บทที่ 60 - การแข่งขันสิ้ยสุด

          “ ข้าไม่สนใจว่ามันจะเป็นใคร! ” เย่ชีเหวิน กล่าวด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน “ มันตั้งใจที่จะแทรกแซงการแข่งขันในครั้งนี้และนี่คือสิ่งที่มันสมควรได้รับ! ”

          “ เจ้า…เจ้า…เจ้า…เจ้ากล้าฆ่าเขา! ” จางจิ่งชิน กล่าวอยู่เช่นนั้นครั้งแล้วครั้งเล่า

          “ ใช่ข้าฆ่ามัน เจ้ามีปัญหาอะไรเช่นนั้นหรือ? ” ในขณะที่ เย่ชีเหวิน กำลังรักษาอาการบาดเจ็บภายในร่างกายอยู่นั้นเขาก็ได้กล่าวออกไป “ ไอ้เจ้าคนโง่เง่า ที่มันได้แอบเข้ามายังภายใน[ ดินแดนโลหิตหยวน ] โดยคิดว่าตนนั้นไร้เทียมทานและไม่มีใครที่จักสามารถต่อกรกับมันได้เช่นนั้นหรือ ? ”

แม้ว่าที่นี่จะเป็นเพียงแค่สำนักย่อยยี่หยวน แต่มันไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาจะสามารถดูถูกได้ ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา[สำนักย่อยยี่หยวนหุบเขาฉิงฟง]ได้ส่งเหล่าศิษย์จำนวนมากเข้าสู่สำนักหลัก ซึ่งภายในเวลานี้พวกเขาเหล่านั้นต่างมีตำแหน่งที่สูงขึ้นซึ่งหากเทียบกันแล้วสถานะของพวกเขามิได้ด้อยไปกว่าพวกตระกูลจางเลยแม้แต่น้อย มิเช่นนั้น[ ผลไม้โลหิตหยวน ]ที่ผู้เชี่ยวชาญ[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด ]คนไหนเห็นแล้วต่างก็ต้องน้ำลายไหลคงไม่อยู่ในการครอบครองของพวกเขาทั้งสองฝ่าย

          “ ฆ่าพวกมันให้หมด อย่าให้ไอ้พวกคดโกงเหล่านี้มีชีวิตรอดออกไปได้! ” เย่ฟง ตะโกนกล่าวเสียงดัง และขวัญกำลังใจศิษย์ของสำนักยี่หยวนก็ได้หวนคืนกลับมาอีกครั้ง ในขณะนี้ หลิวจื้อ ได้ถูกสังหารลงแล้วด้วยน้ำมือ เย่ชีเหวิน พวกเขาไม่มีความกังวลใจใด ๆ อีกต่อไป แต่ในขณะเดียวกันทางฝั่งของตระกูลจาง ขวัญกำลังใจของพวกมันนั้นก็ได้พลันสลายหายไปเพียงพริบตาราวเหมือนกับว่าพวกมันได้สูญเสียจิตวิญญาณในการต่อสู้ตนไปเรียบร้อยแล้ว

          “ เจ้ากล้าดียังไง! ตระกูลจางของพวกข้าจะไม่ยอมปล่อยพวกเจ้าออกไปแน่! ” จางจิ่งชิน แผดเสียงคำราม

          “ ไม่ยอมปล่อยพวกข้าอย่างนั้นหรือ? เหอะไร้สาระมันเป็นตระกูลจางของพวกเจ้ามิใช่หรืออย่างไรที่ได้วางแผนจะครอบครอง[ ผลไม้โลหิตหยวน ]ทั้งหมดเอาไว้แต่เพียงผู้เดียว อีกทั้งยังร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญ[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด ] ภายนอกและยังนำเข้ามายังภายใน[ ดินแดนโลหิตหยวน ]แห่งนี้ คนที่ไม่สมควรปล่อยให้มีชีวิตรอดกลับออกไปน่ะมันไม่ใช่พวกข้าแต่มันสมควรที่จะเป็นพวกเจ้า! ” เย่ฟง กล่าวด้วยเสียงเย้ยหยัน ในเวลานี้ตระกูลจางได้ข้ามเส้นของพวกมันโดยการร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญภายนอก อีกทั้งยังว่างแผนที่จะฆ่าศิษย์จากสำนักยี่หยวนทั้งหมดและโยนความผิดให้กับพวกสัตว์ปีศาจ และถ้าหากแผนการของพวกมันประสบความสำเร็จ นั่นก็เท่ากับว่าชีวิตของพวกเขานั้นตายเปล่า

อะไรคือสิ่งที่ได้รับการปลูกฝัง? เพื่อแสดงให้เห็นความเป็นปรปักษ์และศัตรูกันมาอย่างยาวนานถึงกับต้องยอมโยนใบหน้าของตนเองทิ้งเพื่อกำจัดอีกฝ่าย ซึ่งมันได้แสดงให้เห็นถึงความเกลียดชังที่ฝังลึกอยู่ภายในจิตใจของพวกเขา

และไม่จำเป็นต้องพูดถึงสำนักยี่หยวน เพราะความเกลียดชังของพวกเขาก็ไม่ได้ต่างอะไรไปกว่าตระกูลจางมากนัก!

          “ ใช่แล้ว ฆ่าไอ้พวกเปรตนี่ให้หมด! ”

          “ ฆ่าพวกมันให้หมดอย่าให้พวกมันรอดกลับออกไปได้แม้แต่คนเดียว! ”

เหล่าศิษย์จากสำนักยี่หยวนต่างแผดเสียงคำรามอย่างต่อเนื่อง พวกเขาทั้งหมดเกือบจะต้องเดินทางสู่ขุมนรกแล้วหากไม่ได้ เย่ชีเหวิน ช่วยจัดการ หลิวจื้อ ให้คาดว่าพวกเขาในตอนนี้สักส่วนใหญ่คงจะต้องตกตายกันไปหมดแล้วด้วยน้ำมือของศิษย์ตระกูลจาง

          “ ฆ่าไอ้พวกเวรนี่ให้หมด เพื่อแก้แค้นให้กับพี่น้องเราที่ต้องบาดเจ็บล้มตายไปเพราะพวกมัน! ”

          “ เหอะก่อนหน้านี้พวกเราศิษย์จากสำนักยี่หยวนเกือบจะต้องตายเพราะไอ้พวกเวรพวกนี้ ที่นี่ละได้เวลาที่พวกเจ้าจะต้องชดใช้ให้กับพวกข้าบ้างแล้ว! ”

          “ ศิษย์ตระกูลจางแยกย้าย! ” จางเยว้เหลียน รีบตะโกนกล่าวอย่างรวดเร็ว

          “ ฆ่า! ”

          “ ฆ่า! ”

          “ ฆ่า! ”

…………………….

ศิษย์ตระกูลจางได้ถูกกำจัดออกไปจนหมด

ไม่มีใครเคยคาดคิดเลยผลลัพธ์มันจะออกมาเป็นเช่นนี้

          “ ข้าไม่คิดเลยมันจะกลายเป็นเช่นนี้! ” จางหยาง กล่าวด้วยความรู้สึกของอารมณ์ภายใต้น้ำเสียงของเขา

          “ ไม่จำเป็นต้องกังวลนี่เป็นการแข่งขันที่เดิมพันธุ์ด้วยชีวิตการบาดเจ็บล้มตายไม่อาจหลีกเลี่ยง นอกจากนี้พวกมันยังกล้าที่จะโกงพวกเราโดยการแอบลักลอบเอาผู้เชี่ยวชาญ[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อตั้ง ] เข้ามายังภายในดินแดนแห่งนี้! ” เย่ฟง กล่าว

          “ แต่ถ้าพวกตระกูลจางรับรู้ถึงเรื่องนี้เข้าข้าเกรงว่าพวกมันจะมิยอมปล่อยพวกเราไปเป็นแน่! ” จางหยางกล่าว

          “ เจ้ากลัวพวกตระกูลจาง? เหอะอย่าได้ดูถูกสำนักยี่หยวน พวกเราไม่มีความจำเป็นอันใดที่จะต้องหวาดกลัวพวกมัน! ” เย่ฟง กล่าวด้วยรอยยิ้ม
          “ แต่อย่างไรก็ตาม ตำแหน่งศิษย์แถวหน้าที่แข็งแกร่งที่สุดข้าเกรงว่ามันจะมิใช่ของเจ้าอีกต่อไปแล้ว แต่เป็นศิษย์น้องใหม่ที่เพิ่มก้าวขึ้นมาเป็นศิษย์หลักและยังเป็นน้องชายของเจ้า! ” จางหยาง มองไปที่ เย่ฟง พลางกล่าวด้วยรอยยิ้มกว้าง เย่ฟง นั้นเคยเป็นถึงอัจฉริยะที่มีชื่อเสียงอายุน้อยมากที่สุด แม้ว่าเขาจะติดอยู่ใน[ ระดับจุดสูงสุดขั้นที่ 8 ดินแดนลมปราณก่อตั้ง ] มานานนับหลายปีแต่ก็ไม่เคยมีใครที่มีความสามารถมากพอที่จะท้าชิงตำแหน่งอัจฉริยะแถวหน้าไปจากเขาและเมื่อเข้าสามารถทลายผ่านกำแพงไปสู่ระดับขั้นต่อไปได้ เขาก็ได้ก้าวขึ้นมาเป็น[ ระดับครึ่งขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด ] ซึ่งจะกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญ[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด ] เต็มตัวเมื่อไหร่นั้นก็ขึ้นอยู่กับเวลา

          “ แน่นอนเขามั่นเหมาะที่จะเป็นน้องชายของข้า! ” เย่ฟง หัวเราะพลางกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ “ อีกไม่นานหลังจากนี้พวกเราจะร่วมตัวกันและมุ่งหน้าเข้าสู่สำนัก[หลัก] ซึ่งที่นั่นจะมีทั้งบุคคลชนชั้นสูงและเหล่าสุดยอดอัจฉริยะจำนวนนับไม่ถ้วนจากทั่วทั้งจักรวรรดิมาร่วมตัวกัน และพวกเราจะจัดการอัดไอ้พวกเหล่าอัจฉริยะที่ชั่วช้าเหล่านั้น ฮ่า ๆ ๆ ที่นั้นจะกลายเป็นเวทีของพวกเรา! ”

          “ แต่ข้ารู้สึกสังหรณ์ว่าหลังจากที่น้องชายของเจ้าเข้าสู่สำนักหลักแล้ว เขาจะพลิกฟ้าพลิกแผ่นดินและทำลายสามัญสำนึกของทุกคนที่อยู่ที่นั่น! ” จางหยาง ว่ากล่าว “ เขามันร้ายกาจมากเกินไป ก่อนหน้าน้าได้ยินมาว่าเขาไม่ได้แข็งแกร่งถึงเพียงนี้ในการประลองแข่งขันศิษย์ฝ่ายใน แม้ว่าเขาจะมีความแข็งแกร่งที่เหลือล้นแล้วกลายเป็นผู้ชนะเลิศในการประลอง แต่ข้าคิดไม่ถึงเลยจริง ๆ ว่าเขาจะสามารถมอบความพ่ายแพ้ให้กับผู้เชี่ยวชาญ{ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด } ได้ ”

          “ ฮ่า ๆ ๆ ก็เขาคือน้องชายของข้า! ” เย่ฟง กล่าวพลางหัวเราะอย่างมีความสุข

แต่ทว่า เย่ชีเหวิน นั้นมิได้หัวเราะเช่นเดียวกับ เย่ฟง หลังจากที่เขาได้ครุ่นคิดเกี่ยวกับการต่อสู้ในครั้งนี้กับ หลิวจื้อ มันได้ให้ข้อคิดอะไรมากมายกับเขาซึ่งมันมิได้เหมือนกับตอนที่เขาสังหาร ลู่เทียน เพราะในช่วงเวลานั้น เย่ชีเหวิน ทราบดีอยู่แล้วว่า ลู่เทียน ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการโจมตีของ ฮวาเหมิงฮัน มันจึงกลายเป็นเรื่องง่ายที่เขาสามารถสังหาร ลู่เทียน ได้อย่างง่ายดาย

แต่ทว่าในครั้งนี้มันไม่เหมือนกัน ซึ่งมันอาจกล่าวได้ว่านี่เป็นการต่อสู้ที่แท้จริงของ เย่ชีเหวิน ที่ได้ประมือกับผู้เชี่ยวชาญ[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด ]

แม้ว่า หลิวจื้อ จะเพิ่งก้าวขึ้นมาเป็นผู้เชี่ยวชาญ[ ระดับแรกขั้นลมปราณก่อเกิด ] แต่มันก็ยังถือได้ว่าเป็นการดำรงอยู่ที่น่าหวาดกลัวสำหรับผู้เชี่ยวชาญ[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อตั้ง ]

ระหว่าง[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด และ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อตั้ง ] นั้นถือได้ว่ามีความแตกต่างกันอยู่มากในวิธีการต่อสู้ ซึ่งในทันทีที่เขาได้ออกไปจากสถานที่แห่งนี้ เย่ชีเหวิน ต้องการที่จะรีบฝึกฝนตนเองให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้เพื่อพร้อมรับมือกับผู้เชี่ยวชาญ[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด ]หลังจากที่ได้ทำการดูดซับเสร็จสิ้น เขามีความเชื่อมั่นว่า[ พลังปราณก่อเกิด ]ภายในร่างกายของเขาจะถูกเปลี่ยนไปถึง 20% ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้นเขามีความเชื่อมั่นว่าสามารถจัดการกับผู้เชี่ยวชาญ[ ระดับขั้นแรกดินแดนลมปราณก่อเกิด ]ได้อย่างง่ายดาย

ในเวลานี้ เย่ชีเหวิน ได้ถูกผลักดันให้ก้าวเข้าสู้เส้นทางแห่งการต่อสู้และการบ่มเพาะพลังอย่างเต็มตัว หลังจากที่เขาได้ก้าวเท้าเข้าไปยังภายในสำนักหลัก เขาจะต้องกลายเป็นบุคคลที่มีสถานะสูงส่งและจะไม่ยอมเป็นเบี้ยล่างให้แก่ผู้ใด

และสำหรับวิธีการที่จะออกไปจาก[ ดินแดนโลหิตหยวน ]ในตอนนี้นั้น เย่ชีเหวิน ยังคงมิได้รีบร้อน หลังจากที่ หลิวจื้อ ก้าวเข้ามายังในดินแดนแห่งนี้ ด้วยพลังอำนาจ[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด ] ของเขานั้นมันไม่มากพอที่จะเปิดผนึกดินแดนแห่งนี้ไว้ได้นานนัก ยิ่งไปกว่านั้นผู้อาวุโสที่อยู่ด้านนอกนั่นจะต้องหาทางเข้ามาได้อย่างแน่นอนไม่ช้าก็เร็ว

เมื่อคิดเช่นนั้นแล้ว เย่ชีเหวิน จึงมิได้รู้สึกรีบร้อนอันใด เพียงแต่เหล่าศิษย์จากสำนักยี่หยวนนั้นพวกเขาอดใจรอไม่ไหวแล้ว พวกเขาไม่ต้องการที่จะเสียเวลาใด ๆ และรีบวิ่งออกไปเด็ด[ ผลไม้โลหิตหยวน ]ทั้งหมดในทันที ต้นเหตุของทุกสิ่งและการนองเลือดในครั้งนี้ก็คือผลไม้เหล่านี้และสิ่งที่ทำให้พวกเขากล้าที่จะเผชิญหน้ากับตระกูลจางและส่งพวกมันไปยังขุมนรกนั้นก็เพราะผลไม้เหล่านี้อีกเช่นกัน

และภายในเวลาต่อมาไม่นานนักพื้นที่ขอบฟ้าไกลได้เริ่มมีการผันผวนของมิติเกิดขึ้นราวกับระลอกคลื่นของผิวน้ำพร้อมเสียงที่ดังกึกก้องราวกับสายฟ้าฟาด รูปร่างของบุคคล 4 คนได้ปรากฏตัวขึ้น

2 ผู้อาวุโสที่ได้ลอยลงมาเป็นคนแรกนั้นคือผู้อาวุโสสูงและผู้อาวุโสเตี้ยของตระกูลจาง แม้ว่าพวกเขาจะอยู่ในสถานที่อันห่างไกลเพียงแต่ เย่ชีเหวิน ยังคงเห็นรอยยิ้มจาง ๆ ได้จากบนใบหน้าของพวกเขา เพียงแต่หลังจากที่พวกเขาได้เห็นฉากที่อยู่ยังเบื้องล่างใบหน้าของพวกเขาได้กลายเป็นหม่นหมองไปในทันที

#########################################################

เอาละในช่วงท้ายก็มาพบกับเราเหล่าพี่น้อง 4B หัวดอที่จะมาเผานิยายเรื่องนี้ไปพร้อมกลับคุณ

B2 : 5555 เงิบสิ เงิบสิ….( สองผู้อาวุโส : นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นว่ะเนี่ย )

B3 : ตายหมดดง { ก. } สลบแปป

B4 : จะสงสารหรือสมน้ำหน้าดี ทำอย่างไรก็ได้อย่างนั้นแหละนะ อย่างที่เขาว่าบาปบุญมีจริง!!

B1 : เอาตรง ๆ เลยนะจังหวะช่วงชุลมุนเนี่ยมันต้องมีใครสักคนหนึ่งจากศิษย์ของสำนักยี่หยวนฉุดศิษย์ตระกูลจางไปแอบจุ่มดู๋บางแหละ 555555 ช่วงแบบนี้โอกาสแบบนี้คิดว่ามันน่าจะมีฉากดาร์คโดจินนะ 55555

B3 : หือ หัวสมอง นี่หรือหัวสมอง…คือ{ ม. }ไม่น่าอยู่ฝั่งตัวเองเลยนะจริง ๆ

B1 : โถ่ B3 จังหวะนี้มันก็ต้องมีกันบางแหละ อย่างน้อยก็ต้องมีสักคนสองคนอ่ะ

B4 : { ม. } นี่มันชั่วจริง ๆ ขอในนรกกินกบาล{ ม. }

B1 : เห๊ย!!!!!( * รากเสียง * ) นรกมันเป็นยังไงว้าไม่เคยเห็นเลยว่า

B4 : เหอะเดี้ยวรู้เลย !!!!

B1 : ว่าแต่ จางหยางนี่ตาถึงดีนะ….!!

#########################################################
เอาล่ะก็ขอจบสาระเร้าใจ BY: นายกระทิข้น ไว้เท่านี้ก่อนนะครับขอบคุณครับสำหรับผู้อ่านทุกท่าน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม