บทที่ 49 - ทดสอบความว่องไว

เหล่าศิษย์หลักต่างเงียบสงัด โดยเฉพาะเหล่าศิษย์หลักแถวหน้า มันเห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าการแข่งขันในครั้งนี้มันมิได้ง่ายดายเหมือนอย่างการแข่งขันที่ผ่าน ๆ มา

โดยปกติการจัดการแข่งขันภายในดินแดนโลหิตหยวนแน่นอนว่าย่อมมิใช่เรื่องง่ายอยู่แล้ว หลังจากที่มันเป็นเพียงแค่ดินแดนเล็ก ๆ ที่เต็มไปด้วยเหล่าสัตว์ปีศาจร้ายมากมายซึ่งพวกเขาจำเป็นจะต้องมีความระมัดระวังเป็นอย่างมากโดยเฉพาะเหล่าศิษย์หลักแถวหน้าจากตระกูลจาง ด้วยความแข็งแกร่งของพวกมันมันสามารถจัดการเหล่าศิษย์จากสำนักยี่หยวนลงได้อย่างง่ายดาย

แต่แน่นอนว่าหากการแข่งขันในครั้งนี้มันมิได้ยากเย็นและอันตรายถึงชีวิต พวกเขาคงไม่จัดตั้งผลไม้โลหิตหยวนให้เป็นของรางวัล สำหรับการแข่งขันในครั้งนี้

ผลไม้โลหิตหยวน นั้นอาจกล่าวได้ว่าเป็นความใฝ่ฝันต่อเหล่าผู้เชี่ยวชาญ[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด ] หลาย ๆ คน!

หลังจากที่จบการอภิปราย ผู้อาวุโสทั้งสองก็ได้นำศิษย์หลักจากสำนักยี่หยวนมุ่งหน้าออกไปยังด้านหลังของหุบเขาชิงฟง หลังจากที่พวกเขาต่างได้ฝึกฝนเคล็ดวิชาประเภทความคล่องตัวการเคลื่อนไหวของพวกเขาจึงเป็นไปในระดับที่รวดเร็วเป็นมาก เพียงแค่ครึ่งชั่วโมงในที่สุดพวกเขาก็ได้มายังส่วนลึกของหุบเขาชิงฟง ด้วยกลิ่นอายที่รุนแรงแพร่กระจายออกมาจากร่างกายของทั้งสองผู้อาวุโส จึงไม่มีเหล่าสัตว์ปีศาจตนไหนกล้าเข้าใกล้พวกเขา

การเดินทางของพวกเขาเป็นไปอย่างราบลื่นไปจนในที่สุดก็มาถึงด้านล่างของยอดหุบเขาสูงชัน พวกเขาทั้งหมดต่างตกตะลึงในความสูงเสียดฟ้าของมัน นอกจากนี้บนยอดเขานั้นมันยังได้จนหายไปภายในมหาสมุทรก้อนเมฆอันกว้างใหญ่

ที่ตีนเขามีขั้นบันไดเล็ก ๆ อยู่ ซึ่งด้วยความกว้างของมันสามารถก้าวเดินได้เพียงแค่ 1 คนเท่านั้น และในขณะเดียวกันเส้นทางของมันก็ได้ทอดยาวออกไปจนถึงยอดของหุบเขา

หลังจากนั้นไม่นานตระกูลจางก็ได้ถูกนำมาโดย 2 ผู้อาวุโส ซึ่งผู้หนึ่งมีรูปร่างที่สูงโด่งและอีกผู้หนึ่งมีรูปร่างที่ต่ำเตี้ย ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยสีหน้าที่เยือกเย็นเช่นเดียวกับผู้อาวุโสอ้วนและผู้อาวุโสผอม หากมองไปยังฉากของหน้าและรูปร่างของพวกเขา มันอาจนับได้ว่าเป็นภาพที่น่าขบขันยิ่งนัก หากแต่คงไม่มีใครกล้าพอที่จะหัวเราะเยาะใส่ผู้อาวุโสเหล่านี้เป็นแน่

และผู้ที่อยู่ด้านหลังของผู้อาวุโสตระกูลจางทั้งสองคนคือ 7 จอมยุทธ์หนุ่มจากตระกูลจาง ท่าทางของพวกเขาชั่งดูสง่างามและมีกลิ่นอายที่น่าเกรงแพร่ออกมารอบร่างกายของพวกเขา

จากเสียงกระซิบพูดคุยของเหล่าศิษย์หลักยี่หยวนจึงทำให้ เย่ชีเหวิน ได้รับรู้ว่าจอมยุทธ์หนุ่มทั้ง 7 คนนี้คือศิษย์แถวหน้าของพวกตระกูลจางและผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่ของพวกมันคือ จางจิ่งชิน จางหวู่ และ จางเยว้เหลียน ผู้มี[ ระดับจุดสูงสุดขั้นที่ 9 ดินแดนลมปราณก่อตั้ง ] และเหลืออีกเพียงแค่ก้าวเดียวเท่านั้นพวกมันก็จะสามารถก้าวผ่านไปยัง[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด ] ได้และศิษย์แถวหน้าอีก 4 คนที่เหลือคือ จางยวิ๋นเทียน จางเหวินเสี่ยว จางจือฉิว และ จางกั๋วชี๋ พวกมันล้วนต่างมีระดับการบ่มเพาะพลังอยู่ที่[ ระดับปลายขั้นที่ 9 ดินแดนลมปราณก่อตั้ง ] ด้วยกลิ่นอายของพวกมันทั้ง 7 คนได้ข่มศิษย์หลักของสำนักยี่หยวนจนอยู่หมัด ก่อนหน้าสำนักยี่หยวนมีศิษย์ผู้โด่งดังเพียงแค่ 3 คนเท่านั้น แต่ในภายหลัง เย่ฟง และ เย่ชีเหวิน ต่างก็ปรากฏตัวขึ้นมาอย่างกะทันหัน แต่ถึงอย่างนั้นสำนักยี่หยวนก็ยังคงเสียเปรียบในเรื่องของจำนวนคนอยู่ดี

ศิษย์หลักของสำนักยี่หยวนได้จับจ้องไปที่ศิษย์แถวหน้าของตระกูลจางและศิษย์หลักของตระกูลจางก็ได้จับจ้องมาที่ศิษย์แถวหน้าของสำนักยี่หยวน สำหรับการแข่งขันในครั้งนี้พวกเขาทั้งหมดต่างรับรู้ดีว่าชะตากรรมของพวกเขาขึ้นอยู่กับบุคคลชั้นยอดทั้ง 12 คนนี้

จู่ ๆ เย่ชีเหวิน ก็รู้สึกได้ถึงสายตาที่จับจ้องมายังเขา มันเป็นสายตาที่เต็มไปด้วยเจตนาฆ่าอย่างแรงกล้า เขาได้หันกลับไปมองแล้วเห็นว่ามันเป็น จางยวิ๋นเฟย และ จางยวิ๋นเทียน ที่จับจ้องมายังเขา

          “ ณ บัดนี้พวกเขาควรที่จะเริ่มต้นได้แล้ว! ” ผู้อาวุโสอ้วนกล่าว

ดูเหมือนว่ามันจะมีการตกลงกันระหว่างผู้อาวุโส[ ขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด ] ทั้ง 4 พวกเขาได้รีบกระโดดและพุ่งทะยานออกไปตามเส้นทางเทือกเขาและหายไปในด้านหน้าของทุกคน

ทันทีที่ 4 ผู้อาวุโส[ ขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด ] ได้หายไปต่อหน้าพวกเขา เหล่าศิษย์แถวหน้าจากทั้งสองสำนักต่างก็ไม่รอช้าพลันรีบพุ่งทะยานตัวตามออกไปในทันที

ร่างกายประดุจดั่งสายฟ้าฟาดพวกเขาต่างพุ่งทะยานตามขึ้นไปโดยใช้เส้นทางเนินเขา

เมื่อเห็นว่าเหล่าศิษย์แถวหน้าต่างพุ่งทะยานตัวออกไป โดยมิรีรอช้าเหล่าศิษย์หลักเองก็ได้รีบพุ่งทะยานออกตัวตามไปเช่นกัน หากแต่ช่างเป็นเรื่องที่น่าเสียดายการแข่งขันมันได้เริ่มขึ้นแล้วและพวกเขารู้สึกตัวช้าเกิดไป

การแข่งขันของเหล่าศิษย์หลักได้ดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่ผู้อาวุโสทั้ง 4 และเหล่าศิษย์แถวหน้าได้หายลับไปจากสายตาของพวกเขา ซึ่งแน่นอนว่าในหมู่ของพวกเขาผู้อาวุโสทั้ง 4 ผู้อยู่ใน[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด ] เป็นที่มั่นเหมาะว่าพวกเขาจะต้องมีความเร็วมากที่สุด ซึ่งร่างกายของพวกเขามันเหมือนประดุจดั่งสายฟ้าฟาดเพียงแค่พริบตาพวกเขาก็ได้หายไปแล้วในเส้นทางเทือกเขา ถัดมาคือกลุ่มของ เย่ฟง และบรรดาเหล่าศิษย์แถวหน้าของทั้งสองฝ่าย พวกเขาถือได้ว่าเป็นคนกลุ่มแรกที่ใกล้เคียงกับผู้อาวุโสมากที่สุด และถัดลงมาจากพวกเขาก็เป็นเหล่าผู้เชี่ยวชาญ[ ระดับขั้นที่ 9 ดินแดนลมปราณก่อตั้ง ] จำนวนกว่า 30 คน แม้ว่าพวกเขาจะมิได้เป็นศิษย์แถวหน้า แต่พวกเขาแน่นอนว่ายังคงเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญ[ ระดับขั้นที่ 9 ดินแดนลมปราณก่อตั้ง ] ความเร็วของพวกเขาเป็นเพียงแค่ด้อยกว่าเหล่าศิษย์แถวหน้าอยู่เพียงเล็กน้อย

ถัดลงมาก็จะเป็นกลุ่มผู้เชี่ยวชาญ[ ระดับขั้นที่ 8 ดินแดนลมปราณก่อตั้ง ] ซึ่งมีระยะห่างจากผู้เชี่ยวชาญ[ ระดับขั้นที่ 9 ดินแดนลมปราณก่อตั้ง ] อยู่มากพอสมควรหลังจากที่ความเร็วของพวกเขาอยู่ในระดับที่ช้าเกินไปเมื่อเปรียบเทียบกับผู้เชี่ยวชาญ[ ระดับขั้นที่ 9 ดินแดนลมปราณก่อตั้ง ]

หลังจากที่ทุกคนได้พุ่งทะยานตัวออกไปแล้วทิ้ง เย่ชีเหวิน เอาไว้อยู่ ณ จุดเริ่มต้น เขาได้เริ่มต้นยืดเส้นยืดสายก่อนที่จะกระโจนตัวออกไปเข้าสู่เส้นทางเทือกเขา

การเคลื่อนไหวของ เย่ชีเหวิน นั้นช่างรวดเร็วประดุจดั่งสายฟ้าฟาด เขาได้ใช้เคล็ดวิชา[ ย่างก้าวทูตสวรรค์ ] ซึ่งมันใช้เวลากว่า 2 – 3 ลมหายใจกว่าที่ฝีเท้าของเขาจะแตะลงไปยังที่พื้น

ลักษณะของ เย่ชีเหวิน นั้นช่างผ่านคลายและเป็นสง่าดุจราวเหมือนกับว่าเขากำลังเดินเล่นอยู่ยังไงยังงั้น ร่างกายของเขาได้ทะยานขึ้นไปยังเส้นทางสู่ยอดเขาเรื่อย ๆ แล้วที่ยิ่งไปกว่านั้นเพียงแค่พริบตาเขาก็ได้ไปปรากฏตัวอยู่อีก 10 เมตรข้างหน้า ซึ่งมันบ่งบอกได้เพียงแค่ว่าความเร็วของเขานั้นได้อยู่ในระดับที่น่าเหลือเชื่อ

เคล็ดวิชา[ ย่างก้าวทูตสวรรค์ ] เป็นเคล็ดวิชาประเภทความคล่องตัวที่มีความสง่างามและเหนือล้ำกว่าเคล็ดวิชาประเภทความคล่องตัวใด ๆ จะสามารถเทียบได้

ประดุจดั่งทูตสวรรค์ที่โลดแล่นอยู่บนท้องฟ้าด้วยความเร็วที่น่าอัศจรรย์

เพียงแค่ไม่กี่อึดใจ เย่ชีเหวิน ก็สามารถไล่ตามความเร็วของขบวนได้ทัน

กลุ่มคนที่ได้อยู่เบื้องหน้าของ เย่ชีเหวิน นั้นคือผู้เชี่ยวชาญ[ ระดับขั้นที่ 8 ดินแดนลมปราณก่อตั้ง ] จากพวกตระกูลจาง

พวกมันส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่เป็นศิษย์ที่ไม่ได้ฝึกฝนเคล็ดวิชาความคล่องตัวที่โดดเด่นใด ๆ และถึงแม้ว่าพวกมันได้ฝึกฝนจริงมันก็คงไม่สามารถนำมาเทียบได้กับ[ เคล็ดวิชาระดับขั้นก่อเกิด ][ ย่างก้าวทูตสวรรค์ ]ได้อยู่ดี นอกจากนี้ เย่ชีเหวิน ยังได้ฝึกฝนจนไปถึงแล้วใน[ ดินแดนที่ 4 สูงสุด ]ภายใน พื้นที่ลึกลับ

แทบจะในพริบตาเพียงอาศัยความเร็วของ เคล็ดวิชา[ ย่างก้าวทูตสวรรค์ ] เย่ชีเหวิน ได้ก้าวมาถึงกลุ่มของพวกมันแล้วหายวับไปในทันที พวกมันแทบจะไม่รู้สึกถึงการมีตัวตนอยู่ของ เย่ชีเหวิน เลยด้วยซ้ำเมื่อครู่นี้ก่อนที่ เย่ชีเหวิน จะลับหายไป!

ซึ่งในตอนนี้ เย่ชีเหวิน ก็ได้ค้นพบแล้วว่านี่เป็นเพียงแค่การทดสอบความคล่องตัวของแต่ละบุคคล ซึ่งโดยปกติแล้วหากเป็นผู้ที่สามารถเข้าใจได้ถึงแก่นแท้ของเคล็ดวิชาความคล่องตัวจนสามารถบรรลุความรวดเร็วได้ในระดับหนึ่งแล้วนั้น การแข่งขันทดสอบความเร็วนี้ก็จะเป็นเพียงได้แค่เรื่องเด็ก ๆ สำหรับพวกเขาเหล่านั้น

          “ นี่ข้าตาฝาดไปหรือไม่ ชายหนุ่มผู้นั้นมันคือผู้ใดกัน? ” เหล่าศิษย์จากตระกูลจางทำได้เพียงแค่มองผ่านด้านหลังของ เย่ชีเหวิน เพียงเท่านั้นก่อนที่ร่างกายของ เย่ชีเหวิน จะลับหายไปจากสายตาของพวกเขา

เมื่อเห็นว่า เย่ชีเหวิน สามารถเอาชนะพวกเขาได้อย่างง่ายดาย มันยิ่งทำให้พวกเขารู้สึกหดหู่อย่างมาก เพราะไม่ว่าพวกเขาจะพยายามมากแค่ไหนพวกเขาก็ไม่อาจตามความเร็วของ เย่ชีเหวิน ได้ทัน ทั้งที่พวกเขาเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญ[ ระดับขั้นที่ 8 ดินแดนลมปราณก่อตั้ง ] ทั้งที่พวกเขาเป็นถึงชนชั้นสูงในหมู่ศิษย์หลักของตระกูลจาง แต่ศิษย์ชนชั้นสูงอย่างพวกเขาทั้งหมดกับถูกกดดันด้วยวิธีการเช่นนี้

แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังไม่อาจเทียบได้กับความตกตะลึง หลังจากที่ เย่ชีเหวิน ได้เริ่มใช้พลังอำนาจทั้งหมดของ เคล็ดวิชา[ ย่างก้าวทูตสวรรค์ ] ความเร็วของเขานั้นได้ทวีคูณเพิ่มมากยิ่งขึ้นจนร่างของเขากลายเป็นภาพเบลอ เขาได้รีบทะยานขึ้นไปตามเส้นทางเทือกเขาและทิ้งเหล่ากลุ่มคนจากตระกูลจางเอาไว้เบื้องหลัง

เมื่อพวกเขาได้เห็นภาพเบลอของ เย่ชีเหวิน มันถึงกับทำให้พวกเขารู้สึกตกตะลึงจนตาของพวกเขาแทบจะทะลักออกมาจากเบ้า ก่อนที่ภาพเบลอเหล่านั้นจะได้ลับหายไปจากสายตาของพวกเขาอีกครา

พวกเขาไม่อาจทำสิ่งใดได้ ทำได้เพียงแค่อิจฉาอยู่ไกล ๆ แล้วพยายามก้าววิ่งต่อไปเพียงเท่านั้น

#########################################################
เอาละในช่วงท้ายก็มาพบกับเราเหล่าพี่น้อง 4B หัวดอที่จะมาเผานิยายเรื่องนี้ไปพร้อมกลับคุณ

B3 : อึนน่ะไอ้{ ส. }{ ก. } ไม่รู้จะหาอะไรมาสันทะยายล่ะ คือนี่แบบ WTF มันจะเลี้ยงอะไรกันขนาดนั้น แค่กฎก็บัดซบพอแล้วนี่ยังมาทดสอบความเร็วอีก ถ้าไอ้เหวินมันไม่ชนะนะ { ม. }เอาตีนมาทีบหน้า{ ก. } ได้เลย

B2 : 5555555 ก็นะ

B1 : ของมันแน่อยู่แล้ว พี่เหวิน เป็นพระเอกนะการที่จะชนะตัวร้ายมันก็ย่อมเป็นเรื่องธรรมดา

B3 : รู้ว่าเรื่องธรรมดาแต่ตั้งแต่ต้นเรื่องมาเลยเนี่ย แม้งไม่มีบทไหนเลยที่อวยให้ตัวร้ายได้เปรียบ คือเอะอะก็ตบ เอะอะก็ฟาด เอะอะก็ฟัน คือมาครบทุกรสชาติ ก็นี่นึกว่า วันพันซ์แมน

B1 : เขาเป็น ญาติกันไอ้สาม

B3 : ญาติหน้า{ ม. } อ่ะ

B2 : อ่อนแอก็แพ้ไปเว้ย!! บนโลกใบนี้มันไม่มีที่ยืนให้กับคนอ่อนแอเข้าใจ๋

B3 : { ค. } !!!!!!! { ก. } เกลียดพวก { ม. }

#########################################################
เอาล่ะก็ขอจบสาระเร้าใจ BY: นายกระทิข้น ไว้เท่านี้ก่อนนะครับขอบคุณครับสำหรับผู้อ่านทุกท่าน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม