บทที่ 64 - ก้าวหน้าอย่างก้าวกระโดด

เย่ชีเหวิน เหงื่อออกอย่างหนัก หลังจากที่ได้เห็นท่าโจมตีที่น่าหวาดกลัวภายในจิตใจของเขา ด้วยความน่ากลัวของมัน มันเกือบจะทำลายจิตวิญญาณของเขาจนแทบไม่เหลือซาก มันอาจกล่าวได้ว่าเป็นฉากที่น่าสะพรึงกลัวเกินไปสำหรับเขา

          “ เจ้าไม่เป็นอะไรแน่นะน้องเล็ก? ” เย่ฟง กล่าวถามด้วยน้ำเสียงที่เป็นกังวลเพราะไม่รู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับ เย่ชีเหวิน หลังจากที่เขาได้ยินเสียงตะโกนของ หลินเจิ่นเทียน ร่างกายของ เย่ชีเหวิน ก็พลันทรุดตัวลงและตกอยู่ในอาการหวาดกลัวอีกทั้งทั่วร่างกายของเขายังชุ่มไปด้วยเหงื่อ

          “ ไม่มีอะไร ไม่มีอะไร! ” เย่ชีเหวิน กล่าวออกไปอย่างเรียบง่าย หากแต่ภาพความทรงจำเหล่านั้นยังคงตราตรึงอยู่ภายในใจของเขาและมันจะไม่มีวันลืม

          “ มันเป็นความผิดของข้า! ” หลินเจิ่นเทียน ว่ากล่าว “ ข้าน่าจะเตือนเจ้าให้เร็วกว่านี้ ว่าเจ้านั้นไม่ควรที่จะเปิดตำราเคล็ดวิชาลับที่มีชื่อว่า[ ฝ่ามือมังกรขด ] ! ”

          “ มันเป็นเพราะเหตุใด ? ” เย่ชีเหวิน กล่าวถาม

          “ เมื่อนานมาแล้วเคล็ดวิชาลับ[ ฝ่ามือมังกรขด ]ได้ถูกนำมาจากซากโบราณสถานโดยท่านเจ้าสำนักรุ่นแรก และมีข้อสงสัยว่ามันสมควรที่จะเป็นเคล็ดวิชาลับที่ตกทอดกันมาจากยุคสมัยโบราณกาล! ” หลินเจิ่นเทียน อธิบายอย่างเชื่องช้า

          “ เคล็ดวิชาการต่อสู้โบราณ! ” 3 คำนี้ได้ถูกอุทานออกมาพร้อมกันจากปากของพวกเขา ต้องบอกก่อนว่าในยุคสมัยโบราณนั้นเป็นยุคที่มีความรุ่งโรจน์มากที่สุดครั้งหนึ่งและมีเคล็ดวิชาการต่อสู้ที่ไม่ได้มากมายอะไรนักเหมือนดั่งเช่นปัจจุบัน เพียงแต่การที่เคล็ดวิชาในยุคสมัยนั้นสามารถหลงเหลือมาจนถึงปัจจุบันได้มันอาจกล่าวได้เพียงอย่างเดียวว่าเคล็ดวิชาเหล่านั้นคือเคล็ดวิชาในตำนาน

          “ ใช่มันคือ[ เคล็ดวิชาการต่อสู้โบราณ ] แต่หลังจากที่ได้นำมันมาจากซากโบราณสถานก็ไม่เคยมีใครสามารถฝึกฝนเคล็ดวิชานี้ได้เพราะมันต้องฝึกฝนผ่าทางภาพความคิด ซึ่งไม่เคยมีผู้ใดที่สามารถทนความใหญ่โตมโหฬารและความยิ่งใหญ่ของเคล็ดวิชานี้ได้! ” หลินเจิ่นเทียน อธิบาย “ แต่ภายในตำราเล่มนี้ได้มีการเขียนถึงเคล็ดลับในการฝึกฝนเคล็ดวิชาซ่อนอยู่ ซึ่งเป็นเวลานานที่ท่านเจ้าสำนักในหลาย ๆ รุ่นต่างต้องการที่จะสืบทอด[ เคล็ดวิชาการต่อสู้โบราณ ] นี้ เพียงแต่ในท้ายที่สุดแล้วจิตวิญญาณของพวกเขาก็ถูกทำลายเพราะไม่สามารถทนต่อพลังอำนาจจากเคล็ดวิชาเล่มนี้ได้ ท่านเจ้าสำนักรุ่นก่อนหลายคนถูกฆ่าตายโดยมัน หลังจากนั้นเป็นเวลานานก็ไม่เคยมีใครให้ความสนใจกับมันอีกจนในที่สุดมันก็ได้ตกมาถึงรุ่นของข้าและข้าก็ได้นำมันมายังสถานที่แห่งนี้ แต่เนื่องจากความสะเพร่าของข้าที่มิได้เตือนเจ้าก่อนในเรื่องนี้ นับว่าช่างโชคดีนักที่เจ้ามิได้เป็นอะไร! ”

แน่นอนว่าจิตวิญญาณของ เย่ชีเหวิน ก่อนหน้านี้มันเกือบถูกทำลายและระเบิดออกมา หากมิได้[ พื้นที่ลึกลับ ]ช่วยดูดซับพลังอำนาจเหล่านั้นให้ เขาคงอาจต้องตกตายไปแล้วก็ได้ในขณะนี้

ภาพความคิดเหล่านี้มันเป็นสิ่งที่น่ากลัวมากเกินไปและไม่มีใครล่วงรู้ว่าผู้ใดเป็นผู้ที่สร้าง เคล็ดวิชา[ ฝ่ามือมังกรขด ] นี้ขึ้นมา ภายในตำราเล่มนี้ยังคงเต็มไปด้วยเหล่าตัวอักษรที่ได้ถูกเขียนเอาไว้ถึงเคล็ดลับของเคล็ดวิชา อีกทั้งมันยังซ่อนภาพความคิดที่น่าหวาดกลัวเหล่านั้นเอาไว้ภายในตัวอักษรเหล่านี้ ไม่ว่าวันเวลาจะผ่านนานแค่ไหนตัวอักษรเหล่านี้ก็มิได้จางหายหรือเสียรูปไปเลยแม้แต่น้อย ไม่ว่าผู้ใดก็ตามที่ได้สร้างตำราเล่มนี้ขึ้นมาเขาสมควรที่จะเป็นบุคคลที่สามารถคว่ำฟ้าพลิกแผ่นดินได้อย่างแน่นอน

          “ ซึ่งแน่นอนว่าเคล็ดวิชานี้ไม่ใช่สิ่งที่เจ้าจะสามารถฝึกฝนได้และเจ้าก็ไม่ควรที่จะฝึกฝนมัน! ” หลินเจิ่นเทียน ว่ากล่าว

เย่ชีเหวิน พยักหน้าและไม่แม้แต่จะคิดโต้แย้งกับ หลินเจิ่นเทียน เพราะเขารู้สึกได้ว่าพลังอำนาจที่น่าหวาดกลัวเหล่านั้นมันได้ถูกดูดซับมาแล้วโดย[ พื้นที่ลึกลับ ]ของเขาในขณะนี้ หากเขาต้องการที่จะฝึกฝนมันเขาสามารถฝึกฝนมันได้ตลอดเวลาฉะนั้นแล้วเขาจึงไม่มีความจำเป็นอันใดที่จะต้องโต้แย้งกับ หลินเจิ่นเทียน

เขาได้ว่างตำราเคล็ดวิชา[ ฝ่ามือมังกรขด ] ไว้ ณ ที่เดิมพลางหยิบตำราเคล็ดวิชา[ หยุดรั้งลมหายใจ ] แม้ว่าเคล็ดวิชาอื่นจะมีความแข็งแกร่งและดีกว่ามากเมื่อเทียบกับ เคล็ดวิชา[ หยุดรั้งลมหายใจ ] แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังคงเป็น[ เคล็ดวิชาการต่อสู้ระดับขั้นก่อเกิด ]

คนอื่น ๆ ต่างรู้สึกประหลาดใจเมื่อได้เห็นเช่นนั้น พวกเขาไม่เข้าใจว่าเหตุใด เย่ชีเหวิน ถึงไม่เลือกเคล็ดวิชาการต่อสู้ประเภทจู่โจม แต่กับเลือกเคล็ดวิชา[ หยุดรั้งลมหายใจ ] พวกเขาทั้งหมดต่างไม่รู้ว่า เย่ชีเหวิน ได้ครอบครองแล้วกว่าหลาย[ เคล็ดวิชาการต่อสู้ระดับขั้นก่อเกิด ] หากเขายังคงเลือกเคล็ดวิชาการต่อสู้ประเภทจู่โจมอีก มันจะแลดูเป็นการละโมบมากเกินไป

หลังจากที่พวกเขาทั้ง 3 คนได้เลือกเคล็ดวิชาการต่อสู้ของตนเป็นที่เรียบร้อย นั่นก็หมายความว่าพวกเขาทั้ง 3 คนได้กลายเป็นศิษย์หลักที่แข็งแกร่งที่สุดภายในสำนักยี่หยวน ชื่อเสียงของพวกเขาทั้ง 3 คนได้แพร่กระจายออกไปทั่วทั้งสำนักพร้อมกับข่าวเรื่องที่ตระกูลจางได้ส่งผู้เชี่ยวชาญ[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด ] เข้าร่วมการแข่งขันเพื่อหวังที่จะชิง[ ผลไม้โลหิตหยวน ]เป็นของตน อีกทั้งอย่างวางแผนที่จะฆ่าเหล่าศิษย์จากสำนักยี่หยวนทั้งหมด แต่ถึงอย่างนั้นก็มิได้มีผู้ใดคาดคิดเลยว่าผู้เชี่ยวชาญ[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด ] นั้นจะถูกฆ่าตายไปพร้อมกับพวกศิษย์หลักตระกูจาง

เพียงชั่วข้ามคืนข่าวได้แพร่กระจายออกไปภายในสำนักยี่หยวนอย่างรวดเร็วราวกับไฟลามทุ่ง โดยเฉพาะข่าวของ เย่ชีเหวิน ที่สามารถจัดการผู้เชี่ยวชาญ[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด ] ได้ด้วยตนเองเพียงลำพัง

เพียงแค่ช่วงระยะเวลาอันสั่นชื่อเสียงของ เย่ชีเหวิน ได้พุ่งสูงขึ้นราวกับพลุแตก เหล่าบรรดาศิษย์จำนวนมากต่างเริ่มยอมรับแล้วว่าเขาเป็นศิษย์หลักที่แข็งแกร่งที่สุด

แต่ในขณะเดียวกันที่โลกภายนอกกำลังตกอยู่ในความโกลาหลดูเหมือนว่า เย่ชีเหวิน จะหายตัวไปและไม่มีใครพบเจอเขา

หลังจากที่ได้รับ[ เคล็ดวิชาการต่อสู้ระดับขั้นก่อเกิด ] เย่ชีเหวิน ก็ไม่รีรอช้าและเริ่มปิดกั้นตนเองเพื่อทำการฝึกฝนตลอดระยะเวลา 3 เดือนหลังจากนี้เขาจะไม่ยอมสูญเสียเวลาอันมีค่าไปแม้แต่วินาทีเดียว เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับตนเองเขาจำเป็นที่จะต้องได้รับการฝึกฝนอย่างหนัก

หลังจากที่ได้เข้าไปยังภายในสำนัก[หลัก] การแข่งขันภายในนั้นมั่นเหมาะที่จะทวีคูณความรุนแรงมากยิ่งขึ้น

เพียงพริบตา ระยะเวลากว่า 1 เดือนก็ได้ผ่านพ้นไป

ด้านหลังของ[ หุบเขาฉิงฟง ]เสียงมังกรคำรามออกมาอย่างต่อเนื่องและดังสนั่นกึกก้องไปทั่วท้องฟ้า ใบหน้าของ เย่ชีเหวิน นั้นอยู่ในลักษณะที่เงียบสงบ ฝ่ามือของเขาที่ถูกปล่อยออกไปพลางปรากฏ 2 รูปเงาผสานเข้าด้วยกันและทะยานเข้าไปภายในป่าภูเขา ซึ่งมันเป็นรูปเงาของ มังกร พยัคฆ์

          “ ตึม! ” ต้นไม้ที่ขวางหน้าต่างถูกโค่นล้มด้วยพลังอำนาจจากฝ่ามือของ เย่ชีเหวิน

เย่ชีเหวิน หยุดนิ่งและคิดทบทวนถึงผลลัพธ์ตลอดระยะเวลา 1 เดือน ที่ผ่านมาที่เขาได้ทำการฝึกฝน ความแข็งแกร่งของเขาได้เพิ่มขึ้นอย่างไร้ของเขต การบ่มเพาะพลังของเขาในตอนนี้นั้นได้มาถึงแล้วใน[ ระดับจุดสูงสุดขั้นที่ 9 ลมปราณก่อตั้ง ] และเหลืออีกเพียงขั้นเดียวเท่านั้นเขาก็จะสามารถบุกฝ่าไปยัง[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด ] ได้ นอกจากนี้[ พลังปราณก่อเกิด ] ภายในร่างกายของเขานั้นก็ยังถูกเปลี่ยนไปแล้วว่า 20% และความแข็งแกร่วของเขาก็ยังมาถึงแล้วในระดับ[ 3 มังกร ] ซึ่งมันเทียบเท่าได้กับความแข็งแกร่งของผู้เชี่ยวชาญ[ ระดับขั้นที่ 2 ลมปราณก่อเกิด ] ด้วยความแข็งแรงของ เย่ชีเหวิน ในตอนนี้เขาสามรถเอาชนะผู้เชี่ยวชาญอย่าง หลิวจื้อ ได้ด้วยเพียงแค่ไม่กี่ฝ่ามือ

และนอกจากนี้ตลอดระยะเวลา 1 เดือนที่ผ่านมา เย่ชีเหวิน มีความก้าวหน้าในด้านของการฝึกฝนเคล็ดวิชามากที่สุดอีกทั้งเขายังได้เผาผลาญศิลาวิญญาณไปอีกในจำนวนมากกับการพัฒนาเคล็ดวิชาการต่อสู้ในช่วงระยะเวลาสั่น ๆ

เคล็ดวิชาแรกคือ[ ตัดจันทร์เสี้ยว ] ในที่สุดเขาก็สามารถฝึกฝนมันจนสำเร็จมาถึงในระดับที่ 4 [ ขั้นสูงสุด ] ซึ่งสามารถกวัดแกว่งใบมีดออกมาได้ถึง 9 ใบมีด หากเขาสามารถก้าวไปถึงใน[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด ] เขาก็จะสามารถแสดงถึงพลังอำนาจของเคล็ดวิชา[ ตัดจันทร์เสี้ยว ] ออกมาได้อย่างเต็มที่ ทุก ๆ ใบมีดที่กวัดแกว่งออกไปนั้นมันจะเพิ่มพลังอำนาจขึ้นมาเป็นเท่าตัว หากฟาดฟันออกจนถึง 9 ใบมีด เย่ชีเหวิน ก็ไม่อาจคาดเดาได้เลยว่าพลังอำนาจของมันนั้นจะน่าหวาดกลัวมากแค่ไหน

หลังจากที่ได้เผาผลาญศิลาวิญญาณไปอย่างต่อเนื่อง เคล็ดวิชา[ ย่างก้าวทูตสวรรค์ ] ก็สามารถบรรลุไปได้อีกระดับขั้นหนึ่ง ซึ่งถึงแม้ว่ามันจะยังไม่สมบูรณ์แต่ก็มีประสิทธิภาพเทียบเท่าได้กับ[ เคล็ดวิชาการต่อสู้ระดับขั้นสูง ] นอกจากนี้ เย่ชีเหวิน ยังสามารถฝึกฝนมันไปจนมาถึงแล้วใน[ ดินแดนที่ 4 สูงสุด ] และในเวลาต่อมาภายใน[ พื้นที่ลึกลับ ]ของเขานั้นก็ได้เสริมสร้างส่วนที่ขาดหายไปของ เคล็ดวิชา[ ย่างก้าวทูตสวรรค์ ] ซึ่ง เย่ชีเหวิน สามารถทำความเข้าใจกับมันได้เพียงแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น แต่ความเร็วของเขาก็กับเพิ่มขึ้นมาถึง 50% นับจากตอนที่แข่งขันขึ้นไปบนยอดเขา มันอาจกล่าวได้ว่าความเร็วของเขาในตอนนี้นั้นได้จัดอยู่ในระดับที่น่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างมาก

และในขณะเดียวกัน เคล็ดวิชา[ กายาทรราช ] ก็ได้มาถึงแล้วในจุดสูงสุดของ[ ดินแดนที่ 3 เชี่ยวชาญ ] อีกเพียงแค่ก้าวเดียวเท่านั้นเขาก็จะสามารถก้าวไปยัง[ ดินแดนที่ 4 สูงสุด ] และเมื่อถึงเวลานั้นสภาพร่างกายของเขาจะมีความแข็งแกร่งเพิ่มมากขึ้นเป็นจำนวนมากอย่างรวดเร็ว

และสุดท้าย เคล็ดวิชา[ หยุดรั้งลมหายใจ ] เขาก็ได้ฝึกฝนมันมาจนถึงในระดับจุดสูงสุดของมันแล้ว

#########################################################
เอาละในช่วงท้ายก็มาพบกับเราเหล่าพี่น้อง 4B หัวดอที่จะมาเผานิยายเรื่องนี้ไปพร้อมกลับคุณ

B1 : อือแลดูเหมือนหินจะหมด

B2 : ถ้าหินหมดก็ต้องฟาร์มสินะ

B3 : หมด[ ห. ]อะไรล่ะ แม้งมีติดตัวแทบครึ่งล้านมันคงไม่มาหมดง่าย ๆ หรอก

B4 : อืม 3 พูดถูกหินมันมีตั้งเยอะมันคงไม่มาหมดง่าย ๆ หรอก ว่าแต่ไอ้ทักษะมังกรไรเนี่ยดูเหมือนว่ามันจะโหดอยู่ใช่ย่อยเลยนะ

B1 : แรงไม่แรงไม่รู้ แต่ที่รู้ ๆ [ ก. ] มั่นใจว่าตอนหน้ามันต้องมีฟาร์ม

B3 : เห้ย!!!!!! แค่นี้ก็เก่งพอแล้วมั้ง

B2 : เก่งบ้าบออะไร ไม่ได้ยินที่ หลินเจิ่นเทียน พูดอ๋อว่ามันยังมีคนที่เก่ง ๆ อยู่อีกเยอะ!!

B3 : แหม่[ ม. ]ก็ให้ตัวร้ายมันมีบทเด่นบ้างเถอะ

B1,B2 : บทเด่น?? โธ่แค่มันออกมาได้ 1 2 บทนี่ก็เด่นเต็มทีแล้ว

B4 : ก็คงจะจริงอย่างที่พวกมันพูดนั่นแหละ B3 ตัวร้ายออกมา บท 2 บท นั่นก็น่าจะเรียกว่าเด่นได้แล้วล่ะ เพราะว่าที่นางเอกอย่าง ฮวาเหมิงฮัน มันยังออกมาแค่ บทเดียวเอง

B1 : WTF !!!

#########################################################
เอาล่ะก็ขอจบสาระเร้าใจ BY: นายกระทิข้น ไว้เท่านี้ก่อนนะครับขอบคุณครับสำหรับผู้อ่านทุกท่าน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม