บทที่ 43 - เคลื่อนกระดูกเปลี่ยนรูปลักษณ์

ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เย่ชีเหวิน ได้รับการรักษา ฮวาเหมิงฮัน อย่างต่อเนื่องซึ่งในตอนนี้เขารู้สึกเหนื่อยล้าเป็นอย่างมาก แม้ว่า พลังปราณ จะสามารถช่วยบรรเทาความเหนื่อยล้าได้ หากแต่เขาในตอนนี้ได้สูญเสีย พลังปราณ มากเกินไปในการรักษานาง

          “ ขอบคุณ! ” ฮวาเหมิงฮัน กล่าวด้วยน้ำเสียงที่อ่อนแอ นางรู้สึกว่าเสื้อผ้าของนางไม่ได้รับการเคลื่อนย้ายและภายในร่างกายของนางก็ยังมีพลังปราณ บางส่วนที่เป็นของ เย่ชีเหวิน หลงเหลืออยู่ ซึ่งในขณะนั้นเองนางก็ได้รับรู้ในทันทีว่า เย่ชีเหวิน ได้ใช้พลังปราณ ของตนในการช่วยเหลือยับยั้งพิษภายในร่างกายของนาง ฉะนั้นแล้วนางจึงได้มั่นใจว่าบุคคลคนนี้ไม่ใช่คนไม่ดี

          “ ดูภายในแหวนจัดเก็บของ ลู่เทียน มันสมควรที่จะมีโอสถสลายพิษอยู่ภายใน ” ฮวาเหมิงฮัน กล่าวเป็นระยะ ๆ

          “ มันคืออันไหน? ” เย่ชีเหวิน นำขวดที่ถูกจัดเก็บไว้ภายในแหวนของ ลู่เทียน ออกมา ซึ่งภายในขวดเหล่านั้นต่างมีสมุนไพรที่หลากหลายและคุณภาพของมันยังเหนือและห่างไกลเมื่อเทียบกับเหล่าสมุนไพรภายในแหวนจัดเก็บของ ยวิ๋นเผิง และ จ้าวชี่เหยียน

ฮวาเหมิงฮัน หยิบขวดโอสถสลายพิษขึ้นมา ซึ่งฟังดูจากคำพูดของนางแล้ว เย่ชีเหวิน จึงสามารถรับรู้ได้ว่าพิษชนิดนี้นั้นมีชื่อเรียกว่า เจ็ดดาราไห่ถาง ทั้งไร้สีไร้กลิ่นและเป็นพิษระดับสูง ถ้าผู้เชียวชาญ[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อตั้ง ] ได้รับสารพิษนี้เขาไปพวกเขาจะตายในทันที ถึงแม้ว่าจะเป็นผู้เชี่ยวชาญ[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด ] เองก็ตาม ก็ยังนับได้ว่าเป็นเรื่องที่ยากที่จะจัดการกับมัน ในทันทีที่พิษชนิดนี้ได้เข้าสู่ร่างกายมันจะทำลายพลังปราณ ของผู้ที่ได้รับมัน หากไม่ได้ เย่ชีเหวิน ใช้พลังปราณของตนเข้าช่วยในการยับยั้งพิษเอาไว้นางคงต้องตายไปแล้วเป็นแน่

หลังจากที่ได้ใช้โอสถสลายพิษ พิษภายในร่างกายของนางก็เริ่มค่อย ๆ เริ่มถูกชำระล้างออกไปอย่างช้า ๆ สภาพร่างกายของนางนั้นค่อย ๆ ดีขึ้นเรื่อย ๆ ผิวของนางเริ่มกลับมาขาวผ่องเป็นยองใยดุจเดิมทั้งสีหน้าและแววตาก็เริ่มกลับมามีชีวิตชีวาอีกครา ความงามของนางได้เปล่งประกายและเจิดจรัสมากยิ่งขึ้น ราวกับนางฟ้าที่ได้หวนคืนสวรรค์

เย่ชีเหวิน สามารถมั่นใจได้แล้วว่า ฮวาเหมิงฮัน มีความปลอดภัยเป็นอย่างมากแล้วในขณะนี้ เขาจึงถอนหายใจออกมาด้วยความรู้สึกโล่งใจ พลางเอนตัวล้มลงและหมดสติไปจากความเหนื่อยล้าที่สะสม

หลังจากที่ เย่ชีเหวิน ได้เข้าสู่ห้วงนิทราเป็นเวลานานในที่สุดเขาก็ฟื้นคืนสติ แต่ทว่าในขณะที่เขาได้ลืมตาตื่นเขาก็ค้นพบว่า ฮวาเหมิงฮัน นั้นได้จากไปแล้วพร้อมกับทิ้งจดหมายเอาไว้ ภายในจดหมายนางได้เขียนถึงคำขอบคุณสำหรับเขาที่ได้ช่วยชีวิตนางเอาไว้ และยังกล่าวอีกว่านางมีเหตุด่วนสำคัญจึงต้องรีบออกไปด้วยเร็ว หากในภายภาคหน้ายามเมื่อเขาต้องการความช่วยเหลือโปรดเก็บจี้หยกอันนี้เอาไว้และมองหานางในสำนักหลัก

เย่ชีเหวิน ได้หยิบจี้หยกขึ้นมา มันได้ถูกสร้างขึ้นมาจากวัสดุเยือกแข็งซึ่งมีการสลักรูปวิหคเพลิงไว้ตรงกลาง มันอาจกล่าวได้เลยว่านี่คือผลงานชั้นเยี่ยมและมันยังสื่อได้ถึงความบริสุทธิ์ของตัวจี้ ในขณะที่ เย่ชีเหวิน กำลังเพลิดเพลินกับความบริสุทธิ์ของมันอยู่นั้น จู่ ๆ ก็ได้เส้นแสงเปล่งประกายออกมาจากตัวจี้และพุ่งตรงเข้าสู่หน้าผากของเขา สาระสำคัญและข้อมูลต่าง ๆ ได้หลั่งไหลเข้าไปภายในจิตสำนึกของเขา

นี่สมควรที่จะเป็นสมบัติหายาก! ไม่ว่าบุคคลใดก็ตามที่สวมใส่มันการบ่มเพาะพลังของมันผู้นั้นจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และยังไม่จำเป็นที่จะต้องกังวลถึงความเมื่อยล้าใด ๆ หลังจากการบ่มเพราะพลัง

มันอาจกล่าวได้ว่าสมบัติชิ้นนี้มันอยู่ในระดับที่ห่างไกลจากเกราะป้องกันชิ้นไหน ๆ เป็นอย่างมาก เพราะสิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญต่างเป็นกังวลมากที่สุดคือพวกเขาจะต้องเผชิญกับความเมื่อยล้าอย่างหนักหลังจากที่ทำการบ่มเพาะพลังของตน แต่ถ้าหากว่าพวกเขามีจี้หยกเส้นนี้พวกเขาจะไม่จำเป็นต้องกังวลถึงผลกระทบเหล่านั้น

สมบัติที่หายากเช่นนี้แน่นอนว่ามันมีค่าเป็นอย่างมาก ซึ่ง เย่ชีเหวิน ก็สามารถรับรู้ได้ว่ามันคือการชำระหนี้ของ ฮวาเหมิงฮัน สำหรับเขาที่ได้ช่วยชีวิตนางเอาไว้

นับตั้งแต่ที่ ฮวาเหมิงฮัน นั้นเป็นศิษย์ของสำนักหลักยี่หยวน ไม่ช้าก็เร็วพวกเขาทั้งสองจะต้องได้พบกันอีกครั้งอย่างแน่นอน!

หลังจากการแข็งขันของศิษย์ฝ่ายหลัก เย่ชีเหวิน ก็ได้ตัดสินใจที่จะออกเดินทางเพื่อไปยังสำนักหลักยี่หยวนและขอเข้าร่วมสำนัก

แล้วเมื่อถึงเวลานั้นเขาจะได้ฟังคำอำลาจากปากของนาง ที่ได้ติดค้างเขาเอาไว้!

เย่ชีเหวิน ได้นำแหวนจัดเก็บพื้นที่ของ ลู่เทียน ขึ้นมาตรวจสอบ ซึ่งมันต้องบอกก่อนเลยว่าสมแล้วที่เขาเป็นถึงผู้เชียวชาญ[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด ] ด้วยสิ่งของที่อยู่ภายใน มันทำให้แหวนจัดเก็บของผู้เชี่ยวชาญ[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อตั้ง ] อย่าง ยวิ๋นเผิง และ จ้าวชี่เหยียน กลายเป็นขยะไปเลย! แต่ถึงอย่างนั้นภายในแหวนของ ลู่เทียน กับมิได้มีศิลาวิญญาณระดับต่ำอยู่เลยแม้แต่ก่อนเดียว หลังจากที่ได้ตรวจสอบดูอีกครั้ง เย่ชีเหวิน ก็ได้ค้นพบเข้ากับศิลาจำนวนหนึ่ง ซึ่งแน่นอนว่ามันมิได้เป็นศิลาวิญญาณระดับต่ำแต่มันสมควรที่จะเป็นศิลาวิญญาณระดับกลาง เพียงแค่ศิลาวิญญาณระดับกลาง 1 ก้อนก็สามารถแลกเปลี่ยนเป็นศิลาวิญญาณระดับต่ำได้ถึง 1,000 ก้อน แต่ทว่าภายในแหวนนั้นกลับมีศิลาวิญญาณระดับกลางถึง 500 ก้อน ซึ่งถ้าหากนำมันไปแลกเปลี่ยนเป็นศิลาวิญญาณระดับต่ำแล้วล่ะก็เขาจะได้ไปเต็ม ๆ ถึง 500,000 ก้อนศิลาวิญญาณระดับต่ำ ด้วยจำนวนขนาดนี้แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญ[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด ] ก็ยังถือได้ว่าเป็นจำนวนที่มากโข

ด้วยจำนวนที่มากมายของศิลาวิญญาณระดับกลางในตอนนี้ มันจะเป็นประโยชน์ต่อเขาอย่างมาก เมื่อเขาได้ก้าวผ่านไปยัง[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด ]

การแปลงศิลาวิญญาณระดับกลางให้กลายเป็นศิลาวิญญาณระดับต่ำนั้น ช่างอาจกล่าวได้ว่าเป็นเรื่องที่ง่ายดายยิ่งนัก หากแต่การที่จะแปลงศิลาวิญญาณระดับต่ำให้กลายเป็นศิลาวิญญาณระดับกลางนั้นนับได้ว่าเป็นเรื่องที่ยากยิ่ง

ซึ่ง เย่ชีเหวิน คงไม่คงโง่พอที่จะทำเช่นนั้น

ในตอนนี้ เย่ชีเหวิน มีทรัพยากรที่มั่งคลั่งเป็นอย่างมาก นอกจากศิลาวิญญาณระดับกลางแล้ว มันยังมากไปด้วยสมุนไพรระดับสูงที่สามารถช่วยในการฟื้นฟู พลังปราณ ได้ในระดับที่รวดเร็ว

แต่ทว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดภายในแหวน หาได้ใช่ก่อนศิลาหรือสมุนไพรเหล่านี้ไม่ แต่มันคือตำราเคล็ดวิชา[ เคลื่อนกระดูกเปลี่ยนรูปลักษณ์ ] วิชาที่ใช้ในการเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ของบุคคลหนึ่งให้กลายเป็นอีกบุคคลหนึ่ง ซึ่งเมื่อพวกเขาฝึกฝนมันไปจึงในระดับที่แตกฉาน แม้แต่การขยายกระดูกหรือเพิ่มส่วนสูงให้กับตนก็สามารถทำได้โดยง่าย

แต่ก็เป็นที่แน่นอนว่าในการเปลี่ยนแปลงแต่ล่ะครั้งนั้นจำเป็นที่จะต้องใช้ พลังปราณ เป็นจำนวนมาก แต่เมื่อใดก็ตามที่เขาสามารถก้าวผ่านไปยัง[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด ] พลังปราณของเขาก็จะเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก แล้วเมื่อถึงเวลานั้นไม่ว่ามันจะใช้ พลังปราณ เท่าใดมันก็มิใช้ปัญหาสำหรับเขา

แต่ถ้าหากเป็นเพียงแค่ผู้เชี่ยวชาญที่ยังไปไม่ถึงใน[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด ] พวกเขาก็จำเป็นที่จะต้องใช้สมุนไพรเป็นจำนวนมากในการเพิ่ม พลังปราณ ของตนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหากเป็นเพียงแค่ผู้เชี่ยวชาญ[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อตั้ง ] ธรรมดาสามัญพวกเขาก็คงไม่มีทางที่จะหาสมุนไพรมาในจำนวนที่มากมายขนาดนั้นได้ ยิ่งไปกว่านั้นการนำสมุนไพรจำนวนมากมายมาใช้กับเคล็ดวิชา[ เคลื่อนกระดูกเปลี่ยนรูปลักษณ์ ] นี้นั้นนับได้ว่าไม่คุ้มค่ากันเลยแม้แต่น้อย เพราะสมุนไพรทุกชนิดล้วนเป็นสิ่งสำคัญที่สามารถช่วยเหลือพวกเขาได้ยามอยู่ในสถานการณ์ที่ย่ำแย่ได้ แม้ว่าสำหรับตัวของ เย่ชีเหวิน จะมิได้มีปัญหาเหล่านี้อยู่ก็ตามเพราะว่าในแหวนจัดเก็บพื้นที่ของ ยวิ๋นเผิง และ จ้าวชี่เหยียน นั้นสมุนไพรอยู่เป็นจำนวนมาก ยิ่งไปกว่านั้นภายในแหวนของ ลู่เทียน ต่างก็เป็นส่วนผสมที่อยู่ในระดับที่สูงล้ำอย่างมาก ฉะนั้นแล้วมันจึงไม่เป็นปัญหาใด ๆ สำหรับเขาที่จะฝึกฝนเคล็ดวิชานี้

หากแต่ในตอนนี้ เย่ชีเหวิน นั้นไม่ได้มีเวลามากพอที่จะฝึกฝนเคล็ดวิชา[ เคลื่อนกระดูกเปลี่ยนรูปลักษณ์ ] เพราะว่าการแข็งขันของศิษย์ฝ่ายหลักจะเริ่มต้นหลังจากนี้ในอีก 2 วัน

เพียงใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมงในที่สุด เย่ชีเหวิน ก็ได้มาถึงสำนักยี่หยวน เมื่อเทียบกับ 3 เดือนที่ผ่านมา ดูเหมือนว่าภายในสำนักยี่หยวนจะมีสีสันมากยิ่งขึ้นเป็นพิเศษหลังจากที่ภายในอีก 2 วันจะมีการจัดการแข่งขันของเหล่าศิษย์ฝ่ายหลัก ซึ่งยังนับเป็นเวลาหลายปีที่เหล่าศิษย์ฝ่ายหลักได้กระจายตัวออกไปนอกสำนักเพื่อฝึกตนบางก็ออกไปประจนโลกกว้าง ในที่สุดบัดนี้พวกเขาได้กลับมาร่วมตัวกันที่สำนักยี่หยวน เพื่อที่จะเข้าร่วมในการแข็งขันของเหล่าศิษย์ฝ่ายหลัก

ซึ่งโดยปกติแล้วศิษย์ฝ่ายในจะถือได้ว่าเป็นบุคคลชั้นสูงภายในสำนัก แต่ทว่าในครานี้เหล่าบรรดาศิษย์ฝ่ายหลักได้กลับมาแล้ว ด้วยความแข็งแกร่งและสถานะของพวกเขาได้ไปไกลเกินกว่าศิษย์ฝ่ายในยิ่งนัก อาจกล่าวได้ว่าพวกเขาเป็นคนชั้นสูงในหมู่คนชั้นสูงด้วยกัน

ในทันทีที่ เย่ชีเหวิน กลับมา ต่างก็มีผู้คนมากมายนอบคำนับให้แก่เขาหลังจากที่ เย่ชีเหวิน ไม่ได้ถือว่าเป็นบุคคลที่อ่อนแอภายในบรรดาหมู่ศิษย์ฝ่ายใน และยิ่งไปกว่านั้น เย่ชีเหวิน ในตอนนี้ก็ได้เลื่อนขึ้นกลายเป็นศิษย์แล้วด้วยเช่นกัน เขาที่เป็นม้ามืดได้ชนะเลิศในการแข่งขันการประลองศิษย์สำนักฝ่ายในโดยการเอาชนะ ตงฟางไป๋

เย่ชีเหวิน มิได้เป็นบุคคลที่เย่อหยิ่ง เขาได้พยักหน้าให้กับเหล่าศิษย์ทุกคน ที่แสดงความยินดีให้แก่เขา

เขาตั้งใจที่จะเดินผ่านสำนักยี่หยวนเพื่อกลับไปยังจวนของเขา แต่ทว่าทันใดนั้นเองเขาก็ได้ยินเสียงที่อวดดีดังขึ้น

          “ ตงฟางไป๋ ข้าเคยได้ยินชื่อเสียงของท่านมานาน! เหล่าผู้คนที่นี่ต่างบอกว่าท่านเป็นอัจฉริยะที่เรื่องชื่อ แต่ดูเหมือนว่ามันจะเป็นเพียงแค่คำพูดเกินจริง!” เสียงชายหนุ่ม กล่าวด้วยท่าทางที่อวดดีอย่างเสียงดัง “ เหอะดูเหมือนว่าศิษย์ฝ่ายหลักของสำนักยี่หยวนภายในปีนี้จะค่อนข้างไร้ฝีมือกว่าที่ข้าได้คาดคิดไว้! ”

#########################################################
เอาละในช่วงท้ายก็มาพบกับเราเหล่าพี่น้อง 4B หัวดอที่จะมาเผานิยายเรื่องนี้ไปพร้อมกลับคุณ

B1 : ปากเก่งดี แต่บทหน้าก็คงหมดสภาพแล้วล่ะดูจากทรง


B2 : ทำใมว่ะ B1

B1 : ก็พี่เหวิน เราได้ยินแล้วน่ะสิ B2

B1,B2 : 55555555

B3 : เห้อรับรู้ถึงชะตากรรมที่กำลังจะตามมา

B1,B2 : ช่ะ ช่ะ ช่ะ

B3 : เออ….

#########################################################
เอาล่ะก็ขอจบสาระเร้าใจ BY: นายกระทิข้น ไว้เท่านี้ก่อนนะครับขอบคุณครับสำหรับผู้อ่านทุกท่าน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม