โดยมิได้ทำตามวิธีการพิเศษใด ๆ เพียงแค่ใช้สัญชาตญาณของตนเพียงเท่านั้นในที่สุด เย่ชีเหวิน ก็สามารถเปิดประตูเชื่อมต่อระหว่างโลกภายในร่างกายของเขาได้สำเร็จ พลังปราณนับไม่ถ้วนต่างไหลเวียนเข้าสู่ภายในร่างกายของเขา แม้แต่ พลังปราณก่อตั้ง ก็เริ่มรวมตัวกันกลายเป็นหนาแน่นมากขึ้นอย่างรวดเร็ว
เย่ชีเหวิน เริ่มผสาน พลังปราณก่อตั้ง เพื่อปรับแต่งให้กลายเป็น พลังปราณก่อเกิด ซึ่งการที่จะปรับแต่งมันนั้นย่อมไม่ใช่เรื่องง่าย หลังจากที่ เย่ชีเหวิน ยังคงเป็นเพียงแค่ผู้เชียวชาญ[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อตั้ง ]
แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตามถึงแม้ว่ามันจะยากเย็นแสนเข็นมากแค่ไหน เย่ชีเหวิน ก็ยังคงมิได้ยอมแพ้
ศิลาวิญญาณนับไม่ถ้วนเริ่มถูกเผาผลาญไปอย่างต่อเนื่องและกลายเป็น[ พลังปราณจิตวิญญาณ ]ไหลเวียนเข้าสู่ภายในร่างกายของ เย่ชีเหวิน เขาได้เข้าไปยังพื้นที่ลึกลับและเริ่มปรับแต่งพลังปราณของตนอย่างต่อเนื่อง พลังปราณได้ไหลเวียนไปทั่วร่างกายประดุจราวเหมือนกับแม่น้ำที่ไหลเชี่ยว พลังปราณเริ่มกลายเป็นหนาแน่นมากยิ่งขึ้นราวกับก้นทะเลลึกของมหาสมุทร มันทำให้เขารู้สึกราวเหมือนกับว่า มันจะระเบิดออกมาจากร่างกายของเขาได้ตลอดเวลา ด้วยเหตุนี้ เย่ชีเหวิน จึงจำเป็นที่จะต้องข่ม พลัง ปราณเหล่านี้เอาไหว
ออล่าของ พลังปราณเริ่มมีการรวมตัวกันที่หนาแน่นมากขึ้นและมากขึ้น ภายในพื้นที่อันกว้างใหญ่ดุจราวมหาสมุทรภายในร่างกายของ เย่ชีเหวิน
ผิวของ เย่ชีเหวิน เริ่มซีดขาวตามมาด้วยอาการปวดเมื่อยตามตัว ซึ่งมันเห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าทั้งใบหน้าและตามร่างกายของเขาได้ถูกปกคลุมเต็มไปด้วยเหงื่อ นี่จึงอาจกล่าวได้ว่าวิธีการนี้เป็นวิธีการที่เจ็บปวดและทรมานเป็นอย่างมากถึงระดับหนึ่ง หาก เย่ชีเหวิน ไม่ได้มีสภาพจิตวิญญาณที่แข็งแกร่ง เกรงว่าด้วยความเจ็บปวดระดับนี้จิตวิญญาณของคนทั่วไปคงต้องดับสลายไปแล้วเป็นแน่
แต่ถึงแม้ว่ามันจะเจ็บปวดมากแค่ไหน เย่ชีเหวิน ก็ยังคงมิได้ยอมแพ้เพราะเขาได้เตรียมใจมาพร้อมแล้ว การที่จะแข็งแกร่งขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว แน่นอนว่ามันมิใช่เส้นทางที่เรียบงาย บางครั้งมนุษย์เองก็จำเป็นที่จะต้องก้าวผ่านข้ามขีดจำกัดของตนเพื่อให้บรรลุความแข็งแกร่งที่ตนปรารถนา!
เย่ชีเหวิน ไม่ทราบว่าเวลาได้ผ่านล่วงเลยไปนานเท่าใด แต่เขาก็ยังคงเพิ่ม พลังปราณ และผสานมันเข้าด้วยกันอย่างต่อเนื่อง
หลังจากที่เขาได้ทำการผสานพลังปราณมาเป็นเวลานานในที่สุด พลังปราณของเขาก็เริ่มมีการปฏิรูป ออล่าพลังปราณที่เข้มข้นได้ปรากฏขึ้นภายใน[ ดันเถียน ]ของเขาจากออล่าของมันบ่งบอกได้อย่างชัดเจนว่ามันเป็นพลังปราณที่แตกต่างจาก [ พลังปราณก่อตั้ง ]เพราะมันมีความหนาแน่นและพลังอำนาจที่น่าหวั่นเกรงกว่านับหลายเท่า
เย่ชีเหวิน เปิดตาของเขาพร้อมกับรอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้า ในที่สุดเขาก็ประสบความสำเร็จในขั้นแรกของการปรับแต่ง [ พลังปราณก่อเกิด ]ซึ่งอาจกล่าวได้ว่าเป็นขั้นตอนที่ยากลำบากมากที่สุดแต่แล้วเขาก็สามารถผ่านพ้นมันไปได้และในตอนนี้เขาเพียงแค่ต้องสะสม[ พลังปราณก่อเกิด ]เพื่อนำมาผสานเข้ากลับ พลังปราณก่อตั้ง ในร่างกายของเขาอีกครั้งเพื่อปรับแต่งมัน
เขามองออกไปยังนอกหน้าต่าง และค้นพบว่ามันได้มาถึงรุ่งสางแล้ว
เย่ชีเหวิน ได้ออกไปเพื่อรับประทานอาหารกับคนในตระกูล หลังจากรับประทานเสร็จแล้วเขาก็ได้กลับมายังจวนเล็ก ๆ ของเขา เพื่อหวังจะเริ่มต้นการบ่มเพาะพลังต่อไป แต่ทว่าทันใดนั้นเองเขาก็ได้ยินเสียงดังตระโกนออกมาจากด้านนอก
“ เย่ชีเหวิน ออกมา! ข้า จางยวิ๋นเทียน ต้องการจะท้าประลองกับเจ้า! ” เสียงตะโกนดังออกมาจากด้านนอก
เย่ชีเหวิน รู้ดีอยู่แล้วว่าปัญหาในวันนี้มันจะต้องมาถึงในสักวัน หลังจากที่เขาได้มอบความพ่ายแพ้ให้กับผู้ชนะเลิศในการแข่งขันประลองยุทธ์ของตระกูลจางไปด้วยเพียงแค่ 1 กระบวนท่า มันได้สร้างความอับอายขายหน้าและความอัปยศให้แก่พวกมันเป็นอย่างมาก ฉะนั้นแล้วพวกมันจักต้องมาชำระหนี้แค้นกับเขาเป็นแน่
เย่ชีเหวิน ก้าวเดินออกไปพลางต้องรู้สึกประหลาดใจที่ได้เห็น จางยวิ๋นเฟย ยืนอยู่ด้านนอกพื้นที่เขตจวนของเขา มันได้จับจ้องมาด้วยสายตาที่เครียดแค้น แม้ว่าใบหน้าของมันจะค่อนข้างซีดขาวจากอาการบาดเจ็บที่ยังมิได้หายดี และเบื้องหน้าของ จางยวิ๋นเฟย ก็ได้มีชายหนุ่มร่างใหญ่ยืนอยู่ผู้หนึ่ง! ดูจากรูปร่างสันทัดแล้วสมควรที่จะมีอายุราว 20 ปี
และมั่นเหมาะที่จะเป็นพี่ชายคนโตของ จางยวิ๋นเฟย นามว่า จางยวิ๋นเทียน
ด้านหลังของพวกมันเต็มไปด้วยเหล่าศิษย์จากสำนักยี่หยวน หลังจากที่พวกเขาได้ทราบข่าวว่าศิษย์อันเรื่องชื่อจากตระกูลจาง จางยวิ๋นเทียน ได้มายังสำนักยี่หยวนเพื่อขอท้าประลองกับ เย่ชีเหวิน ศิษย์ผู้ชนะเลิศในการแข่งขันประลองยุทธ์สำนักฝ่ายใน ด้วยเหตุฉะนี้เองมันจึงได้กระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นของพวกเขาว่าฝ่ายใดจะเป็นผู้ชนะ พวกเขาจึงได้เดินทางมายังจวนของ เย่ชีเหวิน
เย่ชีเหวิน เดินออกมาพร้อมรอยยิ้มเย้ยหยันบนใบหน้าพลางกล่าว “ มีอะไรผิดปกติหรือไม่ หรือว่าพวกเจ้ากำลังมองหาพระบิดาของพวกเจ้ากัน? ”
“ ฮ่าฮ่าฮ่า! ” ทันใดนั้นเหล่าฝูงชนผู้เป็นศิษย์จากสำนักยี่หยวนต่างพลันหัวเราะกันยกใหญ่ เสียงหัวเราะได้ดังก้องไปทั่วจวนของ เย่ชีเหวิน ข่าวลือเกี่ยวกับการประลองเมื่อวานนี้ได้แพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็วราวกับไฟลามทุ่ง ฉะนั้นแล้วเหล่าศิษย์จากสำนักยี่หยวนจึงรู้ได้ถึงความหมายที่แอบแฝงในคำพูดของ เย่ชีเหวิน
ใบหน้าที่ซีดขาวของ จางยวิ๋นเฟย ค่อย ๆ แดงกล่ำขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งมันบ่งบอกได้ถึงความโกรธแค้นที่ค่อย ๆ เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน พลังปราณ ได้เล็ดรอดออกมาจากร่างกายของเขา และสายตาที่จับจ้องออกไปราวกับอยากจะฉีก เย่ชีเหวิน ออกเป็นชิ้น ๆ
“ หนอยไอ้เจ้าขยะไร้ค่า ดีวันนี้ข้าจะสั่งสอนบทเรียนให้แก่เจ้า! ” จางยวิ๋นเทียน กล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ “ ข้าจะทำลายขาและแขนของเสีย เจ้าจะได้รู้ซึ้งถึงความแข็งแกร่งที่แท้จริง! ”
ทันทีที่กล่าวจบ จางยวิ๋นเทียน ได้ก้าวเท้าพลางกระโดดพุ่งทะยานออกไป ฝ่ามือคว้าจับกระบี่และฟาดฟัน กระบี่ลมปราณ ออกไป พลังปราณ ที่รุนแรงได้ระเบิดชั้นบรรยากาศโดยรอบ
ความแข็งแกร่งของผู้เชี่ยวชาญ[ ระดับขั้นที่ 9 ดินแดนลมปราณก่อตั้ง ] ช่างเป็นพลังอำนาจที่ไม่อาจดูถูกได้
เหล่าฝูงชนโดยรอบต่างตกตะลึงถึงเพลงกระบี่ที่รวดเร็วและว่องไวดุจดาวตกของ จางยวิ๋นเทียน เพียงพริบตามันก็ได้มาถึงตัวแล้ว
ตำแหน่ง 1 ใน 5 ศิษย์ชั้นนำฝ่ายหลักของตระกูลจาง แน่นอนว่ามิได้มีดีเพียงแค่ชื่อ
การจู่โจมอย่างรวดเร็วของ จางยวิ๋นเทียน เพียงพริบตามันก็ได้มาปรากฏแล้วยังเบื้องหน้าของ เย่ชีเหวิน
เพียงแต่มันรวดเร็วเกินไปจนไม่มีใครสามารถจับจ้องการเคลื่อนไหวของมันได้ทัน แต่ เย่ชีเหวิน นั้นไม่เขาได้คว้าจับมีดยาวของเขาออกมาและฟาดฟันสวนกลับออกไปในทันที ประกายแสงได้สาดส่องไปทั่วท้องฟ้า ประกายแสงจากใบมีดอันงดงามได้สร้าง ใบมีดลมปราณ ขึ้นมาเป็นจำนวนมากกลางเวหา และสับลงยังด้านหน้าของ จางยวิ๋นเทียน ในทันที
“ เพล้ง! ” เสียงโลหะปะทะกันได้แพร่กระจายออกไปทั่วทุกสารทิศ ทันที จางยวิ๋นเทียน รู้สึกได้ถึงแรงดันอันมหาศาลส่งจรงออกมาจากกระบี่ของเขา ซึ่งเขาไม่สามารถต้านทานประกายแสงที่ส่งออกมาจากการโจมตีมีดยาวของ เย่ชีเหวิน ได้และถูกผลักดันกลับออกไปในทันทีถึง 8 ก้าว ความแข็งแรงของ เย่ชีเหวิน นั้นได้มาถึงแล้วในระดับขั้น[ ระดับ 99 พยัคฆ์ ] ซึ่งแน่นอนว่ามันมิใช่เรื่องตลก
“ ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า! ” เมื่อเห็นว่า เย่ชีเหวิน สามารถป้องกันการโจมตีจาก จางยวิ๋นเทียน ได้อย่างง่ายดายเพียง 1 ใบมีด เหล่าศิษย์จากสำนักยี่หยวนจึงต่างได้หัวเราะลั่นเสียยิ่งกว่าเดิม
ในเวลานี้ใบหน้าของ จางยวิ๋นเทียน เริ่มแสดงออกถึงท่าทางที่วิตกกังวลเล็กน้อย
จางยวิ๋นเทียน แผดเสียงคำรามออกมา ซึ่งดูเหมือนว่าเขาได้เตรียมพร้อมที่จะทำการการโจมตีครั้งต่อไปอีกครา
ปลายกระบี่ของเขาได้สร้างเงากระบี่ลวงตาขึ้นมาจำนวนนับไม่ถ้วนบนท้องฟ้า และบังคับให้มันพุ่งตรงเข้าใส่ เย่ชีเหวิน
หากแต่สำหรับ เย่ชีเหวิน แล้วเขายังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิมพร้อมรอยยิ้มที่บ่งบอกถึงการดูถูกเหยียดหยาม จับจ้องไปที่ จางยวิ๋นเทียน เย่ชีเหวิน ได้คว้าจับมีดยาวของตนและฟาดฟันออกไป พลังอำนาจจากใบมีดของ เย่ชีเหวิน ได้ทำลายกระบี่ลวงตาของ จางยวิ๋นเทียน ไปจนหมดสิ้น
“ ตึม! ” เสียงระเบิดจากการปะทะกันของโลหะได้ดังกึกก้องไปทั่วทุกสารทิศ ชั้นของพลังปราณที่รุนแรงได้แพร่กระจายออกไปทั่วทุกสารทิศและทำลายพื้นที่บริเวณโดยรอบ
มีดยาวของ เย่ชีเหวิน กวัดแกว่งอย่างรวดเร็วดุจดาวตก เพียงพริบตามันก็ได้มาปรากฏยังเบื้องหน้าของ จางยวิ๋นเทียน และสับลง
จางยวิ๋นเทียน รู้สึกประหลาดใจอย่างฉับพลัน จึงรีบยกกระบี่ของตนเพื่อหมายจะป้องกันการโจมตีจากมีดยาวของ เย่ชีเหวิน พลังอำนาจที่รุนแรงต่างเข้าปะทะกันและบังเกิดรอยร้าวขึ้นบนตัวกระบี่ของ จางยวิ๋นเทียน เมื่อเห็นถึงความห่างชั้นของพลังเขาจึงทำได้เพียงกัดฟันทน
แต่ เย่ชีเหวิน ยังคงมิได้หยุดเพียงแค่นั้นเขาได้กวัดแกว่งมีดยาวของเขาออกไปอีกครั้งและอีกครั้ง ความแข็งแกร่งของเขาก็ยิ่งทวีคูณเพิ่มมากขึ้นในแต่ละการโจมตี ซึ่งไม่อาจเทียบได้เลยกับการสับลงก่อนหน้านี้
“ ใบมีดที่ 2 ”
“ ใบมีดที่ 3 ”
“ ใบมีดที่ 4 ”
ด้วยความแข็งแกร่งของ เย่ชีเหวิน ที่เพิ่มขึ้นมานับหลายเท่า จึงทำให้พลังอำนาจของ ใบมีดที่ 4 ยิ่งทวีคูณความแข็งแรงเพิ่มมากขึ้น
“ ปัง! ” กระบี่ของ จางยวิ๋นเทียน ถูกทำลายและในพริบตามีดยาวของ เย่ชีเหวิน ก็ได้มายังเบื้องหน้าของเขาและตบเข้าไปที่ใบหน้าของ จางยวิ๋นเทียน เข้าอย่างแรง
“ ปัง! ” มีดยาวของ เย่ชีเหวิน ได้ตบไปที่ใบหน้าของ จางยวิ๋นเทียน ด้วยพลังอำนาจอันมหาศาล ส่งให้ร่างกายของเขาปลิวกระเด็นออกไปไกลนับหลายเมตร ฟันได้ถูกทุบและหลุดออกมานับหลายซี่ โลหิตไหลบ่าออกมาจากปากอย่างไม่ขาดสายและนอนแน่นิ่งอยู่ที่พื้นอย่างโดยไม่ได้สติ
#########################################################
เอาละในช่วงท้ายก็มาพบกับเราเหล่าพี่น้อง 4B หัวดอที่จะมาเผานิยายเรื่องนี้ไปพร้อมกลับคุณ
B1 : หนึ่งมีดปริบชีพพพพพพพพพพพพพ
B2 : 555555 ถ้าฟันคอนี่คงขาดไปแล้ว
B1 : ช่างกากยิ่งนัก!! ชั่งกากยิ่งนัก!!!
B2 : เห้อ!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! มาอย่างกับพญาราชสี แต่ลงเยี่ยงหมา ยิ่งอ่านยิ่งทุกใจ เมื่อไร้เจ้าจะเก่งสู้ตัวเอกได้กันบ้างนะเจ้าตัวร้ายเอ๋ย 5555555
B3 : { ม. } อย่าได้พูดตัวร้ายนี่มันเป็นเพียงแค่ตัวประกอบ ตัวประกอบเว้ยตัวประกอบ ตัวร้ายน่ะยังไม่มา ตัวร้ายน่ะเขารออยู่ที่สำนักหลักเว้ย!!!! ไอ้พวกเนี้ยมันแค่ตัวประกอบมันไม่มีค่าพอจะขึ้นชื่อว่าเป็นตัวร้ายได้หรอก( พูดแบบกัดฟัน )
B2 : แหม่ B3 ไม่เอาน่าตัวประกอบกับตัวร้ายมันก็เหมือนกันน่ะแหละ เนอะ ๆ B1
B1 : ใช่เลย B2 555555 มันก็เหมือน ๆ กันนั่นแหละ B3 ทำใจซะเถอะ
B3 : ไม่เหมือนโวยยยยยยยย!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
#########################################################
เอาล่ะก็ขอจบสาระเร้าใจ BY: นายกระทิข้น ไว้เท่านี้ก่อนนะครับขอบคุณครับสำหรับผู้อ่านทุกท่าน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น