บทที่ 77 - ข่มขู่

          " นี่เป็นสถานที่พักสำหรับศิษย์จาก[สำนักย่อยยี่หยวนหุบเขาฉิงฟง] ช้าจักส่งเจ้าลงที่นี่! " ปีกขนาดใหญ่ค่อย ๆ ล่อนลงบนยอดเขา แม้ว่าหุบเขาลูกนี้จะอยู่ในที่ที่ค่อนข้างหากไกล แต่ก็ยังถือว่ามีคฤหาสน์ที่ตั้งตระหง่านอยู่เป็นจำนวนนาก

และพวกศิษย์จากสำนักย่อยคนอื่น ๆ ก็จักถูกแยกตัวออกไปตามยังยอดหุบเขาลูกต่าง ๆ แม้ว่าสถานที่ที่พวกเขาอยู่นั้นจักค่อนข้างห่างไกล แต่นั้นก็แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของสำนักหลักอย่างชัดเจนว่าศิษย์จากสำนักย่อยนั้นจักดูต้องด้อยค่าลงเมื่อเทียบกับศิษย์จากสำนักหลัก

          " ขอขอบคุณ! "

เย่ชีเหวิน ก้าวขึ้นบันไดอย่างรวดเร็วเพื่อที่จักเข้าไปยังลานพื้นที่ของเขตคฤหาสน์ที่พักสำหรับศิษย์จาก[สำนักย่อยยี่หยวนหุบเขาฉิงฟง]

แต่ทว่ายังไม่ทันที่ เย่ชีเหวิน จะขึ้นไปถึงด้านบนเขาก็ได้ยินเสียงตะโกนออกมาอย่างเสียงดัง

          " นี่เจ้ากล้าดียังไง นี่คือคฤหาสน์ของ[สำนักย่อยยี่หยวนหุบเขาฉิงฟง]ของพวกเรา เจ้าไม่มีสิทธิ์ที่จะมายึดที่นี่เพราะที่นี่คือสถานที่ของพวกเรา! "

ทันทีที่ เย่ชีเหวิน ได้ยินเสียงอิสตรีเขาก็สามารถรับรู้ได้ในทันที ว่าบุคคลคนนี้นั้นคือศิษย์หลักของ[สำนักย่อยยี่หยวนหุบเขาฉิงฟง]นามว่า เฉียนเหวิ่นลู้

          " เหตุใดมันถึงจักทำเช่นนั้นไม่ได้กันเล่าในเมื่อฝั่งของข้านั้นมีคนเยอะกว่าทั้งที่พวกเจ้ามีเพียงแค่ 20 คน ฉะนั้นแล้วหากพวกข้าต้องการที่จักครอบครองคฤหาสน์หลังนี้แล้วพวกเจ้าจักทำไรได้ พวกเจ้ามันก็แค่สำนักชนบทเล็ก ๆ พวกเจ้าไม่จำเป็นต้องใช้พื้นที่มากมายถึงเพียงนั้น ในขณะที่[สำนักย่อยยี่หยวนเชาหยาง]ของพวกข้าได้ส่งคนมากว่า 50 คนและพวกเจ้ามีเพียงแค่ 20 ฉะนั้นแล้วจงอย่าได้กล่าวให้มากความและมอบพื้นที่ 2 ใน 3 ของคฤหาสน์นั่นมาให้พวกข้าเสีย! "

          " นี่มันจะมากเกินไปแล้วนะ นี่คือสถานที่ที่เหล่าบรรพชนจาก[สำนักย่อยยี่หยวนหุบเขาฉิงฟง]ได้เคยอยู่อาศัยมานับหลายรุ่น เหตุใดพวกข้าถึงจักต้องมอบมันให้แก่พวกเจ้า? "

          " นั่นก็เป็นเพราะว่าพวกข้านั้นแข็งแกร่งกว่าพวกเจ้ายังไงเล่า! " เสียงถูกเปล่งออกมาจากลานกว้างด้วยลักษณะที่เย้อหยิ่ง

เย่ชีเหวิน รีบก้าวขึ้นไปอย่างเร็ว จนในที่สุดเขาก็ได้ก้าวมาถึงชั้นบนสุดพลางเห็นกลุ่มคนกว่า 30 คนรายล้อมศิษย์จาก[สำนักย่อยยี่หยวนหุบเขาฉิงฟง]ที่อยู่ภายในคฤหาสน์

สำนักย่อยยี่หยวนเชาหยาง!

เย่ชีเหวิน ขมวดคิ้วแน่นทันทีที่ได้ยินชื่อนี้

เพราะ เย่ชีเหวิน เคยทราบมาก่อนว่า[สำนักย่อยยี่หยวนเชาหยาง] และ [สำนักย่อยยี่หยวนหุบเขาฉิงฟง] นั้นมิได้เป็นมิตรและมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน จนถึงขั้นอาจกล่าวได้ว่าเป็นปฏิปักษ์กันมานับหลายปีและไม่มีใครรู้ว่าพวกเขาทั้งส่องสำนักย่อยนั้นมีเรื่องบาดหมางใดกัน แต่สิ่งที่เห็นได้ชัดคือความเกลียดชังที่ส่งต่อกันมาสู่รุ่นในปัจจุบันและไม่มีสิ่งใดที่จักสามารถหยุดการปะทะกันของพวกเขาระหว่าง 2 สำนักสาขาย่อยได้

พวกเขาทั้ง 2 กลุ่มต่างเผชิญหน้ากัน ซึ่งศิษย์จาก[สำนักย่อยยี่หยวนหุบเขาฉิงฟง]นั้นมีกันประมาณ 20 คนซึ่งพวกเขาทุกคนล้วนแล้วแต่เป็นผู้เชี่ยวชาญ[ ระดับขั้นที่ 9 ดินแดนลมปราณก่อตั้ง ]และถูกนำโดย จางหยาง เฉียนเหวิ่นลู้ และ หวู่เฮา

และในหมู่พวกเขาทั้ง 3 จางหยาง ได้ก้าวเข้ามาแล้วใน[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด ] ซึ่งมีการผันแปร[ พลังปราณก่อเกิด ]ไปแล้วกว่า 10% ในขณะที่ เฉียนเหวิ่นลู้ และ หวู่เฮา นั้นต่างอยู่[ ระดับจุดสูงสุดขั้นที่ 9 ดินแดนลมปราณก่อตั้ง ]

และกลุ่มอีกด้านหนึ่งจาก[สำนักย่อยยี่หยวนเชาหยาง] ถูกนำโดยชายหนุ่มซึ่งมีลักษณะการเย้ยหยันบนใบหน้า เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญ[ ระดับขั้นที่ 1 ดินแดนลมปราณก่อเกิด ]อีกทั้งยังมีการผันแปรเป็น[ พลังปราณก่อเกิด ]ไปแล้วกว่า 20% ซึ่งความแข็งแกร่งของเขานั้นมั่นเหมาะที่จักมากกว่า จางหยาง

ในความเป็นจริงศิษย์จาก[สำนักย่อยยี่หยวนหุบเขาฉิงฟง]ในปีนี้นั่นค่อนข้างที่จักมีความแข็งแกร่งที่ปานกลาง

          " มันจักมากเกินไปแล้วนะ ฮั่วเฉิง พวกเจ้าไม่มีสิทธิที่จักมาข่มขู่พวกเรา! " ในเวลานี้ หวู่เฮา ได้กล่าวขึ้น

          " ข่มขู่? เจ้าเรียกว่าข่มขู่ ฮะฮ่า ๆ ๆ ก่อนหน้ามีเจ้าชายที่เรียกว่า เย่ฟง อะไรนั่นเห็นว่าเป็นศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่พวกเจ้ามิเช่นนั้นหรอกรึ แต่ไหนมันกลับหมอบในด้านหน้าของศิษย์จาก[สำนักย่อยยี่หยวนเชาหยาง]ได้ง่ายดายเช่นนั้น! หากข้ามิได้ถูกห้ามเอาไว้ป่านนี้ข้าคงจักได้ทำลายการบ่มเพาะพลังของมันไปเรียบร้อยแล้ว! " ฮั่วเฉิง กล่าวด้วยรอยยิ้มที่ภาคภูมิใจในตน

สีหน้าของฝูงชนจากด้านหลังนั้นได้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นอย่างฉับพลัน มิน่าแปลกใจว่าเหตุใด เย่ชีเหวิน ถึงมิได้เห็น เย่ฟง

แต่ทว่าทันใดนั้นเองผิวของ เย่ชีเหวิน นั้นก็ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นอย่างฉับพลัน เพราะในโลกนี้ตระกูลเย่คือสิ่งที่เขารักมากที่สุดและใครก็ตามที่มันกล้าบังอาจแตะต้องพวกเขามันจักต้องได้รับการลงโทษจากความโกรธขององค์จักรพรรดิ

          " ไสหัวไป! " เย่ชีเหวิน ตะโกน

เสียงตะโกนของ เย่ชีเหวิน ได้สร้างความปั่นป่วนให้กับหมู่ศิษย์จาก[สำนักย่อยยี่หยวนเชาหยาง]เป็นจำนวนมาก เมื่อพวกเขาได้สายตายาวออกไปก็ได้เห็นชายหนุ่มที่มีอายุราวกับ 17 ปีจ้องมาที่พวกเขาด้วยสายตาที่ฉกาจฉกรรจ์

          " เย่ชีเหวิน! " ทันทีที่ จางหยาง ได้เห็น เย่ชีเหวิน รอยยิ้มแห่งความสุขก็ได้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขาอย่างฉับพลัน

          " นั่นมันศิษย์น้องเย่! "

          " ศิษย์น้องเย่! "

ศิษย์ทั้งหมดจาก[สำนักย่อยยี่หยวนหุบเขาฉิงฟง]ต่างแสดงออกถึงอาการตกตะลึงบนใบหน้า ในทันทีที่พวกเขาได้เห็น เย่ชีเหวิน มันทำให้พวกเขารู้สึกราวเหมือนกับว่าชีวิตของตนนั้นได้รอดพ้นมาจากวิกฤติอันตราย แม้ว่าพวกเขาจะมี เย่ฟง และ จางหยาง ที่เป็นถึงผู้เชี่ยวชาญ[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด ]อยู่ก็ตาม แต่นั่นก็ยังไม่อาจช่วยอะไรพวกเขาได้ แต่เมื่อพวกเขาได้เห็น เย่ชีเหวิน พวกเขาก็ได้ถอดถอนหายใจภายในจิตใจของพวกเขาและยอมรับว่า เย่ชีเหวิน นั้นคือผู้นำของพวกเขา

หลังจากที่วันเวลาผ่านไปนับหลายเดือนตั้งแต่ที่ เย่ชีเหวิน ได้สังหารผู้เชี่ยวชาญ[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด ]ลงได้อย่างง่ายดาย แม้ว่า หลิวจื้อ ในเวลานั้นจักมิได้มีความแข็งแกร่งเท่ากับ จางหยาง ในยามนี้ก็ตาม แต่ถึงอย่างนั้นในช่วงเวลานั้น เย่ชีเหวิน ก็ยังคงเป็นเพียงแค่ผู้เชี่ยวชาญ[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อตั้ง ] แต่กลับสังหารผู้เชี่ยวชาญ[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด ]เช่น หลิวจื้อ ได้

นอกจากนี้ เย่ชีเหวิน ยังได้รับ[ เม็ดโอสถก่อเกิด ]และ[ ผลไม้โลหิตหยวน ]เช่นเดียวกับ เย่ฟง และ จางฟยาง ฉะนั้นแล้วมันจึงเป็นเรื่องที่คาดเดาได้ไม่ยาก ว่าเขาในตอนนี้นั้นสมควรที่จักอยู่ใน[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด ] และความแข็งแกร่งของเขาสมควรที่จักเพิ่มขึ้นอย่างมากจนจัดว่าอยู่ในระดับที่น่าหวาดกลัว

อันที่จริงในช่วงเวลา 2 เดือนที่ผ่านมาพวกเขาต่างคิดว่าความแข็งแรงของ เย่ชีเหวิน นั้นมั่นเหมาะที่จักเพิ่มอย่างรวดเร็วโดยไร้ขอบเขต

ทันทีที่เขาได้ก้าวเข้าสู่[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด ]พลังปราณภายในร่างของเขาก็ได้ถูกผันแปรเป็น[ พลังปราณก่อเกิด ]ไปแล้วกว่าครึ่ง อีกทั้งเขายังได้พัฒนาทุกระดับขั้นของ[ เคล็ดวิชาการต่อสู้ระดับขั้นก่อเกิด ] เขาได้ฝึกฝนมาถึงจุดสูงสุดแล้วของขั้นแรก เคล็ดวิชา[ กายาทรราช ] ซึ่งมันได้สร้างความแข็งแกร่งให้กับร่างกายของเขาอย่างมหาศาล อีกทั้งพละกำลังของเขายังได้รุดหน้ามาถึงในระดับขั้น[ 19 มังกร ] เขาสามารถต่อสู้ได้อย่างทัดเทียมกับผู้เชี่ยวชาญ[ ระดับขั้นที่ 3 ดินแดนลมปราณก่อเกิด ]และที่ยิ่งไปกว่านั้นคือผู้เชี่ยวชาญ[ ระดับขั้นที่ 3 ดินแดนลมปราณก่อเกิด ] สามัญมิอาจทำอันตรายใด ๆ กับเขาได้

นอกจากนี้ เย่ชีเหวิน ยังได้ฝึกฝน[ เคล็ดวิชาการต่อสู้ระดับขั้นก่อเกิด ] [ ย่างก้าวทูตสวรรค์ ] มาถึงในระดับจุดสูงสุดของมันในช่วงระยะเวลาเพียงแค่ 2 เดือน ความเร็วของเขานั้นได้เพิ่มสูงขึ้นเกือบ 2 เท่านับจากครั้งที่เขาได้ต่อสู่กับสัตว์ปีศาจกิเลนเปลวเพลิง

และเคล็ดวิชา[ เคลื่อนกระดูกเปลี่ยนรูปลักษณ์ ] ก็ได้รับการฝึกฝนมาถึงแล้วใน[ ดินแดนที่ 3 เชี่ยวชาญ ] ต่อให้เป็นผู้เชี่ยวชาญ[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด ]ระดับสูง ก็ยังไม่อาจรับรู้ได้ถึงตัวตนของเขาในขณะที่เขาได้เปลี่ยนรูปลักษณ์ของตน

และสิ่งที่ได้รับผลประโยชน์สูงสุดก็คงหนีไม่พ้น เคล็ดวิชา[ ตัดจันทร์หนาว ] ที่ได้รับการฝึกฝน[ ตัดจันทร์เพ็ญ ]มาถึงแล้วใน[ ดินแดนที่ 4 สูงสุด ]

จะมีก็เพียงแต่ เคล็ดวิชา[ ฝ่ามือมังกรขด ] ที่มิได้มีความก้าวหน้ามากเท่าไหร่นัก หลังจากที่ตัวของเคล็ดวิชานั้นมีความเข้าใจได้ยากและยากต่อการฝึกฝน ซึ่ง เย่ชีเหวิน ในตอนนี้สามารถเข้าใจได้เพียงแค่ขั้นแรกของมันเพียงเท่านั้นคือ [ มังกรแผลงกาย ]

และในตอนนี้มีเพียงแค่ผู้เชี่ยวชาญ[ ขั้นที่ 3 ดินแดนลมปราณก่อเกิด ] ที่ได้ผันแปรเป็น[ พลังปราณก่อเกิด ]ไปแล้วถึง 60% เพียงเท่านั้นที่อาจเป็นภัยคุมคามสำหรับเขา

แต่ด้วยความแข็งแรงที่เพิ่มขึ้นมาเป็นจำนวนมาก เป็นที่มั่นเหมาะว่าค่าใช้จ่ายของมันนั้นก็ย่อมต้องจ่ายออกไปมากด้วยเช่นกัน หลังจากที่ได้ก้าวเข้ามายัง[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด ] เขาก็ได้เผาผลาญศิลาวิญญาณไปเป็นจำนวนมากเกือบทั้งหมดที่เขามีในช่วงเวลา 2 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งในเวลานี้[ศิลาวิญญาณระดับต่ำ]เริ่มไม่เพียงพอแล้วต่อการฝึกฝน [ เคล็ดวิชาการต่อสู้ระดับขั้นก่อเกิด ] ซึ่งมันทำให้เขาจำเป็นต้องหาศิลาวิญญาณที่มีระดับสูงขึ้นและมีมูลค่ามากขึ้น

อีกทั้งในตอนนี้มันยังบอกได้อีกว่า เย่ชีเหวิน ได้เริ่มกลับมาขัดสนศิลาวิญญาณอีกครั้ง!

1 ความคิดเห็น:

  1. คือก่อนจะต่อยตีต้องพล่ามแต่เลเวลรึวิชาพระเอกจนซ้ำซากแบบนี้มั้ย แม่งพล่ามทุกตอน

    ตอบลบ

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม