บทที่ 74 - ฆ่าให้หมด

นี่นับได้ว่าเป็นคุณสมบัติที่ยอดเยี่ยมที่สุดที่หาได้จาก[ ดอกบัวเปลวเพลิงสีคราม ]เพียงเท่านั้น เหล่าจอมยุทธจำนวนนับไม่ถ้วนจึงได้ต่างมาที่นี่เพียงเพราะได้รับรู้ถึงการมีอยู่ของมัน...

ด้วยคุณสมบัติที่ช่วยต้านทานธาตุไฟ ทำให้ เย่ชีเหวิน สามารถทะลวงผ่านไปยัง[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด ]ได้ทั้งที่เขายังคงอยู่ในบ่อแมกม่า!

ภายใต้ของร้อนสูงที่พร้อมจักเผาผลาญเขาให้กลายเป็นเถ้าถ่านได้ทุกเมื่อ เย่ชีเหวิน ไม่มีเวลามากพอที่จะคิดกระทำการสิ่งใด นอกจากอาศัยการพัฒนาและก้าวข้ามไปยังระดับขั้นต่อไปให้เร็วที่สุดเท่าที่จักทำได้เพราะนั่นคือความเป็นไปได้เพียงหนึ่งเดียวสำหรับเขาที่จักสามารถมีชีวิตรอดไปได้จากสถานการณ์ที่เป็นอยู่ ทันทีที่ เย่ชีเหวิน ได้กลืน[ เม็ดโอสถก่อเกิด ] พลังปราณของเขาได้เกิดการผันผวนและพลังอำนาจที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจนสามารถทะลวงผ่านไปยัง[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด ] ในระดับที่รวดเร็วกว่าเมื่อเทียบกับผู้เชี่ยวชาญคนอื่น ๆ อีกทั้งมันยังทำให้เขารอดมาจากสถานการณ์เฉียดตายมาได้อย่างหวุดหวิด ทันทีที่เขาตกลงไปยังบ่อแมกม่า[ พลังปราณก่อเกิด ]ห่อหุ้มร่างกายของเขาได้ถูกเผาผลาญและหลอมละลายอย่างรวดเร็ว เสียก่อนที่เขาจักได้กลืนราก[ ดอกบัวเปลวเพลิงสีคราม ]และมีคุณสมบัติเสริมสร้างในการต้านทานธาตุไฟ

แต่อย่างไรก็ตามหลังจากที่เขาได้เผชิญหน้ากับสถานการณ์เฉียดตาย มันก็ได้มอบผลประโยชน์ให้กับเขาในจำนวนที่มหาศาล ภายในร่างกายของเขามากกว่า 50% ของ[ พลังปราณก่อตั้ง ]ได้ถูกผันแปรกลายเป็น[ พลังปราณก่อเกิด ] ซึ่งนั่นทำให้ความแข็งแกร่งของเขาสามารถเทียบเคียงได้กับผู้เชี่ยวชาญ[ ระดับขั้นที่ 3 ดินแดนลมปราณก่อเกิด ] แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่อาจเทียบเท่าได้กับผู้เชียวชาญ[ ระดับจุดสูงสุดขั้นที่ 3 ดินแดนลมปราณก่อเกิด ] ที่ได้มีการผันแปร[ พลังปราณก่อเกิด ] ไปแล้วกว่า 60% ได้

นอกจากนี้หลังจากที่ เย่ชีเหวิน ได้ก้าวเข้ามายัง[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด ] ทำให้พละกำลังของเขาก็รุดหน้าไปแล้วกว่าระดับขั้น[ 11 มังกร ]

นอกจากนี้มันยังกล่าวได้อีกว่า เย่ชีเหวิน ได้มีการฝึกฝน[ เคล็ดวิชาการต่อสู้ระดับขั้นก่อเกิด ]ในจำนวนมาก แต่เขายังแสดงพลังอำนาจของมันออกมาในแต่ละเคล็ดวิชาได้เพียงแค่เทียบเท่ากับ[ เคล็ดวิชาการต่อสู่ระดับขั้นสูง ] และยังคงมีระยะห่างที่ไม่ไกลมากนักกว่าที่เขาจักสามารถฝึกฝนเคล็ดวิชาเหล่านี้จนไปถึงขั้นในระดับจุดสูงสุดของพลังอำนาจในแต่ละเคล็ดวิชา แม้ว่าภายในร่างกายของ เย่ชีเหวิน ในตอนนี้จักมีการผันแปรเป็น[ พลังปราณก่อเกิด ] ไปแล้วกว่า 50% แต่เขาก็ยังคงมีช่องว่างเล็กน้อยเมื่อเทียบเคียงกับผู้เชียวชาญ[ ระดับขั้นที่ 3 ดินแดนลมปราณก่อเกิด ]เนื้อแท้ ที่มีการผันแปร[ พลังปราณก่อเกิด ]ไปแล้วกว่า 50%

หากแต่อย่างไรก็ตามที่เขาจัดการสัตว์ปีศาจกิเลนเปลวเพลิงที่ก้าวขึ้นมาเป็น[ ระดับขั้นที่ 2 ดินแดนลมปราณก่อเกิด ] นั้นช่างง่ายดายราวกับปลอกกล้วย หลังจากที่ เย่ชีเหวิน ได้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้เชี่ยวชาญ[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด ] เมื่อเขาฝึกฝน[ เคล็ดวิชาการต่อสู้ระดับขั้นก่อเกิด ]ไปจนถึงขอบเขตพลังอำนาจสูงสุดของมัน เขามีความมั่นใจว่าจักสามารถต่อสู้กับผู้เชี่ยวชาญ[ ระดับขั้นที่ 3 ดินแดนลมปราณก่อเกิด ]ได้อย่างเท่าเทียม แต่อย่างไรก็ตามในตอนนี้เขายังคงเป็นเพียงแค่[ ระดับขั้นที่ 1 ดินแดนลมปราณก่อเกิด ] อีกทั้งยังคงมิได้ฝึกฝน[ เคล็ดวิชาการต่อสู้ระดับขั้นก่อเกิด ]ไปจนถึงขอบเขตสูงสุดในพลังอำนาจของมัน

          " นี่เจ้ายังไม่ตาย! " เฉาจินซุย กล่าวด้วยน้ำเสียงที่ประหลาดใจและมิอยากจักเชื่อสายตาตนเอง

          " คำนับเสียสิที่ข้ายังไม่ตาย! " เย่ชีเหวิน กล่าวด้วยรอยยิ้มสงบเสงี่ยมบนใบหน้า " และข้าเกรงว่าในวันนี้[ตระกูลเฉา]ของเจ้าจักถูกทำลายด้วยน้ำมือของข้า! "

          " หนอยเจ้า...ไอ้เจ้าเด็กเหลือขอ นี่เจ้ากล้าขู่ข้า! " เฉาจินซุย คำรามเสียงดัง " มา! วันนี้ข้าจักฆ่าเจ้า! "

เฉาจินซุย คำรามพลางกระโจนใส่ เย่ชีเหวิน พร้อมปล่อยฝ่ามือที่อัดแน่นไปด้วยพลังปราณที่น่าหวาดกลัวจนชั้นบรรยากาศโดยรอบเกิดการบิดเบี้ยวออกไป

          " อย่าได้ใจให้มันมากนัก! " เย่ชีเหวิน กล่าวเย้ยหยันพลางปล่อย[ ฝ่ามืออสนีบาต ]ออกไป แม้ว่า[ ฝ่ามืออสนีบาต ]จะเป็น[ เคล็ดวิชาการต่อสู่ระดับขั้นต่ำ ] หากแต่เมื่อมันอยู่ในมือของ เย่ชีเหวิน แล้วมันก็สามารถสำแดงพลังอำนาจที่แท้จริงของมันออกมาได้ แม้ว่าส่วนใหญ่เขาจักใช้เวลาในการฝึกฝนเคล็ดวิชา[ ตัดจันทร์หนาว ]ก็ตาม หากแต่เขาก็ไม่เคยละทิ้งที่จะฝึกฝนเคล็ดวิชา[ ฝ่ามืออสนีบาต ] เพราะมันเป็นเคล็ดวิชาที่ง่ายต่อการฝึกฝนอีกทั้งยังสามารถใช้ได้ในทุกสถานการณ์ นอกจากนี้หลังจากที่[ พลังปราณก่อตั้ง ]ภายในร่างกายถูกเปลี่ยนเป็น[ พลังปราณก่อเกิด ]ไปแล้วกว่าครึ่งบวกกับพละกำลังระดับขั้น[ 11 มังกร ] มันก็ยิ่งทำให้พลังอำนาจของมันนั้นทวีคูณมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการจัดการ เฉาจินซุย ที่มี[ พลังปราณก่อเกิด ]เพียงแค่ 10% ย่อมนับว่าเป็นเรื่องที่ง่ายดายราวกับปลอกกล้วย

          " ตึม! " พลังอำนาจจากฝ่ามือของ เย่ชีเหวิน ได้ปล่อยเสียงระเบิดดังกึกก้องสะท้อนไปทั่วทั้งภายในถ้ำอย่างต่อเนื่อง

          " ปัง! " ด้วยพละกำลังอันมหาศาลของระดับขั้น[ 11 มังกร ] จากการโจมตีของ เย่ชีเหวิน ได้บดกระดูกแขนของ เฉาจินซุย อย่างฉับพลันจนแหลกละเอียดเป็นผุยผง

          " อ้า! " เฉาจินซุย แผดเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดจากการโจมตีของ เย่ชีเหวิน ร่างกายของเขาถูกอัดกระแทกอย่างรุนแรงจนปลิวกระเด็นพลิกคว่ำ อวัยวะภายในถูกทำลายจนได้รับบาดเจ็บสาหัส
          " นี่...นี่มันเป็นไปได้เยี่ยงไร! "ทุกคนที่ได้เห็นฉากตรงหน้าต่างตกอยู่ในความตกตะลึง เพราะพวกเขามิได้มีใครคาดคิดเลยว่าผู้เชี่ยวชาญ[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด ]อย่าง เฉาจินซุย จะไม่สามารถต้านทานได้เลยแม้แต่ฝ่ามือเดียวของ เย่ชีเหวิน

ทั้งที่ เย่ชีเหวิน เป็นเพียงแค่ผู้เชี่ยวชาญที่พึ่งก้าวเข้าสู่[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด ]เพียงเท่านั้น หากแต่เพราะเหตุใดกันเขาถึงได้มีความแข็งแกร่งถึงเพียงนี้?

ยิ่งไปกว่านั้นมันยังเห็นได้อย่างชัดเจนว่า เย่ชีเหวิน มิได้ต้องการแสดงความปราณีใด ๆ ต่อ เฉาจินซุย เพียงพริบตาเขาได้ชักใบมีดของเขาออกมาและฟาดฟันออกไป [ ปราณมีด ]จันทร์เสี้ยวได้พุ่งตรงต่อ เฉาจินซุย และแบ่งเขาออกเป็น 2 ส่วนกลางเวหา

          " เฉาจินซุย! "

เฉาจินเปียว โห่ร้องคำรามด้วยความไม่พอใจ " ไอ้เด็กบัดซบข้าจักฆ่าเจ้า! "

เมื่อยามที่ได้เห็นน้องชายของตนถูกฆ่าตายไปต่อหน้า มันทำให้ เฉาจินเปียว ดูราวเหมือนกับกลายเป็นคนเสียสติและพุ่งกระโจนเข้าใส่ เย่ชีเหวิน อย่างมิคิดหน้าคิดหลัง แต่ในขณะเดียวกันสัตว์ปีศาจกิเลนเปลวเพลิงเองก็มิได้รอช้าและพุ่งกระโจนเข้าใส่ เย่ชีเหวิน เช่นกัน ปากของมันได้เปิดกว้างขึ้นและพร้อมที่จักพ่นเปลวเพลิงความร้อนสูงออกมา

ซึ่งอีกด้านหนึ่ง เฉาซิ่ง เองก็ยังรีบกระโจนเข้าใส่ เย่ชีเหวิน ด้วยเช่นกัน พวกเขาทั้งหมดต่างต้องการฆ่า เย่ชีเหวิน ให้เร็วที่สุดเท่าที่จักทำได้ เพราะถ้าหากแผนการของพวกเขาเกิดรั่วไหลออกไป มันจักสร้างความโกรธแค้นให้กับกองกำลังต่าง ๆ และเมื่อถึงยามนั้นตระกูลเฉาของพวกเขาจักต้องถูกทำลายย่อยยับเป็นแน่

เย่ชีเหวิน ยิ้มเยาะพลางชักใบมีดออกมาและในขณะนั้นเองร่างกายของเขาก็ได้หายไปอย่างฉับพลัน หลังจากที่เขาได้ก้าวข้ามขึ้นมาเป็นผู้เชี่ยวชาญ[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด ]และ[ พลังปราณก่อตั้ง ]ภายในร่างถูกเปลี่ยนเป็น[ พลังปราณก่อเกิด ]ไปแล้วกว่า 50% มันทำให้ความแข็งแรงและความคล่องตัวของเขานั้นเพิ่มสูงขึ้นจนถึงในระดับที่ไร้ขอบเขต การก้าวเข้ามายัง[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด ]นั้นได้สร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ให้กับเขา อีกทั้งประสิทธิภาพในแต่ละเคล็ดวิชาก็ยังเพิ่มสูงขึ้น

          " ชูบ! " เย่ชีเหวิน ปรากฏตัวอีกครั้งในด้านหน้าของสัตว์ปีศาจกิเลนเปลวเพลิงพลางปล่อยมือซ้ายของเขาออกไปปิดปากของมันโดยตรง ทำให้เปลวเพลิงที่อยู่ในปากของมันนั้นไม่อาจพ่นออกมาได้พร้อมทั้งรวบรวมพลังอำนาจ[ ปราณก่อเกิด ]ไว้ที่หมัดข้างขวาของเขา พลังปราณเริ่มเกาะกลุ่มกันหนาแน่นจนกลายเป็นพลังอำนาจที่น่าหวาดกลัวพร้อมถูกเหวี่ยงออกไปเสียงลมเจาะชั้นบรรยากาศโดยรอบพลางอัดกระแทกเข้าใส่ศีรษะของสัตว์ปีศาจกิเลนเปลวเพลิงเข้าอย่างรุนแรง

แม้ว่าแต่เริ่มเดิมทีสัตว์ปีศาจกิเลนเปลวเพลิงจักมีความรวดเร็วและความคล่องตัวสูงมากอยู่แล้วหากแต่หลังจากที่มันได้กลืนกิน[ ดอกบัวเปลวเพลิงสีคราม ]เข้าไปมันก็ยิ่งทำให้ความเร็วของมันนั้นทวีคูณเพิ่มมากขึ้น แต่ถึงจักเป็นเช่นนั้นมันก็ยังมิอาจหลบหมัดของ เย่ชีเหวิน ที่พุ่งเข้าใส่ศีรษะของมันได้

          " ปัง! " เกล็ดบนใบหน้าของสัตว์ปีศาจกิเลนเปลวเพลิงแดกในทันทีโดยพลังอำนาจจากหมัดของ เย่ชีเหวิน

          " ตึม! " ร่างขนาดใหญ่ของสัตว์ปีศาจกิเลนเปลวเพลิง ได้ปลิวหมุนเป็นเกรียวกระเด็นออกไปหลายตลบก่อนที่จะถูกอัดกระแทกเข้ากับกำแพงภายในถ้ำอย่างรุนแรงจนทำให้กระดูกภายในบางส่วนแดกอย่างละเอียด ร่างของมันเกลือกกลิ้งไปมาที่พื้นพลางโอดโอนส่งเสียงร้องร่ำไห้ด้วยความเจ็บปวด

และในขณะเดียวกันที่ความสนใจของ เย่ชีเหวิน ถูกวางลงบนร่างของสัตว์ปีศาจกิเลนเปลวเพลิง เฉาจินเปียว ก็ได้ใช้โอกาสนี้ในการรอบเข้าด้านหลังของ เย่ชีเหวิน ความบ้าคลั่งได้ส่องประกายภายในดวงตาของเขา!

เฉาจินเปียว ได้คว้าหอกคู่ใจและขว้างมันออกไปในทันที ฉับพลันปรากฏร่างเงาของมังกร มันได้ผันผวนชั้นบรรยากาศโดยรอบจนจัดได้ว่าอยู่ใยระดับที่น่าหวาดกลัวและพุ่งตรงเข้าใส่ เย่ชีเหวิน

          " เหอะ!...ทำได้ดี! " เย่ชีเหวิน กล่าวราวเหมือนกับว่าเขามีตาอยู่ด้านหลังของเขา ทันทีเขาได้หันหลังไปอย่างฉับพลันและคว้าหอกด้วยมือเปล่าเพียงข้างเดียว

          " ปัง! " หลังจากที่ได้คว้าหอกอย่างง่ายได้ เย่ชีเหวิน ก็ได้ก้าวเท้าออกไปเพียงแค่ก้าวเดียวและปรากฏในด้านหน้าของ เฉาจินเปียว อย่างฉับพลันพลางตบไปที่หน้าอกของเขาอย่างรุนแรง

          " ปัง! " เฉาจินเปียว ได้ถูกอัดกระแทกเข้าที่หน้าอกของเขาโดยตรงจากฝ่ามือของ เย่ชีเหวิน ซึ่งเขามิได้มีเกราะป้องกันที่แข็งแกร่งเช่นเดียวกับสัตว์ปีศาจกิเลนเปลวเพลิงและด้วยพละกำลังระดับขั้น[ 11 มังกร ] มันได้ทำลายหน้าอกและอวัยวะภายในของเขาในทันทีจนกลายเป็นหลุมลึกขนาดใหญ่!

ด้วยอาการบาดเจ็บที่รุนแรงมันทำให้เขาตายในทันที!

มันใช้เวลานานที่จะอธิบายเรื่องทั้งหมดนี้ แต่ในความเป็นจริงแล้วทุกสิ่งทุกอย่างได้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว จนในท้ายที่สุด[ตระกูลเฉา]ก็เหลือผู้เชี่ยวชาญ[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด ]เพียงคนเดียวนั่นก็คือ เฉาซิ่ง ผู้ซึ่งหวาดกลัว เย่ชีเหวิน จนเข้ากระดูกดำ หลังจากที่ได้เห็นผู้เชี่ยวชาญ[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด ]ตายไปแล้วถึง 2 คนอย่างง่ายดายด้วยน้ำมือของ เย่ชีเหวิน ที่เพิ่งก้าวขึ้นมาสู่[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด ]และนี่คือสิ่งที่เขามิอยากจักเชื่อสายตาตนเอง

แต่อย่างไรก็ตามในเวลานี้มันก็สายเกินไปแล้วที่เขาจักหลบหนี เย่ชีเหวิน ได้ขว้างหอกที่เขาถืออยู่ออกไปอย่างรุนแรงและรวดเร็วจนมิหน้าเชื่อ เพียงพริบตามันได้เจาะทะลุร่างของ เฉาซิ่ง ในทันที ด้วยพละกำลังอันเหลือล้นของ เย่ชีเหวิน ได้ส่งให้ร่างของ เฉาซิ่ง นั้นลอยปลิวกระเด็นออกไปตามแรงหอกและล่วงหล่นสู่บ่อแมกม่าจนถูกเผากลายเป็นเถ้าถ่านในที่สุด

******************************************************************************
B3 : R.I.P. ไอ้พวกโง่ บอกแล้วว่าให้ลงไปซ้ำมันในบ่อตั้งแต่แรกก็ไม่เชื่อ

B1 : ไหนไอ้ทหารยามคนไหนที่มันปากหมาก่อนหน้านี้

B2 : ชะตากรรมของน้องกิเลนจักเป็นเช่นไร?

B4 : บทนี้เขามาเหนือจริง ๆ เล่นเอา ไต้เสี่ยวฮวา และ หวู่เฉาหยาง นี่ไม่มีที่ยืนเลยแม้แต่ย่อหน้าเดียว

2 ความคิดเห็น:

  1. นั้นไง ของดรอปในเม็กม่า จะเก็บได้ไหมนั้น

    ตอบลบ
  2. คำว่าจักเยอะไปไหน ใช้ไม่ถูกสถานการณ์ก็ใช้

    ตอบลบ

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม