บทที่ 48 - เริ่มต้นการแข็งขันศิษย์ฝ่ายหลัก

ผู้ที่สามารถเข้ามายังฝ่ายหลักของสำนักยี่หยวนได้นั้นจำเป็นจะต้องบรรลุถึง[ ระดับขั้นที่ 7 ดินแดนลมปราณก่อตั้ง ] หรือสูงกว่านั้น แต่อย่างไรก็ตามผู้ที่จะสามารถเข้าไปยังสำนัก[หลัก]ยี่หยวนฝ่ายนอกได้จำเป็นที่จะต้องบรรลุถึง[ ระดับขั้นที่ 9 ดินแดนลมปราณก่อตั้ง ] และผู้ที่จะสามารถเข้าไปยังฝ่ายในก็จำเป็นที่ต้องมีระดับการบ่มเพาะพลังอยู่ที่[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด ] ขึ้นไป ภายในสำนัก[หลัก]ยี่หยวน ผู้เชี่ยวชาญ[ ระดับขั้นที่ 9 ดินแดนลมปราณก่อตั้ง ] ก็เปรียบเสมือนได้กับศิษย์ระดับล่างที่เป็นเพียงได้แค่ข้ารับใช้ของผู้ที่อยู่ในระดับสูงกว่า แม้ว่ามันจะมีโอกาศในการเก็บเกี่ยวประสบการณ์ที่ดีกว่าและมีส่วนร่วมในการเข้าร่วมกับกองกำลังต่าง ๆ ซึ่งรวมไปถึงโอกาสในการฝึกฝนเคล็ดวิชาต่าง ๆ

หากแต่ศิษย์ผู้ที่สามารถบรรลุ[ ระดับขั้นที่ 9 ดินแดนลมปราณก่อตั้ง ] ได้แล้วนั้นส่วนใหญ่มักเลือกที่จะอยู่ภายในสำนักยี่หยวนดั่งเดิม แม้ว่าการไปสำนักหลักมันจะมีโอกาสต่าง ๆ มากมาย หากแต่มันก็ไม่มีใครต้องการที่จะเป็นเบี้ยล่างของผู้ใด ฉะนั้นแล้วพวกเขาส่วนใหญ่จึงเลือกที่จะมีชีวิตอยู่และบ่มเพาะพลังอยู่ภายในถิ่นฐานของตนดั่งเดิม

          “ มา ข้าจะนำพาเจ้าไปทำความรู้จักกับสหายของข้า! ” เย่ฟง กล่าว

เย่ฟง ต้องการที่จะพา เย่ชีเหวิน ไปทำความรู้จักกับสหายของเขาผู้ที่ซึ่งเป็นถึงเหล่าบรรดาศิษย์หลักแถวหน้าของสำนัดยี่หยวน ด้วยความแข็งแกร่งและชื่อเสียงของ เย่ชีเหวิน ในตอนนี้มันมีความเป็นไปได้ที่เขาจะถูกจัดขึ้นให้อยู่ในระดับเดียวกันกับพวกเขาเหล่านี้

ไม่ไกลมากนักปรากฏรูปเงาศิษย์หลักยืนอยู่ 3 คน พวกเขาทั้งหมดต่างเป็นศิษย์หลักแถวหน้าอันเรื่องชื่อของสำนักยี่หยวน จางหยาง เฉียนเหวินลู้ และ หวู่เฮ้า

ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่พวกเขาคือ จางหยาง ความแข็งแกร่งของเขาอยู่ในระดับเดียวกันกับ เย่ฟง คือ] ระดับจุดสูงสุดขั้นที่ 9 ดินแดนลมปราณก่อตั้ง ] และมีรูปร่างดูสง่างามราวกับชายหนุ่มที่มีสถานะสูงศักดิ์

รองลงมาคือ เฉียนเหวินลู้ หญิงสาวผู้มีความสง่างามดุจดอกไม้ที่เบ่งบาน ระดับการบ่มเพาะพลังของนางนั้นอยู่ใน[ ระดับปลายขั้นที่ 9 ดินแดนลมปราณก่อตั้ง ]

และคนสุดท้ายคือ หวู่เฮ้า ชายหนุ่มรูปร่างสูงเพรียว ระดับการบ่มเพาะพลังของเขานั้นอยู่ในระดับเดียวกันกับ เฉียนเหวินลู้ คือ[ ระดับปลายขั้นที่ 9 ดินแดนลมปราณก่อตั้ง ]

ซึ่งรวม เย่ฟง ด้วยแล้วก็กลายเป็น 4 คนพวกเขาทั้งหมดต่างเป็นศิษย์หลักที่แข็งแกร่งที่สุดภายในสำนักยี่หยวน แต่ถึงยังนั้นมันก็ยังไม่เพียงพอที่จะนำไปเปรียบเทียบกับ 5 ศิษย์แถวหน้าอันเรื่องชื่อของตระกูลจาง ยิ่งไปกว่านั้นในปีนี้ยังมีศิษย์หลักอีกถึง 2 คนที่พึ่งก้าวขึ้นมาเป็น[ ระดับปลายขั้นที่ 9 ดินแดนลมปราณก่อตั้ง ] และยังถูกจัดให้อยู่ในสถานะเดียวกันกับศิษย์แถวหน้า

หากนับที่จำนวนแล้วตระกูลจางถือได้ว่ามีความได้เปรียบสำนักยี่หยวนอยู่มาก ยิ่งไปกว่าสำหรับการแข่งขั้นในครั้งนี้ตระกูลจางยังมีความทะเยอทะยานที่จะชิงผลไม้โลหิตหยวนไปเป็นของตนเองเสียทั้งหมด เพื่อเพิ่มพูนขุมพลังอำนาจของตนให้อยู่เหนือกว่าสำนักยี่หยวน

แม้ว่าสำนักยี่หยวนจะเพิ่ม เย่ชีเหวิน เข้าไปมันก็ยังมีเพียงแค่ 5 คนเท่านั้นหากนับกันด้วยที่จำนวน มันก็มีความแตกต่างกันที่มากเกินไป

เหล่าศิษย์หลักที่ได้ดำรงตำแหน่งศิษย์แถวหน้านั้นจะได้รับการสรรเสริญจากเหล่าศิษย์ทั้งมวลและยิ่งไปกว่านั้นพวกเขายังสามารถเพลิดเพลินไปกับทรัพยากรของสำนักตนได้ตามที่ต้องการ

ในตอนนี้ เย่ชีเหวิน ได้เข้าร่วมกับกลุ่มเล็ก ๆ กลุ่มหนึ่ง ซึ่งทุกคนภายในกลุ่มล้วนแล้วแต่เป็นอัจฉริยะทั้งสิ้น พวกเขาทั้งหมดต่างเป็นความหวังของสำนักยี่หยวนในการต่อกรกับตระกูลจาง ซึ่งความเป็นจริงของสำนักยี่หยวนในตอนนี้ทำได้แค่เพียงหวังพึ่งกลุ่มคนเล็ก ๆ อย่างพวกเขาเพียงเท่านั้น

เย่ชีเหวิน ในตอนนี้มิได้เป็นเหมือนดั่งเช่นอดีตที่ผ่าน หลังจากที่ชื่อเสียงของเขาได้กลายเป็นที่โด่งดังและแพร่กระจายออกไปทั่วทั้งสำนัก สถานะของเขาก็ได้รับเลื่อนขึ้นจนกลายเป็นศิษย์แถวหน้าของสำนักยี่หยวน

ซึ่งในวันนี้เหล่าศิษย์หลักทุกคนได้ถูกเรียกตัวไปยังลานห้องโถงอันกว้างใหญ่ หากเทียบพื้นที่ภายในห้องโถงใหญ่กับศิษย์หลักที่มีจำนวนเพียง 100 คนแล้วนั้น มันก็ราวเหมือนกับว่าพวกเขาเป็นเพียงแค่ชนกลุ่มน้อยที่อยู่ภายในป่าทึบอันกว้างใหญ่

เย่ชีเหวิน และคนอื่น ๆ มิได้รอนานจนเกินไป หลังจากที่พวกเขาได้มาถึงไม่นานนักก็ได้มีสองผู้อาวุโสปรากฏตัวยังเบื่องหน้าของพวกเขา ผู้หนึ่งมีรูปร่างที่ผอมแห้งและอีกผู้หนึ่งมีรูปร่างที่อ้วนกลม

พวกเขาทั้งสองไม่มีความจำเป็นใด ๆ ที่จะต้องแนะนำตนเองเพราะเหล่าศิษย์หลักของสำนักยี่หยวนต่างรู้จักพวกเขาทั้งสองดีว่าพวกเขานั้นเป็นใคร แม้แต่ เย่ชีเหวิน เองก็ยังรู้จักพวกเขา พวกเขาทั้งสองคือผู้อาวุโสอ้วนและผู้อาวุโสผอม ด้วยรูปร่างที่เป็นเอกลักษณ์และโดดเด่นจึงทำให้พวกเขาเป็นที่สังเกตเห็นได้ง่าย และอีกหนึ่งความจริงที่ว่าเวลามันได้ผ่านล่วงเลยมาเนินนานแล้ว เหล่าศิษย์จึงได้ต่างพากันลืมชื่อที่แท้จริงของเขาและได้เรียกพวกเขาว่าผู้อาวุโสอ้วนและผู้อาวุโสผอม ตามลักษณะของพวกเขา

          “ ณ เวลานี้การแข่งขันศิษย์หลักได้ใกล้เข้ามาเต็มทีแล้ว ข้าขอกล่าวตรง ๆ ว่ามันจะเป็นการแข่งขันที่ยากลำบากที่สุดสำหรับพวกเจ้าทุกคน! ” ผู้อาวุโสอ้วนกล่าวอย่างตรงไปตรงมา

          “ ข้าจะยังไม่พูดถึงรายละเอียดที่เหลือ! ” ใบหน้าของผู้อาวุโสอ้วนเริ่มกลายเป็นหม่นหมองและเข้มขรึมพลางกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น “ สถานที่ที่จะจัดการแข่งขันในครั้งนี้คือดินแดนโลหิตหยวนซึ่งข้าคิดว่าพวกเจ้าคงจักมันดีอยู่แล้ว! จำนวนคนนับไม่ถ้วนของทั้งตระกูลจางและสำนักยี่หยวนต่างต้องตกตายกันไปเป็นจำนวนมากภายในสถานที่แห่งนั้น ฉะนั้นข้าจึงทำได้เพียงแค่หวังว่าพวกเจ้าทุกคนจะมีชีวิตรอดกลับมาอย่างปลอดภัยและข้าจะขอถามพวกเจ้าอีกครั้งว่ามีใครต้องการที่จะถอนตัวออกจากการแข่งขันในครั้งนี้หรือไม่!ิ ”

หลังจากที่ได้ยินคำกล่าวของผู้อาวุโสอ้วนเหล่าศิษย์หลักจำนวนนับ 10 คนต่างเดินออกจากลุ่มเพื่อขอถอนตัวในการแข่งขัน หลังจากที่การเดินทางในครั้งนี้มันมิใช่เป็นเพียงแค่การเดินทางเล่น ๆ แต่มันเป็นเส้นทางที่ทอดยาวไปจนถึงขุมนรกอเวจี แม้ว่าภายในดินแดนโลหิตหยวนจะมีทรัพยากรมากมายให้เก็บเกี่ยว ซึ่งถ้าหากพวกเขาสามารถเอาตัวรอดภายในนั้นได้พวกเขาก็จะได้รับผลประโยชน์เป็นจำนวนมาก หากแต่การเข้าไปยังดินแดนโลหิตหยวนเมื่อหลายปีที่ผ่านมาได้มีผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากตกตายอยู่ภายในสถานที่แห่งนั้นซึ่งบางคนก็ยังเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญ[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด ]

ศิษย์หลักส่วนใหญ่ที่เลือกก้าวเดินออกมาล้วนแล้วแต่เป็นผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ใน[ ระดับจุดสูงสุดขั้นที่ 8 ดินแดนลมปราณก่อตั้ง ] ความแข็งแกร่งของพวกเขานั้นมันเห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่ามันอยู่ในระดับที่ดีกว่าหากเทียบกับผู้ที่อยู่ในระดับเดียวกัน หากแต่ถ้าต้องเจอกับผู้เชี่ยวชาญ[ ระดับขั้นที่ 9 ดินแดนลมปราณก่อตั้ง ] แล้วล่ะก็พวกเขาคงจะมิได้มีโอกาสใด ๆ และในท้ายที่สุดก็ต้องถูกฆ่าตายอย่างน่าสังเวช ฉะนั้นแล้วพวกเขาจึงเลือกที่จะถอนตัวออกมาในขณะที่ยังมีโอกาส

ส่วนสำหรับเหล่าบรรดาศิษย์น้องใหม่ที่เพิ่งก้าวขึ้นมาเป็นศิษย์หลักมีเพียง เย่ชีเหวิน และ ตงฟางไป๋ เท่านั้นที่ยืนกรานจะเข้าร่วมในการแข่งขั้นครั้งนี้ เย่ชีเหวิน ได้จับจ้องไปที่ ตงฟางไป๋ และเห็นได้ชัดถึงความมุ่งมั่นที่อยากจะเข้าร่วมการแข่งขัน เมื่อมองดูจากสีหน้าท่าทางของเขาแล้วดูเหมือนว่าอาการบาดเจ็บจากเข็มพิษของ จางยวิ๋นเฟย นั้นจะหายดีเป็นปกติแล้ว

          “ พวกเจ้าทุกคนที่มีส่วนร่วมในการแข่งขั้นครั้งนี้จะได้รับกระเป๋าพื้นที่ ซึ่งมันจะช่วยพวกเจ้าในการบันทึกคะแนนเพื่อผ่านการทดสอบในการแข่งขันครั้งนี้ เมื่อพวกเจ้าสามารถจัดการสัตว์ปีศาจ[ ระดับขั้นที่ 8 ดินแดนลมปราณก่อตั้ง ] ได้พวกเจ้าจะได้รับคะแนน 100 จุด และสัตว์ปีศาจที่อยู่[ ระดับขั้นที่ 9 ดินแดนลมปราณก่อตั้ง ] นั้นพวกเจ้าจะได้รับคะแนน 50 จุด ส่วนสัตว์ปีศาจที่อยู่ใน[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด ] พวกเจ้าจะได้รับคะแนนถึง 1,000 จุด นอกจากนี้สภาพแวดล้อมภายในดินแดนโลหิตหยวนนั้นยังมีสัตว์ปีศาจถึง 15 เผ่าพันธุ์ ซึ่งบางตัวนั้นมันก็จะมีกลิ่นอายและออล่าที่แตกต่างไปกว่าตัวอื่น ๆ ซึ่งได้ถูกแบ่งออกเป็น 3 สี คือ แดง , เหลือง , เขียว และผู้ที่สามารถจัดการมันได้ก็จะได้รับคะแนนเพิ่มเป็น 100 , 500 , 1000 ตามลำดับ ” ในเวลานั้นผู้อาวุโสผอมยังได้อธิบายเพิ่ม “ และนอกจากนี้ไม่ว่าพวกเจ้าจะได้พบสมบัติประเภทใดก็ตามมันจะถูกเปลี่ยนแปลงให้เป็นคะแนนจุดซึ่งมีเพียงแค่ผู้ที่มีคะแนนสูง 3 คนเท่านั้นถึงจะได้รับผลไม้โลหิตหยวน เป็นรางวัลสำหรับการแข่งขันในครั้งนี้ ”

ในทันทีที่คำว่าผลไม้โลหิตหยวนเป็นรางวัลหลุดออกมา เหล่าศิษย์หลักจำนวนมากถึงกลับต้องตกตะลึงในทันที เพราะพวกเขาไม่ได้รับรู้ว่าผลไม้โลหิตหยวนเป็นข้อตกลงสำหรับการแข่งขันในครั้งนี้ หากแต่มีเพียงแค่ เย่ชีเหวิน เท่านั้นที่ได้ทราบเรื่องนี้อยู่ก่อนแล้วเขาจึงมิได้แสดงอาการท่าทีที่ตกใจใด ๆ ออกมา

แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตามนี่ก็ยังเป็นถึงผลไม้โลหิตหยวน แม้ว่าจะเป็นผู้เชี่ยวชาญ[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด ] มันก็ยังเปรียบได้กับสมบัติระดับสูง หลังจากที่พวกเขารับประทานและกลั่นมัน มันมีความเป็นไปได้ที่จะทำให้พวกเขาสามารถทะลวงผ่านไปยังระดับขั้นต่อไปได้ในทันที ตอนนี้เหล่าผู้คนจำนวนมากเริ่มพากันสงสารเหล่าศิษย์ที่ได้เลือกถอนตัวออกไป!

          “ แต่ไม่อย่างไรก็ตามหากพวกเจ้าพ่ายแพ้ หรือถูกฆ่าตายโดยบุคคลอื่น คะแนนที่พวกเจ้าได้เก็บสะสมเอาไว้ทั้งหมดก็จะถูกโอนไปยังผู้ที่ฆ่าเจ้าในทันที ฉะนั้นแล้วพวกเจ้าก็จงระมัดระวังกันเอาไว้ให้ดี ข้าหวังว่าพวกเจ้าจะมีชีวิตรอดกลับมากันทุกคน! ” ผู้อาวุโสอ้วนกล่าวพร้อมถอดถอนหายใจ เพราะเขาไม่อาจร่วงรู้ได้เลยว่าจะต้องมีผู้คนตกตายไปมากเท่ใดกันภายในดินแดนโลหิตหยวน แต่ถ้าเกิดพวกเขาสามารถมีชีวิตรอดกลับมาได้แน่นอนเลยว่าพวกเขาจะต้องกลายเป็นผู้ที่โดดเด่นในอนาคตเป็นแน่

เย่ชีเหวิน รู้สึกตะลึงเล็กน้อย เพราะกฎแบบนี้…มันไม่ได้แปลว่าเป็นการส่งเสริมให้เข่นฆ่ากันเช่นนั้นหรอกหรือ ถ้าเป็นเช่นนี้ไม่ว่ามันผู้นั้นจะขยันเก็บฆ่าสัตว์ปีศาจหรือโหยหาสมบัติชนิดใดก็ตาม มันก็ไม่มีทางเป็นไปได้เลยที่พวกเขาจะสามารถหาคะแนนได้เร็วกว่าการเข่นฆ่าผู้อื่น เพราะในทันทีที่เขาฆ่าอีกฝ่ายคะแนนของมันผู้นั้นก็จะตกมาเป็นของเขาในทันที

มันอาจกล่าวได้ว่าโลกของเหล่าศิษย์หลักนั้นมันช่างเต็มไปด้วยความโหดร้ายอย่างแท้จริง ชีวิตของพวกเขาเต็มไปด้วยการเข่นฆ่าผู้อื่นและจำเป็นที่จะต้องเอาชีวิตตนเองให้รอด หากเทียบศิษย์หลักกับศิษย์ฝ่ายในและศิษย์ฝ่ายนอกแล้วนั้น แม้ว่าทรัพยากรที่พวกเขาได้รับจะมีจำนวนที่ค่อนข้างจำกัด หากแต่ชีวิตของพวกเขานั้นอยู่ระดับการคุ้มครองที่ดีกว่ามาก

#########################################################

เอาละในช่วงท้ายก็มาพบกับเราเหล่าพี่น้อง 4B หัวดอที่จะมาเผานิยายเรื่องนี้ไปพร้อมกลับคุณ

B3 : เนี่ย ๆ มันยังเงี้ย ๆ กฏ{ ม. }นี่แบบโครต “ เป ” ไอ้เหวิน เลยนะ สายฆ่าแล้วรูดทรัพย์เนี่ย

B2 : 5555555 มันต้องให้ได้อย่างนี้สิ เอาล่ะเว้ย ๆ งานนี้มีเลือด!!!

B1 : เลือดไม่พอพี่ขอพวกไส้ทะลักด้วย

B2 : จะแถวนงแถวหน้าอะไรก็ชั่ง ม่ะเดี้ยวพี่จะฆ่าเรียงตัวโชว์ 555555

B1 : บางทีก็โหดไปให้บทพี่ชายคนเก่งเขาได้โชว์ฝีมือมั่งก็ดีนะ เห็นว่าอยู่ระดับจุดสูงสุดขั้นที่ 9 นิช่ะมะ

B2 : 55555 พี่ใหญ่ไม่ต้องเหนื่อย เดี้ยวน้องจัดเอง พี่ไปนั่งกินลมชมวิวอยู่ตรงนั้นเถอะนะ 555555

B1,B2 : 5555555555

B3 : โครตอนาถ ทำไม่ไอ้พวกตัวร้ายเรื่องนี้มันถึงได้โครตอนาถเช่นนี้ เห้อ!!!!!!

B1,B2 : 55555555555555

B3 : 55555 { พ. }{ ม. } อ่ะ

#########################################################
เอาล่ะก็ขอจบสาระเร้าใจ BY: นายกระทิข้น ไว้เท่านี้ก่อนนะครับขอบคุณครับสำหรับผู้อ่านทุกท่าน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม