บทที่ 67 - สัตว์ประหลาด

          “ ฮ่า ๆ ๆ พี่ชายวรยุทธของท่านนี่ล้ำเลิศยิ่งนัก! ” เสียงฝีเท้าก้าวเดินลงมาจากชั้นบน ชายหนุ่มสวมชุดผ้าไหมก้าวเดินลงมาจากขั้นบันไดพลางจับจ้องไปที่ เย่ชีเหวิน และกล่าวออกมาพร้อมกับเสียงหัวเราะ “ ข้ามิได้คาดคิดเลยจริง ๆ ว่าจักมาเจอจอมยุทธ์ที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ในสถานที่แบบนี้ ช่างหาได้ยากยิ่งนัก ช่างหาได้ยากยิ่งนัก! ”

ชายหนุ่มชุดผ้าไหม ไม่แม้แต่จะชายตามองไปที่ชายร่างใหญ่ที่กำลังร่ำไห้อยู่เลยแม้แต่น้อย มันอาจกล่าวได้ว่าโชคดีแล้วที่มันผู้นั้นยังมิได้ตกตายไป

เย่ชีเหวิน รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยที่เห็นว่าชายหนุ่มผู้นี้ได้หลบซ่อน[กลิ่นอาย]ของตน แต่หลังจากที่ เย่ชีเหวิน ได้ฝึกฝนเคล็ดวิชา[ หยุดรั้งลมหายใจ ]มันทำให้เขาสามารถมองเห็นผ่านการบ่มเพาะพลังของผู้อื่นและสิ่งที่ทำให้ เย่ชีเหวิน ต้องรู้สึกประหลาดใจ นั่นก็เป็นเพราะว่าชายหนุ่มผู้นี้คือผู้เชี่ยวชาญ[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด ]

เขาได้เดินมายังด้านหน้าของ เย่ชีเหวิน พลางกล่าวแนะนำตัว “ ยินดีที่ได้รู้จักพี่ชายข้ามีนามว่า ไต้เสี่ยวฮวา ไม่ทราบว่าพี่ชายมีชื่อเสียงเรียงนามว่าเยี่ยงไร? ”

          “ ไต้เสี่ยวฮวา ? ” คิ้วของ เย่ชีเหวิน กระตุกเล็กน้อย ด้วยรูปร่างที่ใหญ่โตของเขาแต่กับมีนามที่หมายความว่า[ช่อดอกไม้เล็ก ๆ] มันแทบทำให้ เย่ชีเหวิน รู้สึกอดขำไม่ได้ แต่ถึงอย่างนั้นการแนะนำตัวเองด้วยชื่อที่มีความหมายว่า[ ช่อดอกไม้เล็ก ๆ ] บางทีเขาอาจไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับมัน

          “ ข้ามีนามว่า เย่ชีเหวิน ! ” เย่ชีเหวิน กล่าวตอบ เพราะเขาทราบดีว่าชายผู้ที่อยู่เบื้องหน้าของเขานี้นั้น มิได้มีพิษภัยใด ๆ ต่อเขา หลังจากที่ได้ฝึกฝนเคล็ดวิชา[ หยุดรั้งลมหายใจ ] มันทำให้ เย่ชีเหวิน มีความเข้าใจในการอ่าน[กลิ่นอาย]มากยิ่งขึ้นไปจนถึงในระดับแก่นแท้ของมัน นอกจากเขาจะสามารถหลบซ่อน[ลมหายใจ]และเปลี่ยน[ลมหายใจ]ของตนได้แล้ว เขายังสามารถบอกได้อีกว่าบุคคลคนนี้มีเจตนาร้ายหรือไม่โดยการอ่าน[กลิ่นอาย]ของมันผู้นั้น แม้ว่าการปลอมตัวจะสามารถเปลี่ยนใบหน้าและรูปร่างได้ แต่มันไม่สามารถเปลี่ยน[ลมหายใจ]ได้

          “ ฮ่าฮ่า หลังจากที่ข้าได้มองหามานานในที่สุดก็ได้พบจอมยุทธ์ที่ยอดเยี่ยมเช่นเจ้า! ” ไต้เสี่ยวฮวา ยิ้มกล่าว “ เจ้านั้นแตกต่างจากพวกไอ้พวกสามัญชนเหล่านี้! ”

เห็นได้ชัดว่า ไต้เสี่ยวฮวา ได้กล่าวถึงเหล่าจอมยุทธ์ที่นั่งอยู่ภายในโรงเตี๊ยม แต่ที่น่าแปลกใจคือแม้ว่าพวกมันจะโกรธ แต่พวกมันกลับมิยอมทำอะไรเลย อีกทั้งยังนิ่งเงียบและไม่พูดอะไร

เย่ชีเหวิน นั้นเป็นคนขี้สงสัยและเริ่มมีความสนใจในตัว ไต้เสี่ยวฮวา เพราะกริยาท่าทางและการวางตัวของเขานั้นล้วนแตกต่างจากเหล่าจอมยุทธ์พวกนี้ลิบลับอย่างสิ้นเชิง ยิ่งไปกว่านั้น เย่ชีเหวิน ยังรู้อีกว่าจอมยุทธ์พวกนี้เป็นเพียงแค่พวกกลุ่มโจรและพวกที่ถูกใช้แรงงานทุก ๆ วันชีวิตของพวกมันต้องเดิมพันด้วยความเป็นความตาย ซึ่งโดยธรรมชาติแล้วพวกมันล้วนแล้วแต่เป็นคนประเภทเลือดร้อนและหงุดหงิดง่าย หากแต่พวกมันกลับไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบใด ๆ เลยแม้แต่คำเดียว

แม้ว่าท่ามกลางพวกมันจะมีหมู่ผู้เชี่ยวชาญที่น่ากลัวแอบซ่อนอยู่ แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังเป็นเพียงแค่ผู้เชี่ยวชาญ[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อตั้ง ]

และดูเหมือนว่า ไต้เสี่ยวฮวา จะอ่านความคิดของ เย่ชีเหวิน ออกจึงได้หัวเราะพลางกล่าวออกไปว่า “ มันก็ไม่มีอะไรมาก เพียงแค่ข้าทำให้พวกมันได้รู้ซึ้งถึงความห่างชั้นว่าพวกมันไม่สามารถเอาชนะข้าได้และทำได้เพียงทนเท่านั้น! ”

การกล่าวตรงไปตรงมาของ ไต้เสี่ยวฮวา ได้สร้างความประทับใจให้กับ เย่ชีเหวิน เล็กน้อยเมื่อเทียบกับเหล่าผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งแล้วนั้นเขามีอัธยาศัยที่ดีกว่ามาก

          “ พี่ชายเย่ ท่านกำลังจะไปเข้าร่วมเป็นคนเฝ้ายามกับ[ตระกูลเฉา]ใช่หรือไม่? ” ไต้เสี่ยวฮวา กล่าวถาม

          “ ใช่! ” เย่ชีเหวิน พยักหน้า

          “ ฮ่า ๆ ดี ดี ถ้าเช่นนั้นข้าจักขอร่วมเดินทางไปด้วยคน! ” ไต้เสี่ยวฮวา หัวเราะพลางกล่าว

          “ ดี งั้นเราจะเดินทางไปด้วยกัน! ” เย่ชีเหวิน หัวเราะพลางกล่าว เขาค่อนข้างอยากรู้เกี่ยวกับเบื้องหลังของชายหนุ่มผู้นี้ ทั้งที่อายุยังน้อยแต่กลับเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญ[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด ] เขาไม่สามารถจิตนาการได้เลยว่าผู้เชี่ยวชาญที่เป็นผู้อบรมสั่งสอนอัจฉริยะเช่นเขานั้น จะมีความแข็งแกร่งมากแค่ไหน

          “ เยี่ยม งั้นเราจักไปในตอนนี้! ” ไต้เสี่ยวฮวา กล่าว

          “ ยามราตรีเช่นนี้? ” เย่ชีเหวิน กล่าวถาม

          “ ใช่แล้ว เพราะทุกคืนเจ้าสัตว์ประหลาดนั่นจะมายังเมืองแห่งนี้ ซึ่งดูเหมือนว่า[ตระกูลเฉา]จะเป็นกังวลอย่างมากเกี่ยวกับการปรากฏตัวของมัน จึงได้ออกประกาศรับเหล่าจอมยุทธ์มาเป็นคนเฝ้ายามจำนวนมาก เพื่อคอยปกป้องเมืองจากเจ้าสัตว์ประหลาดนั่น! ” ไต้เสี่ยวฮวา ว่ากล่าว

พวกเขามิได้นั่งอยู่ที่นั่นนานนักพลางลุกออกมาและมุ่งหน้าตรงไปยังคฤหาสน์[ตระกูลเฉา] นับตั้งแต่ที่[เมืองเฉาเจียจี๋]ได้ถูกปกครองโดยพวกเขาคฤหาสน์[ตระกูลเฉา]จึงได้ตั้งอยู่ ณ ใจกลางของเมือง

ไต้เสี่ยวฮวา ได้มายังเมืองนี้อยู่ก่อนแล้วเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา จึงมีความคุ้นเคยอยู่บ้างไม่มากก็น้อย

แม้ว่าในช่วงเวลานี้จะอยู่ในยามค่ำคืน แต่ภายในคฤหาสน์ของ[ตระกูลเฉา]กลับเต็มไปด้วยแสงสว่างจ้าราวกับอยู่ในช่วงเวลากลางวัน โคมไฟจำนวนนับไม่ถ้วนได้ฉายแสงสาดส่องไปทั่วยามค่ำคืน

แม้แต่ประตูทางเข้าก็ยังเต็มไปด้วยเหล่าทหารเฝ้ายามจำนวนมาก ทันทีที่ทหารเฝ้ายามเหล่านั้นได้เห็น ไต้เสี่ยวฮวา และ เย่ชีเหวิน ก็ได้กล่าวถามออกไปในทันที “ นั่นใคร? ”

          “ พี่ชาย พวกข้าทั้ง 2 ได้ยินมาว่า[ตระกูลเฉา]กำลังประกาศรับจอมยุทธ์จำนวนมากใช่หรือไม่ พอดีว่าพวกข้าทั้ง 2 ต้องการเป็น 1 ในนั้น ” ไต้เสี่ยวฮวา ว่ากล่าว

หลังจากนั้นไม่นานนัก ผู้คนระดับสูงภายใน[ตระกูลเฉา] 2 คนก็ได้ออกมาต้อนรับพวกเขาพลางกล่าวว่า “ ในเวลาเช่นนี้คน[ตระกูลเฉา]ของเราได้ถูกฆ่าไปเป็นจำนวนมากโดยเจ้าสัตว์ประหลาดนั่น หากพวกท่านสามารถยื่นมือเข้าช่วยเหลือพวกข้าได้ จะนับว่าเป็นพระคุณอย่างสูง! ”

พวกเขาทั้ง 2 ต่างเป็นผู้คนระดับสู้ของ[ตระกูลเฉา] เพื่อดูแลความเสียหายให้ได้น้อยที่สุดจากการจู่โจมของสัตว์ประหลาด เขาจึงได้ประกาศรับจอมยุทธ์จำนวนมากและจัดแจงให้กระจายตัวกันออกไปตามจุดต่าง ๆ ของเมืองเพื่อป้องกันคนจากการจู่โจมของสัตว์ประหลาด

          “ ตามที่ข้าได้คอยสังเกตการณ์มานับหลายวัน ข้าได้รู้มาว่าเจ้าสัตว์ประหลาดนั่นมักชอบมาปรากฏตัวในยามค่ำคืนเช่นนี้ ข้าคิดว่าหากเรามารอคอยมันในเวลาเช่นนี้มันจักต้องได้เห็นอะไรดีดีเป็นแน่! ” ไต้เสี่ยวฮวา กล่าวในขณะที่นอนราบอยู่บนม้านั่งภายในสวนและคาบดอกไม้งามไว้ที่ปากกล่าวกับ เย่ชีเหวิน

เย่ชีเหวิน นั่งไขว่ห้างอยู่บนม้านั่งและเริ่มฝึกฝนการบ่มเพาะพลังอีกครั้ง

ซึ่งการเขาได้มี[ พื้นที่ลึกลับ ]ไว้ในครอบครองนั้น มันทำให้เขาสามารถฝึกฝนที่ใดเวลาใดก็ได้เมื่อยามที่เขาต้องการ

เมื่อยามเวลาได้ผ่านล่วงเลยไป ยามราตรีก็ค่อย ๆ คืบคลาน ท้องฟ้าเริ่มมืดครึ้มและแสงสว่างค่อย ๆ หายเหลือเพียงไว้แสงจันทร์ที่สลัว ทุกสุ่มเสียงภายในเมืองค่อย ๆ เงียบลงและเข้าสู่ภวังค์แห่งความเงียบ เหล่าคนเฝ้ายามทุกคนต่างรอคอยการมาของสัตว์ประหลาด

ไต้เสี่ยวฮวา มิได้อยู่ภายในสวนนานนัก เขาได้ก้าวเท้าเดินออกไปต่างจุดต่าง ๆ ที่มีความเสี่ยงว่าเจ้าสัตว์ประหลาดนั่นจะปรากฏตัวออกมามากที่สุด

ค่ำคืนอันมืดมิด แสงจันทร์ถูกปกคลุมไปด้วยก้อนเมฆหนาทึบ เมืองทั้งเมืองต่างดำมืดสนิท มีเพียงแค่คฤหาสน์[ตระกูลเฉา]เท่านั้น ที่ยังคงสว่างจ้าราวเหมือนกับตอนกลางวัน

แต่ทว่าทันใดนั้นเอง เย่ชีเหวิน ก็ได้เปิดตาของเขาและได้เห็นใบหน้าอันใหญ่ยักษ์น่าเกลียดอยู่ในด้านหน้าของเขา เปลวเพลิงความร้อยสูงได้ถูกพ้นออกมาพร้อมกับลมหายใจของมัน

          “ เสียงชักดาบ! ” ฉันพลัน เย่ชีเหวิน ได้คว้าจับมีดยาวของเขาและชักมันออกมาจากฟักพลางฟาดฟันใบมีดกระกายแสงออกไปสับลงบนหัวขนาดใหญ่ของมัน

          “ เพล้ง! ” แต่ทว่าในขณะที่ใบมีดประกายแสงของเขาได้สับตรงลงไปที่หัวขนาดใหญ่ของมัน มันก็ได้เกิดเสียงดังสะท้อนราวกับเป็นการปะทะกันของโลหะ

ใบมีดประกายแสงได้ชักออกพลางปรากฏรอยสีขาวบนหัวขนาดใหญ่ของมัน แต่ทว่าในยามนั้นสัตว์ประหลาดกลับเกิดความหวาดกลัวที่ถูก เย่ชีเหวิน จู่โจมอย่างฉับพลัน มันจึงได้กระโดดข้ามหัวของ เย่ชีเหวิน ไป

แต่ในเวลานั้นเอง เย่ชีเหวิน ก็ได้เห็นร่างของสัตว์ที่มีความสูงมากกว่า 10 ฟุต และมี 4 กรงเล็บ ร่างกายของมันถูกปกคลุมไปด้วยเกล็ดที่หนาทึบสีแดงตัดดำ อีกทั้งมันยังได้แพร่กลิ่นอายที่น่าหวาดกลัวออกมาพร้อมกับประกายแสงรอบตัวของมัน

กลิ่นอายที่น่าหวากลัวได้ล็อกแน่นลงบนร่างของ เย่ชีเหวิน หากแต่ เย่ชีเหวิน หาได้หวั่นเกรงไม่ โดยไม่รีรอช้าเขาได้ฟาดฟัน[ พลังปราณใบมีด ]ขนาดใหญ่รูปแบบจันทร์เสี้ยวออกไปทางสัตว์ประหลาดในทันที

และในขณะนั้นเองจอมยุทธที่ได้อยู่ในบริเวณใกล้เคียงและได้เห็นสัตว์ประหลาด พวกเขาก็ได้เริ่มตะโกนเรียกเสียงดังออกมาในทันที

          “ สัตว์ประหลาด , สัตว์ประหลาด! ”

#########################################################
เอาละในช่วงท้ายก็มาพบกับเราเหล่าพี่น้อง 4B หัวดอที่จะมาเผานิยายเรื่องนี้ไปพร้อมกลับคุณ

B1 : เชด โคตรถึก

B2 : มีความเป็นดาวรุ่งพุ่งแรง

B1 : หืม! ดาวรุ่งพุ่งแรง?? นี่มันโหดขนาดนั้นเลยหรอ

B2 : ป่าว ดาวรุ่งพุ่งแรงที่หมายถึงเนี่ยคือแม้งเพ่นหนีโคตรไว

B4 : แต่ดูแล้วหัวแข็งน่าดู

B3 : ดูเหมือนเจ๋งนะตอนเปิดตัว แต่พอเริ่มหัวหลังหนีเท่านั้นแหละ[ก.]เลิกเชียร์[ม.]ล่ะ

#########################################################
เอาล่ะก็ขอจบสาระเร้าใจ BY: นายกระทิข้น ไว้เท่านี้ก่อนนะครับขอบคุณครับสำหรับผู้อ่านทุกท่าน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม