บทที่ 45 - ผันแปรพลังปราณก่อเกิด

          “ เจ้ากล้ามาทำตัวโอ้อวดต่อหน้าข้าและต่อหน้าสำนักยี่หยวนของข้า ทั้งที่มีความสามารถเพียงแค่นี้ นี่หรือว่าตระกูลจางของเจ้ามันเต็มไปด้วยผู้คนที่มีความสามารถเช่นเจ้ากัน ในครั้งนี้ข้าเพียงแค่สอนบทเรียนเล็ก ๆ เกี่ยวกับเคล็ดวิชาใบมีดของข้าให้แก่เจ้า หากในครั้งหน้าเจ้ายังกล้ามาทำตัวอวดดีต่อหน้าข้าหรือภายในสำนักยี่หยวนของข้าอีกละก็ ข้าจะไม่มีความเมตตาใด ๆ ให้แก่เจ้าอีกและจะทำลายวรยุทธเจ้าทิ้งเสีย! ” เย่ชีเหวิน กล่าวด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็นและหันหลังก้าวเดินออกไป

เขาได้สังหารไปแล้วถึง 2 นายน้อยหนุ่มจากตระกูลจาง ซึ่งตามยศถาบรรดาศักดิ์ภายในตระกูลจางแล้วมันมั่นเหมาะที่ 2 นายน้อยหนุ่มนั่นจะต้องมีสถานะที่สูงกว่าหากเมื่อเทียบกับ จางยวิ๋นเฟย เมื่อมันเป็นเช่นนี้แล้ว เย่ชีเหวิน จะยังคงสามารถทนต่อความหยิ่งผยองของมันได้เช่นไร!

          “ นี่เจ้า… ”

ในทันทีที่ จางยวิ๋นเฟย ได้เห็นสายตาอันเยือกเย็นดุจราวน้ำแข็งของ เย่ชีเหวิน มันก็ได้หุบปากของตนลงในทันทีและเก็บความโกรธแค้นเอาไว้ภายในใจ โลหิตได้หลั่งไหลออกมาจากมุมปากของมันอย่างต่อเนื่อง

          “ ข้าจะต้องแก้แค้น ข้าจะต้องแก้แค้น แค้นครั้งนี้นี้ต้องชำระข้าฉีกเจ้าเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ในวันหนึ่งข้าจะต้องให้เจ้าได้ชดใช้สำหรับหนี้แค้นในวันนี้! ” จางยวิ๋นเฟย แผดเสียงภายในใจ แต่ไม่กล้าที่จะกล่าวมันออกมาดัง ๆ หลังจากที่ได้เห็นสายตาอันเยือกเย็นดุจราวน้ำแข็งของ เย่ชีเหวิน หากมันหลุดปากออกไปแม้เพียงนิดเกรงว่ามันคงจะต้องแบ่งออกเป็นสองส่วนด้วยน้ำมือของ เย่ชีเหวิน เป็นแน่

          “ เย่ชีเหวิน ช่างดูน่ากลัวยิ่งนัก! ”

          “ ใช่ เพียงแค่ใบมีดเดียวก็ส่ง จางยวิ๋นเฟย ปลิวกระเด็นลอยข้ามผ่านท้องฟ้าไปอย่างง่ายดาย ช่างเป็นพลังอำนาจที่น่าหวาดกลัวยิ่งนัก! ”

          “ ในระหว่างการแข่งขันการประลองยุทธ์เมื่อ 2 เดือนที่ผ่านมา เย่ชีเหวิน มิได้มีความแข็งแรงถึงเพียงนี้มิใช่หรือ ”

          “ เย่ชีเหวิน พึ่งมีชื่อเสียงและกลายเป็นที่รู้จักในช่วงเวลา 2 เดือนที่ผ่านมา แตกต่างจากพี่ชายและพี่สาวของเขาที่มีชื่อเสียงอย่างมากในหมู่เหล่าศิษย์! ”

ตงฟางไป๋ ที่ร่างกายถูกชโลมไปด้วยโลหิตต่างจับจ้องไปที่ เย่ชีเหวิน ด้วยสายตาที่มิอาจคาดเดาได้ แม้คนอื่นอาจมิทราบแต่ตัวเขาเองล้วนทราบดีหาก จางยวิ๋นเฟย มิได้ใช้อาวุธลับ ตัวเขาเองก็คงมิพ่ายแพ้ แต่ถ้าให้ประมือกันจริง ๆ ความแข็งแกร่งของพวกเขาทั้งสองสมควรที่จะอยู่ในระดับเดียวกัน แต่ถึงอย่างนั้น จางยวิ๋นเฟย ที่จะใช้กระบี่ของตนด้วยพลังอำนาจทั้งหมดที่มีแต่กลับไม่สามารถป้องกันการโจมตีจากใบมีดของ เย่ชีเหวิน ได้เลยแม้เพียงนิด ซ้ำยังถูกผลักจนปลิวกระเด็นลอยขึ้นไปเหนือฟ้า มันเห็นได้อย่างชัดเจนว่า เย่ชี่เหวิน จงใจสร้างเพียงแค่รอยบาดแผลเล็ก ๆ ไว้บนร่างกายของ จางยวิ๋นเฟย เพียงเท่านั้น หาก เย่ชีเหวิน จงใจที่จะฆ่าจริง ๆ ร่างกายของ จางยวิ๋นเฟย ในตอนนี้คงได้ถูกสับออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยไปแล้วเป็นแน่

ในการแข่งขันการประลองยุทธ์เมื่อ 2 เดือนที่ผ่านมาเขาได้ประมือกับ เย่ชีเหวิน และรู้ซึ้งถึงความแข็งแกร่งเช่นนั้นดี แต่ทว่าในเวลานั้นเขายังคงเป็นเพียงแค่[ ระดับจุดสูงสุดขั้นที่ 7 ดินแดนลมปราณก่อตั้ง ] หลังจากการแข่งขันการประลองยุทธเขาก็ยังคงไม่หยุดที่จะฝึกฝนจนในที่สุดเขาก็สามารถก้าวผ่านไปยัง[ ระดับกลางขั้นที่ 8 ดินแดนลมปราณก่อตั้ง ] ได้ซึ่งนับได้ว่าความแข็งแกร่งของเขาได้ทวีคูณขึ้นมาเป็นอย่างมาก หากแต่มันก็ยังมิอาจเทียบได้กับความแข็งแกร่งที่น่าหวาดกลัวของ เย่ชีเหวิน ในตอนนี้

นี่มันคงมิได้หมายความว่าระยะห่างของพวกเขามันกว้างขึ้นหรือไม่?

เย่ชีเหวิน ยังคงมิได้ให้ความสนใจกับคำซุบซิบของเหล่าศิษย์ เพราะเขาไม่ได้มีอารมณ์ที่จะมายินดีต่อคำพูดสรรเสริญเหล่านั้น ตอนนี้เป้าหมายเดียวของเขาคือการปีนขึ้นไปอยู่บนจุดสูงสุดของเคล็ดวิชาการต่อสู้

เย่ชีเหวิน กลับมายังจวนซึ่งเห็นบุคคลเพียงคนเดียวคือพี่สาวของเขา เย่หรูเชว่ ที่พึ่งเสร็จสิ้นจากการเก็บตัวฝึกฝนตนหลังจากที่ผ่านไป 2 เดือนนางก็ได้มาถึงแล้วใน[ ระดับจุดสูงสุดขั้นที่ 8 ดินแดนลมปราณก่อตั้ง ] ความเร็วในการบ่มเพาะพลังของนางนั้นอยู่ในระดับที่หน้าเหลือเชื่อทั้งที่นางมีอายุมากกว่า เย่ชีเหวิน เพียงแค่ 1 ปี แม้แต่อัจฉริยะอย่าง ตงฟางไป๋ และ จางยวิ๋นเฟย ก็ยังเป็นเพียงแค่[ ระดับกลางขั้นที่ 8 ดินแดนลมปราณก่อตั้ง ] ทั้งที่พวกเขาทั้งสองมีอายุที่มากกว่านาง

ในช่วงเวลานี้ เย่คงหมิง ได้บังคับให้นางเก็บตัวเพื่อฝึกฝนตนแต่ทว่าผลลัพธ์ที่ออกมามันช่างน่าเหลือเชื่อโดยแท้

ความเร็วในการบ่มเพาะพลังของนางอยู่ในระดับที่เกินกว่าที่ เย่ชีเหวิน ได้คาดการณ์ไว้

          “ ทำได้ยอดเยี่ยมมาก ที่เจ้าได้มอบความพ่ายแพ้ให้กับ จางยวิ๋นเฟย นั่นเพียงแค่กระบวนท่าเดียว ฮี่ฮี่! ” เย่หรูเชว่ กล่าวด้วยรอยยิ้มที่สดใส

          “ นั่นเป็นเพราะว่ามันทำตัวน่ารำคาญมากเกินไป! ” เย่ชีเหวิน กล่าวด้วยรอยยิ้ม

          “ ถูกอย่างเจ้าว่า เจ้าหมอนั่นมันทำตัวยิ่งผยองเกินไป ทั้งยังกล้ามาโหวกเหวกโวยวายภายในสำนักยี่หยวนของพวกเรา ฉะนั้นเป็นการดีแล้วที่พวกเราจึงจำเป็นต้องกำจัดตัวหน้ารำคาญเช่นมันออกไป! ” เย่หรูเชว่ กล่าวพลางพยักหน้า

ความจริงศิษย์ฝ่ายหลักจำนวนมากต่างเป็นกังวลเกี่ยวกับ จางยวิ๋นเฟย เพราะพวกเขาไม่สามารถทำอะไร จางยวิ๋นเฟย ได้ด้วยน้ำมือของตนเพราะเกรงว่ามันอาจสร้างชื่อเสียงที่ไม่ดีให้แก่สำนัก แต่อย่างไรก็ตาม เย่ชีเหวิน ก็ได้ออกมาหยุดการกระทำของ จางยวิ๋นเฟย เอาไว้ ซึ่งมันทำให้พวกเขาไม่จำเป็นต้องเข้าร่วมในการต่อสู้ครั้งนี้ แต่ถ้าเกิดว่า เย่ชีเหวิน เป็นฝ่ายที่พ่ายแพ้ขึ้นมาพวกเขาก็จำเป็นที่จะต้องหาทางในการสั่งสอนบทเรียนให้กับ จางยวิ๋นเฟย เพราะพวกเขาไม่อาจปล่อยให้ จางยวิ๋นเฟย ได้กระทำการอาละวาดภายในสำนักไปมากกว่านี้ได้

อย่างไรก็ตามการที่ เย่ชีเหวิน สามารถเอาชนะ จางยวิ๋นเฟย ได้อย่างง่ายดายเพียงแค่ 1 กระบวนท่า มันทำให้เหล่าศิษย์ฝ่ายหลักรู้สึกละอายใจอย่างมากที่เขาปล่อยให้ จางยวิ๋นเฟย ทำท่าทีหยิ่งผยองเช่นนี้ต่อหน้าพวกเขาในขณะที่พวกเขาไม่สามารถทำอะไร จางยวิ๋นเฟย ได้เลย

          “ แต่เจ้าอย่าพึงดีใจไปเพราะ จางยวิ๋นเฟย นั้นมิได้มีอะไรดีเลยหากเทียบกับพี่ชายของมัน พี่ชายของมันมีความแข็งแกร่งเป็นอย่างมากและยังจัดอยู่ใน 5 อันดับศิษย์แถวหน้าของศิษย์ฝ่ายหลักตระกูลจาง ซ้ำมันยังเป็นถึงผู้บรรลุ[ ระดับขั้นที่ 9 ดินแดนลมปราณก่อตั้ง ] ในช่วงเวลา 2 ปีที่ผ่านมา และในตอนนี้เจ้าก็ได้ทำร้ายน้องชายของมัน เป็นแน่นอนเลยว่ามันจะมิยอมปล่อยเจ้าไปโดยง่ายเป็นแน่! ” เย่หรูเชว่ กล่าว

          “ ระดับขั้นที่ 9 ดินแดนลมปราณก่อตั้ง? ” เย่ชีเหวิน ว่ากล่าว

          “ ข้ารู้ว่าเจ้าในตอนนี้แข็งแกร่งขึ้นมาก แต่พี่ชายของ จางยวิ๋นเฟย มิใช่บุคคลที่จะสามารถดูถูกได้ มันจะยั่วเจ้าทุกวิถีทางเพื่อให้เจ้าได้ประมือกับมัน ฉะนั้นข้าจึงอยากขอเตือนเจ้าเอาไว้ว่าอย่าได้หลงกลกับคำยั่วยุของมัน นอกจากนี้พี่ใหญ่จะกลับมาในวันพรุ่งนี้ การจะจัดการพี่ชายของ จางยวิ๋นเฟย นั้นปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพี่ใหญ่เสียเถอะ! ” ในสายตาของ เย่หรูเชว่ ไม่ว่า เย่ชีเหวิน จะมีความแข็งแกร่งมากเพียงใด เย่ชีเหวิน ก็ยังคงเป็นเพียงแค่น้องชายคนเล็กของนางที่พึ่งก้าวขึ้นมาเป็นศิษย์ฝ่ายหลักของสำนักยี่หยวนในปีนี้ หากแต่สำหรับพี่ชายของ จางยวิ๋นเฟย นั้นเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญระดับสูงในหมู่ศิษย์ตระกูลจางด้วยกัน ฉะนั้นนางจึงไม่สามารถที่จะอดเป็นห่วง เย่ชีเหวิน ได้

เมื่อเห็นท่าทีที่เป็นห่วงของ เย่หรูเชว่ เย่ชีเหวิน ก็รู้สึกได้ถึงความอบอุ่นมาจากหัวใจพลางกล่าวออกไปว่า “ จงอย่าได้เป็นห่วง ข้ามันใจในความแข็งแกร่งของข้า แม้ข้าจะรู้ว่ามันเองก็แข็งแกร่งเช่นกัน หากแต่ข้ามิได้ทำขึ้นมาจากผ้าฝ้ายการที่มันจะฉีกข้าออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยนั้นย่อมไม่ใช่เรื่องง่าย! ”

เมื่อเห็นท่าทีที่มั่นใจของ เย่ชีเหวิน , เย่หรูเชว่ ก็มิได้กล่าวสิ่งใดอีก นางแทบไม่อยากที่จะเชื่อในสายตาตนเองทั้งที่พึ่งผ่านไปเพียงแค่ไม่กี่เดือนแต่นางกลับไม่สามารถมองผ่านความคิดของน้องตนเองได้ แม้ว่าก่อนหน้านี้นางจะเคยเห็นพี่ใหญ่ฝึกฝนเคล็ดวิชาอย่างยากลำบาก แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังเป็นกระบวนท่าที่ทำความเข้าใจได้ง่าย หากแต่ในตอนนี้นางรู้สึกราวกับว่านางไม่สามารถมองเห็นผ่านการบ่มเพาะพลังของเขา

เย่หรูเชว่ ตระหนักได้ว่ามันจะต้องมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นกับ เย่ชีเหวิน ถึงได้ทำให้เขาสามารถเติบโตขึ้นได้ถึงเพียงนี้!

เย่ชีเหวิน ไม่ทราบถึงความคิดที่เปลี่ยนแปลงไปของนาง แต่สำหรับเขานางเป็นเพียงแค่ไม่กี่คนที่เขารู้สึกหวนแหนมากที่สุดบนโลกใบนี้

หลังจากนั้นไม่นานพ่อและแม่ของ เย่ชีเหวิน ก็ได้กลับมาและทานอาหารเย็นตามปกติ หลังจากทานเสร็จ เย่ชีเหวิน ก็ได้กลับไปยังจวนเล็ก ๆ ของตน เพื่อทำการบ่มเพาะพลัง เขานั้นรู้ดีว่าตนเองมิได้เป็นอัจฉริยะฉะนั้นแล้วเขาจึงต้องพยายามฝึกฝนอย่างหนักเพื่อชดเชยในสิ่งที่เขาขาดหายไป

เขาไม่มีเวลาแม้แต่จะหยุดพัก!


ในขณะที่เขาได้ทำการรักษา ฮวาเหมิงฮัน เขาก็ได้มีความเข้าใจบางอย่างเกี่ยวกับ พลังปราณก่อเกิด และได้รับมันมาส่วนหนึ่ง ซึ่งนอกจากนี้เขายังได้รับรู้ถึงวิธีการที่จะปรับแต่งมันโดยการผสาน[ พลังปราณก่อตั้ง ]และ[ พลังปราณก่อเกิด ]เข้าด้วยกัน แม้ว่าพลังปราณสองสายนี้จะมิใช่ชนิดเดียวกัน แต่มันก็สามารถทำให้พลังลมปราณของเขามีประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะเมื่อเทียบ[ พลังปราณก่อตั้ง ]แล้ว[ พลังปราณก่อเกิด ]นั้นมีพลังอำนาจมากกว่านับหลายเท่า

ซึ่งโดยปกติแล้วหากผู้ที่ต้องการจะปรับแต่ง พลังปราณก่อเกิด อย่างแรกพวกเขาจำเป็นที่จะต้องเปิดสะพานโลกเพื่อเชื่อมต่อกันระหว่างภายในร่างกายของพวกเขาเสียก่อน เพื่อให้การไหลเวียนพลังปราณภายในร่างกายมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

แต่ทว่า เย่ชีเหวิน ที่เป็นเพียงแค่ผู้เชียวชาญขั้นลมปราณก่อตั้ง แต่กลับพยายามที่จะปรับแต่ง พลังปราณก่อเกิด ภายในร่างกาย หากมีผู้ใดได้ร่วงรู้ถึงความเป็นจริงในข้อนี้พวกเขาคงจะช็อกจนหัวใจวายเป็นแน่ เพราะโดยปกติแล้วมันไม่เคยมีผู้ใดที่อยู่เพียงแค่ระดับขั้นลมปราณก่อตั้งคิดที่จะปรับแต่ง พลังปราณก่อเกิด มาก่อน

หากแต่เริ่มเดิมที เย่ชีเหวิน นั้นไม่ใช่บุคคลที่อยู่บนโลกใบนี้มานับแต่เริ่ม ฉะนั้นแล้วการเรียนรู้ของเขาจึงไม่ได้ถูกกักเอาไว้ และไม่สามารถนำเขาไปเทียบได้กับบุคคลรุ่นเก่า

ถ้าหากเขาในตอนนี้สามารถประสบความสำเร็จในการผสาน พลังปราณก่อตั้ง เข้ากับ พลังปราณก่อเกิด ได้แล้วละก็ความแข็งแกร่งภายในร่างกายของเขาก็จะเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญ[ ระดับขั้นลมปราณก่อเกิด ] เขาก็มีความเชื่อมั่นว่าจะสามารถจัดการได้อย่างแน่นอน

เย่ชีเหวิน จึงรีบเร่งพลังปราณของเขาและเริ่มต้นในการปรับแต่งมันให้กลายเป็นพลังปราณก่อเกิด

#########################################################

เอาละในช่วงท้ายก็มาพบกับเราเหล่าพี่น้อง 4B หัวดอที่จะมาเผานิยายเรื่องนี้ไปพร้อมกลับคุณ

B1 : อืมบทนี้ก็ไม่เท่าไหร่แค่เปิดตัวศัตรูตัวใหม่เท่านั้นเอง

B2 : ช่าย ๆ ตราบใดที่ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด มันก็มิใช่คู่ต่อสู้ของพี่เหวิน เราอยู่ดีนั่นแหละเนอะ ๆ

B1 : ช่ายเลยไอ้พวกนี้มันก็ขี้กากทั้งนั้น ต่อให้ศิษย์แถวหน้าที่เก่งที่สุดของพวกมึงมาเลยไอ้ตระกูลจาง เดะพี่เหวิน { ก. } จะตบโชว์ให้

B3 : เห้อ!!!!!!!!!!!!!

B2 : เอาตรง ๆ เลยนะบทนี้ไม่ค่อยมีอะไรงั้นเอาไว้ไปลุ้นกันเอาบทหน้าแล้วกัน

B3 : ขนาดนั้นเลยนะ

B1,B2 : ขนาดนั้นเลยแหละ

#########################################################
เอาล่ะก็ขอจบสาระเร้าใจ BY: นายกระทิข้น ไว้เท่านี้ก่อนนะครับขอบคุณครับสำหรับผู้อ่านทุกท่าน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม