บทที่ 66 - ดอกบัวเปลวเพลิงสีคราม

ดวงอาทิตย์ฉายแสงและกำลังจะลับขอบฟ้า ได้มีเงาของบุรุษรูปหนึ่งกำลังควบม้าวิ่งไปตามเส้นทาง ซึ่งเต็มไปด้วยฝุ่นที่ตลบอบอวล
  
ชายหนุ่มในชุดคลุมสีดำได้ควบม้าอย่างรวดเร็วและวิ่งไปตามทางเส้นทางสายหลัก

หลังจากที่ได้เดินทางตามเส้นทางหลักมาไม่นานนัก เมืองเล็ก ๆ ก็ได้ปรากฏขึ้นในสายตาของ เย่ชีเหวิน นับตั้งแต่ที่เขาได้ออกมาจาก[หุบเขาฉิงฟง] และเริ่มเดินทางตามเส้นทางหลักมากว่า 2 วัน เขาได้ซื้อม้าเร็วภายใน[เมืองฉิงฟง]ในราคา 500 ศิลาวิญญาณระดับต่ำ ซึ่งแน่นอนว่ามันย่อมต้องมิใช่ม้าธรรมดาแต่มันคือม้าที่มีโลหิตของสัตว์ปีศาจไหลเวียนอยู่ภายในร่าง ด้วยระยะทางอันห่างไกลระหว่าง[หุบเขาฉิงฟง] และ สำนัก[หลัก]ยี่หยวน มันจำเป็นที่จะต้องใช้ระยะเวลานานกว่า 2 เดือนในการเดินทางตามเส้นทางสายหลักนี้และแน่นอนอีกว่า หากเป็นม้าธรรมดามันคงจะต้องตกตายก่อนที่จะถึง 1 ใน 10 ของเส้นทางสายหลักเป็นแน่
  
หากเป็นคนธรรมดาสามัญม้าทั่วไปก็เพียงพอสำหรับพวกเขา หากแต่สำหรับ เย่ชีเหวิน ม้าทั่วไปมันไม่เพียงพอสำหรับเขา!
  
เพราะเขาเป็นถึงผู้ฝึกฝนเคล็ดวิชายุทธ์เขาสามารถอยู่รอดได้โดยที่ไม่ต้องกินหรือนอนเป็นเวลาหลายวัน ซึ่งนั่นสำหรับม้าธรรมดาทั่วไปแล้วนั้นมันไม่อาจทำได้ หากแต่สำหรับม้าที่มีโลหิตของสัตว์ปีศาจไหลเวียนอยู่ภายในร่างนั้นจะแตกต่างกัน เพราะโครงสร้างร่างกายของพวกมันจะแข็งแกร่งกว่าม้าปกติธรรมดาทั่วไปถึง 2 เท่า ไม่ว่าจะเป็นด้านความเร็วหรือด้านความอดทน ฉะนั้นแล้ว เย่ชีเหวิน จึงไม่มีความจำเป็นใด ๆ ที่จะต้องหยุดพัก เขาสามารถวิ่งไปได้เรื่อย ๆ โดยไม่ต้องหยุดและสามารถพักตอนไหนก็ได้เมื่อเขาต้องการที่จะพัก
  
เย่ชีเหวิน ได้เดินทางเข้าไปภายในเมืองและถามผู้คนโดยรอบจนเขาได้รับรู้ว่าเมืองนี้มีชื่อเรียกว่า[เฉาเจียจี๋] และผู้ที่มีอิทธิพลมากที่สุดภายในเมืองนี้คือคน[ตระกูลเฉา] ซึ่งเป็นผู้ที่ปกครองเมืองนี้
  
นอกจากนี้หลังจากที่ เย่ชีเหวิน ได้เข้ามายังภายในเมืองเขาได้พบเห็นเหล่าจอมยุทธ์จำนวนมากมีทั้งผู้แข็งแกร่งและผู้อ่อนแอ แต่ถึงจะเป็นผู้อ่อนแอก็ยังเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญ[ ระดับขั้นที่ 6 ดินแดนลมปราณก่อตั้ง ] และผู้ที่แข็งแกร่งก็ยังเป็นถึง[ ระดับครึ่งขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด ] แม้กระทั่งบางคนก็ยังเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญ[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด ]
  
เย่ชีเหวิน ได้ค้นพบเข้ากับโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งซึ่งมีสถานที่สำหรับเก็บและดูแลม้าเป็นอย่างดี เขาได้เข้าไปยังภายในโรงเตี๊ยมและได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากบริกร
  
          “ ไม่ทราบว่านายท่านต้องการสิ่งใด? ”
  
          “ข้าต้องการน้ำชาสมุนไพร และหลากหลายอาหารที่ขึ้นชื่อของที่นี่ทั้งหมดในด้านหน้าของข้า! ” เย่ชีเหวิน สั่งอาหาร หลังจากที่เขาได้รีบเร่งเดินทางและไม่ได้กินอะไรมาเป็นเวลานาน ที่นี่จึงกลายเป็นสถานที่ที่มั่นเหมาะที่จะหยุดพักและนั่งกินอาหารค่ำอย่างผ่อนคลาย
  
          “ โปรดนายท่านรอสักครู่! ” บริกรตอบ
  
          “ ช้าก่อน ข้ามีเรื่องจะถามเจ้าสัก 2 , 3 เรื่อง ที่[ เมืองเฉาเจียจี๋ ]นี้มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? เหตุใดถึงได้มีเหล่าจอมยุทธ์เพ่นพ่านมากมายเช่นนี้! ” เย่ชีเหวิน กล่าวถาม
  
          “ นี่หรือว่านายท่านยังมิได้เข้าร่วมเป็นทหารเฝ้ายามเช่นนั้นหรอกหรือ? ” บริกรกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ประหลาดใจ “ ดีถ้าเช่นนั้นข้าจะบอกท่าน ว่าทางตอนใต้ของ[ เมืองเฉาเจียจี๋ ]ของพวกข้านั้นได้มีสระแมกม่าอยู่ ซึ่งมันได้ปรากฏขึ้นที่นั่นมานานกว่า 30 ปีแล้ว แต่เมื่อไม่นานมานี้ได้มีคนเข้าไปยังสถานที่แห่งนั้นพลางได้พบเห็นเข้ากับ[ ดอกบัวเปลวเพลิงสีคราม ]เข้าโดยบังเอิญ ข่าวลือนี้จึงได้ถูกแพร่งพรายออกไปอย่างรวดเร็วและดึงดูดเหล่าจอมยุทธ์โดยรอบจำนวนมาก แล้วที่ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อ 2 วันที่ผ่านมาท่านผู้นำของ[ตระกูลเฉา]ได้ประกาศเปิดรับคนที่ต้องการจะเข้าร่วมเดินทางไปกับเขา! ”
  
[ ดอกบัวเปลวเพลิงสีคราม ] ? เย่ชีเหวิน รู้สึกตะลึงเล็กน้อย เพราะเขามิได้คาดคิดมาก่อนเลยว่าสมบัติล้ำค่าและหายากเช่นนั้นจะมาเติบโตอยู่ในสถานที่เช่นนี้ แต่ถึงอย่างนั้นด้วยอุณหภูมิความร้อนสูงของแมกม่ามันก็ยังมีความเป็นไปได้อยู่ไม่น้อยที่จะทำให้มันเจริญเติบโตขึ้นได้
  
ซึ่งแน่นอนว่าผู้ใดก็ตามที่ได้กิน[ ดอกบัวเปลวเพลิงสีคราม ]เข้าไป มันจะเสริมสร้างคุณสมบัติธาตุไฟภายในร่างของมันผู้นั้นและเมื่อต้องเผชิญหน้ากับผู้เชี่ยวชาญที่ฝึกฝนเคล็ดวิชาธาตุไฟ มันจะเป็นเรื่องยากสำหรับเขาที่จะกลายเป็นผู้เสียเปรียบ
  
          “ แล้วเหตุใดพวกเขาถึงได้ประกาศรับจอมยุทธ์จำนวนมาก ? ” เย่ชีเหวิน ถามซึ่งมันนับได้ว่าเป็นคำถามที่ดีหลังจากที่พวกเขาได้ค้นพบสมบัติล้ำค่าหายาก เหตุใดถึงต้องป่าวประกาศรับคนและยกโขยงเหล่าจอมยุทธ์กันไปมากมายถึงเพียงนั้น
  
          “ ช่างเป็นคำถามที่ยอดเยี่ยมยิ่งนัก นั่นเป็นเพราะว่าที่สระแมกม่านั่น มันมีสัตว์ประหลาดอาศัยอยู่และคอยปกป้องสมบัติอยู่ที่นั่น! ” เมื่อ บริกรกล่าวคำว่าสัตว์ประหลาด เย่ชีเหวิน อดไม่ได้ที่จะต้องรู้สึกตกใจขึ้นมาเล็กน้อย “ เจ้าสัตว์ประหลาดนั้นมันร้ายกาจมาก ข้าได้ยินมาว่ามันคราชีวิตคนไปกว่าหลาย 10 คนแล้ว! ”
  
          “ นั่นเป็นเรื่องจริง! ” เย่ชีเหวิน ขมวดคิ้วแน่น การมีสัตว์ประหลาดคอยปกป้องเฝ้าสมบัตินั้นนับว่าเป็นเรื่องปกติ แต่ในยามนี้มันเห็นได้อย่างชัดเจนว่าสัตว์ประหลาดตนนี้นั้นมันไม่ปกติ เพราะหากเป็นเช่นนั้นมันคงไม่ก่อให้เกิดความโกลาหลมากมายถึงเพียงนี้
  
          “ เจ้ารู้อะไรเกี่ยวกับสัตว์ประหลาดตนนี้บางหรือไม่? ” เย่ชีเหวิน กล่าวถาม
  
          “ ทั้งหดเท่าที่ข้ารู้ คือคน[ตระกูลเฉา]ในขณะนี้กำลังรวบรวมกำลังพลของเหล่าจอมยุทธ์จำนวนมากในการตามล่าฆ่าเจ้าสัตว์ประหลาด หากท่านสนใจท่านสามารถไปเข้าร่วมกับพวกเขาได้! ” บริกรกล่าว “ มันคงจะดีไม่น้อยหากท่านสามารถฆ่าเจ้าสัตว์ประหลาดตนนั้นได้หลังจากที่มันอยู่ภายในสระแมกม่าซึ่งอยู่ห่างออกไปไม่ไกลจากตัวเมืองมากนัก หากแต่ที่น่าแปลกคือข่าวที่มันได้สังหารผู้คนไปเป็นจำนวนมากนั้นล้วนแล้วแต่เป็นผู้คนจาก[ตระกูลเฉา]ทั้งสิ้น ”
  
แต่เริ่มเดิมที เย่ชีเหวิน ต้องการเพียงแค่ใช้เวลาพักผ่อนเล็กน้อยอยู่ภายในเมืองนี้เท่านั้น แต่ดูเหมือนว่าหลังจากการปรากฏตัวของ[ ดอกบัวเปลวเพลิงสีคราม ]นั้นจะดึงดูดความสนใจของ เย่ชีเหวิน เป็นอย่างมาก ฉะนั้นแล้วเขาจึงได้ตัดสินใจที่จะอยู่ภายในเมืองนี้อีกสักพักเพื่อรอดูสถานการณ์ต่อไป
  
หลังจากที่เวลาผ่านไปเพียงแค่ไม่กี่นาที ภายในโรงเตี๊ยมก็แออัดไปด้วยผู้คน ห้องพักมากมายต่างถูกจับจองเพียงระยะเวลาไม่นาน หลังจากที่ เย่ชีเหวิน ได้จับจองห้องพักของตนเขาก็ค่อย ๆ กลับไปนั่งที่เก้าอี้และเริ่มที่จะรับประทานอาหาร ในขณะที่ 2 วันก่อนหน้านี้เขาไม่ได้กินอาหารและรู้สึกผ่อนคลายเช่นนี้มาก่อน
  
ฉับพลัน เย่ชีเหวิน ได้เหลือบไปเห็นชายร่างใหญ่กำลังก้าวเท้าเข้ามาภายในโรงเตี๊ยม มันได้กวาดสายตาไปทั่วและเห็นว่าที่นั่งภายในโรงเตี๊ยมนั้นไม่มีที่ว่างเหลือพอให้กับมันอีกแล้ว ฉับพลันมันได้จับจองสายตามาที่ทางมุมหน้าต่างและเห็นว่า เย่ชีเหวิน กำลังนั่งรับประทานอาหารอยู่ มันจึงได้ก้าวเท้าเดินตรงออกไปและยืนในด้านหน้าของ เย่ชีเหวิน พร้อมกล่าวเสียงคำราม “ ไอ้หนู หากยังรักชีวิตตนเองอยู่ ก็จงรีบลุกออกไปเสีย แล้วคุณปู่คนนี้จะไว้ชีวิตเจ้า! ”
  
          “ ไสหัวออกไปเสีย! ” เย่ชีเหวิน ไม่แม้แต่จะมองหน้า แต่กับตะโกนออกไปอย่างเสียงดังราวเหมือนกับผู้ที่แข็งแกร่งกำลังบัญชาผู้ที่อ่อนแอ
  
          “ ไอ้เจ้าเด็กเหลือขอ นี่เจ้าว่าเยี่ยงไรนะ! ” ชายร่างใหญ่จับจ้องไปที่ เย่ชีเหวิน ด้วยตาขวางพลางเหวี่ยงฝ่ามือของเขาตรงออกไปอย่างรวดเร็ว
  
          “ ปัง! ” เย่ชีเหวิน ได้กระแทกฝ่ามือลงบนโต๊ะ พลางคว้าตะเกียบและปาออกไปโดยใช้พลังอำนาจจาก เคล็ดวิชา[ ฝ่ามือมังกรขด ]
  
          “ วิ๊ง! ” ตะเกียบส่งเสียงแหลมคมเจาะหูและพุ่งออกไปอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้าฟาด เจาะเข้าไปที่ฝ่ามือของชายร่างใหญ่
  
          “ อ้า! ” ชายร่างใหญ่กรีดร้องลั่น หลังจากที่ตะเกียบได้เจาะทะลุผ่านฝ่ามือของเขา ด้วยพลังอำนาจที่น่าหวาดกลัวมันได้ส่งให้ร่างกายของเขาปลิวกระเด็นออกไปและชนเข้ากับผนังกำแพงอย่างรุนแรง ฝ่ามือของเขาได้ถูกตราตรึงไว้กับผนังด้วยตะเกียบราวเหมือนกับได้ถูกตอกเอาไว้ด้วยตะปู
  
ชายร่างใหญ่ร่ำไห้ออกมาด้วยความเจ็บปวดที่ฝ่ามือของเขาได้ถูกตราตรึงเอาไว้กับผนัง ในขณะที่ เย่ชีเหวิน ค่อย ๆ นั่งลงราวเหมือนกับว่ามันมิได้มีอะไรเกิดขึ้นพลางหยิบตะเกียบชุดใหม่ขึ้นมา
  
ในขณะนี้ เย่ชีเหวิน ทราบตีว่าได้มีสายตามากมายจับจ้องมาที่เขา ซึ่งจอมยุทธ์เหล่านั้นล้วนแล้วแต่เป็นพวกกบฏและพวกโจร แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่มีใครที่สามารถก้าวเข้าสู่[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด ] ได้เลยแม้แต่คนเดียว แต่อย่างไรก็ตามในยามนี้มันอาจเป็นเรื่องที่ยากลำบากสำหรับ เย่ชีเหวิน อยู่เล็กน้อยเพราะหลังจากที่ข่าวลือเกี่ยวกับการปรากฏตัวของ[ ดอกบัวเปลวเพลิงสีคราม ] ได้แพร่งพรายออกไป มันได้ดึงดูดเหล่าผู้เชี่ยวชาญ[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด ] จำนวนมากมายังที่เมืองแห่งนี้ ซึ่ง เย่ชีเหวิน ยังไม่ต้องการที่จะทำให้ตนเองเป็นจุดเด่นเสียสักเท่าไหร่นัก
  
แต่หลังจากที่ เย่ชีเหวิน ได้ทำร้ายชายร่างใหญ่และส่งเขาบินออกไปได้อย่างง่ายดายต่อหน้าผู้คนจำนวนมาก จึงทำให้สายตาที่จับจ้องมายังเขานั้นเต็มไปด้วยเจตนาที่ชั่วร้าย
  
          “ ฮ่า ๆ ๆ พี่ชายวรยุทธ์ของท่านนี่ช่างล้ำเลิศยิ่งนัก! ”

#########################################################
เอาละในช่วงท้ายก็มาพบกับเราเหล่าพี่น้อง 4B หัวดอที่จะมาเผานิยายเรื่องนี้ไปพร้อมกลับคุณ

B1 : 5555 [ ม. ] บ้าแล้วที่กล้ามาแหยมกับพี่เหวิน [ ก. ] เนี่ย

B2 : กาก และยังไม่เจียมตัว

B1 : ใช่ร่างใหญ่แล้วไง เคยอ่านแจ็คผู้ฆ่ายักษ์ไหม

B3 : [ ก. ] รอดูบทต่อไปดีกว่าจริง ๆ นะไม่มีคอนเม้น

B4 : ก็ตามนั้นแหละนะ คอยดูบทต่อไป

#########################################################
เอาล่ะก็ขอจบสาระเร้าใจ BY: นายกระทิข้น ไว้เท่านี้ก่อนนะครับขอบคุณครับสำหรับผู้อ่านทุกท่าน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม