บทที่ 37 - แข่งขันประมูล

วันเวลาผ่านไป เหล่าจอมยุทธ์ที่หลั่งไหลเข้ามาภายในเมืองเทียนหยวน ก็ยิ่งเพิ่มจำนวนมากขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นนอกจากแขกผู้มีเกียรติอย่างเมืองมหาอำนาจชิงเฉินแล้ว ยังมีขุมพลังขนาดใหญ่ที่พึ่งมาถึงในช่วงเวลา 2 วันที่ผ่านมา นั้นคือ สำนักฝ่ามือโลหิต และ หุบเขามนต์ดำ ผู้นำของพวกเขาทั้งสองต่างเป็นผู้เชียวชาญ[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด ] และถือได้ว่ามีชื่อเสียงที่ค่อนข้างโด่งดังในหมู่สำนักใกล้เคียง

แต่เดิมพวกเขาต่างมาเพื่อผลประโยชน์ต่อเหล่าศิษย์ที่โดดเด่นภายในสำนักของตน พวกเขาตั้งใจที่จะไปหาเจ้าเมืองวังเป็นการส่วนตัวเพื่อขอเม็ดโอสถก่อเกิด ให้แก่ศิษย์ของพวกเขา หากแต่ในทันทีที่พวกเขาได้รู้ว่าเม็ดโอสถก่อเกิด กำลังจะถูกประมูลขาย พวกเขาจึงได้ตัดสินใจกันที่จะแข่งขันการประมูลในครั้งนี้ที่โรงประมูลเทียนหยิน

เย่ชีเหวิน ได้เดินทางไปยังโรงประมูลเทียนหยิน เพื่อต้องการที่จะเป็นสักขีพยานในการประมูลของชิ้นสำคัญอย่างเม็ดโอสถก่อเกิด ซึ่งเมื่อเทียบกับวันที่ผ่านมาโรงประมูลเทียนหยิน ในเวลานี้นั้นกลับถูกบรรจุแน่นไปด้วยผู้คน

ด้วยจำนวนเหล่าจอมยุทธ์ที่ล้นหลาม มันทำให้เหล่าทหารยามเกิดความลำบากใจขึ้นเล็กน้อย แต่ด้วยการที่มันมีจำนวนเยอะเท่านี้นั้นมันก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกใจอันใด เพราะในวันนี้รายการชิ้นสำคัญจะถูกปล่อยประมูลที่โรงประมูลเทียนหยิน ซึ่งบุคคลใดก็ตามที่ก่อความวุ่นวายและสร้างปัญหาจะถูกโยนออกจากโรงประมูลในทันที ซ้ำยังถูกห้ามเข้าร่วมในการประมูล

แต่อย่างไรก็ตามสถานการณ์เช่นนี้นั้นหาใช่ปัญหาสำหรับ เย่ชีเหวิน ไม่ เขาได้ใช้เคล็ดวิชา[ ย่างก้าวทูตสวรรค์ ] พุ่งตรงไปยังหน้าประตูโรงประมูลและจ่ายค่าธรรมด้วยศิลาวิญญาณ ซึ่งหลังจากจ่ายเสร็จแล้วเขาก็ได้เข้าไปยังภายในและเลือกที่นั่งของตนในทันที

เย่ชีเหวิน เดินเข้าไปยังภายในและเลือกที่นั่งชั้นธรรมดา สายตาของเขาได้เหลือบมองขึ้นไปฉับพลันเห็นกลุ่มคนขนาดใหญ่อยู่บนชั้นทางเดินของแขกผู้มีเกียรติที่กำลังเดินเข้าสู่ห้องตู้กระจก กลุ่มคนเหล่านี้ได้ถูกนำโดยชายวัยกลางคนในชุดคลุมจีนโลหิตสีแดง นอกจากนี้รอบตัวเขายังเต็มไปด้วยกลิ่นอายคาวโลหิต ซึ่งกลิ่นคาวโลหิตนี้นั้นยังได้แพร่กระจายออกไปทั่วห้องโถงประมูลและฝ่ามือขนาดใหญ่ของเขานั้นยังเป็นสีแดงเข้ม

และผู้ที่ตามหลังเขาเป็นชายหนุ่มที่สวมใส่เสื้อผ้าสีโลหิต เขามีสีผิวที่ราวเหมือนกับคนใกล้ตาย มีรูปลักษณ์ที่เย็นชาและมีสายตาที่มืดมน ยิ่งไปกว่านั้นฝ่ามือของเขาก็ยังคงเป็นสีแดงเข้มเช่นเดียวกับชายวัยกลางคนที่อยู่เบื้องหน้าของเขา

          “ ทุกคนหลบเร็วเจ้าพวกนั้นมันเป็นคนจากสำนักฝ่ามือโลหิต เหตุใดเจ้าพวกคนอันตรายพวกนั้นถึงได้มาอยู่ที่นี่กัน ! ”

          “ ชูววว มันก็เป็นเพราะการประมูลเม็ดโอสถก่อเกิดนั้นไง มันได้ดึงดูดเหล่าผู้เชียวชาญที่แข็งแกร่งมากมายให้มารวมตัวกันที่นี่ และชายหนุ่มคนนั้นน่ะเป็นไปได้ว่าอาจเป็นศิษย์ที่โดดเด่นของสำนักพวกมันก็เป็นได้ และถ้ามันเป็นอย่างที่ข้าพูดจริงแน่นอนว่าพวกมันมาที่นี่เพื่อซื้อเม็ดโอสถก่อเกิดให้กับเจ้าหนุ่มนั้นอย่างแน่นอน ! ”

          “ อ่าใช่ ๆ ดูฝ่ามือสีแดงเข้มของเจ้านั่นสิ เคล็ดวิชาฝ่ามือโลหิตที่ต้องใช้ฝ่ามือในการฝึกฝนและจำเป็นที่จะต้องควบคุมพลังงานธาตุไฟภายในร่างกาย ยิ่งไปกว่านั้นข้ายังได้ยินมาอีกว่าเคล็ดวิชาการต่อสู้นี้จำเป็นที่จะต้องใช้โลหิตคนเป็น ๆ ในการฝึกฝน ซึ่งไม่อาจคาดเดาได้เลยว่าเจ้าหนุ่มนั่นมันได้ฆ่าคนไปมากมายเท่าไหร่กันถึงได้มือเช่นนั้นมา ! ”

          “ ชูววว เงียบเงียบ นี่พวกเจ้าอยากตายหรืออย่างไร ? เจ้าไม่รู้เช่นนั้นหรือว่าพวกมันเป็นจอมยุทธ์ที่โฉดชั่วมากแค่ไหน ! ”

ผู้คนต่างซุบซิบนินทา

          “ อ่า ๆ ใช่แล้ว ๆ ไม่เพียงแค่สำนักฝ่ามือโลหิตเท่านั้น ก่อนหน้าข้ายังได้ยินมาอีกว่า คนของหุบเขามนต์ดำก็ได้มาถึงที่นี่แล้วเช่นกัน ! ”

          “ แน่นอน ! ในเวลานี้เหล่าผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งมากมายต่างมาร่วมตัวกันที่นี่ เพื่อที่จะแข่งขันการประมูลเม็ดโอสถก่อเกิดยังไงล่ะ ! ”

เย่ชีเหวิน ไม่รอช้าเขารีบหาที่นั่งและนั่งลงอย่างรวดเร็ว เขาปิดตาของเขาและรอคอยสำหรับการประมูลที่จะเริ่มขึ้นหลังจากนี้

หลังจากนั้นประมาณครึ่งชั่วโมงในที่สุดการประมูลก็ได้เริ่มต้นขึ้น

          “ ยินดีต้อนรับทุกท่านเข้าสู่การประมูลในครั้งนี้ ! ” ผู้ที่ทำหน้าที่จัดการในการประมูลครั้งนี้นั้นยังคงเป็นชายเฒ่าชุดคลุมสีขาวเช่นเดิม “ พวกท่านทุกคนคงจะทราบดีอยู่แล้วว่าการที่พวกท่านได้มาเข้าร่วมการประมูลในวันนี้นั้น พวกท่านมาเพื่ออะไร เอาล่ะเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาเราจะเริ่มต้นการประมูล ณ บัดนี้ ! ”

เมื่อเทียบกับครั้งที่ผ่าน ๆ มา ดูเหมือนว่ารายการที่จะนำมาประมูลในวันนี้ จะมีคุณภาพอยู่ในระดับที่สูงมาก

          “ นี่คือ กระบี่หยกหิมะสีคราม ทำมาจากเหล็กเย็นที่มีอายุราวนับ 1,000 ปี ซึ่งทางโรงประมูลของพวกเราได้มีโอกาสมานำเสนอให้แก่พวกท่าน และย่อมเป็นที่แน่นอนว่ากระบี่ที่โดดเด่นเช่นนี้มักเหมาะสมสำหรับผู้เชียวชาญที่มากไปด้วยฝีมือเช่นพวกท่านและราคาของมันเริ่มต้นอยู่ที่ 2,000 [ ศิลาวิญญาณระดับต่ำ ]! ” ในด้านหน้าของชายเฒ่าชุดคลุมสีขาว ปรากฏถาดทองคำและกระบี่คมยาววางเป็นแนวขวางอยู่ด้านบน ออล่าที่เย็นยะเยือกแพร่กระจายออกมาจากตัวกระบี่ ซึ่งมันเห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่ากระบี่นี้นั้นสมควรที่จะเป็นอาวุธวิเศษ

เมื่อเทียบกับการประมูลก่อนหน้า สินค้าในวันนี้นั้นอาจกล่าวได้ว่ามันมีคุณภาพอยู่ในระดับที่สูงขึ้นกว่าครั้งที่ผ่าน ๆ มา แต่ถึงอย่างนั้น เย่ชีเหวิน ก็ไม่ได้มีความสนใจต่อกระบี่เล่มนี้เลยแม้แต่น้อย เพราะเคล็ดวิชาการต่อสู้ที่เขาฝึกฝนนั้นเป็นเคล็ดวิชาประเภทใบมีด ยิ่งไปกว่านั้นตัวเขาก็ยังคงมีใบมีดยาวอยู่ ถึงแม้ว่าพลังอำนาจระหว่างใบมีดและกระบี่นั้นจะแตกต่างกันอยู่มาก หากแต่มันไม่มีประโยชน์สำหรับเขา

ถึงแม้ว่า เย่ชีเหวิน จะไม่ได้ให้ความสนใจมัน แต่ก็ยังมีคนจำนวนมากที่ให้ความสนใจมัน เหล่าจอมยุทธ์มากมายต่างร่วมแข่งขันกันประมูล

          “ 2,300 ! ”

          “ 2,500 ! ”

          “ 3,000 ! ”

……………………….

การประมูลได้กินเวลาไปกว่า 2 นาที ในที่สุด กระบี่หยกหิมะสีคราม ก็ได้ถูกขายออกไปในราคา 4,500 [ ศิลาวิญญาณระดับต่ำ ]

เย่ชีเหวิน ที่ได้นั่งดูบรรยากาศการประมูลอยู่นั้นถึงกับพูดไม่ออกที่ผู้เชียวชาญเหล่านี้กล้าที่จะจ่ายศิลาวิญญาณออกไปจำนวนมาก เพียงเพื่อแค่ต้องการกระบี่เพียงเล่มเดียว

โรงประมูลเทียนหยิน ได้ทำการประมูลอย่างต่อเนื่องทั้งอาวุธชั้นดีและเหล่าสมบัติวิเศษต่าง ๆ แต่ก็ยังไม่มีชิ้นใดที่ดึงดูดความสนใจของ เย่ชีเหวิน แต่ถึงแม้เขาจะเจอสิ่งที่สนใจก็ตามเขาก็ไม่อาจทำการแข่งขันประมูลได้ แน่นอนว่ามันเป็นสิ่งของเหล่านี้นั้นมีราคาที่แพงมากเกินไปจนเขาไม่สามารถที่จะจ่ายได้ เขาในตอนนี้ทำได้แค่เพียงแค่หวังว่าจะมีสิ่งใดถูกใจเขาบางและที่สำคัญราคามันต้องไม่แพงพอที่เขาจ่าย

ผู้คนที่นั่งอยู่ในห้องกระจกเบื้องสูงเริ่มที่จะเปิดปากของพวกเขาและเข้าร่วมในการแข่งขันประมูล หากเทียบกับบุคคลที่นั่งอยู่เบื้องล่างแล้วนั้นมันช่างแตกต่างกันอย่างลิบลับ พวกที่นั่งอยู่เบื้องบนนั้นล้วนแล้วแต่เป็นผู้มั่งคลั่งในทรัพย์สิน แต่ล่ะราคาที่พวกเขาได้เอยปากออกไปนั้นมันได้ปิดโอกาศผู้ที่นั่งอยู่เบื้องล่างทั้งหมด

แต่ทว่าจู่ ๆ ก็ได้มีบางสิ่งบางอย่างในรายการประมูลชิ้นหนึ่งที่ดึงดูดความสนใจของ เย่ชีเหวิน

          “ รายการที่จะประมูลต่อไปนี้ได้แก่ชุดเกราะ ซึ่งแน่นอนว่ามิใช่ชุดเกราะธรรมดา มันได้ถูกสร้างขึ้นโดยผู้เชียวชาญระดับสูง เขาได้ถักทอมันขึ้นมาจากจักจั่นสีทองด้วยเนื้อผ้าที่เป็นลักษณะพิเศษต่อให้เป็นคมหอกหรือคมดาบก็มิอาจเจาะทะลวงผ่านชุดเกราะนี้ไปได้ นอกจากนี้ข้าน้อยยังกล้าพูดได้เลยว่าไม่ว่าผู้ใดก็ตามที่สวมใส่มันเขาผู้นั้นจะไม่ได้รับอันตรายอย่างแน่นอน ! ” ชายเฒ่าชุดขาวกล่าวด้วยรอยยิ้มกว้างบนใบหน้า

จากนั้นชายเฒ่าก็ได้เปิดผ้าแดงออก พลันปรากฏชุดเกราะสีขาวราวกับหิมะวางอยู่ด้านบนของถาด

          “ สำหรับราคาชุดเกราะนี้จะเริ่มต้นอยู่ที่ 4,000 [ ศิลาวิญญาณระดับต่ำ ] ! ” ชายเฒ่าชุดคลุมขาวกล่าว เหตุผลที่ราคามันสูงถึงขนาดนี้นั้น นั่นก็เป็นเพราะว่าโดยปกติแล้วของป้องกันจะมีราคาแพงมากกว่าของที่เอาไว้ใช้โจมตี

แต่ถึงอย่างนั้นโดยทั่วไปแล้วสิ่งของประเภทป้องกันนั้นไม่ได้มีราคาแพงถึงขนาดนี้ หากแต่ของป้องกันชิ้นนี้ได้มีการรับประกันแล้วว่ามีความปลอดภัยสูงและยังสามารถคุ้มครองชีวิตของพวกเขาได้ ฉะนั้นแล้วราคาของมันจึงได้สูงมากถึงขนาดนี้

          “ 5,500 ! ” เย่ชีเหวิน ตะโกนนำ เพราะว่าเขานั้นรู้สึกสนใจชุดเกราะนี้เป็นอย่างมาก แม้ว่าเขาจะรู้อยู่แล้วว่าไม่มีโอกาศที่จะได้มันมาก็ตามแต่เขาก็ยังคงต้องการที่จะลอง

          “ 8,000 ! ” ในทันทีที่สิ้นเสียงของ เย่ชีเหวิน ก็ได้มีเสียงชายหนุ่มลักษณะเย้อหยิ่งตะโกนไล่หลังออกมาในทันที ยิ่งไปกว่านั้นเขายังได้เพิ่มราคาไปอีกกว่า 2,500 [ ศิลาวิญญาณระดับต่ำ ]

เย่ชีเหวิน ขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ทว่าความรู้สึกที่เหมือนกับถูกรังแกเช่นนี้มันเป็นเรื่องปกติภายในโรงประมูลเทียนหยิน เมื่อเขาไปยังชายเฒ่าชุดคลุมขาวที่กำลังจัดการประมูลอยู่นั้นเขาก็ต้องค้นพบเข้ากับรอยยิ้มที่อยู่บนใบหน้าของเขา

และในช่วงเวลานั้นเอง เย่ชีเหวิน ก็จำได้แล้วว่าเจ้าของเสียงนี้นั้นเป็นบุตรชายของท่านเจ้าเมืองชิงเฉิน จ้าวชี่เหยียน

          “ 9,000 ! ” แต่ทว่าในเวลานั้นก็มีแขกผู้มีเกียรติอีกคนหนึ่งตะโกนเพิ่มราคาขึ้นมา ซึ่งในทันทีที่มองไปยังต้นทางเสียงนั้นพวกเขาก็ได้พบเข้ากับที่นั่งของพวกคนจากหุบเขามนต์ดำ

          “ 10,000 ! ” จ้าวชี่เหยียน ตะโกนอีกครั้งเพราะว่าเขานั้นไม่ต้องการที่จะยอมแพ้

          “ 12,000 ! ” นายน้อยหนุ่มจากหุบเขามนต์ดำก็ได้กล่าวออกมาด้วยลักษณะเสียงที่หยิ่งผยอง

          “ 15,000 ! ” จ้าวชี่เหยียน ตะโกนกล่าวอีกครั้งโดยไม่สนใจเงินทุนที่เหลือ ซึ่งดูจากการกระทำของนายน้อยหนุ่มจากหุบเขามนต์ดำและนายน้อยหนุ่ม จ้าวชี่เหยียน เป็นไปได้ว่าพวกเขาทั้งสองต่างต้องการที่จะครอบครองชุดเกราะนี้

#########################################################

เอาละในช่วงท้ายก็มาพบกับเราเหล่าพี่น้อง 4B หัวดอที่จะมาเผานิยายเรื่องนี้ไปพร้อมกลับคุณ

B1 : อะเถอะไม่ว่าใครจะได้ก็ไม่สำคัญหลอกเพราะสุดท้ายยังไงมันก็ต้องเป็นของ เพ่ 55555 เพ่เหวิน ไม่ได้กล่าวไว้
B2 : เงินของพวกเจ้าก็เหมือนเงินของข้า ของของพวกเจ้าก็เหมือนของของข้า 555555
B1 : 55555 เขาเรียกว่าปล่อยให้มันกินกันจนอิ่มก่อน ให้มันกินกันจนกว่าตัวมันจะใหญ่และเราค่อยกินมันที่หลังอีกที
B2 : 55555 หรือจะเรียกว่าหัวเราะที่หลังดังกว่า ฮิฮิฮิฮิ
B3 : โครตเลว นี่พวก[ ม. ]เล่นสปอยกันทางอ้อนเลยนี่หว่า
B1,B2 : อะไรสปอยอะไรไอ้สามอย่ามามั่ว เหอะ อย่ามากล่าวหาโดยที่ไม่มีหลักฐานนะเว้ย
B3 : พวก[ ม. ]มันก็ยังเงี้ยะ เห้อเอาเถอะจะเป็นไรก็ปล่อยแม้งไปเถอะดูจากทรงแล้ว ไม่เลือดกบปาก ก็นอนจมกองตีนล่ะนะไอ้ จ้าวชี่เหยียน ไรเนี่ย
B1,B2 : ขนาดนั้นเลยนะ

#########################################################
เอาล่ะก็ขอจบสาระเร้าใจ BY: นายกระทิข้น ไว้เท่านี้ก่อนนะครับขอบคุณครับสำหรับผู้อ่านทุกท่าน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม