บทที่ 35 - ลอบทำร้าย

          “ 650! ” เย่ชีเหวิน กล่าวเสนอราคาเพิ่มขึ้นอีกครั้ง ราคานี้นั้นมันนับว่าสูงเกินไปสำหรับเคล็ดวิชาที่ไม่สมบูรณ์ แม้แต่[ เคล็ดวิชาการต่อสู่ระดับขั้นสูง ] ก็ยังมีราคาไม่เกิน 1,000 [ศิลาวิญญาณระดับต่ำ]

          “ 700! ” อีกด้านหนึ่งก็มิได้มีทีท่าว่าจะยอม และกล่าวราคาเพิ่มสูงขึ้น

ในเวลาเช่นนี้ผู้คนทั้งหมดต่างตื่นเต้นและมองดูการกระทำของพวกเขาทั้งสอง ราวกับกำลังนั่งดูฉากหนัง

          “ 800! ” เย่ชีเหวิน ขบฟันกล่าวเพราะนี่จะเป็นราคาสุดท้ายแล้วที่เขาจะยอมจ่ายให้กับตำราล้ำค่าเล่มนี้ มันยังมีสิ้นค้าชิ้นอื่น ๆ อีกหลายอย่างที่ยังไม่ได้ถูกนำออกมาประมูล ฉะนั้นแล้วเขาจะใช้จ่ายอย่างสุรุ่ยสุร่ายมิได้

          “ ไอ้เวรนี่มันเป็นใครกันถึงได้กล้าบังอาจมาแข่งขันกับข้า! ” ภายในห้องกระจกชั้นสูง ชายหนุ่มผู้หนึ่งได้กล่าวออกมาด้วยท่าทางที่เกรี้ยวกราดพลางโยนถ้วยชาออกจากมือของเขา เขาไม่ได้คิดเลยว่า เย่ชีเหวิน จะกล้าเสนอแข่งขันกลับเขาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งโดยปกติแล้วเขาชื่นชอบที่จะปั่นราคาเริ่มต้นการประมูลและแข่งขันกับผู้อื่นอย่างสนุกสนานแต่ทว่าในเวลานี้ เย่ชีเหวิน ไม่ได้เป็นเพียงแค่กล้าแข่งขันในการเสนอกับเขา แต่มันยังจุดไฟแค้นให้กับเขาอีกด้วยที่กล้าปั่นราคาให้กับรายการขยะไร้ค่าเช่นนี้ได้สูงถึงเพียงนี้

          “ ข้าอยากรู้ว่ามันเป็นใคร หามันให้เจอแล้วสับมันเป็นชิ้น ๆ! ” ชายหนุ่มกล่าว

แม้ว่านี่จะเป็นเพียงแค่เคล็ดวิชาการต่อสู้ที่ไม่สมบูรณ์ ซึ่งเขาไม่ได้ต้องการที่จะซื้อมันตั้งแต่แรก แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาเมื่อมีคนกล้าท้าทายเขาอย่างโจ่งแจ้งเช่นนี้มันทำให้เขารู้สึกโกรธเป็นอย่างมาก

          “ คุณชายน้อยพวกเราไม่อาจที่จะเสนอราคาไปมากกว่านี้ได้อีกแล้ว เนื่องจากก่อนหน้าที่พวกเราจะมายังที่นี่นั้นพระบิดาได้กำชับมาว่าเป้าหมายข้องพวกเราคือเม็ดโอสถก่อเกิดเพียงเท่านั้น ซึ่งจะเริ่มการประมูลในไม่กี่วันต่อมา หากเทียบ[ เคล็ดวิชาการต่อสู้ระดับขั้นก่อเกิด ] ที่ไม่สมบูรณ์แล้วนั้น เม็ดโอสถก่อเกิด ย่อมสำคัญกับท่านมากยิ่งกว่า ตราบใดที่ท่านได้กลายเป็นผู้บรรลุดินแดนลมปราณก่อเกิดแล้วนั้นนั่นจะถือว่าจุดประสงค์ของพวกเราประสบความสำเร็จ และข้าเกรงว่าเราอาจจำเป็นต้องใช้เงินจำนวนมากในการที่จะคว้า เม็ดโอสถก่อเกิด นี้! ” ชายเฒ่าที่ยืนอยู่ด้านข้างชายหนุ่มนั้นกล่าวด้วยลักษณะท่าทางที่ตำหนิ

          “ ใช่แล้วท่านนายน้อยหนุ่ม ท่านไม่จำเป็นที่จะต้องลดตัวไปอยู่ในระดับเดียวกับพวกมัน ไว้เป็นหน้าที่ของพวกข้าเองใครก็ตามที่มันกล้าบังอาจมาท้าทายท่านข้าจะทำให้มันผู้นั้นตายเยี่ยงสุนัข จนในท้ายที่สุดตำรานั่นก็จะมาตกอยู่ในมือของท่านอย่างแน่นอนฮ่าฮ่า! ” เหล่าองครักษ์ที่ได้รับมอบหมายว่าให้เป็นผู้ดูแลชายหนุ่มต่างว่ากล่าว

ชายหนุ่มไม่ได้เสนอราคาออกไปจนในที่สุดตำรานั้นก็ตกเป็นของ เย่ชีเหวิน ด้วยราคาที่สูงถึง 800 [ศิลาวิญญาณระดับต่ำ]

หลังจากที่ เย่ชีเหวิน ได้รับตำราล้ำค่า เขาก็ได้รับรู้ว่าอีกฝ่ายหนึ่งที่อยู่ในห้องกระจกบนชั้นสูงนั้นเป็นบุตรชายของเจ้าเมืองชิงเฉิน จ้าวชี่เหยียน ซึ่งก่อนหน้าเจ้าเมืองชิงเฉินได้มายังเมืองนี้เป็นการส่วนตัวเพื่อที่จะช่วยเหลือบุตรชายของเขา จ้าวชี่เหยียน ให้ได้รับเม็ดโอสถก่อเกิด

ซึ่งแน่นอนที่ เย่ชีเหวิน นั้นจะรู้ว่าอีกฝ่ายนั้นไม่ใช่บุคคลที่จะสามารถเล่นด้วยได้ เพียงแต่ เย่ชีเหวิน ไม่ได้มีความสะทกสะท้านเลยแต่อย่างใด เขาไม่ใช่บุคคลที่จะมาอ่อนข้อให้กับคนที่ต้องการจะรังแกเขา หากอีกฝ่ายต้องการที่จะต่อสู้แล้วล่ะก็แน่นอนว่า เย่ชีเหวิน จะเดินหน้าลุยโดยไม่มีความลังเลใด ๆ

หลังจากที่ช่วงเวลาการประมูลได้ผ่านพ้นไปสักพัก เย่ชีเหวิน ก็ได้ออกมาจากโรงประมูล แต่ทว่าในขณะนั้นเองเขาก็ได้รู้สึกว่ามีบุคคลแอบตามหลังเขามา

เย่ชีเหวิน รู้สึกแน่นหน้าอกหลังจากที่เขาได้เดินทางมาถึงเมืองเทียนหยวน แน่นอนว่าเขาไม่ได้สร้างความบาดหมางให้แก่ผู้ใดมาก่อน เว้นเสียแต่ก่อนหน้าที่เขาได้แข่งขันการประมูลกับบุตรชายของเจ้าเมืองชิงเฉิน จ้าวชี่เหยียน

เย่ชีเหวิน เงียบขรึมแล้วเดินเข้าไปในตรอก

หลายเงาปรากฏตัว พวกเขาทั้งหมดต่างเป็นองครักษ์ของ จ้าวชี่เหยียน

          “ ผู้เชียวชาญ ? ” เย่ชีเหวิน จับจ้องมองไปยังผู้เชียวชาญจากเมืองชิงเฉิน เพียงพริบตาร่างกายของ เย่ชีเหวิน ก็ได้อันตรธานหายไปต่อหน้าเหล่าองครักษ์พวกนั้นจนถึงกับพวกมันต้องตกใจเหว๋อ

ก่อนหน้า 4 ผู้เชียวชาญจากเมืองชิงเฉิน ได้รับการปกปิดสถานะของตนมาโดยตลอดจนถึงบัดนี้ที่พวกเขาได้ตัดสิ้นใจเปิดเผยตัวตนออกมา

          “ อย่าปล่อยให้ไอ้เจ้าเด็กนั่นมันหนีไปได้ จับมัน! ”

ในทันทีผู้เชียวชาญรูปร่างสูงใหญ่และมีท่าทีดูจริงจังได้รีบวิ่งไล่ตาม เย่ชีเหวิน ไปอย่างรวดเร็ว

แม้ว่าก่อนหน้าที่ เย่ชีเหวิน จะหายตัวไป ระยะห่างระหว่างเขาและ เย่ชีเหวิน นั่นจะนับว่าค่อนข้างไกลอยู่บ้าง หากแต่เมื่อพิจารณาถึงความเร็วของพวกเขาแล้วมันก็ไม่ใช่ระยะทางอะไรที่ไกลอะไรมากนัก หากแต่ เย่ชีเหวิน กลับหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย

          “ นี่มันเป็นไปได้เยี่ยงไงกันอย่าบอกนะว่า ก่อนหน้านี้มันสามารถสัมผัสถึงพวกเราที่แอบสะกดรอยตามมันมา!ม ” องครักษ์ผู้หนึ่งพูดขึ้นมาด้วยสีหน้าที่หดหู่

          “ ไม่มีทาง พวกเราอยู่ห่างออกไปนับ 100 เมตร มันจะเป็นไปได้เยี่ยงไรกันที่มันจะรู้สึกตัว! ” องครักษ์อีกคนพูด

          “ อย่าได้ชะล่าใจ บางทีไอ้เจ้าเด็กนี่มันอาจจงใจไม่คิดจะหลบซ่อนพวกเรา เพราะมันต้องการให้พวกเราเปิดเผยตัวกันออกมาเองเช่นนี้! ” จู่ ๆ องครักษ์รูปร่างสูงใหญ่ ก็ไหวตัวทันและได้กล่าวออกมา

ผิวของผู้เชียวชาญทั้ง 3 คนได้มีการเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย ผู้เชียวชาญเหล่านี้นั้นต่างเป็นทหารผ่านศึก พวกเขาทั้งหมดล้วนไม่ใช่คนโง่และมีไหวพริบที่เฉียบคม แม้พวกเขาจะยังไม่รู้ว่า เย่ชีเหวิน นั้นรู้สึกถึงตัวตนของพวกเขาได้เยี่ยงไร และการจงใจล่อให้พวกเขาออกมานั้นมันจริงหรือไม่ แต่ก็ยังมีความเป็นไปได้สูงในสถานการณ์เช่นนี้

          “ เหอะ มารู้เอาตอนนี้มันก็สายเกินไปแล้ว! ” เย่ชีเหวิน กล่าวออกมาด้วยเสียงเย็นเหนือด้านชั้นกำแพงในตรอก “ ข้าไม่ได้คาดคิดเลยว่าบุตรชายของเจ้าเมืองมหาอำนาจอย่างเมืองชิงเฉินจริงจะกระทำการเช่นนี้ พวกเจ้าไม่ละอายใจกันมบ้างเลยหรืออย่างไร ถ้าข่าวนี้มันได้ถูกแพร่พรายออกไปแล้วล่ะก็ พวกเจ้าจะกลายเป็นตัวตลกต่อหน้าฝูงชนมากแค่ไหนพวกเจ้ารู้ตัวหรือไม่ ? ”

เย่ชีเหวิน ขมวดคิ้วเล็กน้อยหลังจากที่ได้ตรวจสอบและค้นพบว่าผู้เชียวชาญทั้ง 4 คนนี้อยู่ใน[ ระดับขั้นที่ 9 ดินแดนลมปราณก่อตั้ง ]

          “ เหอะเจ้าคิดว่าเจ้าจะได้มีโอกาสแพร่พลายข่าวนี้ออกไปยังนั้นรึ ไอ้เด็กเวรที่มันกล้าท้าทายนายน้อยหนุ่มของพวกข้าเช่นเจ้ามันจะต้องตายเยี่ยงสุนัข! ” องครักษ์ผู้หนึ่งกล่าวด้วยท่าทางหัวเราะเยาะ

          “ หยุดพูดไร้สาระได้แล้ว ฆ่าไอ้เด็กเวรนี่ซะ อย่าปล่อยให้ท่านนายน้อยหนุ่มต้องรอนาน! ” องครักษ์อีกคนหนึ่งพูดอย่างไม่สบอารมณ์

          “ ฆ่าข้าเพียงแค่พวกเจ้า 4 คน ? ” เย่ชีเหวิน ก้าวออกไปเพียงไม่กี่ก้าว ลมได้กวาดผ่านผนังกำแพงออกไปทั่วราวกับพายุที่โหมกระหน่ำมุ่งตรงไปยังด้านหน้าของเหล่าผู้เชียวชาญทั้ง 4

ใบมีดถูกชักออกมาและเหวี่ยงสับออกไปบังเกิดพลังปราณใบมีดรุนแรง 9 ใบมีดปกคลุมไปทั่วท้องฟ้าพุ่งตรงใส่พวกเขา

          “ บ้า นี่มันจะเป็นไปได้ยังไงกัน! ” ประกายตาของพวกเขานั้นเต็มไปด้วยความประหลาดใจและความหวาดกลัว พลังอำนาจที่แพร่ออกมาจากการโจมตีนี้นั้นอาจกล่าวได้เลยว่าดูน่ากลัวเป็นอย่างมาก เป็นไปได้ว่าเจ้าเด็กนี่สามารถฝึกฝนเคล็ดวิชาการต่อสู้ดาบไปจนถึงในระดับ[ สูงสุด ] ?

แม้ว่าเหล่าองครักษ์พวกนี้จะเป็นผู้บรรลุถึง[ ระดับขั้นที่ 9 ดินแดนลมปราณก่อตั้ง ]แล้ว พวกเขาก็ยังมิอาจสามารถฝึกฝนเคล็ดวิชาการต่อสู้ไปจนถึงในระดับ[ สูงสุด ]ได้

ความแข็งแกร่งของผู้เชียวชาญ[ ระดับขั้นที่ 9 ดินแดนลมปราณก่อตั้ง ] พวกนี้นั้นไม่อาจนำมาเทียบชั้นกับความแข็งแกร่งของ เย่ชีเหวิน ได้เลย แม้ว่า เย่ชีเหวิน จะเป็นเพียงแค่ผู้เชียวชาญ[ ระดับขั้นที่ 8 ดินแดนลมปราณก่อตั้ง ] หากแต่ที่เขาได้ฝึกฝน[ เคล็ดวิชาการต่อสู้ระดับขั้นก่อเกิด ] ที่หลากหลายและไหนจะความแข็งแกร่งที่ได้จากการดื่มกินสุราวานร ความสามารถของเขาในตอนนี้นั้นสามารถต่อสู้ได้อย่างทักเทียมกับผู้เชียวชาญ[ ระดับจุดสูงสุดของขั้นที่ 9 ดินแดนลมปราณก่อตั้ง ] และเหตุผลที่องครักษ์เหล่านี้ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขานั้นนั่นก็เพราะว่าพวกเขาไม่ได้รับการฝึกฝนเคล็ดวิชาการต่อสู้ในไปถึงในระดับ[ สูงสุด ]

          “ ชึบ! ” องครักษ์ผู้หนึ่งไม่มีเวลาทันที่จะได้ตั้งตัว และถูกตัดแบ่งออกเป็น 2 ด้วยการโจมตีจากใบมีดของ เย่ชีเหวิน ในสายตาของพวกเขาในตอนนี้มันราวเหมือนกับว่าเขายืนอยู่เฉย ๆ และรอให้ เย่ชีเหวิน มาฆ่าพวกเขา ซึ่งในความเป็นจริงพวกเขาต่างถูกล้อมรอบไปด้วยการโจมตีใบมีดของ เย่ชีเหวิน และไม่มีทางไหนเลยที่พวกเขาจะสามารถหลบนี้ออกไปได้ พวกเขาในตอนนี้ทำได้เพียงแค่ยืนรอความตายเพียงเท่านั้น

          “ พี่สาม! ” เหล่าองครักษ์ที่เหลือต่างตะโกนเรียกด้วยความโศกเศร้า

          “ เร็วในวันนี้พวกเราจะฆ่ามันด้วยกัน! ” การผู้เชียวชาญ[ ระดับขั้นที่ 9 ดินแดนลมปราณก่อตั้ง ] ถูกฆ่าในพริบตา ความหวาดกลัวได้ฝังรากลึกลงไปภายในใจของเหล่าพวกองครักษ์ แต่ในขณะเดียวกันความต้องการที่จะฆ่าอีกฝ่ายก็เพิ่มมากขึ้นด้วย ศัตรูของพวกเขาในตอนนี้ยังคงเป็นเพียงแค่ชายหนุ่มหากแต่วันข้างหน้าในอนาคตเขามั่นเหมาะที่จะกลายเป็นบุคคลที่หน้าหวาดกลัวเป็นอย่างมาก

ทันใดนั้นเหล่าองครักษ์ทั้งสามคนก็ได้จัดรูปแบบการต่อสู้เป็นค่ายกลสามเหลี่ยมและกระโจนเข้าใส่ เย่ชีเหวิน

เหล่าองครักษ์ได้ก้าวเท้าออกไปข้างหน้ามากกว่า 10 ก้าวและในแต่ละก้าวนั้นพวกเขาก็ได้ชักใบมีดออกมาและฟาดฟันใส่ เย่ชีเหวิน

#########################################################

เอาละในช่วงท้ายก็มาพบกับเราเหล่าพี่น้อง 4B หัวดอที่จะมาเผานิยายเรื่องนี้ไปพร้อมกลับคุณ

B3 : นั้นแหละครับไม่มีอะไรให้ลุ้นเลย ตาย ! ตายอย่างเดียว !!!! ม๊ายยยยทำใม [ ก. ] ต้องมาแปลนิยายเรื่องนี้
B2 : พระเอกโครตโหดกระโดดฟัน แล้วจะไม่แปลได้ยังไง ??
B1 : ใช่ ๆ โย่ว ๆ ๆ
B3 : โย่วหน้า [ ม. ] อ่ะ เอาเลยหัวเราะกันไปก่อนเลย [ ก. ] ยังเชื่อในตัวคนแต่งอยู่ว่าเขายังมีใจให้กับตัวร้ายอยู่บ้าง นี่มันก็เป็นแค่ตัวประกอบ ท่องไว้ ๆ นี่เป็นแค่ตัวประกอบ ตัวร้ายของจริงมันยังไม่ออกมา ดาวร้ายมันยังไม่ออกมาโว้ย นี่มันเป็นแค่ตัวประกอบ !!!!
B1 : ออกมาก็ตายเหมือนเดิม !
B2 : ใช่ตายเยี่ยงหมา !
B1,B2 : ใครก็ตายที่มันกล้ามาแหยมกับพี่เหวินมันจะต้องตายเยี่ยงหมา
B3 : ถ้าพวก[ ม. ]จะเล่นใหญ่กันขนาดนี้นะ…..

#########################################################
เอาล่ะก็ขอจบสาระเร้าใจ BY: นายกระทิข้น ไว้เท่านี้ก่อนนะครับขอบคุณครับสำหรับผู้อ่านทุกท่าน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม