บทที่ 40 - ผลประโยชน์ของบุคคลที่ 3

          “ ปัง! ” ยวิ๋นเผิง ไม่รอช้าเขาไม่ต้องการให้ จ้าวชี่เหยียน ได้มีโอกาสฟื้นตัว ในทันทีเขาได้ใช้ฝ่ามือของเขาทะลวงผ่านหน้าอกของ จ้าวชี่เหยีย น จนก่อให้เกิดแผลหลุมลึกขนาดใหญ่ โลหิตไหลบ่าออกจากร่างกายและแพร่กระจายไปทั่วพื้นดิน มันดูราวเหมือนกับชีวิตของเขาค่อย ๆ ดับลงพร้อมกับโลหิตที่ไหลออกจากร่างกาย

เคล็ดวิชา[ ฝ่ามือโลหิต ] นับว่าเป็น 1 ในเคล็ดวิชาที่ร้ายกาจ

ยวิ๋นเผิง ดึงแหวนพื้นที่ออกจากนิ้วของ จ้าวชี่เหยียน ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความดีใจหลังจากที่เขาได้ยืนยันแล้วว่า เม็ดโอสถก่อเกิด ได้ถูกจัดเก็บเอาไว้ภายในแหวนวงนี้ สำหรับใครหลาย ๆ คนมันเป็นความปรารถนาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับพวกเขาที่จะทะลวงผ่านไปยัง[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด ] แต่ถ้าพวกเขาเลือกที่จะทะลวงผ่านไปยัง[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด ] โดยที่มิใช้ตัวช่วยอย่าง เม็ดโอสถก่อเกิด การประสบความสำเร็จจะนับได้ว่าอยู่ในระดับที่ต่ำมาก แล้วถ้าเกิดพวกเขาล้มเหลวในการทะลวงผ่านไปยังดินแดนต่อไป มันจะก่อให้เกิดความเจ็บปวดต่อร่างกายจนทำให้เขานั้นไม่อาจจินตนาการ ผู้ที่ล้มเหลวในการทะลวงผ่านไปยัง[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด ] จะได้รับบาดเจ็บสาหัสเจียนตายแต่ถ้ามันอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดมันก็อาจทำให้พวกเขาถึงแก่ความตายได้

แต่ทว่าการใช้ เม็ดโอสถก่อเกิด นั้นนับได้ว่าเป็นผลประโยชน์ต่อพวกเขาอย่างมาก แม้ว่ามันจะมี % ที่พวกเขาจะล้มเหลวในการก้าวผ่านไปยังดินแดนต่อไปแต่มันก็ไม่ได้ทำให้พวกเขาถึงตายและก็ไม่มีอาการบาดเจ็บใด ๆ จากผลข้างเคียง !

และถ้าเกิดเขาได้กลายเป็นผู้เชียวชาญ[ ระดับดินแดนขั้นลมปราณก่อเกิด ] แล้วล่ะก็มันจะก่อให้เกิดผลประโยชน์ต่อตัวเขาเป็นจำนวนมาก ราวเหมือนกับว่าเขาได้มีความแข็งแกร่งที่ไร้เทียมทาน

          “ เหอะได้เวลาแล้วสินะ! ” เย่ชีเหวิน ได้ใช้เคล็ดวิชา[ ย่างก้าวทูตสวรรค์ ] ทะยานพุ่งเข้าใส่ ยวิ๋นเผิง อย่างรวดเร็ว

          “ นายน้อยหนุ่มโปรดระวัง! ” เหล่าศิษย์สำนักฝ่ามือโลหิตต่างอุทานเมื่อเห็น เย่ชีเหวิน พุ่งตัวเข้ามา

          “ ช้าไป! ” เย่ชีเหวิน ตะโกนพลางคว้ามีดยาวออกมา ประกายแสงสาดส่องไปทั่วบดบังมุมมองของ ยวิ๋นเผิง

          “ ชึบ! ” ในขณะที่ ยวิ๋นเผิง กำลังเพลิดเพลินอยู่กับความสุขที่เขาพึ่งได้รับ เม็ดโอสถก่อเกิด มาหมาด ๆ จึงทำให้เขาไม่มีเวลาพอที่จะตั้งตัวได้ทันเมื่อเห็นการโจมตีของ เย่ชีเหวิน ด้วยความประมาทและความชะล่าใจของตนจึงนำมาด้วยความวิบัติ ร่างกายของเขาถูกตัดออกเป็นสอง ด้วยการโจมตีของ เย่ชีเหวิน

          “ ท่านนายน้อยหนุ่ม! ”

          “ ไอ้สารเลว เจ้ากล้าฆ่าท่านนายน้อยหนุ่ม เจ้าต้องตายในวันนี้! ”

ต้องขอบคุณศิษย์ของสำนักฝ่ามือโลหิตเหล่านี้ที่ได้สังหารเหล่าจอมยุทธ์ที่ทำหน้าที่คุ้มกัน จ้าวชี่เหยียน ไปจนหมดสิ้น ด้วยพลังอำนาจจากเคล็ดวิชา[ ฝ่ามือโลหิต ] จึงทำให้พวกเขามีความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมากทั้งที่พวกเขาบางคนยังเป็นเพียงแค่ผู้เชี่ยวชาญ[ ระดับขั้นที่ 8 ลมปราณก่อตั้ง ] แต่ถึงอย่างนั้นด้วยความสามารถของพวกเขามีหรือที่จะเป็นคู่ต่อสู้ให้กับ เย่ชีเหวิน

แสงเปล่งประกายออกมาจากมีดยาวของ เย่ชีเหวิน และตัดศีรษะพวกเขาทุกคนที่ยืนอยู่ตรงนั้น

ราวกับเหมือนกับ ตั๊กแตนตำข้าวที่ล่าจั๊กจั่น!

หลังจากที่ได้ฆ่าศิษย์จากสำนักฝ่ามือโลหิตไปจนหมด เย่ชีเหวิน ก็มิได้คิดที่จะอยู่นานนัก เพราะว่ามันมีความเป็นไปได้ที่ผู้เชี่ยวชาญ[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด ] จะหลบหนีจากสนามรบและมายังที่นี่

ในตอนนี้ เย่ชีเหวิน ต้องการที่จะหลบหนีออกไปจากที่นี่อย่างรวดเร็วก่อนที่พวกเขาจะมาถึง

เย่ชีเหวิน คว้าแหวนพื้นที่สองวงมาจากนายน้อยทั้งสอง และหลบหนีออกไปจากที่นั่นอย่างรวดเร็ว 10 นาทีต่อมาท่านเจ้าเมืองชิงเฉิน ได้มาถึงที่นั่นและเห็นศพลูกชายของตนเพียงคนเดียวอยู่ในสภาพที่เลือดภายในตัวถูกดูดออกไปจนหมด ร่างกายของเขาเริ่มสั่นและแผดเสียงออกมาด้วยอารมณ์แห่งความโศกเศร้าและโกรธแค้น

          “ ไอ้สำนักฝ่ามือโลหิต เจ้าและข้าไม่อาจอยู่ร่วมโลกใบเดียวกันได้อีกต่อไป! ”

หลังที่ เย่ชีเหวิน ได้สละเวลาใช้เส้นทางอ้อมในที่สุดเขาก็ได้มาถึงยังเมืองเทียนหยวน โดย ณ ตอนนี้มีเพียงแค่จอมยุทธ์เพียงครึ่งเดียวเท่านั้นที่ยังคงเหลืออยู่ภายในเมือง เหตุผลหลักที่เหล่าจอมยุทธ์จากพื้นที่ต่าง ๆ ได้มาร่วมตัวยังเมืองแห่งนี้นั้นนั่นก็เพราะว่าพวกเขาต้องการ เม็ดโอสถก่อเกิด ซึ่งในตอนนี้ เม็ดโอสถก่อเกิด ทั้งสองเม็ดนั้นก็ได้ถูกขายออกไปแล้ว มันจึงไม่มีเหตุผลจำเป็นอันใดที่พวกเขาจะต้องอยู่ภายในเมืองนี้

เย่ชีเหวิน เข้าไปยังภายในโรงเตี๊ยมอย่างเงียบ ๆ หลังจากที่ได้เข้าไปยังภายในห้องของเขาแล้วนั้น เขาก็ได้หยิบแหวนสองวงขึ้นมาซึ่งใบหน้าของเขานั้นเต็มไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข

นายน้อยหนุ่มทั้งสองต่างมีสถานะที่ค่อนข้างร่ำรวย เพราะพวกเขาต่างเป็นถึงผู้สืบทอดของสองมหาอำนาจ มีหลายร้อยหลายพันศิลาวิญญาณระดับต่ำที่ถูกจัดเก็บภายในแหวนพื้นที่ของพวกเขา มันมีจำนวนที่มากมายราวกับกลุ่มดาวที่อยู่บนท้องฟ้า แม้แต่ศิลาวิญญาณจำนวนหลักหมื่นสำหรับศิษย์หลักก็ยังมั่นเหมาะถูกจัดว่าเป็นบุคคลที่ร่ำรวย และการที่จะมีศิลาวิญญาณจำนวนหลักแสนแล้วนั้นมันก็เป็นเพียงได้แค่ความฝันสำหรับพวกเขา หากแต่สำหรับผู้สืบทอดอย่าง จ้าวชี่เหยียน และ ยวิ๋นเผิง แล้วนั้นจำนวนเท่านี้ถือได้ว่าเหมาะสมสำหรับฐานะของพวกเขา

ศิลาวิญญาณเพิ่มขึ้นมาราวกับกองภูเขาภายในช่วงเวลาข้ามคืน มันอาจกล่าวได้ว่าเขาไม่จำเป็นที่จะต้องไปหาศิลาวิญญาณเป็นพักใหญ่สำหรับการบ่มเพาะพลังภายในพื้นที่ลึกลับ

นอกเหนือไปจากศิลาวิญญาณแล้วนั้นมันยังมีเคล็ดวิชาการต่อสู้อีกด้วย หากแต่ เย่ชีเหวิน คิดว่าเคล็ดวิชาการต่อสู้เหล่านี้นั้นมันไม่เหมาะสำหรับตัวเขา

และนอกจากนี้มันยังมากไปด้วยส่วนผสมในปรุงโอสถในหลาย ๆ ชนิด ภายในแหวน อาจกล่าวได้ว่าเขาในตอนนี้นั้นได้กลายเป็นบุคคลที่ร่ำรวยและมากไปด้วยสินทรัพย์แล้ว และแน่นอนว่าชุดเกราะสีขาวราวกับหิมะก็ยังคงอยู่ภายในแหวนของ จ้าวชี่เหยียน ด้วยเช่นกัน ชั่งนับว่าเป็นเรื่องน่าเสียดายยิ่งนักสำหรับ จ้าวชี่เหยียน ทั้งที่เป็นผู้ที่ซื้อมันมาแต่กลับไม่มีโอกาสได้ใส่แม้แต่เพียงหยิบจับ ในตอนนี้มันได้ตกมาอยู่ในน้ำมือของ เย่ชีเหวิน เป็นที่เรียบร้อย

และสิ่งที่คุ้มค่ามากที่สุดในการเก็บเกี่ยวครั้งนี้นั้นก็คงหนีไม่พ้น เม็ดโอสถก่อเกิด สิ่งที่จะแก้ไขปัญหาให้กับเหล่าจอมยุทธ์ทุกคนที่ต้องการจะก้าวข้ามไปยัง[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด ] จอมยุทธ์ส่วนใหญ่มักประสบปัญหาและติดอยู่ใน[ ระดับจุดสูงสุดขั้นที่ 9 ดินแดนลมปราณก่อตั้ง ] ไม่อาจก้าวข้ามไปยังดินแดนใหม่ได้ แต่ทว่าในตอนนี้ด้วยความช่วยเหลือจาก เม็ดโอสถก่อเกิด เย่ชีเหวิน มั่นใจได้เลยว่าเขาจะสามารถก้าวผ่านไปยัง[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด ] ได้อย่างง่ายดาย แม้ว่าในตอนนี้มันจะยังไม่ใช่เวลาสำหรับเขาที่จะก้าวผ่านไปยัง[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด ] ก็ตาม

หลังจากที่ เย่ชีเหวิน ได้ทำการตรวจสอบของทั้งหมดที่อยู่ภายในแหวนแล้วนั้น เขาก็ยังคงไม่ได้ตัดสิ้นใจที่จะกลับไปยังสำนักยี่หยวนในทันที เขาเลือกที่จะอยู่ภายในโรงเตี๊ยมต่อและเริ่มปิดประตูของตน แม้ว่าเหล่าจอมยุทธ์คนอื่น ๆ จำเป็นที่จะต้องหาสถานที่อันห่างไกลและเงียบสงบเพื่อปิดประตู แต่สำหรับ เย่ชีเหวิน ที่มีพื้นที่ลึกลับเขาไม่จำเป็นที่จะต้องหาสถานที่ที่ยุ่งยากเช่นนั้น เขาสามารถแดแระตูของตนที่ไหนเมื่อไหร่และเวลาใดก็ได้ตามที่เขาต้องการ

การแข่งขันสำหรับศิษย์หลักที่จะถึงนี้เหลือเวลาอยู่อีกเพียงแค่ 1 เดือนเท่านั้น จากเดิมมันจะเริ่มต้นในอีก 3 เดือน ซึ่งทางตระกูลจางก็จะมีส่วนร่วมในการแข่งขันครั้งนี้สถานที่จะถูกจัดขึ้นภายในดินแดนโลหิตหยวน แต่เนื่องจากที่ดินแดนโลหิตหยวนจะถูกเปิดในอีก 1 เดือนข้างหน้าระยะเวลาการฝึกฝนตนจึงเหลือเพียงแค่ 2 เดือน

และตัวของ เย่ชีเหวิน เองก็ต้องการที่จะมีส่วนร่วมในการแข็งขันครั้งนี้และช่วยเหลือคนอื่น ๆ ฉะนั้นแล้วสิ่งที่เขาจำเป็นจะต้องทำเป็นอย่างแรกนั้นคือการบ่มเพราะพลังและฝึกฝนเคล็ดวิชาการต่อสู้ที่เขาพึ่งจะได้รับมาใหม่

ด้วยจำนวนกว่า 100,000 ศิลาวิญญาณระดับต่ำที่อยู่ภายใต้การครอบครองของเขาในตอนนี้นั้น มันทำให้เขาสามารถฝึกฝนตนได้อย่างอิสระโดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการเผาผลาญศิลาวิญญาณว่าเขาจะใช้มันไปสักเท่าไหร่ เขาเข้าไปยังภายในพื้นที่ลึกลับและเริ่มเผาผลาญศิลาวิญญาณอย่างต่อเนื่อง พลังงานปราณชี่ได้ไหลเวียนเข้าสู่ภายในร่างกายของเขาอย่างรวดเร็ว

การบ่มเพาะพลังของเขาเป็นไปอย่างรวดเร็ว สาระสำคัญและเคล็ดลับต่าง ๆ ของแต่ล่ะเคล็ดวิชาได้ไหลเวียนเข้าสู่ภายในจิตสำนึกของเขาอย่างรวดเร็ว ปริมาณของข้อมูลและสาระสำคัญต่าง ๆ นั้นอยู่ในระดับที่ใหญ่มาก มันเป็นไปไม่ได้เลยสำหรับบุคคลที่เรียกตนว่าเป็นอัจฉริยะจะสามารถเข้าใจมันเสียได้ทั้งหมด

ด้วยข้อมูลและสาระสำคัญที่มีจำนวนมากเกินไปได้หลั่งไหลเข้าสู่จิตใต้สำนักของ เย่ชีเหวิน นั้นมันแทบจะทำให้เขาคลั่ง หากแต่ด้วยศิลาวิญญาณที่เขามีอยู่เป็นจำนวนมากเขาจึงไม่ต้องการที่จะพลาดโอกาสเหล่านี้

เพียงพริบตา วันเวลาได้ผ่านไปนับ 1 เดือน

เย่ชีเหวิน เคลื่อนย้ายอย่างรวดเร็วภายในพื้นที่ลึกลับ ด้วยพลังอำนาจของเคล็ดวิชา[ ย่างก้าวทูตสวรรค์ ] ทำให้การเคลื่อนไหวของเขานั้นเป็นไปอย่างรวดเร็ว จนบางครั้งก็เหลือไว้เพียงแค่ภาพติดตา

เย่ชีเหวิน หยุดเคลื่อนไหว พร้อมกับรูปลักษณ์อันแสนประหลายใจปรากฏขึ้นบนใบหน้า

          “ นี่มันเป็นเรื่องจริงเช่นนั้นหรือ เคล็ดวิชา[ ย่างก้าวทูตสวรรค์ ] มีภาพเงาติดตาม! ”

พลังลมปราณของเขาในตอนนี้นั้นมันไม่ได้เป็นดั่งเช่นเหมือน 1 เดือนที่ผ่านมา การบ่มเพาะพลังของเขานั้นได้รุดหน้าไปอย่างรวดเร็ว และเขาในตอนนี้ได้มาถึงใน[ ระดับจุดสูงสุดขั้นที่ 8 ดินแดนลมปราณก่อตั้ง ] แล้วมีเพียงชั้นบาง ๆ เท่านั้นที่ขวางกันเขาเอาไว้ในการที่จะทะลวงผ่านไปยัง[ ระดับขั้นที่ 9 ดินแดนลมปราณก่อตั้ง ]

และในขณะเดียวกัน เคล็ดวิชา[ ตัดจันทร์เสี้ยว ] ของเขาก็ได้มีการพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง เขาสามารถฟาดฟันใบมีดทับซ้อนกันได้ถึง 7 ใบมีด ซึ่งมันทำให้พลังอำนาจที่ปล่อยออกมานั้นแข็งแกร่งกว่าแต่ก่อนถึง 5 เท่า

และที่สำคัญ เคล็ดวิชา[ กายาทรราช ] ของเขานั้นก็ได้มาถึงในระดับ[ เชี่ยวชาญ ] แล้วความแข็งแกร่งของเขาได้เพิ่มสูงขึ้นเป็นระดับขั้น[ ระดับ 99 พยัคฆ์ ] ซึ่งมันกล่าวได้ว่าเป็นความแข็งแกร่งสูงสุดของผู้เชียวชาญ[ ระดับขั้นระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อตั้ง ]

#########################################################
เอาละในช่วงท้ายก็มาพบกับเราเหล่าพี่น้อง 4B หัวดอที่จะมาเผานิยายเรื่องนี้ไปพร้อมกลับคุณ

B4 : นั้นแหละครับท่านผู้ชมวันนี้ผมมาในสกุ๊ปพิเศษ และจะขอสัมภาษณ์เหล่าที่น้อง 3B สักหน่อยนะขอรับว่าพวกท่านคิดเช่นไรต่อสิ่งที่เกิดขึ้นกับ ยวิ๋นเผิง ครับเริ่มจากท่าน B2 ก่อนเลย

B2 : ความรู้สึกของผมหรอครับ มันเหมือนกับตอนที่ผมดูมวยปล้ำแมทหนึ่งน่ะครับ เป็นตอนที่ เจฟฮาดี๊ ได้แชม และโดน CMพลั้ง ใช้กระเป๋ามันนี่อินเดอะแบงค์ มาชิงเข็มขัดไป นั่นแหละครับฟิวมันใช่เลยสำหรับผม

B3 : เดี้ยว ๆ นี่มันนิยายกำลังภายในมันเกี่ยว[ ค. ] อะไรกับมวยปล้ำว่ะเนี่ย

B2 : เอาก็ถามมาว่ารู้สึกแบบไหนก็ตอบไปว่ารู้สึกแบบนี้ไง เออมันจะตอบยังไงก็ได้ไม่จำเป็นที่จะต้องจำกัดภายในนิยายนิหว่า !!!

B4 : ใช่แล้วครับเป็นแบบไหนก็ได้ถือว่าคำจามของท่านนี่ OK เลยน่ะครับงั้นขอเชิญท่านต่อไป B1 ครับผม

B1 : อื้มสำหรับผมเลยนะครับ มันก็เหมือนกับการที่ชายหญิงคู่หนึ่งกำลังจะไปจุ่มดู๊กัน ฝ่ายหญิงกำลังจะปลดเสื้อแต่ฝ่ายชายดันเสร็จไปเสียก่อนและก็เลิกกันไปทั้ง ๆ อย่างนั้น ผมคิดว่าอารมณ์ของฝ่ายหญิงในตอนนั้นก็คงจะเหมือนกับ ยวิ๋นเผิง ในตอนนี้แหละครับ คือแบบว่าอะไรว่ะ[ ก. ]ยังไม่ทันได้เปิดถุงสูดกลิ่นเลยนี่[ ก. ]ต้องมาตายไปซะแหละ เหมือนกับผู้หญิงที่ว่า อะไรว่ะ[ ก. ]ยังไม่ทันได้ทำอะไรเลย[ ม. ]เสร็จซะแหละ นี่แหละครับความรู้สึกของ ยวิ๋นเผิง ในตอนนี้ผมมั่นและฟันธงเลยครับ

B3 : ฟันธงใช้ไหม ได้เดี้ยว[ ก. ]จะฟันหน้า[ ม. ]ไห้ มาพูดเรื่องจุ่มดงจุ่มดู๊อะไรว่ะ แม้งหนักยิ่งกว่าไอ้มวยปล้าข้างบนอีก นี่หาเรื่องให้บนนี้โดนแบนจากเด็กดีใช้ไหม

B4 : เป็นความรู้สึกที่กินใจมากครับ รับไป 100 คะแนน ผ่านครับ !!!

B3 : ผ่านหน้า[ ม. ] สิ

B4 : งั้นต่อเลยครับไอ้บุคคลไร้ค่า

B3 : เดี้ยว ๆ นี่ถึงตา [ ก. ] ใช่ไหม [ ม. ] ต้องพูดว่าท่าน B3 สิแล้วไอ้บุคคลไร้ค่านี่มาจากไหน

B4 : เออน่าเหมือนกัน รีบพูดมาเร็ว ๆ จะได้ไปเวลาไม่ได้มีเยอะนะแม่ชีรออยู่

B3 : เดี้ยว ๆ นี่[ ม. ] จะไปแสวงธรรมหรือ[ ม. ]จะไปทำอะไรเนี่ย

B4 : ก็ไปแสวงธรรมกับแม่ชีไงนี่[ ม. ]คิดเรื่องบัดซบอะไรอยู่เนี่ย เร็ว ๆ !!!

B3 : [ ม. ]จะรีบอะไรขนาดนั้นว่ะ [ ก. ]ไม่มีความเห็นเว้ย ไม่รู้ว่าตัวร้ายเรื่องนี้แม้งกากหรือพระเอกแม้งเก่งบัดซบกันแน่ เห็นเจอกันจริง ๆ ทีไล่แม้งสู้กันแทบจะไม่เปลืองย่อหน้าเลย เดี้ยวตบเดี้ยวฟาดเดี้ยวฟัน ดอกเดี่ยวทั้งนั้น นี่ยังไม่นับร่วมกับความรู้สึกของเจ้าสำนักฝ่ามือโลหิตนะ คืออาจรู้ว่ารู้ศิษย์ตนเป็นคนฆ่าแต่ใยลูกศิษย์ถึงยังมิกลับมาและเม็ดโอสถก่อเกิดนั้นหายไปไหน และสุดท้ายไอ้สองมหาอำนาจนี้ก็ทำสงครามกันและฆ่ากันเองผู้บริสุทธิ์ต่างบาดเจ็บล้มตายไปเป็นจำนวนมาก ทั้งที่ไอ้ตัวตนเหตูกำลังนั่งอยู่ในโรงเตี๊ยมและฝึกตนอย่างสบายใจคือแบบ……..นี่[ ก. ] เป็นตัวร้ายหรือตัวดีกันแน่ว่ะเนี่ยเริ่มสับสนแล้วนะ ???

B4 : สกุ๊ปเด็ดของจบกันไปเพียงเท่านี้ข้าน้อยขอตัวลา….

B3 : เห้ยเดี้ยวมาให้คำตอบ[ ก. ] ก่อนว่านี่[ ก. ] อยู่ข้างไหนตัวร้ายหรือตัวดี !!!!

#########################################################
เอาล่ะก็ขอจบสาระเร้าใจ BY: นายกระทิข้น ไว้เท่านี้ก่อนนะครับขอบคุณครับสำหรับผู้อ่านทุกท่าน

1 ความคิดเห็น:

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม