บทที่ 50 - มันคือผู้ใด

ความเร็วของ เย่ชีเหวิน เพิ่มสูงขึ้นอย่างไม่บันยะบันยัง แม้แต่การเคลื่อนไหวของเขาก็ยังดูมีสง่าราสีราวกับทูตสวรรค์ที่กำลังโลดแล่นอยู่บนท้องนภา เขาได้ไล่ตามมาทันแล้วกลุ่มที่ 3 และ 4 ของผู้เชี่ยวชาย[ ระดับขั้นที่ 8 ดินแดนลมปราณก่อตั้ง ]

และความเร็วของเขาก็ยิ่งทวีคูณมากขึ้นและมากขึ้น จนไล่ตามไปถึงกลุ่มที่ 2 ที่เต็มไปด้วยเหล่าผู้เชี่ยวชาญ[ ระดับขั้นที่ 9 ดินแดนลมปราณก่อตั้ง ]

เหล่าศิษย์ผู้ที่อยู่ในกลุ่มที่ 2 นั้นต่างพยายามทะยานตัวกันออกไปอย่างหนัก เพื่อหมายจะไล่ตามกลุ่มที่ 1 ให้ทัน แต่ทว่าทันใดนั้นเองพวกเขาก็ได้ยินถึงเสียงระเบิดจากฝีเท้าที่แตะพื้น ไล่หลังของพวกเขามาอย่างรวดเร็ว ซึ่งเมื่อพวกเขาหันกลับไปมองก็ต้องถึงกับตกตะลึงที่พวกเขาได้เห็นภาพเบลอของ เย่ชีเหวิน ไล่ตามพวกเขามาด้วยความเร็วที่น่าอัศจรรย์

แต่ก่อนที่พวกเขาจะได้เข้าใจถึงสิ่งที่เกิดขึ้น เย่ชีเหวิน ก็ได้ใช้ความเร็วที่ประดุจราวเหมือนกับดาวหางแซงหน้าของพวกเขาไป เหล่าศิษย์ภายในกลุ่มต่างตกตะลึงถึงสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า พร้อมกับภาพเบลอของ เย่ชีเหวิน ค่อย ๆ ลับหายไปจากสายตาของพวกเขา

ทุกคนต่างมีข้อสงสัย เพราะพวกเขาเป็นถึงศิษย์ชนชั้นสูงในหมู่ชนชั้นสูงอีกที ซึ่งถึงแม้ว่าเคล็ดวิชาความคล่องตัวของพวกเขาจะไม่ได้ฝึกไปจนถึงใน[ ดินแดนที่ 4 สูงสุด ] หากแต่พวกเขาก็ยังคงฝึกฝนมันมาจนถึงใน[ ดินแดนที่ 3 เชี่ยวชาญ ] แล้ว หากแต่เมื่อเห็นความเร็วของ เย่ชีเหวิน ก่อนหน้านี้มันทำให้พวกเขารู้สึกราวกับว่าไม่ใช่คู่แข่งของ เย่ชีเหวิน เลยแม้แต่น้อย

พวกเขาต่างยังมิทันได้ทำอะไร เย่ชีเหวิน หายไปแล้วอย่างไร้ตัวตนในด้านหน้าของพวกเขา เย่ชีเหวิน เริ่มไล่ตามกลุ่มแรกและค่อย ๆ จับเปลี่ยนจังหวะการเคลื่อนไหวของเขาให้ดูมีความสง่างามมากยิ่งขึ้น

แม้ว่านี่จะเป็นถึงการทดสอบ แต่มันก็มิได้มีผลอะไรกับคะแนนการแข่งขัน ฉะนั้นแล้วมันจึงไม่จำเป็นที่เขาจะต้องแสดงพลังทั้งหมดที่มีออกมา

ในตอนนี้ เย่ชีเหวิน ได้มาถึงแล้วครึ่งทางของหุบเขา ซึ่งมันได้ถูกปกคลุมไปด้วยกลุ่มเมฆหมอกหนาทึบ แม้ว่าจะเป็นเหล่าจอมยุทธ์อย่าง เย่ชีเหวิน ก็ตามพวกเขาก็สามารถมองเห็นได้เพียงแค่ภายในระยะ 10 เมตรเท่านั้น หากมีผู้ใดประมาทแน่นอนพวกเขาจะต้องประสบกับเรื่องที่โหดร้าย แม้ว่ามันผู้นั้นจะเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญ[ ระดับขั้นที่ 9 ดินแดนลมปราณก่อตั้ง ] ก็ตามโอกาสรอดของมันผู้นั้นก็ยังคงเป็นศูนย์อยู่ดี

คนส่วนใหญ่เลือกที่จะชะลอความเร็วของตัวเองลง หลังจากที่ความปลอดภัยของชีวิตพวกเขาต้องมาก่อน หากแต่ เย่ชีเหวิน หาได้หวั่นเกรงไม่แม้ว่า เคล็ดวิชา[ ย่างก้าวทูตสวรรค์ ] จะทำให้ผู้ที่ใช้มันสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็วแต่มันก็ยังทำให้การมองเห็นนั้นเฉียบคมมากยิ่งขึ้น ซึ่งเหมาะกับสภาพแวดล้อมและการทดสอบครั้งนี้เป็นอย่างมาก นอกจากนี้ เย่ชีเหวิน ยังได้ฝึกฝน เคล็ดวิชา[ ย่างก้าวทูตสวรรค์ ] มาถึงแล้วใน[ ดินแดนที่ 4 จุดสูงสุด } ซึ่งด้วยเช่นนี้เองมีหรือที่ เย่ชีเหวิน จะพลาดและประสบปัญหา

หลังจากการก้าวกระโดดมาอย่างต่อเนื่อง ในที่สุด เย่ชีเหวิน ก็ได้กระโจนเข้าใส่อีกด้านหนึ่งของหุบเขาที่ถูกปกคลุมไปด้วยกลุ่มเมฆหมอกที่หนาทึบโดยตรง

ณ เวลานี้เขาสามารถมองเห็นคนกลุ่มแรกได้จากสถานที่ไกล ๆ และ 1 ในผู้ที่รั้งท้ายของกลุ่มช่างเป็นบุคคลที่ทำให้เขาต้องประหลาดใจ เพราะนั้นคือ จางยวิ๋นเทียน บุคคลที่กล้ามาท้าทาย เย่ชีเหวิน ถึงหน้าเขตพื้นที่จวนของเขาและต้องพบกับความพ่ายแพ้ไปอย่างน่าสังเวช

และผู้ที่อยู่เหนือขึ้นไปคือ เฉียนเหวินลู้ กับ หวู่เฮ้า และ จางเหวินเสี่ยว จางจือฉิว และ จางกั๋วชี๋ ตามลำดับ พวกเขาทั้งหมดต่างทะยานตัวออกไปโดยที่มิได้ชะลอความเร็วของตนเองมิหนำซ้ำยังคงเร่งความเร็วขึ้นไปอีก มีเพียงแค่ จางยวิ๋นเทียน เท่านั้นที่รั้งท้ายพวกเขาและชะลอความเร็วของตนเองลง ยิ่งไปกว่านั้นการเคลื่อนไหวของเขายังจับไม่เป็นจังหวะและกระสับกระส่าย ซึ่งมันอาจเห็นได้ชัดเจนว่านี่คือผลกระทบจากอาการบาดเจ็บที่เขาได้กล้าไปท้าทายอำนาจมืดอย่าง เย่ชีเหวิน

จางยวิ๋นเทียน ได้ยินเสียงฝีเท้ามาจากด้านหลังของเขาและรู้สึกว่ามันแปลก ๆ จึงได้หันกลับไปดูแต่ทว่าในทันทีที่ได้เห็นต้นต่อของเสียงฝีเท้านั่น เขาก็ถึงกับเกิดอาการตกใจขึ้นมาอย่างฉับพลัน “ นี่มันเป็นเจ้าอย่างนั้นรึ เย่ชีเหวิน! ”

ก่อนหน้านี้เขาได้เพ่งความสนใจไปที่ เย่ชีเหวิน หากแต่หลังจากที่ได้เริ่มต้นการแข่งขันความเร็ว เย่ชีเหวิน ก็ได้ถูกทิ้งท้ายเอาไว้เบื้องหลังยังสถานที่ที่ห่างไกล ด้วยเหตุนี้เองเขาจึงจำเป็นที่จะต้องสละหนี้แค้นส่วนตัวกับ เย่ชีเหวิน แล้วมีสมาธิการกับการแข่งขันความเร็วในครั้งนี้ หลังจากที่เขาเป็นถึงศิษย์หลักแถวหน้าของตระกูลจาง เขาจึงจำเป็นที่จะต้องรักษาภาพพจน์สถานะของตนเอาไว้ นอกจากนี้ เย่ชีเหวิน เองก็ยังเป็นถึงศิษย์แถวหน้าของสำนักยี่หยวน ฉะนั้นแล้วเขาจึงไม่ต้องการที่จะสร้างปัญหาต้องแต่เริ่มต้นการทดสอบ

แต่ทว่าเขานั้นคิดไม่ถึงเลยจริง ๆ ว่า เย่ชีเหวิน จะใช้ความเร็วของตนจนสามารถไล่ตามคนกลุ่มแรกได้ทัน

นี่มันเคล็ดวิชาประเภทความคล่องตัวใดกันถึงได้มีความรวดเร็วถึงเพียงนี้! จางยวิ๋นเทียน จับจ้องไปที่ เย่ชีเหวิน ที่กำลังใกล้เข้ามาอย่างรวดเร็วด้วยการเคลื่อนไหวที่เป็นจังหวะ เขานั้นรู้สึกที่ประหลาดใจเป็นอย่างมาก ในคราแรกเขาคิดว่าเคล็ดวิชาที่โดดเด่นที่สุดของ เย่ชีเหวิน สมควรที่จะเป็นเคล็ดวิชาใบมีดของมัน เพราะในมุมมองของเขาเคล็ดวิชาใบมีดของ เย่ชีเหวิน นั้นช่างงดงามและมีเอกลักษณ์ซึ่งมันอาจกล่าวได้ว่าเคล็ดวิชาใบมีดของ เย่ชีเหวิน นั้นคือดีที่สุดในบรรดาเหล่าศิษย์หลักน้องใหม่ที่พึ่งก้าวขึ้นมาเป็นศิษย์หลักของทั้งสองสำนัก

แต่สิ่งที่เขาไม่ได้คาดคิดเลยจริง ๆ คือแม้แต่เคล็ดวิชาความคล่องตัวของ เย่ชีเหวิน เองก็ยังมีความน่าหวั่นเกรงถึงเพียงนี้ ทั้งทีเคล็ดวิชาความคล่องตัวของเขาก็ยังเป็นถึง[ เคล็ดวิชาระดับขั้นกลาง ] ยิ่งไปกว่านั้นเขายังได้ฝึกฝนมันจนมาถึงใน[ ดินแดนที่ 4 สูงสุด ]แล้ว หากแต่ เย่ชีเหวิน ยังมิได้เป็นเลยแม้แต่ผู้เชี่ยวชาญ[ ระดับขั้นที่ 9 ดินแดนลมปราณก่อตั้ง ] แต่กลับมีความเร็วที่น่าอัศจรรย์

เขาในตอนนี้ได้ยอมรับความจริงแล้วว่าความเร็วของเขามันไม่อาจเทียบกับ เย่ชีเหวิน ได้ซึ่งไม่ได้เป็นเพียงแค่เคล็ดวิชาความคล่องตัวของ เย่ชีเหวิน ดีกว่าเขาเพียงเท่านั้น หากแต่ความเข้าใจในแก่นแท้ของเคล็ดวิชา เย่ชีเหวิน ก็ยังอยู่ในระดับที่เหนือล้ำกว่าตัวเขาเองด้วยเช่นกัน มิเช่นนั้นแล้ว เย่ชีเหวิน คงไม่สามารถบรรลุความรวดเร็วในระดับนี้ได้

ในขณะที่เขากำลังมึนงงต่อสิ่งที่เกิดขึ้น เย่ชีเหวิน ก็ได้ตีตื้นขึ้นมาจนอยู่เสมอเขา ก่อนที่ร่างกายของ เย่ชีเหวิน จะเพิ่มความเร็วขึ้นอีกครั้งจนตีเสมอคนกลุ่มแรก

ในตอนนี้เองเขาก็ได้เห็นกลุ่มคนเล็ก ๆ กลุ่มหนึ่ง ซึ่งได้นำหน้าคนกลุ่มแรกไปแล้วและอยู่ใกล้กับด้านบนของยอดเขามากที่สุด ด้วยสายตาของ เย่ชีเหวิน เขาเห็นเพียงไม่กี่คนเพียงเท่านั้น ซึ่งผู้ที่กำลังเป็นที่ 1 อยู่ในตอนนี้คือพี่ชายของเขา เย่ฟง

เย่ฟง ได้ใช้เคล็ดวิชาความคล่องตัวพิเศษจึงทำให้เขาได้อยู่ในอันดับที่ 1 และกลายเป็นผู้นำ ซึ่งผู้ที่กำลังไล่หลังเขามานั้นคือศิษย์แถวหน้าของตระกูลจาง จางจิ่งชิน จางหวู่ และศิษย์แถวหน้าของสำนักยี่หยวน จางหยาง และตบท้ายด้วยศิษย์แถวหน้าตระกูลจางอีกครั้ง จางเยว้เหลียน

จู่ ๆ เย่ฟง ก็ได้รีบเร่งความเร็วของเขาจนพุ่งทะยานขึ้นไปจนกลายเป็นคนแรกที่ได้ขึ้นมาถึงบนยอดเขา

4 ผู้อาวุโสต่างเฝ้ารออยู่บนยอดหุบเขาด้วยใบหน้าที่อยากรู้อยากเห็นว่ามันจะเป็นผู้ใดกันที่สามารถมาถึงบนยอดหุบเขาได้เป็นคนแรก แล้วกลายเป็นผู้ชนะในศึกการแข่งขันความเร็วนี้

และเมื่อเห็นว่าคนแรกที่ได้มาถึงคือ เย่ฟง ผู้อาวุโสอ้วนและผู้อาวุโสผอมต่างก็ปรากฏรอยยิ้มบนใบหน้า ซึ่งมันเห็นได้ชัดถึงความพึงพอใจ แต่สำหรับสองผู้อาวุโสของตระกูลจางนั้นพวกเขาได้ก้มหน้าลงเล็กน้อย

แต่หลังจากที่ เย่ฟง ได้ก้าวขึ้นมาเพียงก้าวเดียว จางจิ่งชิน ก็ได้ตามขึ้นมาติด ๆ และกลายเป็นผู้เข้ารอบคนที่ 2 ซึ่งตามหลังของ จางจิ่งชิน มานั้นแน่นอนว่าคือ จางหวู่ และผู้ที่มาเป็นอันดับที่ 4 ก็คือ จางหยาง

ศิษย์แถวหน้าอันเรื่องชื่อของสำนักยี่หยวน ซึ่งผู้ที่ได้ไล่หลังเขาอยู่ไม่ไกลมากนักนั้นก็คือ จางเยว้เหลียน เพียงแค่อึดใจเดียวเขาก็สามารถก้าวไปถึงบนยอดของหุบเขาได้แล้ว

แต่ทว่าทันใดนั้นเอง จู่ ๆ ก็มีร่างที่ประดุจดังสายฟ้าฟาดแซงหน้าของ จางเยว้เหลียน ขึ้นไปแล้วกลายเป็นผู้เข้ารอบคนที่ 5

          “ โอ้นี่มันเป็นเจ้าจริง ๆ หรือเนี่ย! ”

          “ น้องสามเจ้านี่ช่างยอดเยี่ยมจริง ๆ ”

……………………………

ในทันทีที่ เย่ชีเหวิน ได้ปรากฏตัว มันต่างได้ดึงดูดความสนใจต่อพวกเขาเป็นจำนวนมาก มันไม่ใช่เพราะพวกเขาไม่ทันสังเกตเห็น เย่ชีเหวิน หากแต่มันเป็นเพราะ เย่ชีเหวิน ได้เริ่มไล่ตามพวกเขามาจากจุดเริ่มต้น หลังจากที่เขาได้มอบความพ่ายแพ้อย่างน่าสังเวชให้กับ จางยวิ๋นเทียน พวกเขาก็ได้ตราหน้า เย่ชีเหวิน เอาไว้ว่าเป็นศัตรูตัวฉกาจ เมื่อการแข่งขันความเร็วได้เริ่มต้นขึ้น เย่ชีเหวิน ได้ถูกทิ้งท้ายเอาไว้เบื้องหลังสุด หากพวกเขาออกมาพร้อมกันแล้วละก็แน่นอนว่าตำแหน่งของเขาในตอนนี้ย่อมไม่ใช่ที่ 5 อย่างแน่นอน

โดยเฉพาะศิษย์จากตระกูลจาง พวกเขาทุกคนต่างมีใบหน้าที่บิดเบี้ยว พวกเขาต่างคิดกันไปว่าหาก เย่ชีเหวิน มิได้รั้งท้ายด้วยความเร็วที่น่าอัศจรรย์เช่นนี้ มันคงจะต้องได้ที่ 1 ไม่ก็ที่ 2 ไปแล้วเป็นแน่

แต่ถึงอย่างนั้นก็มิได้มีใครใส่ใจกับเรื่องเหล่านี้นานเกินไป เพราะการแข่งขันที่แท้จริงของพวกเขามันมิใช่การแข่งขันความเร็วที่นี่ แต่มันคือการแข่งขันเอาชีวิตรอดภายในดินแดนโลหิตหยวน ซึ่งที่นั้นจะเป็นการต่อสู้ที่แท้จริงของพวกเขา พวกเขาทุกคนต่างนั่งลงและทำสมาธิเพื่อฟื้นคืนพลังปราณของตนที่ได้สูญเสียไปในการแข่งขันครั้งนี้

#########################################################
เอาละในช่วงท้ายก็มาพบกับเราเหล่าพี่น้อง 4B หัวดอที่จะมาเผานิยายเรื่องนี้ไปพร้อมกลับคุณ

B2 : ทำไมมองหน้ามีความต้องการหรือยังไงห่ะ ไอ้เทียน พี่เหวิน มิได้กล่าว

B1 : 555555 ดีนะที่ยังเจียมกะลาหัวที่ไม่กล้าท้าทายอำนาจมืดของ เย่ชีเหวิน ในขณะที่กำลังแข่งขันความเร็วอยู่….ไม่เช่นนั้นล่ะ{ ม. } คงได้ฆ่าหมกหมอกเมฆแน่ 555555

B2 : ถ้าพี่เหวินเอาจริงมันคงตายตั้งแต่ยังมิทันได้ตั้งตัวอะ 555555

B1 : 5555555 จริง ๆ พี่เหวินน่าจะตอบกลับไปนะ เอาแผลปากหายดีแล้วเช่นนั้นหรอถึงได้กล้าเปิดปากถามออกมาแบบนี้ 555555

B2 : 5555555555555ต

B1 : เออใช่จะว่าไปแล้ว ไอ้สาม มาเลยข้าจะกระทืบหน้าเองสักทีตามสัญญาที่เองได้กล่าวเอาไว้

B3 : เดี้ยว ๆ ไอ้{ ส. }เดี้ยว{ ม. }ใจเย็น อันนี้เขานับเป็นทีม ไอ้เหวิน มันเข้าเป็นคนที่ 5 ซึ่งมันนับ 5 อันดับแรกสำนักไหนเข้ารอบเยอะกว่าฝ่ายนั้นก็ชนะ เนื่องจากว่าสำนักยี่หยวนมันเข้ารอบ 3 คนมันก็เท่ากับ ชนะ นี่จริงไหม นอกจากนี้ในบทที่แล้ว{ ก. } ก็ไม่ได้บอกนี่ว่า ไอ้เหวิน มันจะต้องได้ที่ 1 { ก. }แค่บอกว่ามันจะต้องชนะ…ก็เท่านั้นเอง

B1 : หื๊ย!!!!!! หัวหมอนักนะ{ ม. }

B3 : หือ!!!!!! แน่นอน

B2 : ว่าแต่ เย่หรูไปไหนใยถึงไม่เห็นนาง นั้นสิอย่าบอกนะว่ารั้งท้าย

B3 : แลดูคงจะเป็นเช่นนั้น

B2 :โอ้วไม่น่ะ เย่หรู ข้ารักนางข้าขออวยนางให้เป็นนางเอกได้ไหม เหมือนนางจะมีบทเยอะกว่า ฮวาเหมิงฮัน

B1 : เดี้ยว ๆ ไอ้สอง พระนางต้องเป็น ฮวาเหมิงฮัน เท่านั้นจะเป็นนางอื่นไปไม่ได้!!!!!!!!!!!!!!

B2 : แต่เย่หรู มีบทเยอะกว่า!!!!!!!!

B1 : แต่{ ก. }ต้องการ ฮวาเหมิงฮัน !!!!!!!!!!!!!!

B3 : เอาเลยตีกันให้ตายพวก{ ม. }น๊าน ๆ { ก. } จะได้เห็นพวก{ ม. } ทะเลาะกันเองสักที่ 555555555555

B1,B2 : ขำ{ ค. }ไร

B3 : ป่าวคับ…….( ยกสองมือเหนือหัว )

#########################################################
เอาล่ะก็ขอจบสาระเร้าใจ BY: นายกระทิข้น ไว้เท่านี้ก่อนนะครับขอบคุณครับสำหรับผู้อ่านทุกท่าน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม