บทที่ 25 - เพียง 3 กระบวนท่าก็เกินพอสำหรับเจ้า

          “ นี่ เย่ชีเหวิน จริงมีความแข็งแรงมากเกินไป คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะก้าวขึ้นไปยังอันดับที่ 3 ของศิษย์ด้านบนได้! ”
 
          “ ข้าได้ยินมาว่าเขาเป็นบุตรคนสุดท้องของ เย่ คงหมิง ไม่น่าแปลกใจเลยที่เขามีความแข็งแกร่งเช่นนั้น ดูเหมือนว่าพี่น้องตระกูล เย่ จะมิมีผู้ใดอ่อนแอเลยแม้แต่น้อย! ”
ข่าว เย่ชีเหวิน ได้ก้าวเข้าสู่อันดับที่ 3 นั้น ได้สร้างความแตกตื่นให้แก่ฝูงชนเป็นจำนวนมาก เมื่อเทียบกับ 10 อันดับแรกแล้วมันแทบที่จะไม่มีใครรู้จักพวกเขา

และแน่นอนว่าไม่มีใครรู้และดีใจมากไปกว่า หวัง เหลี่ย เขาได้วิ่งวนไปรอบ ๆ เย่ชีเหวิน ด้วยลักษณะที่ตื่นเต้นพร้อมกล่าว “ ฮ่าฮ่า อาเหวิน เจ้านี่ช่างยอดเยี่ยมยิ่งนัก ตั้งแต่นี้ไปไม่ว่าเจ้าจะไปที่ไหนเจ้าจะต้องเอาข้าติดไปด้วย หากมีใครกล้าที่จะระรานข้า เจ้าจะต้องช่วยข้าจัดการอัดพวกเขาให้เละไปเลย! ”
เย่ชีเหวิน ไม่ทราบว่าเขานั้นจะหัวเราะหรือร่ำไห้ดี นี่เขาจะไปเป็นผู้คุ้มกัน ? หรือว่าอันธพานกันแน่ !

แต่ถึงอย่างไรก็ตาม เย่ชีเหวิน ก็รู้สึกได้ถึงความอบอุ่นภายในจิตใจของเขาเพราะไม่ว่าเขาจะพูดยังไงก็ตาม หวัง เหลี่ย ก็เปรียบเสมือนพี่ชายของเขา!

          “ ช่างเกะกะลูกตายิ่งนัก เป็นเพียงแค่บุคคลธรรมดาแต่กับอ้างตัวเองว่าเป็นบุคคลที่ยอดเยี่ยม เหอะเจ้าคนไม่รู้จักความใหญ่โตของฟ้าดิน! ” ทันใดนั้นเองก็ได้มีเสียงเหน็บแนมดังมาจากทางด้านหนึ่ง

ทุกคนต่างมองไปยังทิศทางของเสียงนั้น และได้พบเข้ากับชายหนุ่มอายุราว 20 ปี อยู่ในชุดคลุมจีน แม้ว่าเขาจะมีใบหน้าที่หล่อเหลา แต่รูปลักษณ์แห่งความเกลียดชังนั้นกลับแสดงออกมาอย่างชัดเจนบนใบหน้าของเขา

ทุกคนต่างได้รับการยืนยันแล้วว่าชายหนุ่มผู้นี้นั้นมีนามว่า จ้าว เหยียนเชว่ เขาเป็น 1 ใน 5 ศิษย์ด้านบน ซึ่งยังเป็นถึงอันดับที่ 2 ใน 3 คนแรกที่ยังเหลืออยู่ในตอนนี้

          “ เจ้าพูดว่ายังไงนะ ? ” เย่ชีเหวิน กล่าวด้วยเสียงเย็นชาอย่างฉับพลัน

          “ ข้าพูดว่า เจ้าเขาเป็นเพียงแค่กบในกะลาที่ไม่รู้จักความใหญ่โตของฟ้าดิน เจ้าต้องรู้ว่าสำนักยี่หยวนนั้นเป็นเพียงแค่จุดเล็ก ๆ บนแผ่นดินอันกว้างใหญ่และเมื่อเจ้าคิดได้เช่นนั้นแล้วเจ้าก็จะรู้ตัวเจ้าเอง ว่าเจ้ามันเป็นเพียงแค่ขยะที่ไร้ค่า! ” จ้าว เหยียนเชว่ กล่าวออกมาซึ่งมันเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเขามองไปที่ หวัง เหลี่ย และกล่าวหาเขาว่าเป็นเพียงแค่ขยะ

เมื่อค่านิยมของ เย่ชีเหวิน เริ่มสูงมากขึ้นต่อฝูงชน จ้าว เหยียนเชว่ ก็เริ่มเต็มไปด้วยความรู้สึกที่อิจฉาริษยา เพราะในความเป็นจริงแล้วเวลานี้เขาต่างห่างที่สมควรจะเป็นจุดสนใจมากที่สุดในเวลานี้ แต่เขากลับถูกขโมยไปโดยใครที่ไหนก็ไม่ทราบ อันมีนามว่า เย่ชีเหวิน ทั้งที่ทุกคนต่างให้ความสนใจในตัวของเขามาโดยตลอดจนกระทั่งเขาได้ผ่านเข้ารอบ 3 คนสุดท้าย แต่ทว่าความสนใจทั้งหมดกลับไม่ได้ตกมาที่เขาแต่มันกลับมุ่งไปที่ เย่ชีเหวิน เพียงจุดเดียวอย่างฉับพลัน

ข้าต่างหากที่เป็นอัจฉริยะไม่ใช่ขยะไร้ค่าเช่นเขา!

จ้าว เหยียนเชว่ คร่ำครวญภายในจิตใจของเขา

          “ จ้าว เหยียนเชว่ ถ้าท่านกล่าวว่าเช่นนั้น ทำไมท่านไม่ขึ้นมาบนเวทีแล้วเล่นเกมกับข้าสักหน่อยจะเป็นไร! ” เย่ชีเหวิน กล่าวพลางหันหลังแล้วกระโดดขึ้นไปยังเวทีลานประลอง

ทุกคนต่างจับจ้องสายตาไปที่ จ้าว เหยียนเชว่ เพราะนี่จะเป็นการต่อสู้กันของอันดับที่ 2 และ 3 ของศิษย์ด้านบน และนี่ก็ยังถือว่าเป็นเวลาที่เหมาะสมที่พวกเขาจะได้รู้ว่าผู้ใดนั้นจะมีความแข็งแกร่งมากกว่ากัน

แม้ว่า จ้าว เหยียนเชว่ จะรู้ว่า เย่ชีเหวิน ไม่ใช่บุคคลที่จะมาล้อเล่นในเวลาเช่นนี้ แต่ทว่าในเมื่อเขาได้กล่าวคำพูดของตนออกมาแล้วเขาก็แน่นอนว่าไม่สามารถที่จะกลืนน้ำลายของตนกลับลงไปได้ นอกจากนี้เขายังได้รู้อีกว่า เย่ชีเหวิน นั้นเป็นบุคคลดั่งเช่นม้ามืดมันมีความเป็นไปได้ที่ว่าประสบการณ์และความแข็งแกร่งของมันอาจเทียบเท่าได้กับตัวของเขา

          “ ดีงั้นข้าจะสอนบทเรียนให้แก่เจ้าเองถึงความใหญ่โตของฟ้าดิน! ” จ้าว เหยียนเชว่ ยิ้มเยาะพลางกระโดดขึ้นไปยังเวทีประลอง

          “ นั้น ตงฟาง ไบ๋ เขาอยู่ที่นี่! ”

ทันใดนั้นฝูงชนก็ได้ตกอยู่ในความวุ่นวาย ตงฟาง ไบ๋ ได้เดินออกมาจากฝูงชนพร้อมกับถือกระบี่สองคมไว้ในมือ เขาสวมชุดคลุมสีขาวซึ่งเต็มไปด้วยกลิ่นอายที่ห้าวหาญ แม้แต่กระบี่ของเขาหากดูอย่างผิวเผินแล้วมันก็ไม่ต่างจากกระบี่ธรรมดาสามัญทั่วไป หากแต่มันชักมันออกมาจากฝักแล้วละก็มันจะมีความคมชัดเป็นอย่างมากจนยากที่จะเชื่อ

และในที่นี้ทุกคนต่างรู้ดีว่าเขานั้นเป็นศิษย์อันดับ 1 ที่มีความสามารถมากที่สุดใน 5 ศิษย์ด้านบน นามว่า ตงฟาง ไบ๋ มีข่าวลือมาว่าเขาได้ฝึกฝนวิชากระบี่มาตั้งแต่วัยเยาว์และเพียงแค่พึ่งเคล็ดวิชาการฝึกฝนกระบี่ที่อยู่ในฝ่ามือของเขามันก็ทำให้เขาสามารถขึ้นมาเป็นอันดับ 1 ของศิษย์ฝ่ายในได้ เขาได้ท้าทายและประมือกับศิษย์หลักมาตลอดเป็นระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา แม้ว่าเขาจะไม่ชนะ แต่เขาก็ไม่ได้พ่ายแพ้ ซึ่งมันได้แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งที่เป็นลักษณะพิเศษเฉพาะตัวของเขา และนี่ก็ยังเป็นครั้งแรกที่ตำแหน่งศิษย์ทั้ง 5 คนจากด้านบนได้เริ่มมีการเคลื่อนไหวและมีตำแหน่งที่ไม่แน่นอน

ตงฟาง ไบ๋ นั้นยืนอย่างใจเย็นและจับจ้องไปยังพวกเขาทั้งสองอย่างสงบ

ศิษย์ทั้งสามจากด้านบนได้มารวมตัวกันยังสถานที่แห่งเดียวกันซึ่งมันเป็นไปอย่างง่ายดายที่จะคาดเดาถึงเรื่องที่จะเกิดขึ้นว่าการต่อสู้ของพวกเขาทั้งสองนั้นจะต้องรุนแรงอย่างแน่นอน

ในเวลาต่อมากลุ่มผู้อาวุโสได้ตัดสินใจให้เริ่มการต่อสู้ในทันที เพื่อที่พวกเขาจะได้ตัดสินว่าใครจะเป็นผู้ชนะในการแข่งขันครั้งนี้

          “ เหอะ เย่ชีเหวิน ในตอนนี้ไม่มีใครที่จะสามารถช่วยเหลือเจ้าได้อีกแล้ว! ” จ้าว เหยียนเชว่ ยิ้มเยาะอีกครั้งและอีกครั้ง

          “ 3 กระบวนท่า ถ้าข้าไม่สามารถล้มเจ้าได้ด้วยเพียง 3 กระบวนท่าข้าจะหันหลังแล้วเดินกลับออกไป! ” เย่ชีเหวิน กล่าวพร้อมกับชูนิ้วขึ้นมา 3 นิ้ว

ใบหน้าของ จ้าว เหยียนเชว่ กลายเป็นซีดในทันทีหลังจากที่เขาถูกทำให้ต้องอับอายโดย เย่ชีเหวิน

          “ ใช้แล้วสอนให้รู้สำนึกไปเลย ว่าเจ้าดีพอที่จะอยู่เหนือกว่า 5 ศิษย์ด้านบน! ” หวัง เหลี่ย ตะโกนเชียร์จากด้านล่าง

          “ เจ้าช่างรนหาที่ตายโดยแท้! ” จ้าว เหยียนเชว่ ว่ากล่าว “ วันนี้ข้าจะหักกระดูกภายในร่างกายของเจ้าออกมาเป็นชิ้น ๆ และให้รู้ซึ้งถึงความใหญ่โตของฟ้าดิน! ”

ร่างกายของ จ้าว เหยียนเชว่ ถูกปกคลุมไปด้วยเพลิงแห่งความโกรธเกรี้ยวกลิ่นอายและพลังลมปราณได้ปกคลุมไปทั่วร่างของเขาจนทำให้เกิดเสียงในชั้นบรรยากาศโดยรอบ จากพลังอำนาจที่มากมายมหาศาลเช่นนี้แล้วเขาสมควรที่จะเป็นระดับปลายขั้นที่ 7 เขาได้เหวี่ยงหมัดของเขาออกมาพร้อมกับอุณหภูมิภายในชั้นบรรยากาศโดยรอบนั้นลดลงในทันที เคล็ดวิชานี้มีชื่อเรียกว่า [ กำปั้นวารีเยือกแข็ง ] มันเป็นเคล็ดวิชาที่มีชื่อเสียงในด้านพัฒนาการ

พายุลมหนาวที่ไม่มีที่สิ้นสุดได้ห้อมล้อมและปกคลุ่มร่างกายของ เย่ชีเหวิน เช่นราวกับมันพยายามที่จะแช่แข็งเขาไปตลอดชีวิต

เย่ชีเหวิน ได้ตะโกนเสียงพร้อมกับก้าวเท้าของเขาออกมาและวิ่งไปทาง จ้าว เหยียนเชว่ พร้อมกับใช้ [ เกรี้ยวกราดดุจสายฟ้า ] ทำลาย [ กำปั้นวารีเยือกแข็ง ] ลงได้อย่างง่ายดาย ท้องฟ้าเปิดกว้างพลังอำนาจของพายุฝนฟ้าคะนองกระจายออกไปทั่วทุกสารทิศ
          “ ความใหญ่โตของฟ้าดินอย่างนั้นหรือ เหอะเรื่องพันธุ์นั้นข้าไม่จำเป็นที่จะต้องให้เจ้ามาสอนข้า! ” เย่ชีเหวิน ยิ้มเยาะพร้อมกระแทกเขาด้วยฝ่ามือ

          “ ปัง ! ” ฝ่ามือที่มีประสิทธิภาพได้กระแทกเข้ากับใบหน้าของ จ้าว เหยียนเชว่ โดยตรง

          “ พัวะ ! ” จ้าว เหยียนเชว่ กระอักเลือดออกมาจากปากพร้อมกับฟันของเขาด้วยน้ำมือของ เย่ชีเหวิน

          “ นี่เจ้า… ” จ้าว เหยียนเชว่ มองออกไปด้วยสายตาที่ไม่อยากจะเชื่อ แต่ทว่า เย่ชีเหวิน ไม่ได้มีท่าทีที่จะหยุดยั้งใด ๆ เขาได้ใช้ฝ่าเท้าของเขาเตะออกไปอย่างรุนแรง

          “ ปัง ! ” จ้าว เหยียนเชว่ ปลิวกระเด็นรอยขึ้นไปบนท้องฟ้า และในขณะช่วงที่เขากำลังล่วงหล่นลงมา เย่ชีเหวิน ก็ได้ใช้ฝ่ามือของเขาที่ปกคลุมไปด้วยปราณสายฟ้าตบไปที่หน้าของเขาอย่างแรงอีกครั้งด้วยพลังอำนาจที่กลัวจนไม่อาจหาใครเทียบได้ ซึ่งแรงระเบิดอย่างรุนแรงได้ถ่ายถอดไปยังภายในร่างกายของเขา

          “ ตูม ! ” แรงระเบิดอย่างรุนแรงได้พัด จ้าว เหยียนเชว่ กระเด็นปลิวออกไปจากเวทีลานประลอง กระดูกซี่โครงของเขาทั้งหมดถูกทำลายเขาได้ทรุดตัวลงกับพื้นและหมดสติในทันที

ศิษย์จำนวนมากถึงกับเงียบราวกับเป่าสาก เหงื่อเย็นได้ไหลออกมาทั่วร่างกายของพวกเขา พวกเขาต่างกลืนน้ำลายกันเฮือกใหญ่เพราะนี่เป็นศิษย์ 1 ใน 5 อีกคนหนึ่งที่ต้องพ่ายแพ้ให้กับ เย่ชีเหวิน โดยที่ร่างกายได้รับบาดเจ็บหนัก 1 ใน 5 ได้พ่ายแพ้ให้กับ เย่ชีเหวิน ไปแล้วถึง 3 คน

เหลือกอีกเพียงแค่ 2 คนของ 5 ศิษย์ด้านบนอย่าง ตงฟาง ไบ๋ และ จื๋อ เยียน ซึ่งเป็นศิษย์หญิงและแน่นอนว่าเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของ เย่ชีเหวิน

และในตอนนี้ จ้าว เหยียนเชว่ ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสจนหมดสติไปเรียบร้อยแล้วซึ่งแน่นอนว่าผู้ที่จะต้องชนะและการเป็นแชมป์ในการแข็งขันครั้งนี้นั้นจึงเหลือเพียงแค่ เย่ชีเหวิน และ ตงฟาง ไบ๋

           “ เย่ชีเหวิน ช่างแข็งแกร่งยิ่งนักไม่คาดคิดเลยว่า แม้แต่ จ้าว เหยียนเชว่ ผู้ซึ่งเป็นถึง[ ระดับปลายขั้นที่ 7 ดินแดนลมปราณก่อตั้ง ]ก็ยังต้องพ่ายแพ้ให้แก่เขาอย่างง่ายดาย! ”

          “ แต่ก็หน้าเสียดายยิ่งนักที่ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นคนที่ไร้ความปราณีมากเกินไปและกระทำการอย่างผลีผลาม ฉะนั้นแล้วเราจึงไม่อาจคาดเดาได้เลยว่าเมื่อเขาเติบใหญ่ขึ้นเขาจะเป็นผู้ถือศีลและให้พรพวกเราหรือจะเป็นมารผู้ที่จะสาบแช่งเรากันแน่! ”

          “ แต่ว่าศิษย์ที่มีศักยภาพและแข็งแกร่งเช่นนี้ได้เกิดขึ้นภายในสำนักของเรามันก็สมควรที่จะเป็นพรแก่สำนักยี่หยวนของเราสิถึงจะถูก ยิ่งศิษย์มีความสามารถมากเท่าไหร่สำนักนั้นก็จะยิ่งมีความน่ากลัวและหน้าเกรงขามมากเพิ่มขึ้นเพียงเท่านั้น! ”
กลุ่มผู้อาวุโสยังคงวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับ เย่ชีเหวิน อย่างต่อเนื่องในที่นั่งของกลุ่มผู้อาวุโส

          “ ข้าจะไม่เอาเปรียบเจ้าฉะนั้นข้าจะรอให้เจ้าพักฟื้นเสียก่อนและเราค่อยมาประมือกัน! ” ตงฟางไป๋ กล่าวอย่างเอาใจใส่ เพราะว่าเขาได้เห็นความแข็งแกร่งที่แท้จริงขอ เย่ชีเหวิน แล้วในด้านหน้าของทุกคน เขาเป็นบุคคลที่แข็งแกร่งและจะต่อสู้อย่างไร้ความปราณีสำหรับคนที่ทำการกระตุ้นเขา

           “ ไม่จำเป็นอย่าได้เสียเวลา! ” เย่ชีเหวิน กล่าวเพราะแม้ว่า จ้าว เหยียนเชว่ จะเป็นถึง[ ระดับขั้นที่ 7 ดินแดนลมปราณก่อตั้ง ]แต่มันก็ไม่เพียงพอที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของเขาและพ่ายแพ้ไปอย่างง่ายดาย ซึ่งโดยที่ เย่ชีเหวิน แทบที่จะไม่สูญเสียความแข็งแรงของเขาไปเลยแม้แต่น้อยในการเอาชนะเขา และ ภายในแค่ไม่กี่ลมหายใจความแข็งแรงของ เย่ชีเหวิน ก็กลับมาเต็มสมบูรณ์ คืนสู่จุดสูงสุดของมันอีกครั้ง

#########################################################

เอาละในช่วงท้ายก็มาพบกับเราเหล่าพี่น้อง 4B หัวดอที่จะมาเผานิยายเรื่องนี้ไปพร้อมกลับคุณ

B3 : ง่ะ ง่ะ มีโต๊ะพนันไหมถามจริง ถ้ามีนี่พี่จะแทงให้มิดเลย
B2 : แทงพนันอ๋อ ????
B3 : แทง [ ม. ] มั้งไสอง
B2 : ทำไมชั่วยังงี้ว่ะ เป็นฝ่ายตัวโกงก็แล้วยังจะคิดถึงเรื่องการพนันอีก [ ม. ] นี่ตัวขี้โกงจริง ๆ เลยนะ 
B4 : ใช่เล่นการพนันเป็นสิ่งไม่ดี เห็นเขาบอกกันมาว่าโครตจะบาปหนา แค่ใจคิดก็ตกนรก 100 ชาติ
B3 : นี่พวก [ ม. ] พูดกันอย่างกับ [ ก. ] ไปฆ่าใครมาอ่ะ แค่เอยเชย ๆ ว่าน่าจะเปิดโต๊ะ ๆ แต่ยังไม่ได้เล่น
B2 : แค่คิดก็ผิดแล้ว ไม่ดิแค่เกิดมาเป็น B3 นี่ก็ผิดและ
B3 : WTF ???
B4 : ใช่ ๆ ไปชดใช้กำสัก 100 ชาติไป

#########################################################
เอาล่ะก็ขอจบสาระเร้าใจ BY: นายกระทิข้น ไว้เท่านี้ก่อนนะครับขอบคุณครับสำหรับผู้อ่านทุกท่าน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม