บทที่ 69 - แปลก

          " เฮ้อ~ ช่างน่าเสียดายยิ่งนักดูเหมือนว่าเจ้านั่นจะเป็นกิเลนเปลวเพลิง ข้าคิดไม่ถึงเลยจริง ๆ ว่าสัตว์ปีศาจกิเลนเปลวเพลิงจะมาอยู่ในสถานที่เช่นนี้ได้! " ไต้เสี่ยวฮวา ว่ากล่าว
         
          " กิเลนเปลวเพลิง...สัตว์ปีศาจกิเลนเปลวเพลิง?! มิน่าแปลกใจเล่าว่าเหตุใดข้าถึงมิอาจทลายการป้องกันของมันได้! "
         
          " ใช่เกล็ดของมันนั้นช่างแข็งแกร่งยิ่งนัก ข้าคิดว่าแม้จะเป็นชุดเกราะที่มีชื่อเสียงก็ยังไม่อาจมีพลังป้องกันเทียบเท่าได้กับเกล็ดของมัน หากข้ามีเกราะป้องกันเช่นนั้นบางข้าก็คงไม่ต้องเกรงกลัวผู้ใดอีกแล้ว! "
         
ในเวลานี้เหล่าจอมยุทธต่างพูดคุยกันอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับสัตว์ปีศาจกิเลนเปลวเพลิงที่บุกเข้าเมืองก่อนหน้านี้ แต่กลับไม่สามารถสร้างความเสียหายใด ๆ ได้เลยแม้เพียงนิด อีกทั้งยังถูกขับไล่ออกไปได้อย่างง่ายดาย
         
แต่มีเพียงแค่ เย่ชีเหวิน เท่านั้นที่ยังคงคุ่นคิดเกี่ยวกับสัตว์กิเลนเปลวเพลิงภายในจิตใจของเขา เพราะสัตว์กิเลนเปลวเพลิงนั้นถือได้ว่าเป็นสัตว์ปีศาจที่มีชื่อเสียงอย่างมาก จุดเด่นของมันคือการที่มันเกิดมาจากสระน้ำแมกม่า ซึ่งทำให้มันมีความสามารถในการทนทานหรืออยู่อาศัยในสถานที่ที่มีความร้อนสูงได้ ยิ่งไปกว่านั้นมันยังมีข่าวลืออีกว่าสัตว์กิเลนบรรพกาลนั้นได้สืบเชื้อสายมาจากสายโลหิตของ นกวิหคเพลิง ไหลเวียนอยู่ภายในร่าง แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังเป็นเพียงแค่ข่าวลือและยังไม่มีใครทราบถึงมูลเหตุที่แน่ชัด หลังจากที่การมีอยู่ของกิเลนบรรพกาลและมังกรนั้นเปรียบเสมือนเป็นดั่งสัตว์ในตำนานที่ไม่มีใครรู้ว่ามันมีอยู่จริงหรือไม่
         
เฉกเช่นเดียวกับมังกรบินที่เป็นเผ่าพันธุ์ที่ด้อยกว่าหากเทียบกับมังกรบรรพกาล ซึ่งมันก็ยังมีข่าวลือออกมาว่าสัตว์กิเลนเปลวเพลิงเองก็ได้สืบเชื้อสายต่อมาจากกิเลนบรรพกาล ซึ่งสัตว์กิเลนเปลวเพลิงที่โตเต็มวัยแล้วนั้นจะมีพลังอำนาจเกินกว่าขอบเขต[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด]ขึ้นไปจนมิอาจสามารถจินตนาการได้ เพียงแต่หลังจากที่ได้คาดการณ์แล้วดูเหมือนว่าสัตว์กิเลนเปลวเพลิงที่บุกมายัง[เมืองเฉาเจียจี๋]ก่อนหน้านี้นั้นจะมิได้มีพลังอำนาจมากมายถึงเพียงนั้น นี่จึงแสดงให้เห็นว่ามันมีความเป็นไปที่มันจะเพิ่งเกิดเมื่อไม่นานมานี้!
         
แต่เพียงแค่เพิ่งเกิดมาก็มีระดับการบ่มเพาะพลังอยู่ใน[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด ]เลยเช่นนั้นเชี่ยวหรือ ? เมื่อคิดเช่นนี้แล้วมันทำให้ เย่ชีเหวิน อดไม่ได้ที่จะต้องรู้สึกผงะและถอดถอนหายใจพลางยอมรับความจริงว่าสัตว์ปีศาจพวกนี้นั้นมีความแข็งแกร่งที่เหนือกว่าเหล่ามนุษย์เป็นอย่างมาก ยกเว้นเสียแต่ภูมิปัญญาที่มันไม่อาจนำมาเทียบกับมนุษย์ได้และด้วยภูมิปัญญานี้เองจึงทำให้มนุษย์มีความแข็งแกร่งมากกว่าพวกสัตว์ปีศาจที่น่ากลัวเหล่านี้ อีกทั้งมนุษย์ยังมีประชากรมากที่สุดและกลายเป็นผู้นำปกคลอง[โลกการต่อสู้ที่แท้จริง]แห่งนี้
         
          " ในยามนี้ข้าขอขอบคุณพวกท่านทุกคนที่ได้รับการช่วยเหลือเมืองนี้เอาไว้ จากการปรากฏตัวอย่างฉับพลันของสัตว์กิเลนเปลวเพลิงหากไม่มีพวกท่านอยู่ที่นี่ข้าเกรงว่ามันอาจต้องเกิดโศกนาฏกรรมขึ้นเป็นแน่! " ในยามนี้ชายวัยกลางคนได้เดินออกมาจากคฤหาสน์[ตระกูลเฉา]พลางกล่าวออกมาพร้อมทั้งประสานมือไว้ที่ระหว่างช่วงอก
         
          " ท่านเจ้าเมืองถ่อมตนมากเกินไป! "
         
          " ท่านไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้ เพราะนี่นับเป็นงานของพวกข้า! "
         
ชายวัยกลางคนผู้นี้คือผู้นำของ[ตระกูลเฉา]นามว่า เฉาจินเปียว
         
          " แต่ถึงอย่างนั้นการที่[ตระกูลเฉา]ของพวกเราสามารถรอดพ้นภัยอันตรายมาได้ในวันนี้ นั้นก็เป็นเพราะการช่วยเหลือของพวกท่านทุกคน หากมิได้ออกมากล่าวขอบคุณด้วยตนเองมันจะแลดูเป็นการเห็นแก่ตัวและเอาเปรียบพวกท่านมากจนเกินไป! " เฉาจินเปียว กล่าว
         
          " ในเช้ารุ่งขึ้นของวันพุ่งนี้[ตระกูลเฉา]ของเราจะดำเนินการไปกำจัดเจ้าสัตว์ปีศาจร้ายกิเลนเปลวเพลิงนั่นหากไม่เป็นการรบกวนจนเกินไปข้าต้องการกำลังของพวกท่านสำหรับการเดินทางในครั้งนี้! " เฉาจินเปียว ว่ากล่าว
         
          " แน่นอนไม่มีปัญหา! "
         
          " รับรองได้เลยว่าพวกเราจะมีส่วนร่วมในการเดินทางครั้งนี้! "
         
จอมยุทธมากมายต่างหัวเราะพลางยอมรับข้อเสนอของ เฉาจินเปียว ในการเดินทางไปกำจัดสัตว์ปีศาจกิเลนเปลวเพลิงในเช้าของวันรุ่งขึ้น การขับไล่กิเลนเปลวเพลิงไปอย่างง่ายดายนั้น มันทำให้พวกเขามีความเชื่อมั่นมากยิ่งขึ้นแม้ว่าก่อนหน้านี้จะมีเหล่าผู้เชี่ยวชาญเสียชีวิตไปบ้างก็ตาม แต่ทว่าในขณะที่สัตว์ปีศาจกิเลนเปลวเพลิงกำลังหลบหนีอยู่นั้นกลับมีเพียงแค่ผู้เชี่ยวชาญใน[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อตั้ง ] เช่นเดียวกับ เย่ชีเหวิน เพียงเท่านั้นที่ได้ไล่ตามและขับไล่มันออกไป
         
ไม่ว่าบุคคลอื่นจะมองว่าเช่นไรแต่ เย่ชีเหวิน ไม่ได้มองในแง่ดีอย่างแน่นอน เพราะเขารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าการบ่มเพราะพลังของ เฉาจินเปียว นั้นมั่นเหมาะที่จะอยู่ใน[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด ] แม้ว่าเขาจะกระทำการปิดกั้น[กลิ่นอาย]ของตนเป็นอย่างดี หากแต่มันก็ยังคงมีการรั่วไหลออกมาเล็กน้อยซึ่งนั้นไม่อาจรอดพ้นการตรวจจับของ เย่ชีเหวิน ไปได้
         
หลังจากที่เขาได้ฝึกฝนเคล็ดวิชา[ หยุดรั้งลมหายใจ ] เย่ชีเหวิน ก็ได้มีความเข้าใจในการอ่านหรือตรวจจับกลิ่นอายมากขึ้น โดยอาศัย[กลิ่นอาย]ที่เล็ดลอดออกมาแม้เพียงน้อยนิดก็สามารถรับรู้ได้ในทันทีถึงระดับการบ่มเพาะพลังของคน ๆ นั้น เช่นเดียวกับ เฉาจินเปียว ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญ[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด ] แต่ดูเหมือนว่าเขาจะมีอาการบาดเจ็บอยู่เล็กน้อย หลังจากที่ เย่ชีเหวิน สามารถสัมผัสได้ว่า[กลิ่นอาย]ของเขานั้นไม่เสถียน
         
แต่ถึงแม้ว่า เฉาจินเปียว จะได้รับอาการบาดเจ็บแต่เขาก็ยังคงเป็นผู้เชี่ยวชาญ[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด ] แต่กลับไม่แม้แต่จะตอบโต้สัตว์ปีศาจกิเลนเปลวเพลิงเลยแม้เพียงนิด อีกทั้งยังปล่อยให้มันฆ่าคนภายใน[ตระกูลเฉา]และกระทำการหลบหนีไปอย่างง่ายดาย แน่นอนว่าเรื่องนี้มันจักต้องมีเบื้องหน้าเบื้องหลังเป็นแน่
         
          " ขอขอบคุณท่านวีรบุรุษทั้ง 2 ที่ช่วยขับไล่เจ้าปีศาจกิเลนเปลวเพลิงนั่นไปในครานี้! " เฉาจินเปียว ว่ากล่าว เพราะเขาทราบดีว่ามีเพียงแค่ ไต้เสี่ยวฮวา และ เย่ชีเหวิน เพียงเท่านั้นที่สร้างความหวาดกลัวให้กับปีศาจกิเลนเปลวเพลิง เพราะนอกจากพวกเขาแล้วจอมยุทธคนอื่น ๆ ก็เป็นเพียงแค่[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อตั้ง ] เพียงเท่านั้น ซึ่งมันไม่แข็งแรงพอที่จะสามารถเอาชนะสัตว์ร้ายอย่างกิเลนเปลวเพลิงนั่นได้
         
          " ท่านเจ้าเมืองโปรดอย่าได้เกรงใจ! " ไต้เสี่ยวฮวา โบกมือพลางกล่าวไม่ใส่ใจ
         
          " อย่าได้เกรงใจ! " เย่ชีเหวิน กล่าว
         
เฉาจินเปียว ที่เห็นว่าพวกเขาทั้ง 2 เริ่มพูดคุยซึ่งกันและกัน เขาก็มิได้ยืนอยู่ที่นั่นนานนัก หลังจากที่ได้กล่าวพูดคุยกับจอมยุทธคนอื่น ๆ ในที่สุดเขาก็ได้แยกตัวออกไป
         
          " เฮ้เฮ้ ข้ามิอยากจะเชื่อเลยจริง ๆ ว่ามันจะเป็นสัตว์กิเลนเปลวเพลิง! " ไต้เสี่ยวฮวา กล่าวหลังจากที่เขาเห็นว่า เฉาจินเปียว ได้ก้าวเดินออกไปแล้ว
         
          " นอกจากนี้ยังมี[ ดอกบัวเปลวเพลิงสีคราม ]อีก ฮะฮ่าฮ่า ข้าเกรงว่าที่นี่มันจักต้องคึกคักและอัดแน่นไปด้วยผู้คนจำนวนมากเป็นแน่! " ไต้เสี่ยวฮวา กล่าวอย่างตื่นเต้น " ในคราแรกข้าไม่มั่นใจว่า[ ดอกบัวเปลวเพลิงสีคราม ]นั้นมีอยู่จริงหรือไม่ หากแต่ในครานี้หลังจากที่ข้าได้เห็นสัตว์กิเลนเปลวเพลิงมันก็ยิ่งทำให้ข้ามั่นใจ จากตำราที่ข้าได้เคยศึกษามันได้กล่าวเอาไว้ว่า สัตว์กิเลนเปลวเพลิงนั้นย่อมมักจะมีการเกี่ยวพันกับทรัพย์สมบัติที่ล้ำค่าหายากเสมอ เฉกเช่นเดียวกับ[ ดอกบัวเปลวเพลิงสีคราม ]ในครานี้ที่ถูกปกครองโดยสัตว์กิเลนเปลวเพลิงในวัยแรกเกิด หาก[ ดอกบัวเปลวเพลิงสีคราม ]ครบกำหนดและสุกงอมเมื่อใด ตราบเท่าที่สัตว์กิเลนเปลวเพลิงในวัยแรกเกิดได้กลืนกินมันจะทำให้มันเข้าสู่สภาวะเติบโตในทันที! "
         
เข้าสู่สภาวะเติบโต! เย่ชีเหวิน ขมวดคิ้วแน่น เพียงแค่สัตว์ปีศาจกิเลนเปลวเพลิงวัยแรกเกิดก็ยากที่จะจัดการแล้ว นี่ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลยหากมันเจริญเติบโตไปมากกว่านี้ คงไม่มีใครสามารถจินตนาการถึงขอบเขตความน่ากลัวเมื่อยามที่มันเจริญเติบโตได้เป็นแน่ เย่ชีเหวิน คุ่นคิดภายในใจว่าเขานั้นโชคดีมากแค่ไหนที่มันมิได้อยู่ในวัยที่เจริญเติบโตเต็มที หากมิเป็นเช่นนั้นแล้วเขาคงไม่อาจหลบหนีรอดพ้นไปจากเงื้อมมือของมันได้เป็นแน่และคงจะถูกฆ่าตายในด้านหน้าของสัตว์ดุร้ายเช่นมัน ผู้สืบเชื้อสายมาจากสายโลหิตของสัตว์กิเลนบรรพกาล สัตว์ปีศาจที่ชั่วร้ายและน่าหวาดกลัวยากที่จะจัดการ
         
          " เฮ้เฮ้ ข้าว่าจะไปพร้อมกับผู้คนจำนวนมากในเช้าวันรุ่งขึ้นข้าหวังว่ามันจักต้องน่าสนุกมากเป็นแน่! " ไต้เสี่ยวฮวา ได้ป้องมือของเขาขึ้นเหนือระหว่างอกพร้อมกล่าว " พี่ชายเย่ ข้ามีสิ่งที่จำเป็นจักต้องทำเช่นนั้นขอตัวลา! "
         
ทันทีที่ร่างของ ไต้เสี่ยวฮวา ได้เดินห่างออกไป เย่ชีเหวิน ก็มิได้อยู่ที่คฤหาสน์ของ[ตระกูลเฉา]นานนัก เขาได้เดินกลับไปยังโรงเตี๊ยมและเริ่มต้นทำการฝึกฝนภายในก้องของเขา
         
เย่ชีเหวิน รู้สึกได้ว่ามันมีบางอย่างที่แปลก ๆ ราวกับว่าทุกสิ่งอย่างมันมิได้ง่ายดายเหมือนดั่งที่เขาได้คาดการณ์เอาไว้ในคราแรก แม้เป็นเพียงแค่สัตว์กิเลนเปลวเพลิงแรกเกิดแต่กลับมีระดับการบ่มเพราะพลังอยู่ที่[ ระดับจุดสูงสุดขั้นที่ 1 ลมปราณก่อเกิด ] ซึ่งมันอาจกล่าวได้ว่ามันมีพลังมากพอที่จะฆ่าผู้เชี่ยวชาญได้ทุกคนที่อยู่ในด้านหน้าของมันแม้ว่ามันผู้นั้นจะเป็นผู้เชี่ยวชาญ[ ระดับขั้นที่ 2 ลมปราณก่อเกิด ] ก็ตามก็ยังมีสิทธ์ที่จะถูกฆ่าตายโดยมัน
         
หากมันสามารถก้าวเข้าสู่สภาวะการเจริญเติบโตได้สำเร็จ การจะจัดการมันนั้นคงนับว่าเป็นเรื่องยากและคงไม่ต้องกล่าวถึงความน่ากลัวของมัน
         
เพราะความน่ากลัวของมันนั้นจะเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมากจนอาจจินตนาการได้!
         
แต่อย่างไรก็ตาม เขาจำเป็นที่จะต้องเพิ่มความแข็งแกร่งของเขาขึ้นเป็นอย่างแรก เพื่อจัดการกับปัญหานี้ทั้งหมดเยี่ยงราขา!
         
1 คืนผ่านไปเพียงพริบตาพลังปราณของ เย่ชีเหวิน มีความเข้มข้นมากยิ่งขึ้นจากการฝึกฝน แต่สำหรับจอมยุทธหลายคนกลับเป็นระยะเวลาที่พวกเขามิได้หลับนอน หลังจากที่มีการเปิดเผยว่าสัตว์ปีศาจที่ได้กระทำการบุกเมืองเขามานั้น เป็นสัตว์กิเลนเปลวเพลิงที่แสนจะน่าหวาดกลัว
         
การดำรงอยู่ของสัตว์กิเลนเปลวเพลิงและ[ ดอกบัวเปลวเพลิงสีคราม ]นั้น ก็เพียงพอแล้วที่จะดึงดูดเหล่าผู้เชี่ยวชาญจำนวนมาก
         
หลังจากที่ได้ฝึกฝนมาตลอด 1 คืน เย่ชีเหวิน ก็ได้หยุดพักและเดินลงมาชั้นล่าง แต่ทว่าทันใดนั้นเองเขาก็ต้องพบกับฉากที่เต็มไปด้วยเหล่าจอมยุทธจำนวนมากอัดแน่นกันภายในโรงเตี๊ยม พวกเขาต่างเป็นจอมยุทธหน้าใหม่ที่เพิ่งก้าวเข้ามายังเมืองนี้ ซึ่งหากเทียบกับกลุ่มจอมยุทธ์เมื่อวานนี้แล้วนั้นพวกเขาล้วนมีความแข็งแกร่งกว่ามาก อีกทั้งพวกเขาจำนวนมากยังประกอบไปด้วยผู้เชี่ยวชาญ[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด ] เมืองทั้งเมืองต่างตกอยู่ในความสบสนวุ่นวาย ตลอดระยะทางไปยังคฤหาสน์[ตระกูลเฉา] ต่างครุกไปด้วยฝุ่นที่ตลบอบอวล หลังจากที่พวกเขาเหล่านั้นได้ยินเรื่องเกี่ยวสัตว์กิเลนเปลวเพลิงและ[ ดอกบัวเปลวเพลิงสีคราม ]
         
****************************************************************************************
         
B1 : [ก.] ว่สเรื่องนี้แม้งต้องมีเงี่ยนงำ

B2 : ใช่ข้าก็คิดเช่นนั้น B1 ไอ้ เจ้าเมือง เฉาจินเปียว ไรนั่นมันน่าสงสัยมากเกินไป

B3 : จะสงสัยหรือไม่น่าสงสัย[ก.]ไม่รู้หรอกนะ แต่[ก.]อีกไม่นาน ไอ้เย่ กับ ไอ้ไต้ นี่มันคงได้เล่นเหลืองกันแน่

B4 : มีความเป็นไปได้ !!

B1 : เป็นไปได้ [พ.] [ม.] สิ พี่เย่ [ก.] ไม่ใช่สายเหลือง

B3 : เห้ย~~~ แน่ใจ

B1 : อย่ากวนตีนขอร้อง

B2 : แลดูเหมือนวันนี้บทเมาส์จะมีเยอะกว่าทุกวันนะ!!

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม