บทที่ 26 - ผู้ชนะเลิศ

          “ ดีค่อนข้างเถรตรง! ” ตงฟางไป๋ พยักหน้าพลางกระโดดขึ้นไปยังเวทีประลอง

ทุกสายตาจับจ้องไปที่พวกเขาทั้งสอง เพราะนี่อาจจะเป็นการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในการแข่งขันภายในสำนักฝ่ายใน ผู้ที่จะชนะในศึกนี้จะกลายเป็นผู้ชนะเลิศในการแข่งขัน ฉะนั้นแล้วพวกเขาส่วนใหญ่จึงให้ความสนใจเป็นอย่างมากว่าจะเป็นผู้ใดกันแน่ที่จะชนะ แม้ว่าหลังจากนี้จะยังมีการแข่งขันของพวกศิษย์ฝ่ายนอกอยู่ หากแต่ความแข็งแรงของพวกเขาโดยรวมแล้วนั้นมันยังคงต่ำมากเกินไปเมื่อเทียบกับเหล่าศิษย์ฝ่ายใน ทุกปีที่มีการแข่งขันจะมีผู้คนจำนวนน้อยมากที่มาดูการแข่งขันของพวกเขา แม้ว่าจะมีบรรดาผู้เฒ่าผู้แก่ ผู้อาวุโสระดับสูง หรือ หัวหน้าฝ่ายของตำหนักต่าง ๆ มาเยี่ยมชมบ้างหากแต่พวกเขาก็มองเพียงแค่ผ่าน ๆ ในตำแหน่งผู้นั่งชมของพวกผู้อาวุโสเพียงเท่านั้น มีเพียงแค่ผู้อาวุโสไม่กี่คนเท่านั้นที่มาดูการแข่งขันของพวกเขา

           “ ข้ายอมรับคำท้าของเจ้า ! ” ตงฟางไป๋ กล่าวอย่างเคร่งขรึม พลางชี้กระบี่ของเขาไปที่ เย่ชีเหวิน พร้อมกล่าว “ หากแต่เจ้าต้องชักใบมีดของเจ้าออกมา! ”

ตงฟางไป๋ เป็นที่รู้จักกันดีในหมู่ศิษย์ว่าเขานั้นเป็นผู้เชียวชาญในด้านเคล็ดวิชากระบี่และระดับการบ่มเพาะพลังของเขานั้นก็ยังเป็นที่น่าตื่นตาตื่นใจ เขาได้มาถึงแล้วใน [ ระดับจุดสูงสุดของขั้นที่ 7 ดินแดนลมปราณก่อตั้ง ] ซึ่งเขาสามารถทลายผ่านกำแพงก้าวไปสู่ [ ระดับขั้นที่ 8 ดินแดนลมปราณก่อตั้ง ] ได้ตลอดเวลา
5 ศิษย์ด้านบนในรอบนี้นั้นอาจกล่าวได้ว่าเป็นรุ่นที่แข็งแกร่งมาก ตามกฎของสำนักยี่หยวนได้กล่าวเอาไว้ว่าผู้ที่สามารถบรรลุ [ ระดับขั้นที่ 5 ดินแดนลมปราณก่อตั้ง ] ได้จะมีคุณสมบัติมากพอที่จะได้เข้ารับเลือกให้กลายเป็นศิษย์หลัก และผู้ที่สามารถบรรลุ [ ระดับขั้นที่ 7 ดินแดนลมปราณก่อตั้ง ] ได้นั้นจะถือไม่ได้เป็นผู้อ่อนแอในหมู่ศิษย์หลัก ส่วนผู้ที่สามารถบรรลุ [ ระดับขั้นที่ 8 ดินแดนลมปราณก่อตั้ง ] ได้จะถือว่าเป็นผู้แข็งแกร่งในหมู่ศิษย์หลัก และผู้ที่สามารถบรรลุ [ ระดับขั้นที่ 9 ดินแดนลมปราณก่อตั้ง ] ได้จะนับว่าเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาศิษย์หลักทั้งหมด

และในที่สุด เย่ชีเหวิน ก็ได้ชักใบมีดยาวออกมาในด้านหน้าฝูงชนและเหล่าศิษย์ที่จับจ้องตาเป็นมันไปที่เขา เพราว่านี่เป็นครั้งที่ 2 ที่ เย่ชีเหวิน ได้ชักใบมีดของเขาออกมาในด้านหน้าของพวกเขา ครั้งแรกเขาได้ใช้มันในการต่อกรกับหัวหน้าฝ่ายตำหนักลงทัณฑ์ผู้ที่เป็นถึงผู้เชียวชาญ [ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด ] หวัง เจี้ยน ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่านั้นคือพลังที่แท้จริงของเขา หากแต่ตลอดในทุกการปละลองที่ผ่านมา เย่ชีเหวิน กับเอาชนะคู่ต่อสู้ของเขาได้ด้วยเพียงแค่ใช้ฝ่ามือของเขาเพียงเท่านั้น
          “ ระวัง! ” ตงฟางไป๋ ตะโกนพร้อมร่ายรำกระบี่ที่อยู่บนฝ่ามือของเขา ประกายแสงคมชัดฟาดฟันเข้าใส่ เย่ชีเหวิน อย่างรวกเร็วราวกับสายฟ้าฟาด ประกายแสงได้ส่งออกมาจากดาบจำนวนนับไม่ถ้วน มันคือเคล็ดวิชา [ ประกายดาบสังหาร ] ประกายแสงจำนวนนับไม่ถ้วยได้พวยพุ่งเต็มไปทั่วท้องฟ้า

เย่ชีเหวิน ได้ใช้เคล็ดวิชา [ ตัดจันทร์เสี้ยว ] สวนกับไปเพื่อหักล้างเข้ากับเคล็ดวิชา [ ประกายดาบสังหาร ] ของ ตงฟางไป๋ ที่กำลังพวยพุ่งเข้ามา

          “ ตูม! ” เคล็ดวิชาดาบของ เย่ชีเหวิน และ ตงฟางไป๋ ต่างมีความแข็งแรงเป็นอย่างมาก จนก่อให้เกิดเสียงระเบิดดังสนั่นไปทั่ว

การโจมตีของพวกเขาทั้งสองเป็นไปอย่างรวดเร็ว เคล็ดวิชากระบี่ของ ตงฟางไป๋ เป็นเคล็ดวิชาที่มีความโดดเด่นในเรื่องของความรวดเร็ว ในขณะที่ เย่ชีเหวิน นั้นมีความชำนาญในการใช้ [ ตัดจันทร์เสี้ยว ] จนถึงขั้นที่เขาสามารถปล่อย 9 ใบมีด ออกมาได้ภายในการโจมตีเพียงครั้งเดียว ซึ่งนอกจากนี้มันยังได้ประยุกต์ใช้เข้ากับพลังอำนาจของ [ ฝ่ามืออสนีบาต ] จนทำให้ใบมีดนั้นมีความรวดเร็วเป็นอย่างมาก จนอาจใกล้เคียงกับคำว่าสมบูรณ์แบบ

ในขณะที่อาวุธของพวกเขาทั้งสองได้เข้าห้ำหั่นกัน ฝูงชนที่คอยสังเกตการณ์อยู่เบื้องล่างนั้นก็ต้องค่อยดูอย่างระมัดระวัง เพราะว่าพวกเขานั้นไม่ต้องการที่จะเป็นผู้ถูกลูกหลงในการต่อสู้ครั้งนี้

จาง เฉียง ผู้ซึ่งเป็น 1 ใน 5 ของศิษย์ด้านบน ก็ยังเฝ้ามองการต่อสู้ในครั้งนี้ด้วยสีหน้าที่บิดเบี้ยว ก่อนหน้าเขาต่อสู้กับ เย่ชีเหวิน และต้องพบกับความพ่ายแพ้อย่างอนาถโดยเคล็ดวิชาฝ่ามือของ เย่ชีเหวิน ซึ่งเขาคิดว่าเคล็ดวิชาฝ่ามือของ เย่ชีเหวิน นั้นสมควรที่จะเป็นเคล็ดวิชาที่แข็งแกร่งที่สุดของเขา หากแต่เขากลับคิดไม่ถึงเลยว่าเคล็ดวิชาฝ่ามือของ เย่ชีเหวิน มันเทียบอะไรไม่ได้กับเคล็ดวิชาใบมีดที่น่าอัศจรรย์ของเขาเลย และนี่ก็สมควรที่จะเป็นความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเขา

ตงฟางไป๋ ได้มาถึง [ ระดับจุดสูงสุดขั้นที่ 7 ดินแดนลมปราณก่อตั้ง ] และความแข็งแรงของเขาเกือบจะทะลุระดับขั้น [ 10 พยัคฆ์ ] ซึ่งการฝึกฝนของเขาภายในสำนักนั้นเป็นไปอย่างรวดเร็วมาก แม้แต่ผู้เชียวชาญ [ ระดับขั้นที่ 9 ดินแดนลมปราณก่อตั้ง ] ก็ยังอาจถูกสังหารได้ด้วยคมกระบี่ของเขาซึ่งมันเป็นสิ่งที่น่าตื่นตกใจมาก

หากแต่ เย่ชีเหวิน นั้นเป็นเพียงแค่ [ ระดับจุดสูงสุดขั้นที่ 6 ดินแดนลมปราณก่อตั้ง ] แต่กับมีพละกำลังและความแข็งแกร่งที่ไม่ได้ด้อยไปกว่าเขาเลย ยิ่งไปกว่านั้น เย่ชีเหวิน ยังคงฟาดฟันใบมีดของเขาออกไปโดยไม่มีท่าทีที่เมื่อยล้าเลยแม้แต่น้อย ใบมีดนั้นได้ถูกปล่อยออกมาอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้าฟาด เขาไม่แม้แต่ที่จะให้ ตงฟางไป๋ ได้โอกาสพักหายใจ เขาได้ใช่เวลาฝึกฝนกระบวนท่า [ ตัดจันทร์เสี้ยว ] จนถึงขั้นที่อาจเรียกได้ว่าสมบูรณ์ราวกับว่าเขาและมันได้เป็นหนึ่งเดียวกัน ซึ่งมันไม่อาจมีข้อบกพร่องใดเลยแม้แต่น้อย

ตงฟางไป๋ นั้นคิดไม่ถึงเลยว่า เย่ชีเหวิน จะไม่แสดงออกถึงความเมื่อยล้าเลยแม้แต่น้อย ยิ่งไปกว่านั้นเขาในตอนนี้ก็เริ่มที่จะคาดเดาการเคลื่อนไหวของ เย่ชีเหวิน ไม่ออกแล้วเช่นกัน ซึ่งมันค่อนข้างเป็นที่ชัดเจนว่าเคล็ดวิชาการใช้ใบมีดของ เย่ชีเหวิน นั้นค่อนข้างที่จะอยู่ในระดับที่สูงมาก ถึงแม้ว่าระดับการบ่มเพาะพลังของ ตงฟางไป๋ จะอยู่ในระดับที่สูงกว่า เย่ชีเหวิน หากแต่ความรู้และความเข้าใจในเคล็ดวิชากระบี่ของเขานั้นยังคงห่างไกลและเป็นด้อยกว่าเมื่อเทียบกับเคล็ดวิชาใบมีดของ เย่ชีเหวิน

เขาเป็นเพียงแค่ชายหนุ่มแต่กับมีความเข้าใจมาถึงในระดับนี้ !

ตงฟางไป๋ นั้นไม่ทราบถึงพื้นที่ลึกลับที่อยู่ภายในร่างกายของ เย่ชีเหวิน !

แต่ทว่าในเวลานี้เขาไม่มีเวลามากพอที่จะมามั่วคิดถึงเหตุผลเพราะใบมีดของ เย่ชีเหวิน นั้นได้พุ่งเข้ามาแล้ว

ตงฟางไป๋ นั้นไม่มีทางเลือกอื่น เขาได้ใช่กระบี่ของเขาตัดแบ่งซีกอำนาจใบมีดออกเป็นสอง และฟาดฟันใส่ เย่ชีเหวิน หากแต่อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่ที่กระบี่ได้ฟาดฟันลงมา มันกับถูกรับเอาไว้ได้โดยฝ่ามือของ เย่ชีเหวิน

เย่ชีเหวิน ใช้ฝ่ามือของเขารับเอาไว้อย่างง่ายดาย ประกายสายฟ้าได้ปรากฏขึ้นบนมือพร้อมกับ 3 เงาใบมีดที่ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าและสับลงไปที่ร่างกายของ ตงฟางไป๋

ตงฟางไป๋ นั้นทำได้เพียงแค่กล้ำกลืนฝืนทน ภายในใจของเขามันรู้สึกแทบอยากจะกระอักเลือด แม้ว่ามันผู้นั้นจะเป็นถึง [ ระดับจุดสูงสุดของขั้นที่ 6 ] และโจมตีพร้อมกันถึง 3 ดาบก็ตามมันก็ไม่สามารถเป็นภัยคุกคามใด ๆ ให้แก่เขาได้ หรือไม่กระทั่งผู้เชี่ยวชาญ [ ระดับจุดสูงสุดของขั้นที่ 7 ] ก็ตาม ตงฟางไป๋ ก็ยังสามารถเอาชนะพวกเขาเหล่านั้นลงได้อย่างง่ายดาย หากแต่ เย่ชีเหวิน นั้นมันแปลกประหลาดมากเกินไป ความเร็วของ เย่ชีเหวิน นั้นแทบที่จะไม่เป็นรองเขาเลยแม้แต่น้อย ยิ่งในขณะที่ใช้ [ ย่างก้าวทูตสวรรค์ ] เคล็ดวิชาความเร็วของเขาก็จะเพิ่มมากยิ่งขึ้น แม้แต่ความแข็งแรงเองก็ยังมีความเป็นไปได้มันอาจมีมากกว่าเขา เย่ชีเหวิน ในตอนนี้นั้นเปรียบเสมือนดั่งสัตว์ประหลาดเขาได้ดื่นสุราวานรไปเป็นจำนวนมาก ซึ่งมันก็ได้เพิ่มความแข็งแกร่งให้กับเขาเป็นจำนวนมากเช่นกันและแน่นอนว่ามันไม่ได้ด้อยกว่าความแข็งแรงของ ตงฟางไป๋ หรือแม้แต่ ลมปราณ ของเขาก็ยังมีรูปล่างที่หนาและลึกล้ำยิ่งกว่า ซึ่งเห็นได้ชัดเจนว่ามันมีประสิทธิภาพมากกว่า ลมปราณ ของ ตงฟางไป๋

ไม่มีด้านไหนเลยที่ เย่ชีเหวิน นั้นเป็นด้อยกว่า ตงฟางไป๋ ในความเป็นจริงเขาอาจดีมากเสียยิ่งกว่าด้วยซ้ำ ซึ่งมันเห็นได้อย่างชัดเจนว่า ตงฟางไป๋ ได้สูญเสียสไตล์การต่อสู้ของตนและตกอยู่ภายในกำมือของ เย่ชีเหวิน

ทุกคนที่เห็นต่างตกใจในสิ่งที่เกิดขึ้นแม้ว่าพวกเขาจะรู้ว่า เย่ชีเหวิน นั้นมีความแข็งแกร่งอยู่มาก หากแต่พวกเขาคิดไม่ถึงว่า เย่ชีเหวิน จะมีความแข็งแกร่งที่มากมายถึงเพียงนี้ มันเป็นสิ่งที่พวกเขายากจะทำใจเชื่อ

ตงฟางไป๋ เขาคือใคร ? เขาเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดา 5 ศิษย์ด้านบนและไม่มีใครในหมู่ศิษย์ฝ่ายในที่แข็งแกร่งและดีเกินไปกว่าเขา เป็นระยะเวลานานที่เขาได้ประมือกับศิษย์หลักแล้วยังไม่เคยได้รับความพ่ายแพ้ แต่ทว่าในตอนนี้มันเห็นได้ชัดว่าเขานั้นจะต้องพ่ายแพ้ให้กับ เย่ชีเหวิน ซึ่งมันเป็นเพียงแค่สิ่งมหัศจรรย์เกินไปกว่าที่พวกเขาจะคาดคิดได้

แม้แต่ผู้เฒ่าผู้แก่บางคนยังต้องแปลกใจในขณะที่มองไปยังพวกเขาทั้งสองที่กำลังประมือกันอยู่บนเวทีประลอง ถึงแม้ว่าความแข็งแกร่งของพวกเขาจะไม่มากพอที่ถึงกับจะสร้างความแปลกใจให้แก่ผู้เชียวชาญ [ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด ] ได้ เพียงแต่ความแข็งแรงของ เย่ชีเหวิน นั้นมันได้เกินความคาดหมายของพวกเขา

ทุกคนต่างมอง ตงฟางไป๋ ในแง่ดีเพราะว่าเขานั้นคืออัจฉริยะที่มีความสามารถภายในสำนักฝ่ายในซึ่งด้วยความสามารถของเขามันเป็นไปได้ที่จะทำให้เขากลายเป็นศิษย์หลักได้อย่างง่ายดาย นอกจากนี้หลังจากที่เข้าไปยังภายในศิษย์หลักยังมีความเป็นไปได้ที่เขาจะได้รับการเจริญเติบโตที่รวกเร็วและบางที่เขาอาจมีตำแหน่งเป็นถึงผู้อาวุโสภายในศิษย์หลัก ซึ่งทุกคนต่างก็คาดหวังในตัวเขาเช่นนั้น

หากแต่พวกเขาไม่ได้คาดหวังจริง ๆ ว่า ตงฟางไป๋ นั้นจะต้องมาพ่ายแพ้ให้กับ เย่ชีเหวิน ถึงแม้ว่าพลังอำนาจของเขาจะยังคงเหลืออยู่หากแต่สไตล์การต่อสู้ของเขานั้นกลับได้สูญเสียมันไปแล้ว นอกจากนี้ เย่ชีเหวิน ยังคงเหลือพลังลมปราณอยู่อีกมากซึ่งไม่ช้าก็เร็วเขาจะต้องเป็นฝ่ายที่ได้รับชัยชนะอย่างแน่นอน

นี่มันม้ามืดของจริงโดยแท้ !

ในขณะเดียวกันที่ เย่ คงหมิง ได้จับจ้องไปที่บุตรชายที่กำลังเป็นที่โดดเด่นของเขาอย่างมีความสุข รอยยิ้มบนใบหน้าของเขานั้นแถบจะฉีกไปถึงหูเขารู้สึกภาคภูมิใจในความแข็งแรงของ เย่ชีเหวิน เป็นอย่างมาก

ในที่สุด ตงฟางไป๋ ก็ได้รับรู้แล้วว่าการต่อสู้ในครั้งนี้นั้น ท้ายที่สุดแล้วไม่ช้าก็เร็วเขาจะต้องเป็นผู้ที่พ่ายแพ้ เขามีทางเลือกเพียงแค่ต้องรอให้ เย่ชีเหวิน ใช้พลังปราณของเขาจนหมดก่อนอย่างนั้นหรือ ? แต่มันก็เห็นได้อย่างชัดเจนถึงสีผิวที่แดงก่ำและสไตล์การต่อสู้ที่อยู่เหนือกว่าเขานี่มันเป็นเพียงแค่การต่อสู้ที่บ้าคลั่ง !

ตงฟางไป๋ จึงไม่มีทางเลือกอื่น เขาเป็นเพียงแค่ต้องเสี่ยงทุกอย่างลงไปในการโจมตีครั้งสุดท้ายนี้ !

ตงฟางไป๋ ร่ายรำกระบี่ พร้อมตระโกนเสียงดัง ประกายแสงถูกปล่อยออกมาจากกระบี่จนบดบังท้องฟ้าเช่นราวจักรวาลอันกว้างใหญ่ กระบวนท่านี้มีพลังอำนาจมากพอที่จะตัดสินผลการต่อสู้ในครั้งนี้

เย่ชีเหวิน ตะโกน ใบมีดถูกสับออกไปปรากฏ 9 ใบมีดบนท้องฟ้า แม้ว่าจะเป็นเพียงแค่ลมแต่ [ ตัดจันทร์เสี้ยว ] ได้ฉีกทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางหน้ามันจนจะแบ่งออกเป็นสอง ซึ่งมันแสดงให้เห็นถึงพลังอำนาจที่ลึกล้ำของมันในการโจมตีครั้งนี้

           “ ตูม ! ” คลื่นระเบิดที่หน้ากลัวได้แพร่ขยายออกไปเป็นวงกว้าง แม้แต่เวทีลานประลองขนาดใหญ่ยังถึงกับทรุดตัวลง

ควันและฝุ่นต่างตลบอบอวลจนในที่สุดมันก็ได้จางหายไปและในขณะนั้นเองผู้คนจำนวนมากก็ได้เห็นเสื้อผ้าของ ตงฟางไป๋ นั้นอยู่ในสภาพที่ขาดกระจุยแต่บนใบหน้าของเขากับแสดงถึงอารมณ์ที่มีความสุขพลางใบมีดยาวของ เย่ชีเหวิน ได้ว่างเป็นแนวนอนอยู่บนหัวไหล่ของเขา

ผลของการปละลองในครั้งนี้ได้ถูกตัดสินออกมาอย่างเป็นเอกฉันท์ !

ผู้ที่ชนะเลิศในการประลอง ได้แก่…

เย่ชีเหวิน !

#########################################################

เอาละในช่วงท้ายก็มาพบกับเราเหล่าพี่น้อง 4B หัวดอที่จะมาเผานิยายเรื่องนี้ไปพร้อมกลับคุณ

B3 : แลดูยิ่งใหญ่นะช่วงท้าย แต่จริง ๆ B1 น่าจะอยู่ด้วยนะบทนี้ คือแบบมันแสดงออกถึงความเป็น เกย์ อย่างชัดเจน !!
B2 : เห้ย ๆ ๆ พูดให้ดี ๆ ไอ้สาม [ ม. ] ว่าใครเป็น เกย์ !!
B3 : แหม่ก็พูดมาถึงขนาดนี้แล้วนะ ดูดู ก็รู้อ่ะ คือแบบคิดเป็นอย่างอื่นไม่ได้และ ตลอดทุกการแข่งขันที่ผ่านมาลองกลับไปอ่านดูใหม่นะคู่ต่อสู้ของแม้งโดดตบล่วงเวทีหมด ไม่มีใครที่ไม่โดด แต่แล้วนี่ไง ตงฟางไป๋ มันรอดไง รอดไม่ธรรมดาด้วยคือรอดแบบเสื้อผ้ากระจุยขาดรุ่งริ่ง ง่ะแล้วคือแบบยังมีวางดาบบนหัวไหลด้วย คือบิ้วอ่ะมันบิ้ว มันชั่งบิ้วอารมณ์เหลือเกิน
B2 : เดี้ยว ๆ คือ [ ม. ] จะพูดเกินไปแล้วนะ ถึงไอ้หนึ่งจะไม่อยู่แต่ [ ก. ] ยังอยู่นะเว้ย ไม่ว่าใครก็ตามไม่มีสิทธิมาว่า บักเหวิน [ ก. ] เป็นเกย์โว้ย
B4 : เกย์
B2 : ไอ้สี่ !!!!!!!!!
B4 : การพูดคำหยาบเป็นสิ่งไม่ดีนะ แม้ว่าจะเป็นไอ้ก็ตาม ตามสัจธรรมที่ข้าไปเรียนรู้มาการพูดคำหยาบนั้นจะทำให้เจ้าตกนรกถึง 100 ชาติ ตามตัวอักษรเชียวนะ ยกตัวอย่างเช่นคำว่า ไอ้ แค่ พูด ไอ้ ก็ตกนรกไป 300 ชาติแล้ว
B2 : นี่ไงไอ้สี่ [ ม. ] ก็พูดคำว่าไอ้เพราะฉะนั้น [ ม. ] ก็ต้องตกนรกเหมือนกัน
B4 : เฮ้ย ไอ้สอง !!! เองจะมาย้อนข้าแบบนี้ไม่ได้นะเว้ย !!! ข้าคือผู้แสวงธรรมต่อให้ข้าจะพูดคำหยาบแค่ไหนข้าก็ไม่ตกนรก แม้ว่าข้าจะพูดคำว่า [ ห. ] ก็ตามข้าก็ไม่ตก เพราะว่าข้ามีบัตรทรูและบัตรสมาชิกของผู้แสวงธรรมที่จะทำให้ข้านั้นขึ้นสวรรค์อย่างเดียวไม่มีวันตกนรก
B2 : เดี้ยว ๆ ไอ้ [ ส. ] แบบนี้ก็ได้หรอ…..&^$@$*&@*($^@#&(@#
B4 : #&@(#&@&$@#&@(*$&(@^#)(@*$&(@^#(@#(@$^(@&
B3 : เอิ่มนี่พวก [ ม. ] นอกเรื่องกันอีกแล้วนะ คือพวก [ ม. ] จะมาเผานิยายเรื่องนี้หรือจะมาถียงกันเอง !!!
B2,B4 : อย่าเสือก !!!! … *@&#@$&@&@*)$_%*^@&!)@+$(@&)@*%&
B3 : คือนี่…….ผิดอีกแล้วหรอ [ ก. ] ผิดอีกแล้วหรอ นี่ [ ก. ] ทำตามหน้าที่นะเนี่ยไอ้พวกอู้งาน!! ไอ้เวรเอ้ย !!! ไอ้ [ แม่7. ]

#########################################################
เอาล่ะก็ขอจบสาระเร้าใจ BY: นายกระทิข้น ไว้เท่านี้ก่อนนะครับขอบคุณครับสำหรับผู้อ่านทุกท่า

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม