บทที่ 62 - รางวัล

มิติพื้นที่เกิดการผันผวนอย่างรุนแรง รูปเงาของคนผู้หนึ่งได้ลอยลงมาจากฟากฟ้า ทุกคนต่างจับจ้องสายตาไปที่บุคคลคนนั้นแล้วเขาก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเจ้าสำนักของสำนักยี่หยวน หลินเจิ่นเทียน

หลินเจิ่นเทียน ค่อย ๆ ก้าวเท้าลงมาจากท้องฟ้าและเดินไปยังด้านหน้าของ จางฉวน และ จางผิง พลางกล่าวว่า “ จงกลับไปบอกผู้นำตระกูลของพวกเจ้าเสียว่าเรื่องนี้มันยังไม่จบ อีกไม่กี่วันต่อมาข้าจะไปหามันด้วยตัวของข้าเอง! ”

หลินเจิ่นเทียน กล่าวออกไปอย่างเรียบง่าย ราวเหมือนกับว่ามันมิใช่เรื่องใหญ่อันสำหรับเขาและที่ยิ่งไปกว่านั้นการจะพาตัว เย่ชีเหวิน ออกไปจากที่นี่คงเป็นไปไม่ได้แล้วสำหรับพวกผู้อาวุโสทั้ง 2 ของตระกูลจาง

ใบหน้าของ จางฉวน และ จางผิง ต่างเริ่มแดงกล่ำด้วยความโกรธแค้น แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็มิได้กล่าวคำใดออกมาเพราะพวกเขาต่างเข้าใจดีว่าพวกเขามิใช่คู่มือของ หลินเจิ่นเทียน ระดับการบ่มเพาะพลังของเขานั้นช่างล้ำลึกมากเกินไป ไม่มีผู้ใดสามารถยืนยันขอบเขตการบ่มเพาะพลังของเขาได้

หลังจากการปรากฏตัวอย่างไม่คาดคิดของ หลินเจิ่นเทียน ทำให้เหล่าศิษย์จากสำนักยี่หยวนต่างก็พากันรู้สึกโล่งใจ ว่าชีวิตของพวกเขานั้นได้รับการปกป้องแล้วในขณะนี้ แม้ว่า 2 ผู้อาวุโสจากตระกูลจางจะเกิดบ้าคลั่งขึ้นมาก็ไม่มีอะไรต้องกลัว

เพราะพวกเขาต่างมีความเชื่อมั่นในตัวของ หลินเจิ่นเทียน แม้แต่ เย่ชีเหวิน ก็ไม่มีข้อยกเว้น หลังจากที่ หลินเจิ่นเทียน ได้เดินทางมาถึงยังดินแดนแห่งนี้ร่างกายที่ตึงเครียดของ เย่ชีเหวิน ก็รู้สึกผ่อนคลายลงเล็กน้อยเพราะชื่อเสียงของ หลินเจิ่นเทียน นั้นถูกกล่าวขานว่าเป็นเจ้าสำนักที่มีความแข็งแกร่งมากที่สุดของ[สำนักย่อยยี่หยวนหุบเขาฉิงฟง]และไม่เคยสั่นคลอนมานับเวลาหลายปี หลายปีที่ผ่านมาเขาได้เดินทางมายัง[สำนักย่อยยี่หยวนหุบเขาฉิงฟง]จากสำนักหลักและได้ถูกท้าทายโดยผู้นำของตระกูลจางและผลการต่อสู้ที่ออกมาคือผู้นำของตระกูลจางได้รับความพ่ายแพ้ไปอย่างน่าสังเวช แม้ว่าการประลองของพวกเขาทั้ง 2 จะถูกเก็บเอาไว้เป็นความลับจากประชาชน แต่มันไม่ใช่สำหรับศิษย์จากสำนักยี่หยวน มีเพียงแค่เฉพาะศิษย์ฝ่ายนอกเท่านั้นที่ไม่รู้เรื่องนี้

แต่ผู้ที่อยู่ที่นี่พวกเขาทุกคนล้วนเป็นศิษย์หลักฉะนั้นแล้วจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่พวกเขาจะรับรู้ได้ถึงเรื่องนี้

หลินเจิ่นเทียน เป็นที่กล่าวขานว่าเขาคือเจ้าสำนักที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์ของสำนักยี่หยวน หลายปีที่ผ่านมาเขาได้เดินทางมาถึง[หุบเขาฉิงฟง]และได้มอบความพ่ายแพ้ให้กับผู้นำตระกูลจาง แต่ทว่าในเวลานั้นมันก็หลายปีที่แล้ว ซึ่งในตอนนี้มันก็นับเป็นเรื่องยากที่จะคาดเดาว่าการบ่มเพาะพลังของเขานั้นได้ก้าวหน้าขึ้นมามากแค่ไหนในช่วงระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา

แม้ว่า เย่ชีเหวิน จะไม่สามารถคาดเดาการบ่มเพาะพลังของ หลินเจิ่นเทียน ได้ แต่การที่ หลินเจิ่นเทียน นั้นสามารถเดินบนฟ้าได้อย่างง่ายดายนั่นก็แสดงให้เห็นแล้วว่าความแข็งแกร่งของ หลินเจิ่นเทียน นั้นมั่นเหมาะที่จะอยู่ในระดับที่น่าสะพรึงกลัว

แม้จะเป็นผู้เชี่ยวชาญ[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด ]ก็ไม่สามารถเดินบนฟ้าแล้วอยู่ในลักษณะที่ผ่อนคลายเช่นนั้นได้

ผู้ที่สามารถเดินบนฟ้าในลักษณะผ่อนคลายเช่นนี้ได้มันมั่นเหมาะที่จะเป็นผู้เชี่ยวชาญที่มีการบ่มเพาะพลังอยู่ในระดับที่เหนือกว่า[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด ]

หลินเจิ่นเทียน มิได้พูดอะไรกับ จางฉวน และ จางผิง พลางเดินมายังด้านหน้าของ เย่ชีเหวิน รอยยิ้มกว้างปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขาและกล่าวว่า “ ดีเจ้าทำได้ยอดเยี่ยมมากอีกทั้งยังไม่ทำให้พ่อของเจ้าต้องสูญเสียใบหน้า! ”

หลังจากนั้น หลินเจิ่นเทียน เหล่าบรรดาศิษย์จากสำนักยี่หยวนและผู้อาวุโสทั้ง 2 ก็ได้กลับมายังสำนักยี่หยวน เหล่าบรรดาศิษย์ทั้งหมดที่ได้เข้าร่วมการแข่งขันต่างมารวมตัวกันที่ห้องโถงใหญ่ เจ้าสำนักยี่หยวนจับจ้องไปที่เหล่าศิษย์ของสำนักยี่หยวนทุกคนพลางกล่าวว่า “ ข้าได้รับรู้เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดภายใน[ ดินแดนโลหิตหยวน ]แล้ว แต่ถึงอย่างนั้นคะแนนก็ยังคงเป็นตัวตัดสินผู้ชนะ ซึ่งผู้ที่มีคะแนนมากที่สุด 3 คนแรกจะได้รับ[ ผลไม้โลหิตหยวน ]และ[ เม็ดโอสถก่อเกิด ]เป็นของรางวัล! ”

ทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น เย่ชีเหวิน ถึงกับตกตะลึงในทันที เขานั้นรับรู้อยู่แล้วว่าผู้ที่มีคะแนนมากที่สุด 3 คนแรกจะได้รับ[ ผลไม้โลหิตหยวน ]เป็นของรางวัล เพียงแต่สำหรับ[ เม็ดโอสถก่อเกิด ]แล้วนั้นมันมั่นเหมาะที่จะเป็นของรางวัลชดเชยสำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายใน[ ดินแดนโลหิตหยวน ]เป็นแน่ แต่โดยส่วน เย่ชีเหวิน นั้นมี[ เม็ดโอสถก่อเกิด ]อยู่แล้วซึ่งหากรับอีกเม็ดหนึ่งมามันก็มิได้มีความหมายอะไรสำหรับเขา!

เพียงแต่การที่ หลินเจิ่นเทียน นั้นสามารถมอบ[ เม็ดโอสถก่อเกิด ]ออกมาถึง 3 เม็ดได้อย่างง่ายดายเช่นนี้ มันทำให้ เย่ชีเหวิน รู้สึกแปลกประหลาดใจเล็กน้อย หลังจากที่เขาได้ก้าวขึ้นมาเป็นเจ้าสำนักของสำนักยี่หยวนสาขา[ หุบเขาฉิงฟง ] มีความเป็นไปได้ว่าเขาจะได้รับการหนุนหลังจากสำนักหลัก โดยเหล่าผู้เชี่ยวชาญ[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด ]เป็นจำนวนมาก ซึ่งหากมันเป็นเช่นนั้นจริงการที่เขาจะมอบ[ เม็ดโอสถก่อเกิด ]พร้อมกันที่เดียวถึง 3 เม็ด อย่างง่ายดายเช่นนี้ก็นับได้ว่ามิใช่เรื่องแปลกอันใด

ไม่นานนักในที่สุดผลคะแนนก็ได้ถูกป่าวประกาศออกมา ซึ่ง เย่ชีเหวิน คือผู้ที่มีคะแนนสูงมากที่สุดถึง 19,000 จุด และลองลงมาคือ เย่ฟง ที่มีคะแนนกว่า 6,500 จุด และ จางหยาง ที่มีคะแนน 5,300 จุด

เย่หรูเชว่ นั้นติดอยู่ในอันดับที่ 12 ซึ่งมันได้สร้างความแปลกใจให้กับ เย่ชีเหวิน ไม่น้อยหลังจากที่การแข่งขันในครั้งนี้นั้นล้วนเต็มไปด้วยผู้เชี่ยวชาญ[ ระดับขั้นที่ 9 ดินแดนลมปราณก่อตั้ง ] แต่นางก็ยังจัดอยู่ในอันดับที่ดีไม่น้อย

ตามที่ เย่ชีเหวิน ได้สังเกตการณ์ มันเป็นเพียงแค่ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้นที่นางจะก้าวผ่านไปยัง[ ระดับขั้นที่ 9 ดินแดนลมปราณก่อตั้ง ]

พวกเขาทั้งหมดจะก้าวเข้าสู่สำนัก[หลัก] หลังจากนี้ในอีก 3 เดือน ซึ่งภายในระยะเวลา 3 เดือนนี้มีความเป็นไปได้ที่ เย่หรูเชว่ นั้นจะสามรถบุกฝ่าไปยัง[ ระดับขั้นที่ 9 ดินแดนลมปราณก่อตั้ง ] และเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นอย่างมาก นางนั้นมีอายุเพียงแค่ 20 ปีและแก่กว่า เย่ชีเหวิน เพียง 1 ปีเท่านั้น แต่การฝึกฝนของนางมันได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าความสามารถที่แท้จริงของนางนั้นมิได้ด้อยไปกว่า เย่ฟง เลยแม้แต่น้อย

เพียงแต่ เย่ชีเหวิน นั้นแตกต่างออกไปเขาได้อาศัยพลังอำนาจของ[ พื้นที่ลึกลับ ]ภายในร่างกาย จึงทำให้การบ่มเพาะพลังของเขานั้นก้าวหน้าอย่างก้าวกระโดดซึ่งมันไม่สามารถนำไปเปรียบเทียบกับผู้ใดและพี่น้องทั้ง 2 ของเขาได้


  


เย่ชีเหวิน ได้คิดอย่างถีถ้วนภายในใจแล้วว่า เขาจะมอบ[ เม็ดโอสถก่อเกิด ]นี้ให้กับ เย่หรูเชว่ เพียงเพราะว่าเขานั้นไม่ต้องการที่จะมี[ เม็ดโอสถก่อเกิด ]ไว้ครอบครองถึง 2 เม็ด ยิ่งไปกว่านั้นหาก เย่หรูเชว่ ได้รับความช่วยเหลือจาก[ เม็ดโอสถก่อเกิด ]นี้มีความเป็นไปได้ว่ามันจะช่วยทำให้พรสวรรค์ของนางนั้นตื่นขึ้นมา และในภายภาคหน้าระดับความเร็วในการบ่มเพาะพลังของนางนั้นจะต้องรวดเร็วอย่างมิน่าเชื่ออย่างแน่นอน

และในฐานะที่ เย่ชีเหวิน เป็นถึงผู้ที่มีคะแนนมากที่สุดในการแข่งขันเขาจึงได้รับ [ ผลไม้โลหิตหยวน ] [ เม็ดโอสถก่อเกิด ]และศิลาวิญญาณระดับต่ำรวมกว่า 50,000 ก้อน เช่นเดียวกับสมุนไพรระดับสูงจำนวนมาก นอกจากนี้เขายังได้รับโอกาสในการฝึกฝน[ เคล็ดวิชาการต่อสู้ระดับขั้นก่อเกิด ]

ผลตอบแทนที่มากมายถึงเพียงนี้มันได้อยู่ในระดับที่ไกลเกินกว่าที่ เย่ชีเหวิน ได้คาดคิดเอาไว้

ในตอนนี้ เย่ชีเหวิน ไม่จำเป็นที่จะต้องกังวลเกี่ยวกับการขาดแคลนศิลาวิญญาณอีกต่อไปแล้วเป็นพักใหญ่ นอกจากนี้เขายังสามารถฝึกฝนได้อย่างยาวนานภายใน[ พื้นที่ลึกลับ ]ของเขา

และสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ[ ผลไม้โลหิตหยวน ]ที่แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญ[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด ]เห็นแล้วยังต้องอิจฉา [ ผลไม้โลหิตหยวน ]ทั้ง 9 ผลนี้นั้นจำเป็นที่จะต้องใช้เวลาถึง 100 ปีกว่ามันจะเติบโตเต็มที่ มีแม้กระทั้งผู้เชี่ยวชาญ[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด ] บางคนใช้เวลากว่าครึ่งหนึ่งของชีวิตพวกเขาเพื่อรอคอยมัน มูลค่าของมันสำหรับผู้เชี่ยวชาญ[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด ] แล้วนั้นมันถือได้ว่าอยู่ในระดับที่สูงมาก ตราบใดที่พวกเขาดูดซับพวกมันโดยตรงการบ่มเพาะพลังของพวกเขานั้นจะได้รับการก้าวหน้าในทันทีโดยไม่คำนึงถึงระดับขั้นใด ๆ

แม้ว่า[ ผลไม้โลหิตหยวน ]นั้นจะมิได้เป็นประโยชน์มากมายนักสำหรับผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ในระดับเหลือกว่าผู้เชี่ยวชาญ[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด ] แต่ทว่ามันกับมีประโยชน์อย่างมากสำหรับผู้เชี่ยวชาญ[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด ] ที่จะก้าวข้ามไปสู้ [ ระดับขั้นดินแดนลมปราณแท้จริง ] แต่เพราะมันเป็นเช่นนั้นมันก็ยิ่งหน้าแปลกที่ว่าทำไมเหตุใด[ ผลไม้โลหิตหยวน ]นี้ถึงได้อยู่ภายใต้การครอบครองของ[สำนักย่อยยี่หยวนหุบเขาฉิงฟง]และพวกตระกูลจาง

แม้ว่า[ เม็ดโอสถก่อเกิด ]นั้นจะมิได้หายากมากมายอะไรนักภายในขอบเขตภายนอก อีกทั้งมันยังเป็นที่กล่าวขานว่าไม่มีผลกระทบข้างเคียงใด ๆ สำหรับการบ่มเพาะพลังในอนาคตสำหรับผู้ที่ใช้มันและด้วยเหตุนี้เองมันจึงได้กลายเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย แต่ถึงอย่างนั้นก็น่าเสียดายที่มันมีประโยชน์เฉพาะเพียงแค่ตอนที่ผู้เชี่ยวชาญ[ ระดับจุดสูงสุดขั้นที่ 9 ลมปราณก่อตั้ง ]กำลังจะตัดผ่านไปยัง[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด ]เพียงเท่านั้น

#########################################################
เอาละในช่วงท้ายก็มาพบกับเราเหล่าพี่น้อง 4B หัวดอที่จะมาเผานิยายเรื่องนี้ไปพร้อมกลับคุณ

B1 : 555555 จางฉวน จางผิง { ก. } โดนตัดบทไปล่ะ

B2 : 5555555 เจ้าสำนักมาเอง

B3 : รางวงรางวัลนี่มันจะได้เยอะไปหนายยยยย แค่ตอนนี้ตัวร้ายมันก็แทบจะไม่มีที่ยืนอยู่แล้ว

B1 : ก็พระเอกนี่เนอะโชคมันก็ต้องเข้าข้างเป็นธรรมดา

B2 : 555555 B1 พูดถูก

B3 : อวยกันเข้าไปไอ้{ ส. }

B1,B2 : ก็นะ!!

B3 : !@^@&*%*!$@$^#%@

#########################################################
เอาล่ะก็ขอจบสาระเร้าใจ BY: นายกระทิข้น ไว้เท่านี้ก่อนนะครับขอบคุณครับสำหรับผู้อ่านทุกท่าน

1 ความคิดเห็น:

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม