บทที่ 24 - ก้าวสู่อันดับที่ 3

หวังเจี้ยน ถูกดันกลับไปหลายก้าว แต่ละก้าวของเขานั้นได้สร้างรอยลึกเอาไว้ที่พื้น ซึ่งนี้เป็นเพียงแค่การหักล้างกันของพลังอำนาจอันมหาศาลทั้งสอง การโจมตีของ เย่ คงหมิง ได้ทำให้ผิวหน้าของเขาถึงกับแดงกล่ำและมันก็สื่อออกมาได้อย่างชัดเจนว่าการปะทะกันในครั้งนี้เขาได้ประสบความพ่ายแพ้เพียงเล็กน้อย

เงาคนรูปหนึ่งได้ตกลงไปยังฝูงชน กลิ่นอายที่ดูพอเศษได้แพร่ออกมาจากร่างกาย เขาคือ เย่ คงหมิง

ศิษย์ทั้งหมดที่อยู่ในบริเวณโดยรอบนั้นต่างให้ความสนใจกับการต่อสู้ในครั้งนี้ เพราะว่านี่คือการต่อสู้กันระหว่างสองผู้เฒ่าที่เป็นถึงผู้อาวุโสระดับสูงภายในสำนักยี่หยวนและยังเป็นผู้เชียวชาญระดับขั้นลมปราณก่อเกิด ซึ่งมันไม่ได้มีให้ดูชมบ่อยนัก พวกเขาจึงต้องการที่จะเป็นสักขีพยานในการสู้รบในครั้งนี้

          “ เย่ คงหมิง นี่เจ้ากำลังจะบอกข้าว่าเจ้าต้องการที่จะปกป้องบุตรชายของเจ้าอย่างนั้นรึ ? ” หวังเจี้ยน ตะโกน

          “ หวังเจี้ยน เจ้าคิดว่าข้าจะไม่รู้อย่างนั้นหรือ ? เจ้าวางแผนที่จะใช้อำนาจของตนให้เป็นเผด็จการเพื่อเจ้าจะได้มีโอกาสในการแก้แค้น สิ่งที่บุตรชายของข้าได้ทำไปนั้นมันก็เป็นเพียงแค่การป้องกันตัว หากแต่เจ้าจริงกล้าที่จะบิดเบือนความเป็นจริงในข้อนี้และกล่าวหาปรักปรำบุตรชายของข้า! ” เย่ คงหมิง กล่าวออกมาด้วยเสียงที่เย็นชา

          “ ข้าคือหัวหน้าผู้คุมตำหนักฝ่ายลงทัณฑ์ สำหรับการกระทำและสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดบุตรชายของเจ้าสมควรที่จะได้รับโทษตามกฏระเบียบ โดยการทำลายพลังยุทธ์และไล่ออกจากสำนัก! ” หวังเจี้ยน กล่าวด้วยเสียงขึงขัง

          “ เหอะ ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่สำนักยี่หยวนมีกฎเกณฑ์ในการลงโทษผู้ที่ต้องการจะปกป้องตนเองเช่นนี้ บุตรชายของข้านั้นเขาต้องการเพียงแค่ที่จะปกป้องตนเอง เหนือฟ้าใต้ล่าสวรรค์ย่อมมีตา ผู้คนนับหมื่นนับพันที่นี่ย่อมเป็นพยานในความบริสุทธิ์ของบุตรชายข้า ข้าก็ไม่ต้องการให้เจ้ามาสอนข้าว่าสิ่งใดถูกสิ่งใดผิด หากข้ารายงานเรื่องทั้งหมดนี้ให้แก่ท่านบรรพชน ไม่ต้องพูดถึงเลยว่าเจ้าจะถูกลงโทษ เพราะแม้แต่ตำแหน่งหัวหน้าผู้คุมตำหนักฝ่ายลงทัณฑ์ของเจ้าก็จะถูกปลด! ” เย่ คงหมิง กล่าวออกมาด้วยเสียงที่ดังโดยที่ไม่ได้ลดเสียงของเขาลงเลยแม้แต่น้อยในทุกถ้อยคำ

ความคิดต่าง ๆ เริ่มหลั่งไหลเข้ามาภายในหัวของ หวังเจี้ยน ไม่ว่าจะเป็นฝูงชนที่อยู่ในโดยรอบหรือตัวเขาเองนั้นต่างก็รู้ดีว่า เย่ชีเหวิน เป็นผู้บริสุทธิ์ ในความเป็นจริงที่เขาได้ทำลงไปนั้นมันก็เป็นเพียงความบาดหมางกันระหว่างเขาและ เย่ คงหมิง เขาเพียงแค่ต้องการที่จะระบายความโกรธและความเกลียดช่างที่มีอยู่ภายในร่างกายของเขานั้นลงไปที่บุตรชายของ เย่ คงหมิง เขาได้ว่างแผนเอาไว้ว่าเขานั้นจับตัว เย่ชีเหวิน โดยที่ยังไม่ทันได้ตั้งตัว หากแต่ เย่ชีเหวิน กลับสามารถหลบหลีกมันได้ค่อนข้างง่ายดาย หากเรื่องทั้งหมดได้ถูกรายงานไปยังท่านบรรพชนแน่นอนว่าเขาจะต้องชื่อชอบชายหนุ่มที่มีความสามารถเช่นนี้แน่ แม้ว่าตัวของ เย่ชีเหวิน จะใช้พลังอำนาจอย่างไร้ความปราณีไปบ้าง หากแต่ทั้งหมดนั้นมันก็เป็นเพียงแค่การป้องกันตนเอง
           “ เหอะ ในวันนี้เจ้าได้ปกป้องบุตรชายของเจ้าเอาไว้ได้ แต่ไม่ช้าก็เร็วเจ้าจะต้องเสียใจ! ” หวังเจี้ยน กล่าวออกมาก่อนที่จะหันหลังกลับออกไปอย่างรวดเร็ว โดยที่ไม่แม้แต่จะมองไปยัง หม่า ยิง ที่นอนกองอยู่ตรงนั้นราวเหมือนกับว่าเขาไม่ได้สนใจเลยว่าเขาจะเป็นหรือตาย

          “ โอ้ว เย่ชีเหวิน ช่างทำให้ข้ารู้สึกตื่นตาตื่นใจยิ่งนัก ข้าคิดไม่ถึงเลยว่าความสามารถที่เทียบเท่าได้กับผู้เชียวชาญระดับสูงจริงจะซ่อนตัวอยู่ภายในเหล่าศิษย์ธรรมดาโดยที่ไม่มีรับรู้ได้ถึงตัวตนของเขาจนมาถึงตอนนี้ แม้แต่เจอกับการโจมตีของผู้เชียวชาญระดับขั้นลมปราณก่อเกิด เขาก็ยังไม่ได้พ่ายแพ้เลยแม้แต่น้อย! ”

          “ ชูวชูว ยิ่งไปกว่านั้นพลังอำนาจใบมีดของเขาแทบจะอยู่เป็นอนันต์ ข้าเกรงว่าแม้แต่ผู้เชียวชาญระดับขั้นที่ 7 ก็ยังมิอาจหลบมันได้! ”

          “ นี่หรือคือความร้ายกาจของเขาทั้งเคล็ดวิชาฝ่ามืออสนีบาตที่ดูมีพลังอำนาจลึกล้ำแล้วยังเคล็ดวิชาใบมีดที่ดูน่ากลัวอย่างหาที่เปรียบมิได้นี่! ”

          “ เย่เอ๋อ พ่อคิดไม่ถึงเลยจริง ๆ ว่าด้วยเพียงระยะเวลาอันสั่นเจ้าจะสามารถเติบโตและแข็งแกร่งได้ถึงเพียงนี้และยังเคล็ดวิชาใบมีดนั้นมันสมควรที่จะเป็น [ เคล็ดวิชาการต่อสู้ระดับขั้นกลาง ] ใช่หรือไม่! ” เย่ คงหมิง ถาม

          “ ใช่แล้วบุตรคนนี้ได้ฝึกฝนเคล็ดวิชา [ ตัดเดือนหนาว ] ” นับตั้งแต่ที่เขาได้เปิดเผยตัวตนแล้วนั้นเขาก็ไม่มีความจำเป็นใดที่จะต้องปิดบังอีกต่อไปแต่แน่นอนว่าเขาก็ไม่ได้คิดที่จะบอกความจริงไปเสียทั้งหมดว่าเคล็ดวิชานี้แท้จริงแล้วมันไม่ได้เป็น [ เคล็ดวิชาการต่อสู้ระดับขั้นกลาง ] แต่มันเป็น [ เคล็ดวิชาการต่อสู้ระดับขั้นก่อเกิด ] และมันก็ยังมีอีกสองขั้นตอนที่ร้ายยิ่งกว่าเคล็ดวิชาที่เขาได้แสดงออกไปในตอนนี้เสียอีก

          “ ไม่เลวไม่เลว! ” เมื่อเห็นว่าบุตรชายมีความแข็งแกร่งขึ้นอย่างฉับพลันมันยิ่งทำให้ตัวเขานั้นมีความสุขยิ่งนัก เพราะในตอนนี้เขาสามารถกล่าวออกมาได้อย่างภาคภูมิใจได้แล้วว่าบุตรของเขาทุกคนคือเด็กอัจฉริยะ

          “ ฮ่า ๆ นอกจากนี้แม้ว่าข้าจะเป็นพ่อของเจ้าแต่ข้าก็ยังคิดว่าเจ้ามีความแข็งแกร่งดั่งเช่นในอดีตที่เคยผ่านมา ข้าคิดไม่ถึงเลยจริง ๆ ว่าในตอนนี้เจ้าจะมีความแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ และหากเป็นเจ้าในตอนนี้ล่ะก็เจ้าจะต้องสามารถคว้าอันดับ 1 ในการประลองครั้งนี้ได้อย่างแน่นอน! ” เย่ คงหมิง กล่าวในขณะที่เขานั้นหัวเราะ “ เจ้าทำได้แน่! ”

เย่ คงหมิง ได้ออกมาจากบุตรชายของตนและกลับไปยังที่นั่งในหมู่ผู้อาวุโส และในตอนนี้เหลือแค่ เย่ชีเหวิน เพียงคนเดียวที่ยืนอยู่เบื้องล่าง และในครั้งนี้เองบรรยากาศโดยรอบก็ได้แปลเปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก หลังจากที่เวลาได้ถูกยืดออกไประยะเวลานานการประลองในรอบที่ 4 ก็ได้เริ่มต้นขึ้น ชายหนุ่มวัย 20 ปีได้ยืนอยู่บนเวที เขาเป็นคู่ต่อสู้ของ เย่ชีเหวิน ในรอบที่ 4 มีนามว่า ถัง เหนียน

เย่ชีเหวิน กระโดดขึ้นไปยังลานประลองและป้องมือของเขาที่หน้าออกพร้อมกล่าว “ ข้า เย่ชีเหวิน ต้องขออภัยที่ทำให้ท่านต้องรอเป็นเวลานาน! ”

ความรู้สึกที่ซับซ้อนได้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของ ถัง เหนียน เพราะว่าเพียงแค่ 1 กระบวนท่าของ เย่ชีเหวิน เขาก็สามารถเอาชนะ หม่า ยิง ได้แล้วยิ่งไปกว่านั้นเขายังได้เห็นการต่อสู้ของ เย่ชีเหวิน และ หวังเจี้ยน อีกด้วยซึ่งมันทำให้เขารู้ได้ในทันทีว่าตัวของเขานั้นไม่ใช่คู่ต่อสู้ของ เย่ชีเหวิน ซึ่งแต่เดิมความแข็งแรงของเขาได้มาถึงแล้วใน [ จุดสูงสุด] ระดับขั้นที่ 6 ซึ่งมันสามารถทำให้เขากลายเป็น 1 ใน 10 อันดับแรกของศิษย์แถวหน้าได้ ยิ่งไปกว่านั้นเขายังสามารถเข้ารับเลือกให้กลายเป็นศิษย์หลักก็ยังมีความเป็นไปได้ แต่สิ่งที่เขาไม่ได้คาดหวังคือคู่ต่อสู้ของเขาจริงจะเป็น เย่ชีเหวิน มันคงเป็นไปไม่ได้สำหรับเขาอีกแล้วที่จะผ่านเข้ารอบไปยังรอบที่ 5

เขาพยายามที่จะดิ้นรนในขณะที่เขาค่อย ๆ ป้องมือของตนมาที่หน้าอกพร้อมกล่าวว่า “ ศิษย์พี่ เย่ ข้าไม่คิดว่าตัวข้านั้นจะเป็นคู่ต่อสู้ของท่านได้ฉะนั้นแล้วข้าจึงขอยอมรับความพ่ายแพ้! ”

การยอมรับความพ่ายแพ้ของ ถัง เหนียน นั้นได้เกินความคาดหมายของเหล่าศิษย์ไปอย่างมาก เพราะในสายตาของพวกส่วนใหญ่ก็ยังคงเชื่อว่า ถัง เหนียน มีความแข็งแรงที่มากพอจะไต่อันดับขึ้นไปยัง 1 ใน 10 ของศิษย์แถวหน้าได้ แต่ถึงอย่างนั้น เย่ชีเหวิน จริงกับสามารถบดขยี้ หม่า ยิง ได้อย่างง่ายดายฉะนั้นแล้วสถานะของเขาในตอนนี้นั้นจึงได้เพิ่มสูงขึ้นเป็นอย่างมาก

ภายในสำนักฝ่ายใน หม่า ยิง นั้นเป็นถึงศิษย์แถวหน้าอันดับที่ 5 แต่ทว่าในขณะที่ต่อสู้เขากลับไม่สามารถทำอะไร เย่ชีเหวิน ได้เลยแม้แต่น้อยนิด ฉะนั้นแล้วมันจึงเป็นธรรมชาติที่ เย่ชีเหวิน นั้นสมควรที่จะมาแทนที่ หม่า ยิง และกลายเป็นศิษย์แถวหน้าอันดับที่ 5 คนใหม่

ดังนั้นแล้วการยอมรับความพ่ายแพ้ของ ถัง เหนียน นั้นแม้จะเป็นเรื่องที่เกินความคาดหมาย แต่ก็ไม่ได้นับว่าเป็นเรื่องที่หน้าแปลกอันใด

หลังจาก ถัง เหนียน ได้กล่าวยอมรับความพ่ายแพ้ไปคู่ต่อสู้คนใหม่ของ เย่ชีเหวิน ก็ได้ปรากฏตัวขึ้นมาและเขายังเป็นถึง[ ระดับจุดสูงสุดขั้นที่ 6 ดินแดนลมปราณก่อตั้ง ]และเขาก็ไม่เต็มใจที่จะยอมรับความพ่ายแพ้ จนในท้ายที่สุดเขาก็ได้ถูกตบจนล่วงเวทีไปด้วยเพียง 1 ฝ่ามือ ของ เย่ชีเหวิน

หลังจากที่ เย่ชีเหวิน ได้รับชัยชนะมาถึงสองรอบเขาก็ได้มาถึงการจัดอันดับในรอบ 6 คนสุดท้ายได้อย่างง่ายดาย นอกจากนี้อีก 5 คน ที่ได้เข้ารอบมายังการจัดอันดับ 6 คนสุดท้ายพวกเขานั้นล้วนแล้วแต่เป็นผู้เชียวชาญระดับสูงทั้งสิ้น พวกเขาทุกคนล้วนต่างมีความแข็งแรงที่หน้าหวาดกลัว ผู้ที่อ่อนแอที่สุดในหมู่พวกเขายังเป็นถึง[ ระดับจุดสูงสุดขั้นที่ 6 ดินแดนลมปราณก่อตั้ง ]

และนอกจากนี้ เย่ชีเหวิน ยังได้ค้นพบเข้ากับผู้เชียวชาญระดับสูงอย่างแท้จริง คู้ต่อสู้ของ เย่ชีเหวิน ในครั้งนี้นั้นเป็นถึงศิษย์แถวหน้าอันดับที่ 3 มีนามว่า จางเฉียง ถ้าสามารถเอาชนะเขาได้ เย่ชีเหวิน จะก้าวขึ้นกลายเป็นศิษย์แถวหน้าอันดับที่ 3 ในทันที

          “ ข้า เย่ชีเหวิน โปรดชี้แนะ! ” เย่ชีเหวิน ว่ากล่าว

          “ ศิษย์น้อง เย่ เจ้าช่างมีความแข็งแกร่งยิ่งนักแม้แต่ หม่า ยิง ก็ยังพ่ายแพ้ให้แก่เจ้าอย่างง่ายดาย ” จางเฉียง ว่ากล่าว “ หากแต่ หม่า ยิง นั้นถือได้ว่าเป็นจุดอ่อนที่สุดในหมู่พวกเรา 5 ศิษย์แถวหน้า ฉะนั้นแล้วมันจึงไม่ใช่เรื่องง่ายที่เจ้าจะสามารถเอาชนะข้าได้! ”

เย่ชีเหวิน นั้นรู้ว่า จางเฉียง เป็น 1 ใน 5 ศิษย์แถวหน้าของสำนักฝ่ายในมาเป็นระยะเวลานาน

จางเฉียง ได้ปล่อยพลังอำนาจทั้งหมดของเขาออกมาโดยไม่มีการยับยั้งใด ๆ และที่หน้าแปลกใจคือเขาเป็นถึง[ ระดับกลางขั้นที่ 7 ดินแดนลมปราณก่อตั้ง ]จึงไม่หน้าแปลกใจที่เขาบอกว่า หม่า ยิง เป็นบุคคลที่อ่อนแอที่สุดในหมู่พวกเขา

ฝูงชนหลายคนถึงกับต้องประหลาดใจเพราะศิษย์ฝ่ายในจริงมีผู้เชี่ยวชาญ[ ระดับขั้นที่ 7 ดินแดนลมปราณก่อตั้ง ] อยู่ด้วยจริงหรือแล้วเหตุใดกันทั้งที่ไปถึง[ ระดับขั้นที่ 7 ดินแดนลมปราณก่อตั้ง ]แต่กลับยังไม่กลายเป็นศิษย์หลัก

          “ หมัดดาวตก! ” จางเฉียง ตะโกนลั่น สายตาของเขากลายเป็นคมชัดและร่างกายของเขาระเบิดตัวพุ่งออกไปยังเบื้องหน้าพร้อมกับกำปั้นที่ถูกห่อหุ้มไปด้วยชั้นสีเหลืองอ่อนและกลิ่นอายที่ดูคุกคาม เขาได้ใช่เคล็ดวิชาการต่อสู้ประเภทหมัดที่มีชื่อเรียกว่า [ หมัดเจาะทะลวง ] และมันยังถือได้ว่าเป็นหนึ่งในเคล็ดวิชาประเภทหมัดที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดภายในสำนัก

จางเฉียง ได้มาปรากฏยังเบื้องหน้าของ เย่ชีเหวิน อย่างฉับพลันและเหวี่ยงหมัดที่หนักดุจราวขุนเขาของเขาออกไปยัง เย่ชีเหวิน

          “ ฝ่ามืออสนีบาต! ” เย่ชีเหวิน ตะโกนเบา ๆ ฝ่ามือของเขาได้ถูกห่อหุ้มไปด้วยชั้นบรรยากาศของพายุฝนฟ้าคะนองพลังลมปราณได้เกิดการขยายตัวและปะทะเข้ากับการโจมตีที่กำลังเข้ามา

เย่ชีเหวิน ออก [ ฝ่ามืออสนีบาต ] ไปถึง 6 ก้องคำราม
          “ ปัง ! ”

          “ ปัง ! ”

          “ ปัง ! ”

รูปเงาทั้งสองฝ่ายกำลังประสานฝ่ามือเข้าด้วยกัน เย่ชีเหวิน ได้ใช้เกือบจุดสูงสุดความแข็งแรงของเขาในขณะที่พลังอำนาจและความแข็งแรงของ จางเฉียง ถูกทำลายหมัดของเขาได้ถูกทุบและเด้งสะท้อนกลับมา

          “ ตึม! ” เย่ชีเหวิน ได้เหวี่ยง [ ฝ่ามืออสนีบาต ] ออกไปอีกครั้งพลังอำนาจของเขาได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและพุ่งชนเข้ากลับหมัดของ จางเฉียง จนหมัดของ จางเฉียง ทั้งสองข้างนั้นถูกทำลาย เมื่อ จางเฉียง ไม่มีสิ่งใดให้ป้องกันเขาก็ได้ถูกฝ่ามือของ เย่ชีเหวิน กระแทกเข้ากับที่หน้าอกในทันที

          “ ปัง ! ” จางเฉียง ถูกกระแทกด้วยฝ่ามือของ เย่ชีเหวิน จนบินรอยข้ามออกนอกเวทีประลองในลักษณะพลิกคว่ำ

          “ การประลองในรอบนี้ เย่ชีเหวิน เป็นฝ่ายชนะ! ”

เย่ชีเหวิน ได้ก้าวสู้อันดับที่ 3 ได้อย่างง่ายดาย

#########################################################

เอาละในช่วงท้ายก็มาพบกับเราเหล่าพี่น้อง 4B หัวดอที่จะมาเผานิยายเรื่องนี้ไปพร้อมกลับคุณ

B2 : ง่ะก็เท่านั้น…ไม่จำเป็นต้องใช้กำลังก็ชนะได้อย่างง่ายดายเพียงใช้แค่คำพูด 55555 สายฟ้องก็มา
B3 : เห้อถามจริงนี่คนหรือยุง เห็นกี่รอบก็โดนตบเอาตบเอา เอาจริงดิถ้าจะตัวประกอบ 1 บทแบบนี้ไม่จำเป็นต้องเขียนชื่อมาก็ได้นะ
B4 : เอาน่าอย่างน้อยก็ยังดีที่ไม่มีใครตาย ว่าแต่นี่ยังไม่รู้เลยว่ามีใครเก็บ หม่า ยิง ไปยังเห็นไม่พูดถึงเลย หรือ ว่าจะยังนอนกองอยู่ตรงนั้น
B3 : เห้อจะไปถามถึงตัวประกอบทำไมทิ้ง ๆ ไปเถอะไอ้พวกก้าวบันไดเนี่ยไม่ต้องไปพูดถึงมัน
B4 : ถึงจะเป็นตัวประกอบแต่ก็หน้าเห็นใจนะ ดูอย่างพวกเราดิยังไม่มีใครพูดถึง B1 ซักคน
B2,B3 : B1 B1 B1 B1 B1 B1 B1 B1 B1 B1 B1 B1 B1 B1 B1 B1 B1 B1 B1 B1 B1 B1 B1 B1 B1 B1 B1
B4 : มันก็เกินไป
B2,B3 : B1 อะหรอ
B4 : พวก [ ม. ] เนี่ย


#########################################################
เอาล่ะก็ขอจบสาระเร้าใจ BY: นายกระทิข้น ไว้เท่านี้ก่อนนะครับขอบคุณครับสำหรับผู้อ่านทุกท่าน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม