บทที่ 70 - สารพัดข่าวลือ

ภายในโรงเตี๊ยมต่างเต็มไปด้วยบรรยากาศที่ตึงเครียด

          " เจ้ารู้หรือไม่? ข้าได้ยินมาว่ากองกำลังรัฐเมืองเทียนฮุ้ย ได้ส่งผู้เชี่ยวชาญมายังสถานที่แห่งนี้อีกทั้งยังเป็นชื่อของผู้เชี่ยวชาญที่ชื่อเสียงโด่งดังเมื่อไม่กี่ 10 ปีที่ผ่านมานามว่า เฉินเถียโฉ่ว! "

          " เหลวไหล มันจะเป็นแบบนั้นไปได้เยี่ยงไรมิใช่ว่า เฉินเถียโฉ่ว ตายไปแล้วเช่นนั้นหรอกหรือ? "

          " หลายปีที่ผ่านมา เฉินเถียโฉ่ว เป็นผู้เชี่ยวชาญ[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด ]ที่มากไปด้วยชื่อเสียงในแถบนี้ แต่หลังจากที่มีข่าวลือว่าเขาได้เสียชีวิตไปแล้วนั้น ข้าก็คิดไม่ถึงเลยจริง ๆ ว่าเขาจะกระทำการหลบซ่อนตัวและทำงานเบื้องหลังให้กับกองกำลังรัฐบาล! "

          " นอกจากนี้ในคืนที่ผ่านมาได้มีคนพบเห็นผู้เชี่ยวชาญหนุ่มจาก[สำนักเฉาหยาง] มายังที่เมืองแห่งนี้แล้ว ซึ่งนั่นคงจะเป็นเพราะการกระจ่ายข่าวของเจ้าสัตว์ปีศาจกิเลนเปลวเพลิงนั่นเป็นแน่! "

          " หึหึ การที่มีเหล่าจอมยุทธ[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด ]มารวมตัวกันมากมายถึงเพียงนี้ ข้าเกรงว่ามันจะต้องมีเรื่องที่น่าสนุกเกิดขึ้นเป็นแน่! "

          " จะว่าไปแล้วเมื่อวานนี้ข้าไม่ทราบว่า ได้มีคนใหญ่คนโตปะปนอยู่ในหมู่พวกเราด้วย พวกเจ้าทุกคนคงจะรู้จัก[ตระกูลไต้]ใช่หรือไม่? หึหึ เมื่อวานนี้ผู้เชี่ยวชาญหนุ่มที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาคลื่นลูกใหม่ของคน[ตระกูลไต้]นามว่า ไต้เสี่ยวฮวา ได้แสดงให้เห็นถึงวรยุทธที่ยอดเยี่ยมของเขา อีกทั้งเคล็ดวิชา[ ย่างก้าว 100 กำปั้นเทพเทวะ ] ยังอยู่ในระดับที่ลึกล้ำ แม้กระทั่งสัตว์ปีศาจกิเลนเปลวเพลิงยังต้องหวาดกลัว! "

          " ใช่แล้วนอกจากนี้ข้ายังได้ยินมาอีกว่า มีชายหนุ่มผู้หนึ่งไล่ตามเจ้าสัตว์ปีศาจกิเลนเปลวเพลิงนั่นไปแต่เพียงผู้เดียวและมีชีวิตรอดกลับมาได้โดยที่ไม่มีรอยบาดแผลใดเลยบนร่างกายของเขา หึหึ ข้าคิดว่าเขาคงจะต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากเป็นแน่! "

ในขณะที่ภายในโรงเตี๊ยมต่างพูดคุยถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกันอยู่นั้น เย่ชีเหวิน ก็ได้รับประทานอาหารเช้าอยู่ที่มุมหนึ่งอย่างเงียบ ๆ โดยที่ไม่มีใครรู้ว่า เย่ชีเหวิน นั้นคือ 1 ในคนที่พวกเขากำลังกล่าวถึง แต่ทว่าสิ่งที่ เย่ชีเหวิน ได้ยินโดยบังเอิญนั้นมันทำให้เขาต้องรู้สึกประหลาดใจที่ได้รับรู้ว่า ไต้เสี่ยวฮวา นั้นเป็นบุคคลของ[ตระกูลไต้]ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง

[ตระกูลไต้]เป็นตระกูลทรงอิทธิพลและเป็นที่รู้จักกันดีในเขตพื้นที่แถบนี้ อีกทั้งยังได้รับการหนุนหลังโดย 1 ใน 4 สำนักใหญ่ของจักรวรรดิ [นครเมฆาหลั่งไหล] ภายใน 4 สำนักใหญ่พวกเขาที่มีอิทธิพลมากเป็นพิเศษนอกจากจะมีเคล็ดวิชาการต่อสู้ที่หลากหลายแล้ว บรรพชนของพวกเขายังได้ก่อตั้งสำนักขึ้นมาควบคู่กับการสถาปนาขององค์จักรพรรดิองค์แรกของจักรวรรดิ ซึ่งมันทำให้ความสัมพันธ์ระหว่าง[นครเมฆาหลั่งไหล]และ[พระราชวงศ์]นั้นมีความใกล้ชิดกันมากเป็นพิเศษ จนถึงขั้นอาจกล่าวได้ว่าเป็นความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้น

[ตระกูลไต้]เป็น 1 ในปีกสาขาของ[นครเมฆาหลั่งไหล] ผู้ที่มีอิทธิพลขนาดใหญ่และแพร่พรายออกไปทั่วทั้งจักรวรรดิเช่นเดียวกับอีก 3 ตระกูลที่ได้รับการหนุนหลังโดย[นครเมฆาหลั่งไหล] โดยบรรพชนของ[ตระกูลไต้]นั้นเคยเป็นถึง 1 ใน 4 ผู้ใต้บังคับบัญชาที่แข็งแกร่งที่สุดของ[นครเมฆาหลั่งไหล] และได้ทำหน้าที่ภายใต้นามขององค์จักรพรรดิองค์แรกในการวางรากฐานของจักรวรรดิ

ก่อนหน้านี้ เย่ชีเหวิน ได้คาดเดาเกี่ยวกับเบื้องหลังของ ไต้เสี่ยวฮวา หากแต่หลังจากที่เขาได้ถูกดึงดูดความสนใจโดยสัตว์ปีศาจกิเลนเปลวเพลิง ไต้เสี่ยวฮวา ก็ได้สร้างความประทับใจให้กับเขาไว้ไม่น้อยและคุ้มค่าพอที่จะนับเขาเป็นสหายคนสนิทเมื่อคิดเช่นนั้นแล้ว เย่ชีเหวิน จึงมิได้ใส่ใจอะไรมากนักเกี่ยวกับเบื้องหลังของเขา

แต่ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเช่นนั้นตัวเขาเองก็ไม่ใช่บุคคลธรรมดา แต่เป็นศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดของ[สำนักยี่หยวนสาขาหุบเขาฉิงฟง]

และที่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใด เขาจำเป็นที่จะต้องมุ่งมั่นเกี่ยวกับการต่อสู้ที่จะมาถึง หากใช้ประโยชน์จากความชุลมุนของผู้เชี่ยวชาญจำนวนมาก เขาอาจกลายเป็นผู้กำชัยในครานี้

หลังจากนั้นไม่นานนัก ก็ได้มีจอมยุทธจาก[ตระกูลเฉา]เข้ามาภายในโรงเตี๊ยมและมุ่งตรงเดินไปยังด้านหน้าของ เย่ชีเหวิน พลางกล่าวว่า " ท่านผู้นำ[ตระกูลเฉา]ได้ส่งให้ข้ามาเชิญชวนท่านสำหรับการเดินทางไปกำจัดเจ้าปีศาจร้ายนั่นที่จะมาถึงนี้ ไม่ทราบว่าท่านพร้อมแล้วหรือไม่? "

          " อ่า! " เย่ชีเหวิน พยักหน้า

          " เช่นนั้นโปรดมากับข้า "

เย่ชีเหวิน ได้ตามทหารยามของ[ตระกูลเฉา]ออกไปจากโรงเตี๊ยม ในขณะเดียวกันเสียงซุบซิบนินทาก็ยิ่งทวีคูณรุนแรงมากขึ้นภายในโรงเตี๊ยม

          " นั่นเขาคือชายหนุ่มนามว่า เย่ชีเหวิน ที่ได้ออกไล่ล่าเจ้าปีศาจกิเลนเปลวเพลิงแต่เพียงผู้เดียวในคืนที่ผ่านมา! "

          " ข้าคิดไม่ถึงเลยว่าร่างกายของเขาจะแลดูผอมเช่นนั้น! "

          " เจ้าโง่เหล่าจอมยุทธเขาตัดสินกันที่รูปร่างเสียที่ไหน หากเจ้าตัดสินผู้ที่แข็งแกร่งโดยมองเพียงแค่รูปร่างละก็มิใช่ว่าคนในที่นี้ทั้งหมดเป็นผู้เชี่ยวชาญชั้นยอดไปแล้วเช่นนั้นหรอกหรือ? แม้ร่างกายจะแลดูเล็กหากแต่กลับแข็งแกร่งดั่งเหล็กกล้าเจ้าเคยได้ยินเช่นนี้หรือไม่! "
         
          " ใช่แล้วเมื่อวานนี้ข้าเห็นเช่นบุคคลโง่เง้าที่กล้ายั่ว เย่ชีเหวิน จนมันผู้นั้นถูกตอกแขวนเข้ากับผนังกำแพงด้วยตะเกียบ! "

          " ที่ไหนเหตุใดทำไมข้าถึงไม่ทราบว่า เย่ชีเหวิน มาจากไหน? "

          " นี่เจ้าไม่รู้? " ในเวลานี้พ่อค้าเร่ได้เดินทางผ่านมาพลางเปิดปากของเขาพร้อมกล่าวว่า " เย่ชีเหวิน เป็นอัจฉริยะหาที่ใดเปรียบของสำนักยี่หยวนในปีนี้! "

          " อัจฉริยะจากสำนักยี่หยวน? จะเป็นไปได้เช่นไรแม้ว่าสำนักยี่หยวนจะอยู่ค่อนข้างห่างไกลไปจากที่นี่ แต่ข้าก็ยังเคยได้ยินขื่อเสียงของ เย่ฟง และ จางหยาง มาบ้างรวมถึงคนอื่น ๆ ด้วยเช่นกัน หากแต่เหตุใดข้าถึงไม่เคยได้ยินชื่อ เย่ชีเหวิน มาก่อน! " คนที่ไม่มีความรู้กล่าวถาม

          " นี่เจ้ามิได้รู้เรื่องอะไรเลยเยี่ยงนั้นรึ? " พ่อค้าเร่กล่าวรูปลักษณ์ที่พอใจในตนปรากฏบนใบหน้าของเขา " เย่ชีเหวิน เป็นอัจฉริยะที่เพิ่มขึ้นมาของสำนักยี่หยวนเมื่อไม่นานมานี้ เขาได้รับรางวัลเป็นผู้ชนะเลิศในการแข่งขันประลองยุทธศิษย์ฝ่ายในของสำนัก หลังจากนั้นเขายังได้ฉายแสงอีกครั้งในการแข่งขันศิษย์หลักร่วมกับพวก[ตระกูลจาง] ซึ่งในการแข่งขันครั้งนั้นเขาได้สังหารผู้เชี่ยวชาญ[ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด ]ด้วยตนเองเพียงคนเดียว เขาจึงได้รับการยอมรับว่าเป็นคลื่นลูกใหม่ที่แข็งแกร่งที่สุดของสำนักยี่หยวน! "

เย่ชีเหวิน ไม่ทราบว่าภายในโรงเตี๊ยมได้เริ่มพูดคุยเกี่ยวกับการประสบความสำเร็จของเขา เขาได้เดินตามทหารยามของ[ตระกูลเฉา]เข้าไปยังภายในคฤหาสน์

ซึ่งภายคฤหาสน์วันนี้นั้นต่างอัดแน่นไปด้วยผู้คนจำนวนมาก ผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายในที่นี้ต่างเต็มไปด้วยรังสีฆ่าฟันที่รุนแรง

แต่อย่างไรก็ตามนับตั้งแต่ที่ได้เข้ามายังภายในคฤหาสน์ มีเพียงแค่ 2 คนเท่านั้นที่ได้ดึงดูดความสนใจของเขา คนแรกคือชายเฒ่าที่กำลังอยู่ใต้ร่มเงาของต้นไม้ ใบหน้าของเขามีลักษณะที่เยือกเย็นและส่วนชุดคลุมสีดำเช่นเดียวกันกับ เย่ชีเหวิน

เย่ชีเหวิน สามารถรับรู้ได้ในทันทีว่าชายเฒ่าผู้นี้นั้นสมควรที่จะเป็น เฉินเถียโฉ่ว ซึ่งดูเหมือนว่าเขาจะยืนอยู่ที่มุมนั้นเพียงคนเดียวและไม่มีใครกล้าที่จะเข้าใกล้เขา เพราะรอบตัวของเขามันช่างราวเหมือนกับสัตว์ป่าที่กระหายต่อสู้

และอีกด้านหนึ่งซึ่งเป็นบรรยากาศที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ชายหนุ่มในชุดคลุ่มสีแดงถือดาบในมือยืนอยู่พลางปรากฏรอยยิ้มบนใบหน้าอีกทั้งยังถูกรายล้อมไปด้วยเหล่าจอมยุทธจำนวนที่พยายามจะใกล้ชิดกับเขา แม้ว่า[นิกายเฉาหยาง]จะมิได้ทรงพลังอำนาจเทียบเท่ากับ สำนักยี่หยวน หรือ [ตระกูลไต้]และนิกายใหญ่อื่น ๆ แต่การที่[นิกายเฉาหยาง]มีผู้เชี่ยวชาญ[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด ]ถึง 3 คน ภายในพื้นที่แถบนี้แน่นอนว่านั่นมิใช่ขุมพลังอำนาจขนาดเล็กและมิอาจมองข้ามได้

นอกจากนี้ เย่ชีเหวิน ยังได้พบอีกว่าความแข็งแกร่งของเหล่าจอมยุทธในที่นี้นั้นมันอยู่ในระดับที่เหนือกว่าหากเทียบกับเหล่าจอมยุทธพื้นเมืองในแถบ[หุบเขาฉิงฟง] ซึ่งความแข็งแกร่งของพวกนั้นควรควรจัดอยู่ในระดับเดียวกันกับจอมยุทธพื้นเมืองในเขตเมืองหลวงของจักรวรรดิ

          " พี่ชายเย่! " ในเวลานี้เสียงของ ไต้เสี่ยวฮวา ได้ดังก้องเข้ามาที่หูของ เย่ชีเหวิน ทันทีที่เขาหันหลังกลับไปก็ได้เห็นแล้วว่า ไต้เสี่ยวฮวา กำลังเดินตรงมายังเขา " ข้าคิดไม่ถึงเลยจริง ๆ ว่าพี่ชายเย่จะเป็นศิษย์อัจฉริยะที่ยอดเยี่ยมของสำนักยี่หยวน ท่านพยายามที่จะปิดบังมันจากข้าข้าช่างรู้สึกละอายใจยิ่งนัก! "

          " เจ้ามีสิ่งใดที่ต้องละอายใจกัน? เจ้าและข้าต่างเป็นสหายที่ดีต่อกันโดยไม่จำเป็นต้องกังวลถึงชาติกำเนิดและสถานะของพวกเรา! " เย่ชีเหวิน กล่าวด้วยรอยยิ้ม

          " ฮะฮ่าฮ่าฮ่า ดีท่านช่างเถรตรงยิ่งนัก ดูเหมือนว่าท่านและข้าจะมีชะตาต้องกัน โดยไม่จำเป็นต้องกังวลถึงชาติกำเนิดและสถานะของพวกเรา เราจะเป็นมิตรสหายที่ดีต่อกัน! " ไต้เสี่ยวฮวา หัวเราะพลางกล่าว
         
          " ท่านสุภาพบุรุษ... "

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม