะต้องสามารถก้าวผ่านไปยังขั้นต่อไปได้แต่
         
          “ หึม! ” ใบหน้าของผู้อาวุโส ฟู๋ นั้นกลายเป็นบิดเบี้ยวพร้อมถอนหายใจออกมาด้วยความเย็นชา “ ที่มันสามารถโดดเด่นเช่นนี้ได้นั้นมันก็เป็นเพียงแค่เพราะมันใช้เคล็ดวิชาที่มีความคล่องตัวเท่านั้นแหละ ในท้ายที่สุดแล้วมันจะต้องพ่ายแพ้แม้แต่อันดับที่ 30 ก็ยังเป็นไปไม่ได้สำหรับมันที่จะก้าวไปถึง! ”
         
ผู้อาวุโสที่นั่งอยู่จู่ ๆ เขาก็กล่าวออกมาด้วยเสียงที่คึกคัก
         
          “ อ่ามันช่างหน้าตื่นตาตื่นใจจริง ๆ ในอดีตที่ผ่านมาโดยไม่คาดคิดไม่มีใครจริงที่รู้เรื่องเกี่ยวกับเขา เพราะดูจากภายนอกแล้วนั้นก็คงไม่มีใครเชื่อหรอกว่าเขาจะมีความแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ และที่สำคัญพวกเรายังไม่รู้เลยว่าเขานั้นสามารถแสดงพลังออกมาได้มากแค่ไหน ”
         
          “ ใช่ พวกท่านเห็นใบมีดที่อยู่ด้านหลังของเขาหรือไม่ นั้นเป็นหลักฐานที่แน่ชัดแล้วว่าหากเขานำใบมีดนั้นออกมาใช้พลังอำนาจของเขาจะต้องเพิ่มมากขึ้นอย่างแน่นอน ”
         
นอกจากผู้อาวุโสจำนวนมากแล้วนั้นผู้อาวุโสที่เป็นสหายกับผู้อาวุโส ฟู๋ ยังกล่าว
         
          “ บุตรชายคนที่สามของตระกูล เย่ นั้นผมไม่ทราบว่าเขามีพลังอำนาจถึงเพียงไหน หาแต่การก้าวกระโดดอย่างฉับพลัดเช่นนี้มีความเป็นไปได้ที่เขาจะต้องกินวัตถุสมบัติบางชนิดเป็นแน่ ถึงได้ส่งเสริมให้การบ่มเพาะพลังของเขานั้นรวดเร็วถึงเพียงนี้ แต่ทว่า ในโลกนี้มันเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอนถ้าเขาได้พบเข้ากับผู้เชียวชาญระดับสูง เขาจะต้องพบกับความพ่ายแพ้ด้วย 1 กระบวนท่าเป็นแน่ ”
         
          “ การบ่มเพาะพลังลมปราณและการเจริญเติบโตนั้นจะก้าวหน้าไปพร้อม ๆ กัน ในโลกนี้หากเขาคิดจะพึ่งพาวัตถุสมบัติวิเศษเช่นนี้ต่อไปในอนาคตความสำเร็จของเขาจะต้องหยุดลงในสักวันเป็นแน่ ”
         
ผู้อาวุโสได้วิจารอย่างต่อเนื่อง แต่เห็นได้ชัดว่าที่นั่งในมุมสูงนั้นคนข้างใต้จะไม่สามารถได้ยินการกล่าวถึงหรือวิพากษ์วิจารณ์ของเหล่าผู้อาวุโสด้านบนได้เลย
         
#########################################################

เอาละในช่วงท้ายก็มาพบกับเราเหล่าพี่น้อง 4B หัวดอที่จะมาเผานิยายเรื่องนี้ไปพร้อมกลับคุณ

B1 : ไอ้ผู้อาวุโสคนนี้นี่มันยังไงว่ะ [ ม. ] จะรู้มากเกินไปแล้วนะ นี่ถ้า [ ก. ] ไม่รู้ว่า [ ม. ] พึงเห็น เย่ชีเหวิน ตอนนี้เป็นครั้งแรกนะ [ ก. ] คงนึกว่าในวันนั้นที่ [ ม. ] ลงไปอยู่ในน้ำกับ เย่ชีเหวิน ด้วยแหละ แหม่รู้ดีจริง ๆ และไอ้ที่ว่าความสำเร็จจะหยุดลงนี่มันยังไงนะ จะลองไปหาตาดูกันบทที่ 3,886 หน่อยไหม แหม่เดี้ยวปั๊ดเรียก บัก เหวิน ในตอนนั้นมานับให้หัวหลุดกระเด็นไป 3,000 โยดเลยดีไหม
B2 : เอาน่าใจเย็นก่อน ๆ
B1 : เย็นเย็นอะไรว่ะ B2 เห็นมาวิจารและแหม่ขึ้น หืน!!! ขึ้น นี่ยังไม่ลืม เฉ่าชี นะแหม่ตอนขึ้นนี้นึกว่าพยัคฆ์โผล่มังกรผงาดแต่ตอนลงนี่ ใช่เลย
B3 : ใช่อะไรว่ะ…..
B1 : หมาไง รู้จักคำว่า หมา ไหมได้ข่าวว่ามันเป็นตัวร้ายนิ [ ม. ] อยู่ข้า……
B3 : ช้าก่อน ไอ้หนึ่ง อย่าพึ่งด่วนตัดสินไปแน่นอนว่า [ ก. ] ยังอยู่ข้างตัวร้ายเช่นเดิม แต่ไอ้นี่มันไม่ใช่ตัวร้ายย้ำมันไม่ใช่ตัวร้าย เห็นไหมมันยังมีการคำนับตอนลงลานประลอง
B1 : [ ม. ] รู้ได้ไงว่ามันไม่ใช่ตัวร้าย นี่ [ ม. ] แอบสปอยอ่อ……แอดไอ้ B3 แม้งปอยพักงานมันเลย เอามันออกไปเอา B4 กลับมา
B3 : ปอยหน้า [ ม. ] สิรู้สึกว่าอาการ [ ม. ] เริ่มหนักแล้วนะ ไอ้หนึ่ง ว่าแต่ ไอ้สอง นี่ [ ม. ] ไม่คิดจะตักเตือนคู่ซี้ [ ม. ] หน่อยเลยไง
B2 : มันเกินจะเยียวยาและแล้ว [ ม. ] จะให้กูตักเตือนมันยังไง ???
B1 : ^%@&#)$&@*&%@(#&@&*%$(@*&#*&@%^$(^@&*$%*@&^#^*
B2,B3 : ………………งั้นก็ช่างแม้งและกัน !!!!
B1 : เมื่อไหร่นางเอกจะมา !!!!!!!!!!

#########################################################
เอาล่ะก็ขอจบสาระเร้าใจ BY: นายกระทิข้น ไว้เท่านี้ก่อนนะครับขอบคุณครับสำหรับผู้อ่านทุกท่าน

3 ความคิดเห็น:

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม