บทที่ 22 - งั้นข้าจะแสดงให้เจ้าได้เห็น

เป็นธรรมดาที่ เย่ชีเหวิน นั้นไม่ทราบว่าเขาได้กลายเป็นที่กล่าวถึงต่อเหล่าผู้อาวุโส ซึ่งตัวเขาเองนั้นก็ไม่ได้มีเวลาพอที่จะมาสนใจกับเรื่องพวกนั้น
และเนื่องจากที่ เย่ชีเหวิน ได้สิ้นสุดการประลองของเขา เขาจึงมีเวลามากพอที่จะได้เห็นการประลองของผู้อื่น
         
หลังจากที่ได้จบการประลองรอบแรก มีเพียงแค่ 100 คนเท่านั้นที่ได้เข้าสู่การประลองในรอบที่ 2
         
ซึ่งเมื่อเทียบกับการประลอบรอบแรกแล้วนั้นมันช่างแตกต่างกันอย่างมาก เพราะแม้แต่ผู้ที่อ่อนแอที่สุดในรอบนี้ก็ยังเป็นถึง[ ระดับจุดสูงสุดขั้นที่ 4 ดินแดนลมปราณก่อตั้ง ]
         
นอกจากนี้ เย่ชีเหวิน ยังเห็นผู้เชียวชาญระดับสูงคนอื่น ๆ อีกมากมาย พวกเขาสามารถระเบิดพลังลมปราณขนาดใหญ่ใส่คู่ต่อสู้และสามารถเอาชนะได้อย่างง่ายดาย ซึ่งพวกเขาส่วนใหญ่แล้วนั้นล้วนเป็นผู้เชียวชาญ[ ระดับขั้นที่ 6 ดินแดนลมปราณก่อตั้ง ]ทั้งสิ้น พวกเขาได้ถูกพิจารณาแล้วว่าเป็นศิษย์ที่ยอดเยี่ยมในหมู่ศิษย์สำนักฝ่ายใน
         
ในการประลองรอบที่ 3 คู่ต่อสู้ของ เย่ชีเหวิน จริงดูเหมือนว่าจะมีความแข็งแกร่งมากกว่า หวัง เฉ่าชี หรือแม้แต่ ชิ ฟง ก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา แต่ระดับการบ่มเพาะพลังของเขานั้นก็ยังคงเป็นเพียงแค่[ ระดับจุดสูงสุดขั้นที่ 5 ดินแดนลมปราณก่อตั้ง ]เขาถูกตบจนประสบกับความพ่ายแพ้ไปอย่างง่ายดายด้วยฝ่ามือของ เย่ชีเหวิน
         
เย่ชีเหวิน สามารถผ่านรอบที่ 3 มาอย่างง่ายดาย ซึ่งมันทำให้เขาเป็นสนใจต่อสายตาของคนใหญ่คนโตภายสำนักยี่หยวนเป็นอย่างมาก ผู้อาวุโสส่วนใหญ่เริ่มมุ่งเน้นไปที่เขาราวเหมือนกับว่าพวกเขากำลังจับตาดูเด็กหนุ่มอัจฉริยะ
         
หลังจากที่เขาสามารถผ่านรอบที่ 3 มาได้แล้วนั้นมันทำให้เขาถูกบีบขึ้นมาจนอยู่ในอันดับที่ 50 และถ้าเขาสามารถผ่านรอบที่ 4 มันก็ทำให้เขาขึ้นไปอยู่อันดับที่ 30
         
ใบหน้าของอาวุโส ฟู๋ เริ่มกลายเป็นบิดเบี้ยวมากขึ้น หลังจากที่ก่อนหน้าเขาได้เปิดปากและฟันธงออกไปว่า เย่ชีเหวิน ไม่มีทางไต่อันดับขึ้นมาถึงอันดับที่ 50 แต่ทว่าเขากลับสามารถผ่านการประลองในรอบ ที่ 3 มาได้อย่างง่ายดายและมันทำให้เขาได้ขึ้นมาอยู่ในอันดับที่ 50 ซึ่งถ้าเกิดว่า เย่ชีเหวิน ยังคงสามารถผ่านรอบที่ 4 ไปได้อีกคราเขาจะต้องเสียหน้าของเขาเป็นแน่ มันราวเหมือนกับว่าคำพูดที่เขาได้พูดออกไปก่อนหน้ามันได้กลับเข้ามาตบที่ใบหน้าของเขาอย่างจัง
         
และมันก็คงไม่ใช่เรื่องยากสำหรับ เย่ชีเหวิน เหมือนกับก่อนหน้านี้ในการประลองรอบที่ 3 และรอบอื่น ๆ ที่เขาสามารถเอาชนะได้อย่างง่ายดายด้วยเพียงแค่ 1 กระบวนท่า และยังไม่มีใครหน้าไหนที่สามารถบังคับให้เขาใช้มากกว่า 1 กระบวนท่าได้เลยแม้แต่น้อยซึ่งในขณะเดียวกันก็ยังไม่มีใครที่สามารถบังคับให้เขาใช้เคล็ดวิชาการต่อสู้ได้อีกเช่นกัน สิ่งที่เขาทำก็มีเพียงแค่การตบเบา ๆ ด้วยฝ่ามือเพียงเท่านั้น เขาก็สามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ของเขาได้แล้ว
         
เย่ชีเหวิน สามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ของเขาทั้งหมดได้ด้วยเพียงแค่ 1 กระบวนท่า ซึ่งนำมาด้วยชื่อเสียงที่เพิ่มพูนขึ้นอย่างฉับพลันจนทำให้เขาเป็นที่กล่าวถึงกันในหมู่เหล่าศิษย์ฝ่ายในจำนวนมาก
         
หลายคนเริ่มให้ความสนใจในการต่อสู้ของเขา
         
          “ ความแข็งแกร่งของ เย่ชีเหวิน จริงช่างล้ำลึกเกินหยั่งถึงยิ่งนัก ในตอนนี้ยังไม่มีใครหน้าไหนเลยจริง ๆ ที่สามารถบังคับทำให้เขาต้องเอาจริงได้ มึงจึงทำให้ข้าไม่อาจรู้ได้เลยว่าเคล็ดวิชาการต่อสู้ที่เขาฝึกฝนอยู่นั้นคือสิ่งใด! ”
         
          “ ดูสิ่งที่คล้ายกระบี่ที่อยู่ทางด้านหลังของเขาสิ มันสมควรที่จะเป็นใบมีดใช่หรือไม่! ”
         
          “ แต่ทว่าก่อนหน้านี้ได้มีคนเห็นเขาใช้เคล็ดวิชาการต่อสู้ประเภทฝ่ามือนิและยังมีความเป็นไปได้อีกว่านั้นจะเป็น [ ฝ่ามืออสนีบาต ] ”
         
          “ หึแม้แต่กระทั่งเคล็ดวิชาการต่อตู้ก็ยังไม่มีใครที่สามารถบังคับให้เขาใช้มันออกมาได้ เฮ้อช่างหน้าหวาดหวั่นยิ่งนัก! ”
         
          “ แต่ถึงอย่างไรก็ตามข้าเกรงว่าคู่ต่อสู้คนต่อไปของเขานั้นจะไม่ใช่บุคคลที่เขาจะสามารถจัดการได้โดยง่าย เพราะว่าคู่ต่อสู้คนต่อไปของเขาคือ ถังเหนียน ซึ่งเป็นถึงผู้เชียวชาญ[ ระดับขั้นที่ 6 ดินแดนลมปราณก่อตั้ง ] และเขายังสามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ของเขาในรอบที่ผ่าน ๆ มาได้อย่างง่ายดาย ข้าเกรงว่าการประลองในครั้งนี้นั้นจะต้องดุเดือดเป็นแน่! ”
         
เย่ชีเหวิน ได้ยินคำกล่าวโต้แย้งเหล่านี้ทั้งหมด หากแต่เขาไม่ได้ใส่ใจมันเลยแม้แต่น้อย
         
          “ ข้าคิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะมาได้ไกลถึงเพียงนี้ แต่ถึงอย่างนั้นข้าแนะนำให้เจ้าสวดภาวนาอ้อนวอนขอให้อย่าได้เจอกับข้าเลยจะดีกว่า! ” ในขณะที่ เย่ชีเหวิน กำลังนั่งทำสมาธิอยู่นั้น ก็ได้มีเงาของชายหนุ่มผู้หนึ่งอายุราว 20 ปีต้น ๆ แบกค้อนสีแดงคู่ขนาดใหญ่ เดินออกมาจากด้านหลังของเขา “ มิเช่นนั้นแล้วเจ้าจะต้องได้พบกับความเจ็บปวดและทุกทรมานเช่นเดียวกับน้องชายข้า! ”
         
          “ เจ้าคือ หม่า ยิง ? ” เย่ชีเหวิน นั้นพลันรับรู้ได้ในทันทีว่าบุคคลที่อยู่เบื้องหน้าของเขานี้นั้นสมควรที่จะเป็น หม่า ยิง อย่างไม่ต้องสงสัย “ น้องชายของเจ้าได้กระทำในสิ่งที่ผิดถึงกับทำให้ผู้คนจำนวนมากต้องสูญเสียไปทุกอย่างก็เพราะเขา ฉะนั้นแล้วนั้นคือบทลงโทษที่เขาสมควรได้รับ! ”
         
          “ ข้าไม่สนใจว่าสิ่งที่น้อยชายของข้าได้ทำลงไปนั้นคือสิ่งใด แต่ทว่าในวันนี้ข้าจะต้องได้รับการแก้แค้นให้แก่น้องชายของข้า แล้วก็เจ้าสมควรที่จะยอม ๆ แพ้ไปซะไม่เช่นนั้นแล้วข้าจะฉีกทั้งแขนและขาของเจ้า! ” หม่า ยิง กล่าวด้วยรอยยิ้มที่ชั่วร้อยที่ปรากฏบนใบหน้าของเขา
         
เย่ชีเหวิน ยังคงเงียบสงบและจ้องมองไปที่ หม่า ยิง ด้วยสายตาที่เย็นชา
         
          “ อะไรมีอะไร ? หรือว่าเจ้ากำลังกลัว ? หากเจ้ากำลังหวาดกลัวเจ้าก็สมควรที่จะวิ่งหนีหางจุกตูดไปซะ ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า ! ” หม่า ยิง กล่าวออกมาในขณะที่เขากำลังหัวเราะ
         
ศิษย์หลายคนเริ่มพูดคุยเกี่ยวกับพวกเขา
         
          “ ข้าคิดไม่ถึงเลยจริง ๆว่า หม่า ยิง จะมีความเกลียดชังต่อ เย่ชีเหวิน มากมายถึงเพียงนี้ บางทีนี่อาจมีเรื่องสนุกเกิดขึ้นก็เป็นได้! ”
         
          “ ใช่ใช่ข้าเคยได้ยินมาด้วยว่า เย่ชีเหวิน จริงได้ทำร้ายร่างกายของ หม่า เหยียน จนบาดเจ็บสาหัสในด้านหน้าของฝูงชนและต้องใช้ระยะเวลาในการรักษาตัวเป็นเวลานาน นี่คือเหตุผลสำคัญที่คนเจ้าคิดเจ้าแค้นอย่าง หม่า ยิง ไม่อาจมองข้ามได้! ”
         
          “ นี่ หม่า ยิง เป็นถึง 1 ใน 5 อันดับเลยไม่ใช่หรือหากสู้กันมิเพียงแต่ เย่ชีเหวิน จะไม่สามารถต่อต้านได้แล้วบางทีเขาอาจต้องเสียแขนขาของเขาไปด้วยก็เป็นได้ ”
         
          “ เฮ่เฮ่ เย่ชีเหวิน ไม่ใช่บุคคลที่จะใจดีกับศัตรู อย่าลืมสิว่ายังไม่มีคู่ต่อสู้คนไหนสามารถบังคับให้เขาใช้ได้ถึง 2 กระบวนท่า! ”
         
          “ เฮ่งั้นให้ข้าช่วยวัดความสามารถของเจ้าหน่อยก็แล้วกันว่าเจ้านั้นจะมีความสามารถพอที่จะชนะ ถัง เหนียน ได้หรือไม่! ” หม่า ยิง ยิ้มแบบปานจะกินเลือดกินเนื้อราวกับว่าเขานั้นเป็นนักฆ่า ฉับพลันค้อนขนาดใหญ่ที่อยู่ด้านหลังของเขานั้นได้ถูกเหวี่ยงออกมาด้วยฝ่ามือของเขาที่จับแน่นได้ฟาดมันลงไปที่ เย่ชีเหวิน อย่างไร้ความปราณีบังเกิดเสียงหวยหวนของชั้นบรรยากาศโดยรอบ
         
หม่า ยิง นั้นเป็นคนที่เย้อหยิ่ง หากแต่ความแข็งแกร่งของเขานั้นไม่ใช่เรื่องล้อเล่น การบ่มเพาะพลังของเขานั้นสมควรที่จะเป็น[ ระดับจุดสูงสุดขั้นที่ 6 ดินแดนลมปราณก่อตั้ง ] และเขาแทบจะไม่เป็นสองรองใครในหมู่ศิษย์สำนักฝ่ายใน พลังอำนาจที่น่ากลัวของเขานั้น ได้ล็อคแน่นไปที่ เย่ชีเหวิน และฟาดค้อนลงไปที่เขา
         
นี่คือการทดสอบความแข็งแรงของ เย่ชีเหวิน แต่แท้จริงแล้วมันก็เป็นเพียงข้ออ้างที่เขาจะได้ทำลายร่างกาย เย่ชีเหวิน ให้กลายเป็นคนพิการ
         
เย่ชีเหวิน เพียงก้าวเท้าไม่กี่ก้าวตัวเขาก็เบาหวิวราวเหมือนกับตัวเขาได้อยู่บนท้องฟ้าและสามารถขยับร่างกายได้อย่างอิสระ เขาสามารถหลบหลีกการโจมตีจากค้อนขนาดใหญ่นี้ได้อย่างง่ายดาย แต่ใครจะคิดกันเล่าว่า หม่ายิง จริงจะใช้เคล็ดวิชา [ ย่างก้าวทูตสวรรค์ ] ในการไล่ตาม เย่ชีเหวิน เคล็ดวิชา [ ย่างก้าวทูตสวรรค์ ] ของ หม่า ยิง นั้นเต็มไปด้วยพลังอำนาจและความแข็งแกร่ง
         
ซึ่งมันเป็นที่แตกต่างกันมาก!
         
ดวงตาของ หม่า ยิง ได้ประกายไปด้วยเจตนาฆ่าที่รุนแรงและใบหน้าของเขานั้นเต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะเยาะเย้ย เขาพยายามที่จะไล่ให้ทันความเร็วของ เย่ชีเหวิน ฝ่ามือของเขาได้จับค้อนขนาดใหญ่แน่นแล้วฟาดลงไปอย่างรุ่นแรง
         
          “ ตูม! ” ด้วยพลังอำนาจที่ยิ่งใหญ่จากการทุบมันได้สร้างหลุมลึกขนาดใหญ่บนพื้นดิน แต่ทว่า เย่ชีเหวิน นั้นกลับสามารถหลบหลีกการโจมตีของมันได้อย่างง่ายดาย
         
          “ เป็นไปไม่ได้นี่เจ้า… ” หม่า ยิง มองไปที่ เย่ชีเหวิน ด้วยความรู้สึกที่น่าทึ่งเพราะเขารับรู้ได้ว่าเคล็ดวิชาที่ เย่ชีเหวิน ใช้นั้นสมควรที่จะเป็น [ ย่างก้าวทูตสวรรค์ ] ที่เขาได้เอามันไปจากน้องชายของเขา ความเกลียดชังได้เพิ่มพูนมากขึ้น แต่เขาก็ไม่ได้เป็นกังวลอะไรมากนักหลังจากที่เขาได้ฝึกฝน [ ย่างก้าวทูตสวรรค์ ] มาเป็นเวลากว่า 1 ปี ฉะนั้นแล้วเขาไม่เชื่อว่าชายหนุ่มในด้านหน้าของเขานี้จริงจะใช้มันได้ดีกว่าเขา
         
แต่เหตุผลที่แท้จริงที่ เย่ชีเหวิน สามารถหลบหลีกการโจมตีของเขาได้นั้น นั่นเป็นเพราะว่าเคล็ดวิชา [ ย่างก้าวทูตสวรรค์ ] ของ เย่ชีเหวิน ได้มาถึง [ ดินแดนที่ 3 เชี่ยวชาญ ] แล้ว
         
ซึ่งเขายังเป็นเพียงแค่ระดับ [ ดินแดนที่ 2 ชำนาญ ] แต่ละระดับขั้นของเคล็ดวิชา [ ย่างก้าวทูตสวรรค์ ] นั้นมีความแตกต่างกันอย่างมากและมันยังคงอีกห่างไกลถ้าจะเทียบกับระดับ [ ดินแดนที่ 3 เชี่ยวชาญ ]
         
          “ เจ้าคนโง่! ” เย่ชีเหวิน เยาะเย้ย
         
          “ หนอยตาย! ” หม่า ยิง รู้สึกถึงความโกรธแค้นที่ปะทุอยู่ภายในร่างกายของเขา ด้วยความโกรธที่สมบูรณ์ก่อให้เกิดกลิ่นอายที่รุนแรงปกคลุมไปทั่วร่างกายของเขา และมันยังรุ่นแรงกว่านับหลายเท่าหากเทียบกับ หวัง เฉ่าชี แต่อย่างไรก็ตาม หวัง เฉ่าชี สามารถเป็นคู่ต่อสู้ให้กับผู้เชียวชาญช่วงต้นของ[ ระดับขั้นที่ 6 ดินแดนลมปราณก่อตั้ง ]ได้ แต่ทว่าในช่วงระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา หม่า ยิง ได้จัดอยู่ที่อันดับที่ 5 มาโดยตลอด เขาสามารถได้รับรางวัลจากการต่อสู้ทั้งหมดได้อย่างง่ายดายและแทบจะไม่มีใครที่สามารถเป็นคู่ต่อสู้ให้กับเขาได้
         
          “ คราวนี้แหละข้าจะเปลี่ยนเจ้าให้กลายเป็นซากศพเน่า ๆ ” หม่า ยิง ได้ล็อคกลิ่นอายไปที่ เย่ชีเหวิน และแพร่กระจายกลิ่นอายของเขาออกไปทั่วทุกสารทิศ เสียงของการกระทบกันที่ส่งออกมาจากสองค้อนได้กู่ก้องคำรามไปทั่วราวกับว่ามันเป็นเสียงของการเคาะกันระหว่าง 2 เนินเขา
         
เย่ชีเหวิน รู้สึกได้ถึงหลายสิบของพลังอำนาจที่รุนแรงกวาดมาทางเขา มันได้แฝงไปด้วยเจตนาที่ชั่วร้าย แม้แต่กระทั่งผู้เชียวชาญระดับสูงอย่างขั้นลมปราณก่อเกิด ที่ได้สบตากันระหว่างพวกเขา ก็ยังรู้สึกได้ถึงอาการสั่นหนาว
         
เขารู้ว่า เย่ คงหมิง นั้นเป็นถึงผู้อาวุโสระดับสูงของสำนักยี่หยวน ซึ่งธรรมดาเขาสมควรที่จะมีสหายเช่นเดียวศัตรู ซึ่งเขาไม่ทราบว่าจำนวนของศัตรูนั้นมีอยู่เท่าใดกันที่หลบซ่อนอยู่และรอคอยให้พ่อของเขานั้นกลายเป็นตัวตลก
         
ในเมื่อพวกมันต้องการที่จะเห็นมากนัก ก็ถึงเวลาที่จะต้องแสดงให้พวกมันดู!!
         
ว่ารูปแบบหรือเทคนิคใด ๆ เมื่อต้องเผชิญหน้ากับความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเขา มันก็เป็นเพียงแค่ลมอากาศเท่านั้น
         
ความแข็งแกร่งที่แท้จริงที่เขาได้ทำการหลบซ่อนอยู่เป็นตลอดเวลา แต่ในคราวนี้มันเป็นเวลาอันสมควรแล้วที่เขาควรที่จะแสดงมันออกมา ระเบิดของกลิ่นอายขนาดใหญ่ได้โพยพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า ระดับการบ่มเพาะพลังของเขานั้นได้เผยออกมาแล้ว จุดสูงสุดของระดับขั้นที่ 6
         
          “ อะไรกันนี่ เย่ชีเหวิน ก้าวมาสู่[ ระดับจุดสูงสุดขั้นที่ 6 ดินแดนลมปราณก่อตั้ง ]! ”
         
#########################################################

เอาละในช่วงท้ายก็มาพบกับเราเหล่าพี่น้อง 4B หัวดอที่จะมาเผานิยายเรื่องนี้ไปพร้อมกลับคุณ
         
B1 : ไม่….!!! นี่มันคืออะไร นี่ผู้แปลเล่นอะไร ท่านทำยังงี้กับ B1 ไม่ได้นะ B1 ทำอะไรผิดทำใมท่านต้องทำเช่นนี้ ท่านหลอกล่วงประชาชนให้หลงเชื่อว่า หม่า หญิง คือผู้หญิง แต่ไหนทำใมท่าถึงได้มากลับลำเช่นนี้ แค่ตอนแรกได้ยินว่าสาวดุ้นนี่ก็หวั่นใจแล้วนะแต่พอมาเจอแบบนี้แล้วแบบ ไม่ใช่สาวดุ้นนี่หว่า แต่แม้ดุ้นทั้งแท่งเลย โน๊ววววววววว ทำไมท่านทำกับข้าเช่นนี้ เพศหญิงเพศชายนี่ประเด็นใหญ่เลยนะ นี่ท่านพลาดได้ยังไงกันไหน แล้วที่นี่ข้าจะไปเจอผู้หญิงอีกที่บมไนกัน
B3 : แหม่อย่ามาทำแอ๊บ แค่บทที่ 2 [ ม. ] ก็เจอแล้วไม่ใช่หรือไม่ แม่ บักเหวิน น่ะหรือ [ ม. ] จะเถียงว่านั้นคือสาวดุ้น
B1 : แม่หน้า [ ม. ] อะ [ ม. ] จะเอาคนสูงอายุมาล้อเล่นทำใม ถึงจะยังสวยอยู่เพราะเคล็ดวิชายุทธ์ก็เถอะแต่นางไม่ใช่ตัวเอก !!!!
B3 : แต่นางคือแม้พระเอกนะเว้ย
B1 : นั้นมันคนละเอกไอ้เวรเอ้ย ถึงจะมีเอกเหมือนกัน แต่ความสำคัญมันไม่เหมือนกันเว้ย ใช่ไหม B2
B2 : ไม่ B1 เรื่องนี้ [ ก. ] ไม่เกี่ยว [ ก. ] ไม่ต้องการมีเรื่องกับแอดกระทิ
แอด : ไอ้หนึ่งมันจะมากเกินไปแล้วนะไม่ได้เห็นที่เขียนหรือไง ว่ามันผิดพลาดเกิดจากอาการตาลายเกินไปหน่อยเลยเข้าใจผิดคิดว่ามันเป็นผู้หญิงนะ
B1 : ตาลาย นี่ท่านบอกว่าตาลาย ท่านทำยังงี้ได้ยังไง T^T ท่านลองนึกถึงผู้อ่านที่รอคอยบทผู้หญิงมั่งสิ นี่ก็ผ่านมาตั้ง 22 บทแล้วนะ ทำใมมันชายทั้งดุ้นเลยเนี่ย พระนางก็ไม่โผล่ ตัวผู้หญิงคนอื่น ๆ ก็ไม่มี
B3 : แม่ กับ พี่สาว นั้นคืออะไร
B1 : มันออกมาแปปเดียวไอ้เวรนี่!!!!
แอด : B1 [ ม. ] จะมากเกินไปแล้วนะ ตอนแรกแค่เขียนไปเฉยคนอ่านเขาก็คงให้อภัยแล้วแต่ [ ม. ] กลับเอามันมาขยายความ ไอ้บัดซบ จากความผิดเล็ก ๆ ของ [ ก. ] นี่ดูใหญ่ขึ้นมาในทันทีเลย นี่ [ ก. ] สร้างมึงขึ้นมาให้เผานิยายเรื่องนี้หรือให้มาเผา [ ก. ] กันแน่เนี่ยหืม หนอยยย มั่นใส่ตั้งแต่วันนี้ไปไม่ต้องมาทำหน้าสลอนแถวนี้อีก [ ก. ] ขอแบน [ ม. ] ออกจากเดอะแก๊ง 3B หัวดอ 10 บท!!!!!1
B1 : โน๊วววววววววววววววว!!!!!!!!!!
B2 : …..( นั้นไง [ ก. ] บอกแล้วว่าอย่าไปพลาดพิงคนแอด )
B3 : …..( นั้นดิแอดโครตโหด )
แอด : พวก [ ม. ] ว่ายังไงนะ ????
B2,B3 : ป่าวครับพวกผมพูดว่า B1 สมควรโดนแล้วขอรับ
B1 : ม๊ายยยยยยยยยยยยยยยย!!!!!!!!!!

#########################################################
เอาล่ะก็ขอจบสาระเร้าใจ BY: นายกระทิข้น ไว้เท่านี้ก่อนนะครับขอบคุณครับสำหรับผู้อ่านทุกท่าน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม