บทที่ 58 - ปราบปรามผู้เชี่ยวชาญ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด

เช่นเดี่ยวกันกับศิษย์จากสำนักยี่หยวน ตระกูลจางเองหลังจากจบการแข่งขันครั้งนี้แล้วพวกเขาจะถูกส่งเสริมให้เข้าไปยัง[ วิหารเทียนฟง ] ซึ่งภายใน[ วิหารเทียนฟง ]ตระกูลจางก็ยังถือได้ว่าเป็นตระกูลชนชั้นสูง ทุก ๆ ปีตระกูลจางจะส่งเหล่าศิษย์จำนวนมากเข้าไปยังภายใน[ วิหารเทียนฟง ]
เช่นเดียวกันกับสถานที่อื่น ๆ [ วิหารเทียนฟง ]เองก็ได้มีการจัดการประลองยุทธ์ภายในเช่นเดียวกัน กองกำลังน้อยใหญ่ต่างประลองเพื่อแลกเปลี่ยนฝีมือและ จางจิ่งชิน เป็นผู้นำกลุ่มของเหล่าศิษย์ตระกูลจางภายในปีนี้อีกทั้งในภายภาคหน้าเขาจะเป็นผู้นำของศิษย์ตระกูลจางทุกคน เพียงแต่ในตอนนี้ เย่ชีเหวิน ได้ฆ่าบุคลากรคนสำคัญในทีมของเขาไปแล้วกว่าถึง 3 คน มีหรือที่เขาจะมิรู้สึกโกรธ

เมื่อเห็น เย่ชีเหวิน กำลังใจของเหล่าศิษย์จากสำนักยี่หยวนต่างก็กลับมาอย่างฉับพลัน

          “ ฆ่าไอ้ลูกสุนัขพวกนี้! ”

          “ ฆ่ามัน! ”

เมื่อขวัญกำลังใจของพวกเขากลับมา ศิษย์จากสำนักยี่หยวนก็ได้กรูกันเข้าไปในทันที

          “ ในเมื่อพวกมันอยากที่จะตายนัก! ” ชายหนุ่มแซ่หลิวกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น “ พวกเจ้าจงไปฆ่าพวกมันให้ข้า! ”

เหล่าศิษย์ตระกูลจางต่างตอบรับคำและพุ่งเข้าใส่ศิษย์จากสำนักยี่หยวน

          “ ตึม! ” ทั้งสองฝ่ายต่างปะทะกันอย่างรุนแรง ราวกับคลื่นมหาสมุทรลูกใหญ่กระทบเข้ากับชายฝั่งและจากการปะทะกันที่รุนแรงนี้ทำให้ศิษย์บางคนถึงแก่ความตายในทันที

ดวงตาของพวกเขาทั้งสองฝ่ายต่างแดงกล่ำและเต็มไปด้วยเจตนาฆ่า

          “ ไอ้เด็กเวร…วันนี้เจ้าต้องตาย! ” จางจิ่งชิน คำรามและพุ่งไปยัง เย่ชีเหวิน

ชายหนุ่มแซ่หลิ่วไม่ได้ให้ความสนใจต่อการต่อสู้ที่เกิดขึ้นเลยแม้แต่น้อย ดวงตาของมันได้จับจ้องไปที่[ ผลไม้เลือดหยวน ]เพียงอย่างเดียวและพยายามพุ่งทะยานขึ้นไปเพื่อหมายที่จะคว้ามัน

แต่มีหรือที่ เย่ชีเหวิน จะยอมให้มันทำสำเร็จ เขาได้พุ่งทะยานตัวออกไปในทันทีเพื่อหมายจะไล่ตาม แต่ทว่าในเวลานั้น จางจิ่งชิน ก็ได้มาปรากฏตรงหน้าของเขาแล้วพลางคว้ากระบี่หมายจะทิ่มแทงทะลุร่างของเขา

          “ หลีกไปอย่ามาขวางทางข้า! ” เย่ชีเหวิน ตะโกนพร้อมใบมีดประกายแสงตัดเป็นแนวขวางออกไป[ พลังปราณใบมีด ]ขนาดใหญ่ ได้กวาดผ่านไปทาง จางจิ่งชิน

          “ ปัง! ” [ พลังปราณกระบี่ ] ของ จางจิ่งชิน ไม่มีพลังอำนาจมากพอที่จะสร้างได้เลยแม้แต่รอยขีดข่วนบนร่างกายของ เย่ชีเหวิน เช่นเดียวกับ เย่ฟง ที่หมดทางสู้ในด้านหน้าของชายหนุ่มแซ่หลิว แน่นอนว่าเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของ เย่ชีเหวิน ที่ได้หลอมรวม[ พลังปราณก่อเกิด ] ภายในร่างกายแล้วกว่า 10%

ความต่างชั้นระหว่าง[ พลังปราณก่อเกิด ]และ[ พลังปราณก่อตั้ง ] นั้นมีมากเกินไป แม้ว่า[ พลังปราณก่อเกิด ]จะมีอยู่เพียงน้อยนิดแต่นั่นก็เพียงพอที่จะเอาชนะ[ พลังปราณก่อตั้ง ]ที่มีอยู่จำนวนมากได้

นอกจากนี้ เย่ชีเหวิน ยังมีความแข็งแกร่งกว่า จางจิ่งชิน อยู่มากในทันทีที่[ พลังปราณใบมีด ]ได้หักเหทิศทางกระบี่ของ จางจิ่งชิน และเขาก็ได้กระอักโลหิตออกมา 1 คำก่อนที่ร่างของเขาจะปลิวกระเด็นไกลออกไปราวกับว่าวที่ขาดสะบั่นและล่วงหล่นลงมากระแทกพื้นเข้าอย่างแรง

เย่ชีเหวิน ไม่แม้แต่จะเหลียวแล จางจิ่งชิน และรีบมุ่งหน้าไปยังทิศทางชายหนุ่มแซ่หลิว

          “ นี่เจ้ากล้าที่จะหยุดข้า! ” ชายหนุ่มแซ่หลิว กล่าวด้วยน้ำเสียงที่หงุดหงิด

ชูบ ~

ชายหนุ่มแซ่หลิว หันหลังกลับอย่างฉับพลันเพียงพริบตาเขาก็ได้ฟาดฟันใบมีดประกายแสงออกไปทาง เย่ชีเหวิน

ทันทีที่ เย่ชีเหวิน ได้เห็นใบมีดกำลังพุ่งตรงมา โดยสัญชาตญาณของเขาก็ได้ฟัน[ พลังปราณใบมีด ]ออกไปในทันที

          “ ปัง! ” สองพลังอำนาจ[ ใบมีดลมปราณ ]อันแข็งแกร่ง ต่างเข้าปะทะกันกลางอากาศจนก่อให้เกิดคลื่นระเบิดขนาดใหญ่แพร่กระจายออกไปเป็นวงกว้าง

          “ นี่มันหมายความยังไง ? ” ทันทีที่ชายหนุ่มแซ่หลิวเห็น[ ใบมีดลมปราณ ]ของ เย่ชีเหวิน ก็กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่ประหลาดใจในทันที “ ไม่…นี่เป็นไปไม่ได้ เจ้ามี[ พลังปราณก่อเกิด ]ได้ยังไง ? ”

ตัวเขานั้นเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญ[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด ] ฉะนั้นแล้วการรับรู้ถึง[ พลังปราณก่อเกิด ]นั้นย่อมมิใช่เรื่องยาก ยิ่งไปกว่านั้นเขายังสามารถรับรู้ได้อย่างชัดเจนว่า เย่ชีเหวิน เป็นที่มั่นเหมาะว่ายังไม่ชำนาญในการใช้[ พลังปราณก่อเกิด ] แต่ถึงอย่างนั้นเขากับมี[ พลังปราณก่อเกิด ]จำนวนมากอยู่ภายในร่างการ ซึ่งมันสามารถเทียบเท่าได้กับผู้เชียวชาญ[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด ]

          “ เป็นไปไม่ได้อย่างนั้นหรือ ? ” เย่ชีเหวิน กล่าวเย้ยหยัน หลังจากที่ได้ประมือกันก่อนหน้านี้ มันทำให้เขาได้รับรู้ว่าชายหนุ่มแซ่หลิวผู้นี้คือผู้เชี่ยวชาญ[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด ] ไม่ผิดแน่ หากแต่ยังคงเป็นด้อยกว่าเมื่อเทียบกับ ลู่เทียน และที่สำคัญหลังจากที่ได้ตรวจสอบ[ พลังปราณ ] เย่ชีเหวิน ได้ค้นพบว่าชายหนุ่มแซ่หลิวผู้นี้พึ่งก้าวขึ้นมาเป็นผู้เชี่ยวชาญ[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด ] ขั้นแรกเพียงเท่านั้น อีกทั้งยังมี[ พลังปราณก่อเกิด ]ภายในร่างไม่ถึง 10%

และนี่ก็คือข้อได้เปรียบที่ใหญ่ที่สุดของ เย่ชีเหวิน

          “ เจ้าควรที่จะเป็นห่วงตัวเองเสียยังจะดีกว่า เจ้ากล้าทำร้ายพี่ชายข้าอีกทั้งยังสั่งการให้ฆ่าทุกคนที่เป็นศิษย์ของสำนักยี่หยวนของข้า สำหรับการกระทำอันต่ำช้าของเจ้าอย่าได้แม้แต่จะคิดที่จะมีชีวิตรอดกลับไป! ” เย่ชีเหวิน แผดเสียงและเริ่มทำการโจมตีอีกครั้ง

เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มแซ่หลิวที่เก่งกาจถึงปานนั้น ถูกปราบปรามโดย เย่ชีเหวิน ขวัญกำลังใจศิษย์ของสำนักยี่หยวนก็ได้กลับมาอีกครั้งอย่างฉับพลัน แต่เริ่มเดิมทีพวกเขามิได้มีความรู้สึกเกรงกลัวต่อพวกตระกูลจางเลยแม้แต่น้อย แต่พวกเขานั้นรู้สึกหวาดกลัวต่อชายหนุ่มลึกลับแซ่หลิวผู้นั้น เพราะแม้แต่ เย่ฟง ศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดภายในสำนักยี่หยวนก็ยังไม่สามารถเอาชนะเขาได้และพบกับความพ่ายแพ้อย่างง่ายดาย มันจึงทำให้พวกเขารู้สึกว่าราวเหมือนกับว่าชีวิตตนได้ถูกแขวนอยู่บนเส้นด้าย แต่ทว่าในตอนนี้แม้ว่าพวกเขาจะไม่ทราบว่าเหตุใด เย่ชีเหวิน ถึงสามารถต่อกรกับผู้เชี่ยวชาญ[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด ] ได้ แต่ถึงอย่างนั้นมันก็มิใช่สิ่งสำคัญอันใดเพราะการที่ เย่ชีเหวิน สามารถปราบปราม ชายหนุ่มลึกลับแซ่หลิว นั่นได้นั่นก็เท่ากับว่าเป็นข่าวดีสำหรับของพวกเขา

ซึ่งศิษย์จากสำนักยี่หยวนต่างรู้ดีว่าการต่อสู้ในครั้งนี้นั้น ได้เดิมพันด้วยความเป็นความตายของพวกเขาและมันไม่อาจประนีประนอมซึ่งกันและกันได้ ฉับพลันพวกเขาได้พุ่งทะยานออกไปเพื่อเข้าสู่สนามรบและเข้าปะทะกับพวกตระกูลจาง

ฉับพลันชายหนุ่มแซ่หลิวได้พุ่งกระโจนตัวออกไปจากตำแหน่งเดิม เพื่อหลบการโจมตีของ เย่ชีเหวิน หลังจากที่เคล็ดวิชาใบมีดของ เย่ชีเหวิน นั้นได้มาถึงในระดับสูงสุดแล้วและความเร็วของมันยังอาจกล่าวได้ว่าเร็วมาก เพียงแค่พริบตามันก็ได้มาถึงยังเบื้องหน้าของ ชายหนุ่มแซ่หลิว

ชายหนุ่มแซ่หลิวผู้นี้มักภาคภูมิใจอยู่เสมอที่เขาเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญ[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด ] หากแต่ในเวลานี้เขากับถูกปราบปรามโดยผู้เชี่ยวชาญที่เป็นเพียงแค่[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อตั้ง ]

เขาได้ถูกปราบปรามอย่างสมบูรณ์ด้วยน้ำมือของ เย่ชีเหวิน พลังอำนาจของพวกเขาทั้งสองฝ่ายต่างอยู่ในระดับขั้น[ มังกร ] เหมือนกัน หากแต่ภายในร่างกายของ เย่ชีเหวิน นั้นมี[ พลังปราณก่อเกิด ] อยู่แล้วกว่า 10% ซึ่งมันไม่ใช่สิ่งที่ชายหนุ่มแซ่หลิวจะสามารถเทียบได้

ชายหนุ่มแซ่หลิวผู้นี้ถูกยอมรับว่าเป็นอัจฉริยะภายใน[ วิหารเทียนฟง ] แต่ทว่าในวันนี้เขาได้ถูกปราบปรามโดยผู้เชี่ยวชาญจาก[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อตั้ง ] มีหรือที่เขาจะสามารถยอมรับเรื่องบ้า ๆ เช่นนี้ได้! ทันใดนั้นเขาก็ได้ตะโกนออกมา “ มีดเปลวเพลิง ! ”

ฉับพลันพลังปราณได้เข้าห่อหุ้มไปทั่วใบมีดและเริ้มต้นเผาผลาญจนกลายเป็นเปลวเพลิง ซึ่งหากมองจากระยะไกลแล้วมันก็คือมีดยาวที่ถูกปกคลุมไปด้วยเปลวเพลิงดีดีนั่นเอง

ในฝ่ามือของชายหนุ่มแซ่หลิวได้ถือมีดยาวเปลวเพลิง เปลวเพลิงที่รุนแรงได้เผาผลาญชั้นบรรยากาศโดยรอบและคลื่นเปลวเพลิงขนาดใหญ่ได้ถูกฟันออกไปพุ่งตรงใส่ เย่ชีเหวิน อุณหภูมิความร้อนที่ถูกส่งออกมาจาก[ ใบมีดเปลวเพลิง ]นั้นช่างเป็นคลื่นความร้อนที่น่าอัศจรรย์

คลื่นความร้อนสูงจนน่าอัศจรรย์นี้ได้พุ่งเข้าใส่ เย่ชีเหวิน อย่างฉับพลัน

เย่ชีเหวิน ยิ้มเยาะเย้ยและหรี่ตาของเขาพลางสับ[ พลังปราณใบมีด ]ออกไปปะทะเข้ากลับคลื่นความร้อนจากใบมีดของ ชายหนุ่มแซ่หลิว โดยตรง

พลังอำนาจอันน่าหวั่นเกรงได้ถูกปล่อยออกไปพร้อมกับ[ พลังปราณใบมีด ] แรงดันกลิ่นอายอันน่าทึ่งจาก[ พลังปราณใบมีด ]ของเขาได้หยุดลงในทันทีที่ได้เข้าปะทะกับคลื่นเปลวเพลง

          “ ปัง ! ”

          “ ปัง ! ”

          “ ปัง ! ”
         
2 คลื่น[ พลังปราณก่อเกิด ]อันน่าหวาดกลัว ต่างเข้าปะทะกันอย่างรุนแรงจนก่อให้เกิดการระเบิดขึ้นโดยรอบ
         
ระหว่างการเผชิญหน้ากันของพวกเขาทั้งสองคน ชายหนุ่มแซ่หลิวได้ถูกปราบปรามโดย เย่ชีเหวิน อย่างสมบูรณ์
         
ใบมีดของ เย่ชีเหวิน ถูกสับออกไปอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังปล่อยคลื่นพลัง 9 ใบมีดปกคลุมทั่วท้องฟ้า ใบมีดนับไม่ถ้วนได้พุ่งตรงเข้าห้อมล้อมชายหนุ่มแซ่หลิวในทันที

          “ ไม่มีทางพ่ายแพ้ให้แก่เจ้า ข้าเป็นถึงเชี่ยวชาญ[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด ] ข้าจะพ่ายแพ้ให้แก่เจ้าได้เช่นไร! ” ชายหนุ่มแซ่หลิวกล่าวออกมาด้วยเสียงที่สั่นเทา เขาไม่เข้าใจและไม่อาจยอมรับได้ที่จะต้องมาพ่ายแพ้ให้กับ เย่ชีเหวิน

          “ ตึม! ” ชายหนุ่มแซ่หลิวหมดเส้นทางหลบหนี เขาในตอนนี้ไม่มีความสามารถพอที่จะหลบใบมีดของ เย่ชีเหวิน ได้และทำได้เพียงแค่รอใบมีดของ เย่ชีเหวิน พุ่งตรงมาเพียงเท่านั้น
         
พลังอำนาจที่น่าหวาดกลัวของ เคล็ดวิชา[ ตัดจันทร์หาย ] นั้นได้ทวีคูณเพิ่มมากขึ้นจนถึงในระดับที่ไม่อาจจิตนาการ ซึ่งทำให้ชายหนุ่มลึกลับแซ่หลิวในตอนนี้เปรียบเสมือนกับเหยื่อที่อยู่ในถ้ำของสิงโตที่ทำได้เพียงแค่รอวันที่ให้สิงโตมันขย้ำเพียงเท่านั้น
         
เย่ชีเหวิน ไม่มากพิธีรีตองใด ๆ และสับใบมีดสุดท้ายไปที่ชายหนุ่มแซ่หลิว
         
#########################################################
         
เอาละในช่วงท้ายก็มาพบกับเราเหล่าพี่น้อง 4B หัวดอที่จะมาเผานิยายเรื่องนี้ไปพร้อมกลับคุณ
         
B1 : ตายซะเถอะไอ้หลิว

B2 : จังหวะนี้ยังไงก็ไม่รอด

B3 : นี่ขนาดตัวร้ายเป็นผู้เชี่ยวชาญดินแดนลมปราณก่อเกิด แม้งยังตายอีกหรอ

B4 : ไม่มีคำว่าให้ลุ้นพอเพียงแค่เจอหน้าทำตัวเป็นศัตรู ชีวิตแม้งก็ดับล่ะ

B3 : โธ่เอ้ยแม้งมาอย่างกะมังกร { ก. }ก็นึกว่าจะเก่งพอให้มีลุ้นบ้างแต่ที่ไหนได้แม้งก็ตาย

B1 : เอาน่าอย่างน้อยมันก็ไม่โดนดาบเดียวตาย

B3 : { ม. }ไม่ต้องมาปลอบ{ ก. } ถ้าเกิดแม้งโดนดาบเดี่ยวตายนะ{ ก. }จะลาออกจากทีมนี้จริง ๆ พระเอกแม้งเก่งไป

B4 : เอาน่ายังไม่ตัวร้ายมันก็ต้องตายอยู่แล้วอย่าไปคิดมากเลย บทหน้ายังมี

B2 : ใช่แล้ว B3 บทหน้ายังมี

B3 : T^T…..

#########################################################
เอาล่ะก็ขอจบสาระเร้าใจ BY: นายกระทิข้น ไว้เท่านี้ก่อนนะครับขอบคุณครับสำหรับผู้อ่านทุกท่าน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม