บทที่ 39 - ลอบโจมตี

เย่ชีเหวิน ตัดสินใจที่จะไล่ตามไปอย่างใกล้ชิด หลังจากที่เขาได้ฝึกฝนเคล็ดวิชา[ ย่างก้าวทูตสวรรค์ ] ไปจนถึงในระดับแก่นแท้ มันเป็นเรื่องยากมากสำหรับพวกเขาที่จะตรวจจับได้ถึงการดำรงอยู่ของ เย่ชีเหวิน

ในขณะนี้ เย่ชีเหวิน ได้ไล่ตามคนเหล่านั้นไปจนถึงหุบเขาที่อยู่ห่างไกลจาก[เมืองเทียนหยวน]

ผู้เชียวชาญระดับสูงจากเมืองชิงเฉินและ จ้าวชี่เหยียน ได้หลบหนีออกไปพร้อมกับเหล่ากลุ่มผู้เชียวชาญขนาดใหญ่ ซึ่งประกอบไปด้วยเหล่าผู้เชี่ยวชาญจำนวน 50 คน พวกเขาต่างเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วเพื่อที่จะหลบหนีไปจากสถานการณ์ที่อันตรายนี้

ไม่ห่างไกลจากกลุ่มผู้เชี่ยวชาญเมืองชิงเฉิน เขาได้ถูกไล่ตามโดยผู้เชี่ยวชาญจากหุบเขามนต์ดำ ซึ่งถูกนำโดยคือผู้นำของพวกมันมีนามว่า เหวินปิน แม้มองดูจากผิวเผินแล้วเขาจะเป็นเพียงแค่ชายวัยกลางคน หากแต่เขามีใบหน้าที่ดุดันและดูเป็นอันตรายอย่างมาก

          “ ระวังกำลังมีผู้ไล่ตามพวกเรามา ! ” เจ้าเมืองชิงเฉินกล่าวหลังจากที่เขาสามารถสัมผัสได้ถึงกลุ่มคนจากหุบเขามนต์ดำ

          “ ฮ่าฮ่าฮ่า ดูเหมือนว่านั่นจะเป็นท่านเจ้าเมืองชิงเฉินสินะ ! ” ผู้นำหุบเขามนต์ดำ เหวินปิน กล่าวพลางหัวเราะ แม้ว่าโดยปกติแล้วเสียงของเขาจะแหบแห้ง หากแต่ในเวลาหัวเราะมันกับส่งเสียงที่แหลมคมจนเจาะหู ด้วยพลังอำนาจเสียงนี้มันสามารถทำลายจิตวิญญาณของบุคคลธรรมดาสามัญได้เลย

หลังจากที่ได้ค้นพบเป้าหมายของพวกเขา ผู้นำของกลุ่มหุบเขามนต์ดำก็ไม่รีรอช้าและเริ่มทำการจู่โจมเพื่อปล้นสะดมในทันที

          “ หึตาเฒ่า เหวินปิน อย่างนั้นรึ ! ” ท่านเจ้าเมืองชิงเฉิน จ้าวเหยียน หรี่ตาของเขาและกล่าวพรางแพร่กระจายพลังอำนาจดินแดนลมปราณออกไปทั่วท้องฟ้า

          “ ฮ่าฮ่า คารวะท่านเจ้าเมืองจ้าว นับว่าเป็นเกียรติของข้าจริง ๆ ที่ได้พบท่าน บุคคลพิเศษที่สามารถเสริมสร้างความเจริญให้แก่เมืองชิงเฉินได้ด้วยเพียงลำพังจนทำให้กลายเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยความมั่งคลั่งและร่ำรวย เพื่อเห็นแก่ใบหน้าของท่านข้ารับปากว่าจะไม่ระรานเมืองของท่านขอเพียงแค่ท่านยอมส่ง เม็ดโอสถก่อเกิด นั่นมาให้แก่ข้า และข้าจะยอมถอยออกไปในทันที นอกจากนี้ในภายภาคหน้าหากหุบเขามนต์ดำของพวกข้าจะเห็นแก่ใบหน้าของท่านอย่างแน่นอน ! ” เหวินปิน ยิ้มพร้อมกล่าวด้วยเสียงที่แหบแห้ง

          “ เหอะหากเจ้าต้องการที่จะประกาศสงครามกับเมืองชิงเฉิน ของข้ามันก็เท่ากับเจ้าประกาศสงครามกับกองกำลังรัฐของจักรวรรดิ เจ้าไม่รู้หรืออย่างไรว่าภายในเมืองของเขายังมีกองกำลังรัฐที่ขึ้นตรงต่อจักรวรรดิอยู่ หรือว่าเจ้าจะบอกว่าเจ้าไม่เกรงกลัวกองกำลังรัฐของจักรวรรดิอย่างนั้นใช่หรือไม่ ! ” จ้าวเหยียน กล่าวด้วยเสียงเบา

          “ นี่ท่านพยายามจะหลอกข้า ? และยังบอกอีกว่าข้าต้องการจะประกาศสงครามกับกองกำลังรัฐจักรวรรดิอย่างนั้นรึ ? เหอะข้าไม่ใช่คนโง่เขลาที่จะไม่รู้ถึงความยิ่งใหญ่ของกองกำลังรัฐจักรวรรดิ นอกจากนี้คิดหรือว่าข้าจะไม่ทราบถึงว่าเมืองชิงเฉิน ของท่านว่าจะมีกองกำลังรัฐที่ขึ้นตรงต่อจักรวรรดิอยู่น่ะ ยิ่งไปกว่านั้นข้ายังได้ทราบมาอีกว่าพวกคนกลุ่มนั้นต้องการให้ท่านตายอยู่ไม่ใช่หรือ แล้วอย่างนี้ท่านคิดว่าเจ้ากองกำลังพวกนั้นมันจะยื่นมือเข้ามาช่วยท่านหรือไม่ ! ” เหวินปิน ยิ้มเยาะและกล่าวคุกคาม จ้าวเหยียน

          “ ถอย ! พวกเจาทุกคนจงปกป้องบุตรชายข้า ไม่ว่าจะด้วยวิธีการใดก็ตามจงพาเขาหลบหนีออกไปให้ได้ ! ” จ้าวเหยียน ตะโกนสั่งผู้ใต้บังคับบัญชาของเขา เพราะเขารู้ตัวเองดีว่าจุดอ่อนเพียงหนึ่งเดียวของเขาในตอนนี้คือบุตรชายของเขา จ้าวชี่เหยียน ในสถานการณ์ที่เป็นอันตรายเช่นนี้ เขาที่เป็นถึงผู้เชียวชาญ[ ระดับดินแดนดินแดนลมปราณก่อเกิด ] สามารถเอาตัวรอดได้ด้วยตนเองเพียงคนเดียวอยู่แล้ว หากแต่ถ้ามี จ้าวชี่เหยียน อยู่ด้วยแล้วล่ะก็มันจะยิ่งทำให้การต่อสู้ของเขานั้นลำบากมากยิ่งขึ้น และไม่สามารถต่อสู้ได้อย่างอิสระเพราะต้องมาคอยกังวลถึงความปลอดภัยของบุตรชาย

          “ ต้องการที่จะหนี ? เหอะฝันไปเถอะ ! ” เหวินปิน กล่าวเยาะเย้ยและคำราม “ ฆ่าพวกมันให้หมด ! ”

ด้วยเสียงคำรามที่ดังสนั่นของ เหวินปิน ทำให้กลุ่มผู้เชี่ยวชาญขนาดใหญ่ของหุบเขามนต์ดำ ทำการจู่โจมใส่เหล่าผู้เชี่ยวชาญจากเมืองชิงเฉิน

การปะทะกันของทั้งสองฝ่ายนั้นมันชั่งราวเหมือนกับกระแสน้ำขนาดใหญ่ชนเข้าด้วยกัน ทั้งรุนแรงและไร้ความปราณี

จ้าวเหยียน และ เหวินปิน สองผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งที่สุดของแต่ล่ะฝ่ายต่างเข้าปะทะกันอย่างดุเดือดและเต็มไปด้วยเจตนาฆ่าฟัน

จ้าวเหยียน คว้าหอกยาวออกมาพร้อมแพร่กระจายพลังปราณไปทั่วร่างของเขา การจู่โจมของเขามันช่างราวเหมือนกับจอมยุทธ์ที่ไร้เทียมทาน เขาพุ่งทะยานฝ่ากลุ่มของศัตรูและกวาดสาวกของหุบเขามนต์ดำไปจนหมด ไม่มีสาวกคนไหนสามารถป้องกันการโจมตีของเขาได้

เหวินปิน ก็ได้คว้ากระบี่ยาวของเขาออกมาเช่นกัน เขาจู่โจมใส่ศัตรูและเด็ดศีรษะทุกคนที่ขวางหน้าเพียงแค่กระบวนท่าเดียว การจู่โจมของเขานั้นมันชั่งราวเหมือนกับอสรพิษที่พึ่งโผล่ออกมาจากโพลง และแว้งกัดคนไม่เลือกหน้า เขาได้ตั้งฉากกระบี่ของเขาขึ้นและพุ่งทะยานเข้าหา จ้าวเหยียน เพื่อหมายจะเด็ดศีรษะในคราเดียว

          “ ตึม ! ” คมหอกยาว จ้าวเหยียน ปะทะกันอย่างรุนแรงกับกระบี่ยาวของ เหวินปิน ทันใดนั้นพลังปราณรุนแรงได้ระเบิดออกจากร่างกายของพวก ทั้งพลังปราณสีฟ้าและพลังปราณสีแดงราวกับโลหิตปะทะกันอย่างดุเดือด พลังอำนาจที่แข็งแกร่งต่างแพร่ขยายออกไปเป็นวงกว้าง

พวกเขาทั้งสองต่างเป็นผู้เชียวชาญ[ ระดับดินแดนดินแดนลมปราณก่อเกิด ] พลังอำนาจดินแดนลมปราณของพวกเขานั้นจัดอยู่ในระดับที่น่ากลัวเกินกว่าจะเข้าใจ ทุก ๆ การปะทะกันของพวกเขาได้ก่อให้เกิดการระเบิดขึ้นของพลังดินแดนลมปราณไปทั่วท้องฟ้า

จ้าวเหยียน เห็นได้ชัดว่า เหวินปิน นั้นโจมตีเหมือนมังกรคลั่งไม่คิดหน้าคิดหลัง

          “ เพล้ง ! ”

          “ เพล้ง ! ”

          “ เพล้ง ! ”

การปะทะกันของโลหะได้แพร่ขยายเสียงกระจายไปทั่วทุกสารทิศ ในการต่อสู้ที่เดิมพันด้วยความเป็นความตายนี้ พวกเขาไม่อาจกล้าที่จะประมาทได้

แต่อย่างไรก็ตามผู้นำของหุบเขามนต์ดำก็มีความแข็งแกร่งที่ด้อยกว่าเล็กน้อยเมื่อเทียบกับ จ้าวเหยียน และดูเหมือนว่าในเร็ว ๆ นี้เขาจะต้องพ่ายแพ้ให้กับ จ้าวเหยียน เป็นแน่

          “ นี่สหายจากสำนักฝ่ามือโลหิตนี่ยังไม่โผล่หัวมาอีกอย่างนั้นหรือ ? ไหนตกลงกันแล้วนี่ว่าจะร่วมมือกันและกำจัดผู้เชียวชาญจากเมืองชิงเฉิน ส่วนเรื่อง เม็ดโอสถก่อเกิด จะเจรจากันในภายหลังไม่ใช่หรืออย่างไร ! ” จู่ ๆ ผู้นำของหุบเขามนต์ดำก็ได้กล่าวออกมา

          “ ฮ่าฮ่าฮ่า ดี ไปร่วมมือกับหุบเขามนต์ดำและกำจัดผู้เชียวชาจากเมืองชิงเฉินเสีย ! ” ทันใดนั้นเองเจ้าสำนักฝ่ามือโลหิต หยวน ก็ได้ปรากฏตัวออกมาและว่ากล่าวเสียงดัง

ผิวของ จ้าวเหยียน เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย หากมี เหวินปิน เพียงคนเดียวเขาสามารถเอาชนะได้อย่างง่ายดาย แต่ถ้า หยวน ร่วมมือกับ เหวินปิน ด้วยแล้วล่ะก็มันจะต้องเป็นปัญหาสำหรับเขาอย่างแน่นอน

หยวน รวมมือกับ เหวินปิน ต่อสู้กับ จ้าวเหยียน การต่อสู้กับสองผู้เชียวชาญ[ ระดับขั้นดินแดนดินแดนลมปราณก่อเกิด ] นั้นได้สร้างความลำบากให้แก่ จ้าวเหยียน เป็นอย่างมาก

เย่ชีเหวิน ยังคงมิสนใจต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เขาตัดสินใจที่จะไล่ตาม จ้าวชี่เหยียน และมุ่งหน้าไปยังเส้นทางที่ จ่าวชี่เหยียน ได้หลบหนีไป

หลังจากที่ข้ามผ่านมายังส่วนลึกของหุบเขาซึ่งเต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่ ก็ได้พบเข้ากับกลุ่มผู้เชี่ยวชาญและ จ้าวชี่เหยียน

          “ ท่านนายน้อยหนุ่ม โปรดระวังดูเหมือนว่าในบริเวณแถวนี้มันจะเงียบสงบมากเกินไป ! ” ทันใดนั้นจอมยุทธ์ที่ทำหน้าที่เป็นคุ้มกันก็ได้กล่าวเตือน จ้าวชี่เหยียน เพราะความเงียบสงบภายในพื้นป่าที่กว้างใหญ่นั้นมันเป็นสิ่งที่แปลกมากเกินไป

          “ ได้ งั้นเราจะใช้เส้นทางอ้อน หากกลับไปถึงเมืองชิงเฉิน เมื่อใดข้าสาบานาจะรวบรวมเหล่าผู้เชียวชาญมาถล่มไอ้หุบเขามนต์ดำบัดซบนี่เสีย ! ” จ้าวชี่เหยียน กล่าวด้วยเสียงเย็นชา

          “ นายน้อยเมืองชิงเฉิน จงยอมจำนนและส่ง เม็ดโอสถก่อเกิด นั่นมาซะแล้วข้าจะปล่อยเจ้าไป ! ” เสียงหัวเราะอันเย็นชาดังออกมาจากเนินเขา จ้าวชี่เหยียน มองไปยังต้นเสียง โดยไม่คาดคิดเขาคือนายน้อยหนุ่มจากสำนักฝ่ามือโลหิต ยวิ๋นเผิง

          “ นั่นเจ้า ยวิ๋นเผิง เหอะดูเหมือนว่าคนจากสำนักฝ่ามือโลหิตนี่ช่างมีความจ้องหองยิ่งนัก ถึงได้กล้ามาบังอาจข่มขู่นายน้อยเมืองชิงเฉิน เช่นนี้ ! ” จ้าวชี่เหยียน กล่าวด้วยน้ำเสียงที่โกรธแค้น

          “ จ้าวชี่เหยียน ดูเหมือนว่าเจ้าจะประเมินตนสูงเกินไปหน่อยหรือไม่ เจ้าคิดว่าพระบิดาของเจ้าจะมาช่วยเจ้าในตอนนี้ได้ทันการเช่นนั้นหรือ เหอะเจ้าในตอนนี้เพียงแค่ปกป้องตนเองก็ยังนับว่าเป็นเรื่องยากแล้ว ยอมมอบ เม็ดโอสถก่อเกิด นั่นมาให้ข้าเสียมิเช่นนั้นอย่าหาว่าพวกข้ามิได้เตือนเจ้า ! ” ยวิ๋นเผิง กล่าวพลางยิ้มเยาะ

          “ พวกเจ้าทั้งหมดจงฟัง ฆ่าไอ้พวกบัดซบสำนักฝ่ามือโลหิตนี่เสียให้หมด อย่าให้พวกมันเล็ดรอดกลับไปได้ ! ” ความหยิ่งผยองของ จ้าวชี่เหยียน ทำให้เขาเป็นเหมือนราวกับคนบ้า เขาได้สั่งการจอมยุทธ์ทุกคนที่ได้ติดตามเขามาเข้าจู่โจมสำนักฝ่ามือโลหิตในทันที

ภายใต้คำสั่งของนายน้อยหนุ่มทั้งสอง เหล่าผู้เชี่ยวชาญทั้งสองฝ่ายจึงต่างเข้าปะทะกันอย่างดุเดือด แม้ว่าความแข็งแรงของผู้เชี่ยวชายกลุ่มนี้จะมีความแรงเป็นด้อยกว่าเล็กน้อยเมื่อเทียบกับเหล่าผู้เชี่ยวชาญของ จ้าวเหยียน และ เหวินปิน

แต่มันก็ยังถือว่าเป็นการต่อสู้ที่โหดหลาย ผู้เชี่ยวชาญหลายคนต่างเลือดตกอย่างออก และอีกหลายคนที่ถึงแก่ความตาย

จ้าวชี่เหยียน ได้คว้าหอกยาวของเขาขึ้นมาและพุ่งทะยานออกไปยัง ยวิ๋นเผิง เพื่อหวังจะสังหารภายในกระบวนท่าเดียว

เหล่ากองกำลังของทั้งสองฝ่ายต่างเป็นผู้เชี่ยวชาญชั้นสูงในหมู่ระดับสูงด้วยกัน พวกเขาทั้งหมดต่างเป็นผู้เชี่ยวชาญ[ ระดับจุดสูงสุดขั้นที่ 9 ดินแดนลมปราณก่อตั้ง ] และยังมีอายุไม่เกิน 30 ปี นี่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนแล้วว่าพวกเขาทั้งหมดล้วนใกล้ที่จะไปถึงใน[ ระดับขั้นดินแดนดินแดนลมปราณก่อเกิด ] แล้ว

ฝ่ามือโลหิตทั้งคู่ของ ยวิ๋นเผิง อัดแน่นไปด้วยพลังปราณที่เกิดจาก ปราณโลหิตที่แพร่กระจายไปทั่วสนามรบ โลหิตของผู้เชี่ยวชาญที่เสียชีวิตไปนั้นได้กลายเป็นพลังปราณและเสริมสร้าง[ เคล็ดวิชาฝ่ามือโลหิต ] ของสำนักฝ่ามือโลหิต ให้มีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้นเป็นทวีคูณ ด้วยพลังอำนาจที่แข็งแกร่งและไร้ข้อกังขานี้ทำให้เขาสามารถรับมือกับการโจมตีของ จ้าวชี่เหยียน ได้อย่างง่ายดาย

จ้าวชี่เหยียน แทบจะถูกสะท้อนการโจมตีกลับไปในทันทีโดยฝ่ามือของ ยวิ๋นเผิง

แม้ว่าก่อนหน้า จ้าวชีเหยียน จะได้เปรียบในเรื่องจำนวนของผู้เชียวชาญ แต่ทว่าผู้เชียวชาญของเขากับถูกสำนักฝ่ามือโลหิตสังหารไปเป็นจำนวนมาก จนในตอนนี้เขาได้สู่ที่นั่งลำบากอย่างแท้จริง

#########################################################

เอาละในช่วงท้ายก็มาพบกับเราเหล่าพี่น้อง 4B หัวดอที่จะมาเผานิยายเรื่องนี้ไปพร้อมกลับคุณ

B1 : แล้วพี่เหวินก็ยังไม่ออกมา
B2 : 55555 เขาเรียกว่าซุ่มดูเชิง
B1 : อย่างนั้นเลยนะ
B2 : ตอนหน้าเดี้ยวรู้เลย
B4 : เอ่อ อีกเรื่องเห็นเขาบอกว่าอีกไม่กี่ตอนข้างหน้านางเอกจะโผล่มา
B3 : จริง?? แล้วโผล่มาได้ยังไง
B4 : เอ้าก็นี่มันผ่านมาหลายบทแล้วผู้แต่งเขาก็ต้องให้นางเอกออกมามีบทบ้างไง ถามแปลกว่ะ B4
B3 : ไม่[ ก. ]ไม่ได้ถามถึงนางเอก [ ก. ]ถามถึง[ ม. ]ต่างหากว่า[ ม. ]โผล่มาได้ยังไง ได้ข่าวว่าไปแสวงธรรมอยู่ไม่ใช่หรือ
B4 : เอ้อไปก็ได้แล้วอย่ามาเรียกร้องขอความช่วยเหลือนะ
B1 : เดี้ยว ๆ B4 อย่าพึ่งไปนางเอกจะมาบทไหน แล้วสวยไหม จะปรากฏตัวยังไง บอกมาก่อเด่อย่างพึงไป !!!!!!
B4 : ……..
B2 : ดูเหมือนว่าจะไปแล้ว
B1 : เพราะ[ ม. ]เลย B3 [ ม. ]ไล่ B4 ไป
B3 : อะไร[ ก. ]ไม่รู้[ ก. ]ไม่ผิด นี่ไม่ใช่ความผิดของ[ ก. ]อย่ามาโยนขี้กันซะให้ยาก
B1,B2 : ไม่ [ ม. ]ทำอะไรก็ผิด [ ม. ]ไม่ต้องมาแก้ตัว
B3 : เอิ่ม….เอาอย่างนั้นเลยน่ะ
#########################################################
เอาล่ะก็ขอจบสาระเร้าใจ BY: นายกระทิข้น ไว้เท่านี้ก่อนนะครับขอบคุณครับสำหรับผู้อ่านทุกท่าน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม