บทที่ 73 - ก้าวสู่ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด

          " พี่ชายเย่! " ไต้เสี่ยวฮวา ตะโกนด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างเป็นกังวล " หนอยไอ้เจ้าสัตว์บัดซบ นี่แกกล้าเล่นสกปรกเช่นนี้เชี่ยวรึ! "

ไต้เสี่ยวฮวา คำรามด้วยน้ำเสียงที่โกรธแค้น ทันทีที่เขาเห็น เย่ชีเหวิน ถูกผลักลงไปในบ่อแมกม่าโดยเงื้อมมือของเจ้าสัตว์ปีศาจกิเลนเปลวเพลิงอย่างไม่มีทางหลีกเหลี่ยง ไต้เสี่ยวฮวา จึงพลางกลายเป็นบุคคลที่คุ้มคลั่งในทันทีพร้อมทั้งใช้เคล็ดวิชา[ ย่างก้าว 100 หมัดเทพเทวะ ] เหวี่ยงเข้าใส่สัตว์ปีศาจกิเลนเปลวเพลิงอย่างรุนแรง พลังอำนาจจากหมัดที่น่าหวาดกลัวได้เจาะผ่านเกล็ดอันแข็งแกร่งชั้นนอกและสร้างความเสียหายให้กับผิวหนังชั้นในของมัน

ไต้เสี่ยวฮวา ได้ปลดปล่อย[ พลังปราณก่อเกิด ]ออกไปจนสุดต่อเจ้าสัตว์ร้ายด้วยความรู้สึกที่โกรธแค้น พลังอำนาจที่หวาดกลัวของสุดยอดเคล็ดวิชา[ ย่างก้าว 100 หมัดเทพเทวะ ]ได้ถูก ไต้เสี่ยวฮวา แสดงออกมาอย่างไร้ข้อกังขา

แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น ไต้เสี่ยวฮวา ก็ยังมิอาจสังหารเจ้าสัตว์ปีศาจกิเลนเปลวเพลิงนั่นได้ เพราะเขาได้ถูกขัดขวางเอาไว้โดยผู้เชี่ยวชาญ[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด ]ที่หน้าหวาดกลัวอย่าง เฉาจินเปียว และเหล่าทหารยามของตระกูลเฉาสร้างความรำคาญให้กับเขาไม่น้อย

ผู้เชี่ยวชาญ[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด ] ของ[ตระกูลเฉา]ได้เตรียมความพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับพวกเขาทั้ง 3 เอาไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

แต่ ไต้เสี่ยวฮวา นั้นมิได้มีความเกรงกลัวต่อผู้เชี่ยวชาญทั้ง 3 คนของ[ตระกูลเฉา]เลยแม้แต่น้อย แต่สิ่งที่เขาต้องรู้สึกหวาดกลัวมากที่สุดในตอนนี้คือสัตว์ปีศาจกิเลนเปลวเพลิงที่ได้กลืนกินส่วนสำคัญของ[ ดอกบัวเปลวเพลิงสีคราม ]เข้าไปและเข้าสู่สภาวะการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน หากสถานการณ์ยังคงถูกรากออกไปเช่นนี้เกรงว่าพวกเขาทุกคนที่อยู่ที่นี่คงไม่มีใครเหลือรอดกลับออกไปได้เป็นแน่!

ผิวของ ไต้เสี่ยวฮวา หวู่เฉาหยาง และ เฉินเถียโฉ่ว เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน เพราะพวกเขาต่างมิได้คาดคิดเลยว่าตระกูลเฉาจะเตรียมแผนการที่แยบยลเช่นนี้เอาไว้

          " หากข้าออกไปได้ ข้าจะกล่าวทูลแก่ท่านพ่อของข้าให้มาบดขยี้ตระกูลบัดซบเช่นพวกเจ้าเสียทั้งหมด! " หวู่เฉาหยาง ขบฟันพลางกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น

          " ฮะฮ่า ๆ เยี่ยมหากเจ้าออกไปได้! " ทันทีที่ได้ยินคำกล่าวของ หวู่เฉาหยาง เฉาจินซุย ก็ได้กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้มที่เย้ยหยัน

และในเวลาเดียวกัน กลิ่นอายของสัตว์ปีศาจกิเลนเปลวเพลิงก็ได้เริ่มก่อตัวและแพร่ขยายมากขึ้นอย่างรวดเร็ว เสียงแตกนับไม่ถ้วนดังกึกก้องอยู่ภายในถ้ำจนในที่สุดมันก็ได้บุกฝ่าผ่าน[ ระดับจุดสูงสุดขั้นที่ 1 ดินแดนลมปราณก่อเกิด ] เข้าสู่ [ ระดับขั้นที่ 2 ดินแดนลมปราณก่อเกิด ] ได้สำเร็จและหยุดลง

          " มันจะเป็นการดีหากพวกเราร่วมมือกัน ตราบใดที่คนใดคนหนึ่งในหมู่ของพวกเราสามารถหนีรอดออกไปได้ นั่นก็เท่ากับว่าวาระสุดท้ายของไอ้พวกตระกูลเฉานี่ได้มาถึงแล้ว! " ในที่สุด เฉินเถียโฉ่ว ก็ได้ตะโกนกล่าวคำเหล่านี้ออกมาเพื่อหวังจะร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญ[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด ]ที่ยอดเยี่ยมอย่าง ไต้เสี่ยวฮวา และ หวู่เฉาหยาง ส่วนจอมยุทธคนอื่น ๆ นั้นก็เป็นได้เพียงแค่มดปลวกในสายตาของเขาฉะนั้นแล้วเขาจึงกล่าวแบบไม่ใส่ใจพวกมันเสียสักเท่าไรนัก

          " หนี? เจ้าคิดว่าพวกเจ้าสามารถหนีรอด? " เฉาจินเปียว หัวเราะพลางกล่าว

ความแข็งแรงของสัตว์ปีศาจกิเลนเปลวเพลิงนั้นได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เสียงคำรามดังกึกก้องสะท้อนภายในถ้ำ ดวงตาทั้งสองข้างของมันนั้นกลายเป็นสีแดงกล่ำราวกับสีเลือด กลิ่นอายที่บ้าคลั่งและร่างกายที่ใหญ่โตได้พุ่งกระโจนเข้าใส่ร่างของ เฉินเถียโฉ่ว

หลังจากที่ได้ก้าวขึ้นมายัง[ ระดับขั้นที่ 2 ดินแดนลมปราณก่อเกิด ]ความแข็งแรงของสัตว์ปีศาจกิเลนเปลวเพลิงนั้นก็ได้เพิ่มขึ้นมาอย่างไร้ขีดจำกัดจนจัดได้ว่าอยู่ในระดับที่น่าหวาดกลัว ร่างกายของ เฉินเถียโฉ่ว ได้ถูกเตะกระเด็นจนใบหน้าของเขานั้นถลาไปกับพื้น

          " ตายเสียไอ้เจ้าสัตว์บัดซบ! " เฉินเถียโฉ่ว เหวี่ยงหมัดของเขาออกไปอย่างรุนแรงซึ่งกอปรไปด้วยพลังอำนาจที่น่าหวาดกลัวพลางตะโกนเสียงกึกดังลั่น แม้แต่ชั้นบรรยากาศโดยรอบยังต้องสั่นสะเทือนด้วยอำนาจพลังหมัดของเขา

          " ปัง! " สัตว์ปีศาจกิเลนเปลวเพลิงได้กางกรงเล็บของมันออกมาและรับหมัดที่รุนแรงของ เฉินเถียโฉ่ว เอาไว้โดยตรง

          " แครก! " เสียงกระดูกหักถูกส่งออกมาจากมือของ เฉินเถียโฉ่ว ฉับพลันสัตว์ปีศาจกิเลนเปลวเพลิงยังไม่หยุดเพียงแค่นั้นมันได้ก้าวเท้าของมันออกมาและเหยียบบดขยี้ไปที่ฝ่ามือของ เฉินเถียโฉ่ว ในทันที

เฉินเถียโฉ่ว กรีดร้องออกมาอย่างน่าสงสารเพราะเท้าของมันนั้นแลดูหนักมาก แต่สัตว์ร้ายเช่นมันยังคงมิได้หยุด มันได้ก้าวเท้าขึ้นและเหยียบลงไปที่หน้าอกของ เฉินเถียโฉ่ว และลงมือกระทืบอย่างรุนแรง

          " อ้า! " เฉินเถียโฉ่ว กรีดร้องพลางกระอักโลหิตออกมาเป็นสาย ฉับพลันเปลวเพลิงได้ลุกโชนออกมาจากร่างกายของสัตว์ปีศาจกิเลนเปลวเพลิงและหลอมละลาย[ พลังปราณก่อเกิด ]ที่ห้อมล้อมร่างกายของ เฉินเถียโฉ่ว เอาไว้และเผาเขาจนกลายเป็นเถ้าถ่าน

          " ฮะฮ่า ๆ ตายวันนี้พวกเจ้าทุกคนจักต้องตายและจักไม่มีใครหน้าไหนสามารถหนีรอดออกไปได้ทั้งนั้น! " เฉาซิ่ง ตะโกนกล่าวพลางพุ่งทะยานออกไปทาง หวู่เฉาหยาง และ ไต้เสี่ยวฮวา พร้อมกับสัตว์ปีศาจกิเลนเปลวเพลิง

แต่ทว่าทันใดนั้นเองบ่อแมกม่าก็ได้เริ่มมีปฏิกิริยาบางอย่างเกิดขึ้น กลิ่นอายที่น่าหวาดกลัวได้แพร่ขยายและพุ่งพล่านออกมาจากบ่อ พลังงานปราณธรรมชาติโดยรอบเกิดการผันผวนอย่างรุนแรง บังเกิดฟองจำนวนนับไม่ถ้วนผุดขึ้นมาจากบ่อแมกม่า

ผิวของผู้เชี่ยวชาญ[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด ]ทุกคนที่อยู่ที่นั่นถึงกับหันซีด เพราะพวกเขาต่างรู้ดีถึงฉากที่กำลังเกิดขึ้นตรงหน้าได้อย่างชัดเจน ว่านี่คือความก้าวหน้าของผู้เชี่ยวชาญที่กำลังจะบุกฝ่าไปยัง[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด ] โดยเฉพาะอย่างยิ่งผิวของผู้คนตระกูลเฉาที่แลดูซีดขาวมากกว่าผู้เชี่ยวชาญคนอื่น ๆ ที่อยู่ที่นั่น เพราะพวกเขาไม่เข้าใจว่าผู้ใดกันแน่ที่กำลังบุกฝ่าไปยัง[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด ]ในบ่อแมกม่านั่น

มีเพียงแต่ ไต้เสี่ยวฮวา เพียงเท่านั้นที่แสดงออกถึงอาการดีอกดีใจจนออกนอกหน้าเพราะมันดูราวเหมือนกับว่าเขาจะเข้าใจในสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น

          " เร็วเข้ารีบฆ่าพวกมันให้หมด! " เฉาจินเปียว ตะโกนกล่าว

          " บูม! " ก่อนที่พวกเขาจักได้เริ่มต้นการสังหารหมู่ เสียงระเบิดก็ได้ดังขึ้นจากบ่อแมกม่า แมกม่าจำนวนมากได้กระจัดกระจายกันออกไปทั่วทุกสารทิศ มีเพียงแค่สัตว์ปีศาจกิเลนเปลวเพลิงเพียงเท่านั้นที่ยังคงยืนนิ่งหากแต่เหล่าจอมยุทธคนอื่น ๆ จำเป็นต้องหลบเลี่ยง เพราะหากมิทำเช่นนั้นแล้วด้วยความร้อนสูงจากแมกม่าพวกเขาคงไม่อาจหลีกเลี่ยงการถูกย่างสดได้เป็นแน่!

รูปเงาที่ถูกปกคลุมไปด้วยแมกม่า ได้พุ่งทะยานขึ้นมาจากบ่อแมกม่าและกลายเป็นบุคคลแรกที่ได้กระตุ้นปฏิกิริยาของสัตว์ปีศาจกิเลนเปลวเพลิง มันได้พุ่งกระโจนตัวออกไปใส่เขาอย่างฉับพลันด้วยดวงตาที่แดงกล่ำคู่โต อีกทั้งยังเต็มไปด้วยความเกลียดชังที่มีต่อร่างเงาชายผู้นั้น

แต่ทว่าทันใดนั้นเองปีศาจกิเลนเปลวเพลิงก็ได้เห็นใบมีดประกายแสงสว่างวาบผ่านดวงตาคู่โตที่แดงกล่ำของมัน พลางฟาดฟันผ่านอากาศและสับลงที่ร่างกายของมันโดยเต็มไปด้วยเจตนาฆ่า

          " ปัง! " เสียงสะท้องจากการปะทะกันของโลหะได้กึกก้องไปทั่วทั้งภายในถ้ำและในทันทีสัตว์ปีศาจกิเลนเปลวเพลิงก็ได้กรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ร่างกายที่ใหญ่ยักษ์ของมันกระเด็นออกไปไกลจากการโจมตีเพียงครั้งเดียวของ 1 ใบมีดได้ทำลายเกล็ดอันแข็งแกร่งที่คอยทำหน้าที่ปกป้องร่างกายของมันออกเป็นทางยาว ส่งผลให้สายโลหิตสาดกระเซ็นออกมาจากบาดแผลของมันราวกับน้ำที่เชี่ยวกราดและนี่ก็ยังนับได้ว่าเป็นครั้งแรกที่มีคนทำลายเกราะป้องกันอันแข็งแกร่งของมันได้

เหล่าคนที่อยู่ที่นั่นต่างมองไปที่รูปเงากลางเวหาด้วยใบหน้าที่ตกตะลึง เพราะพวกเขาแทบมิอยากจะเชื่อสายตาตนเองหลังจากที่ตระกูลเฉาได้วางเดิมพันทุกสิ่งทุกอย่างเอาไว้ที่สัตว์ปีศาจกิเลนเปลวเพลิงที่น่าภาคภูมิใจของพวกมัน ได้ถูกสวนกลับจนร่างกายปลิวกระเด็นออกไปไกลและได้รับบาดเจ็บสาหัส ในการโจมตีเพียงครั้งเดียว

มันเป็นเรื่องยากสำหรับพวกเขาที่จะทำใจยอมรับมันหลังจากที่ทุกสิ่งทุกอย่างได้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วภายในระยะเวลาอันสั่น

ในเวลานี้รูปเงาได้ทอดยาวลงมาบนท้องฟ้าและร่อนลงบนด้านหนึ่งของบ่อแมกม่า

          " พี่ชายเย่ , ท่านไม่เป็นไร! " ไต้เสี่ยวฮวา กล่าวด้วยรูปลักษณ์ประหลาดใจบนใบหน้า

หวู่เฉาหยาง เองก็ยังมองไปที่ เย่ชีเหวิน ด้วยรูปลักษณ์ที่ประหลาดใจ แม้ว่าเขาจักมิได้รู้จัก เย่ชีเหวิน เป็นการส่วนตัวฟากแต่การปรากฏตัวของเขานั้นได้เสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับพวกเขาเป็นอย่างมาก

เย่ชีเหวิน ได้พยักหน้าให้ไปทางพวกเขาทั้ง 2 พลางจับจ้องไปที่ผู้คน[ตระกูลเฉา]ด้วยสายตาที่เยือกเย็น หลังจากที่ชีวิตของ เย่ชีเหวิน ก่อนหน้านี้ได้ถูกแขวนอยู่บนเส้นดาย เขาได้ค้นพบกับประสบการณ์ที่เฉียดตายและได้รอดพ้นมาจากมันอย่างหวุดหวิด

ในขณะที่เขาได้จมลงไปภายในบ่อแมกม่า[ พลังปราณก่อตั้ง ]ไม่อาจหยุดยั้งการบุกรุกของแมกม่าได้และแม้กระทั่ง[ พลังปราณก่อเกิด ]ก็ยังถูกเผาไหม้อย่างรวดเร็วฉะนั้นมันจึงไม่มีทางไหนเลยที่เขาจักสามารถต่อต้านมันได้ ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้เขามีเพียงแค่ทางเลือกเดียวคือต้องกลืนกินรากของ[ ดอกบัวเปลวเพลิงสีคราม ]เพียงเท่านั้นพร้อมกับเขาได้คว้าหยิบ[ เม็ดโอสถก่อเกิด ]มาจากแหวนพื้นที่และทำเริ่มกลืนมันลงไปพร้อมกับทำการดูดซับมันเพื่อเตรียมบุกฝ่าสู่[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด ]และด้วยผลกระทบจากการผันแปรพลังปราณอย่างฉับพลันได้ช่วยให้เขารอดพ้นไปจากสถานการณ์ที่อันตรายเช่นนี้ได้

เย่ชีเหวิน ไม่มีทางเลือกอื่นที่จะหนีออกไปจากบ่อแมกม่าแห่งนี้ได้อีก หากเขาไม่ประสบความสำเร็จนั่นก็เท่ากับว่าเขาตาย แต่โชคดีที่สวรรค์ยังคงมีตาให้แก่ชายคนหนึ่ง

แม้ว่าสิ่งที่เขากลืนกินมันลงไปนั้นจะเป็นเพียงแค่รากของ[ ดอกบัวเปลวเพลิงสีคราม ] หากแต่นั่นก็ยังคงเสริมสร้างคุณสมบัติต้านทานธาตุไฟให้แก่เขาและด้วยเหตุผลนี้เองมันจึงทำให้เขามิได้ถูกเผาไหม้โดยแมกม่า อีกทั้งเขายังคงสามารถอยู่รอดภายใต้บ่อแมกม่าได้เป็นเวลานานโดยที่ไม่มีบาดแผลใด ๆ

นอกจากนี้เขายังได้รับการยอมรับว่านี่คือพรจากสวรรค์ หลังจากที่ร่างกายของมีคุณสมบัติต้านทานธาตุไฟมันยังทำให้เขามีความเข้าใจต่อธาตุไฟไปจนถึงในระดับแก่นแท้ของมัน ไม่ว่าจะเป็นเคล็ดวิชาใดก็ตามที่มีคุณสมบัติเกี่ยวกับธาตุไฟเขาจะมีความเข้าใจและสามารถฝึกฝนได้รวดเร็วกว่าผู้เชียวชาญทั่วไป ถึง 2 เท่า นี่จึงมิน่าแปลกใจว่าเหตุใดเหล่าจอมยุทธจำนวนมากถึงได้มาร่วมตัวกันที่นี่เพื่อต้องการที่จะแย่งชิงมัน

****************************************************************************************
B1 : ไอ้ฟายยย ไหนว่ะพระเอกตายนิยายจบ!!

B2 : ถึงคราวล้างบางแล้วล่ะที่นี้

B3 : ทำใม[ม.]ไม่ลงไปซ้ำมันว่ะไอ้กิเลนโง่เง่า!!

B4 : เหมือนบทเมาส์มอยมันจะโดนตัดลงมาปะวะ?!

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม