บทที่ 79 - ท่านพ่อกลายเป็นเจ้าสำนัก

          “ ข้าคิดไม่ถึงเลยจริง ๆ ว่าศิษย์จาก[สำนักย่อยยี่หยวนหุบเขาฉิงฟง] จักรุนแรงถึงเพียงนี้! ”

          “ ใช่แล้ว[สำนักย่อยยี่หยวนหุบเขาฉิงฟง]นั้น ตั้งรกรากอยู่ในเขตพื้นที่ที่ค่อนข้างห่างไกลจากตัวเมืองของ[ จักรวรรดิต้าเยว้ ] อีกทั้งยังไม่เคยมีผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งถูกส่งมายังสำนักหลักเลยเสียสักครั้ง หากแต่ในครั้งนี้ข้าคิดไม่ถึงเลยจริง ๆ ว่าจักมาเจอผู้เชี่ยวชาญที่ยอดเยี่ยมเช่นเขากำเนิดมาจากสถานที่แห่งนั้น! ”

          “ หึหึ ดูเหมือนว่าเรื่องในครั้งนี้จักน่าสนใจอยู่ไม่น้อย หลังจากที่คนถูกกล่าวขานว่าเป็นอัจฉริยะแต่กลับต้องมาพ่ายแพ้อย่างง่ายดายเช่นนี้และข้าคิดว่าเจ้าพวก[สำนักย่อยยี่หยวนเชาหยาง]นั่น คงมิได้ลืมเรื่องราวในครั้งนี้อย่างง่ายดายเป็นแน่! ”

          “ โอ้ใช้ ข้าได้ยินมาว่า[สำนักย่อยยี่หยวนเชาหยาง]ในครานี้ ได้ส่งศิษย์เมล็ดพันธุ์ที่มีความแข็งแกร่งอย่างมากมาด้วย ซึ่งถ้ากล่าวถึงความแข็งของเขานั้นสามารถเทียบเคียงได้กับศิษย์เมล็ดพันธุ์จากสำนักสาขาย่อยอื่นที่มีชื่อเสียงโด่งดังได้เลย หากแต่ข้ากับจำไม่ได้เนี่ยสิว่าเขานั้นมีชื่อเสียงเรียงนามว่าเยี่ยงไร? ”

          “ เขามีนามว่า เหวินชิหยาง ”

          “ ใช่แล้ว ๆ เหวินชิหยาง หากไม่นับรวมว่าเขาเป็นศิษย์เมล็ดพันธุ์แล้วนั้น เขาก็ยังถือได้ว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญที่มีความแข็งแกร่งอันโดดเด่นอยู่ไม่น้อย! ”

          “ โว้วข้ามิได้คาดคิดเลยว่า[สำนักย่อยยี่หยวนหุบเขาฉิงฟง]จักมีศิษย์ที่รุนแรงเช่นเขา แน่นอนว่าเขายังมิได้ออกเต็มแรงเลยเสียด้วยซ้ำในการต่อสู้กับ ฮั่วเฉิง ข้าคิดว่าหากเวลานั้นมาถึงในเร็ว ๆ นี้พวกเราจักต้องได้เห็นความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเขาเป็นแน่! ”

เมื่อเห็นว่าศิษย์จาก[สำนักย่อยยี่หยวนเชาหยาง]ได้ล่าถอยออกไป เย่ชีเหวิน ก็มิได้ยืนอยู่ที่นั่นนานนักและรีบวิ่งเข้าไปยังภายในคฤหาสน์พลางกล่าวถามว่า “ นี่มันเกิดอะไรขึ้นทำไมไอ้พวกบัดซบนั่นถึงได้กล้ามาระรานคนของเรา! ”

จางหยาง จับจ้องไปที่ เย่ชีเหวิน ด้วยรูปลักษณ์ที่งงงัน ในสายตาของเขา เย่ชีเหวิน ได้กลายเป็นแข็งแกร่งมากขึ้นเสียยิ่งกว่าตอนที่เจอกันครั้งล่าสุดนับหลายเท่า ซึ่งในช่วงระยะเวลานั้นเขายังคงสามารถมองผ่านการบ่มเพาะพลังของ เย่ชีเหวิน ได้ แต่ทว่าในยามนี้เขากลับไม่สามารถมองผ่านการบ่มเพาะพลังของ เย่ชีเหวิน ได้เลย

แม้ว่าในตอนแรก เย่ชีเหวิน จักมีความแข็งแกร่งมากอยู่แล้ว อีกทั้งยังสามารถสังหารผู้เชี่ยวชาญ[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด ]ลงได้ แต่ทว่าในยามนั้นเขายังคงอยู่ใน[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อตั้ง ] ซึ่งทุกคนยังคงสามารถมองเห็นผ่านการบ่มเพาะพลังของเขาได้อย่างชัดเจน แต่ทว่าในยามนี้พลังปราณภายในร่างของเขาได้ถูกผันแปรเป็น[ พลังปราณก่อเกิด ] ไปแล้วกว่าครึ่ง ซึ่งกลับกันเขาสามารถมองเห็นผ่านการบ่มเพาะพลังของ จางหยาง ได้อย่างง่ายได้อีกทั้งยังรู้อีกว่าพลังปราณของเขาได้ถูกผันแปรเป็น[ พลังปราณก่อเกิด ] ไปแล้วกว่า 10% แม้ว่า เย่ชีเหวิน จักยังคงอยู่ใน[ ระดับขั้นแรกดินแดนลมปราณก่อเกิด ] หากแต่ความแข็งแกร่งของเขานั้นสามารถเทียบเคียงได้กับผู้เชี่ยวชาญ[ ระดับขั้นที่ 3 ดินแดนลมปราณก่อเกิด ]

ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในระยะเวลาเพียงแค่ไม่กี่เดือนหากเขามิได้พบเจอมันด้วยตนเองคงเขามิอาจทำใจเชื่อมันได้เป็นแน่ หลังจากที่เขาได้ฟังจากปากของ เย่ฟง เกี่ยวกับน้องชายของเขาที่ยังคงเป็นเพียงแค่ผู้เชี่ยวชาญ[ ระดับขั้นที่ 3 ดินแดนลมปราณก่อตั้ง ] อีกทั้งยังไม่มีคุณสมบัติใดที่จักเป็นศิษย์หลักได้เลย แต่ทว่าในเวลาเพียงแค่ไม่กี่เดือนน้องชายของเขากับเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง

แต่อย่างไรก็ตาม เย่ชีเหวิน ก็ยังคงเป็นศิษย์จาก[สำนักย่อยยี่หยวนหุบเขาฉิงฟง] ยิ่งเขามีความแข็งแกร่งและโด่งดังมากเท่าไหร่นั่นก็ย่อมเป็นผลดีต่อสำนักมากเท่านั้นและนำมาซึ่งชื่อเสียงอันโด่งดัง


          “ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเราได้เผชิญหน้ากับศิษย์จาก[สำนักย่อยยี่หยวนเชาหยาง] พวกมันชอบมาหาเรื่องพวกเราเสียทุกครั้งด้วยข้อแก้ตัวที่ไร้สาระ อีกทั้งในยามนี้พวกมันยังได้หาญกล้าที่จักมาครอบครองพื้นที่ของพวกเรา พวกมันกล้าที่จักกระทำผิดโดยไม่เกรงกลัวต่อกฎของสำนักเลยแม้แต่น้อย! ” จางหยาง กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่โกรธแค้น “ เห็นได้ชัดว่านั่นเป็นเพียงแค่ข้ออ้างของพวกมัน ทั้งที่ยอดหุบเขาลูกนี้นั้นล้วนมีขนาดใหญ่โตอีกทั้งยังสามารถรองรับศิษย์ได้มากกว่า 500 คน แต่ดูสิ่งที่พวกมันกล่าวนี่มันพยายามที่จักหาเรื่องกันชัด ๆ! ”

          “ ก่อนหน้าข้ามิได้อยู่นี่และพี่ชายของเจ้าได้โต้แย้งกับพวกมันจนเขาได้รับอาการบาดเจ็บ! ” จางหยาง อธิบาย

          “ พวกมัน? นี่มันยังมีคนอื่น? ” เย่ชีเหวิน กล่าวถาม

          “ ใช่ มันมิได้มี ฮั่วเฉิง เพียงคนเดียว พี่ชายของเจ้าได้ผันแปร[ พลังปราณก่อเกิด ]ไปแล้วกว่า 20% ซึ่งนั่นก็นับว่ามากพอที่จักรับมือกับ ฮั่วเฉิง แม้ว่าการผันแปร[ พลังปราณก่อเกิด ]ของ ฮั่วเฉิง จักดีกว่าหากแต่นั่นก็ยังเพียงพอที่เขาจักสามารถป้องกันตัวเองได้ เพียงแต่ผู้ที่อยู่เบื้องหลังอาการบาดเจ็บของพี่ชายเจ้านั้นคือศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดของ[สำนักย่อยยี่หยวนเชาหยาง]นามว่า เหวินชิหยาง เขาเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญ[ ระดับขั้นที่ 2 ดินแดนลมปราณก่อเกิด ] และเป็นผู้ที่ทำให้พี่ชายของเจ้าได้รับบาดเจ็บสาหัส เมื่อยามที่ข้าได้กลับมาถึงข้าก็ได้เห็น ฮั่วเฉิง กำลังพยายามที่จักทำลาย[ พลังยุทธ ]ของพี่ชายเจ้า ข้าจึงได้รีบเข้าไปช่วยแต่ทว่าในเวลานั้น เหวินชิหยาง ก็มิได้อยู่ที่นั่นแล้ว! ”

          “ ว่าเยี่ยงไรนะ! ” เย่ชีเหวิน ไม่ทราบว่า ฮั่วเฉิง ตั้งใจที่จักทำลาย[ พลังยุทธ ]ของ เย่ฟง หากมิเป็นเช่นแล้วเขาคงมิได้เมตตาและทำร้าย ฮั่วเฉิง เพียงแค่ลูกถีบเป็นแน่ และแน่นอนว่าเขาจักมิยอมปล่อยให้พวกมันล่าถอยออกไปอย่างง่ายดาย

แต่ถึงจักเป็นเช่นนั้นมันก็ยังมีเรื่องที่น่าตื่นตาตื่นใจอยู่ไม่น้อยที่ เย่ฟง มิได้เพียงแค่ก้าวเข้ามายัง[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด ]เพียงเท่านั้น แต่ยังมีการผันแปร[ พลังปราณก่อเกิด ]ไปแล้วกว่า 20% ภายในช่วงระยะเวลาสั่น ๆ เพียงแค่ 3 เดือน

ซึ่งโดยธรรมชาติแล้วพรสวรรค์ของ เย่ฟง นั้นนับได้ว่ายอดเยี่ยม เพียงแต่ทางสำนักได้มอบ[ เม็ดโอสถก่อเกิด ]ให้กับเขาช้าเกินไป ในขณะที่สำนักย่อยอื่น ๆ ได้มอบ[ เม็ดโอสถก่อเกิด ]ให้กับศิษย์อัจฉริยะของพวกเขาเพื่อฝึกฝนนับแรมปี ก่อนที่จักส่งพวกเขาเข้าสู่สำนักหลัก

ซึ่งในขณะที่[สำนักย่อยยี่หยวนหุบเขาฉิงฟง]ได้เริ่มซักถามพวกเขา เขาก็ได้ค้นพบว่าศิษย์จากสำนักย่อยอื่น ๆ ได้ก้าวเข้าสู่[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด ]ไปแล้วเป็นจำนวนมาก ในขณะที่ เย่ฟง แทบจักไม่มีทรัพยากรที่พอแต่เขากลับสามารถประสบความสำเร็จและก้าวเข้าสู่ใน[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด ]ได้อย่างง่ายดาย หากวัดกันโดยความสามารถตามธรรมชาติของ เย่ฟง แล้วการที่เขาจักทลายผ่านไปยัง[ ระดับขั้นที่ 2 ดินแดนลมปราณก่อเกิด ]นั้น ก็มิใช่เรื่องที่น่าแปลกใจอันใดสำหรับ เย่ชีเหวิน

แต่อย่างไรก็ตามภายใต้ความลำเอียงและทรัพยากรอันมหาศาลของสำนักหลักนั้น มันสามารถทดแทนกับทรัพยากรที่ขาดหายไปในช่วงระยะเวลาลายปีที่ผ่านมาให้กับเขาได้ และเมื่อถึงเวลานั้นเขาจักได้สำแดงเดชถึงความเป็นอัจฉริยะของเขาให้ทุกคนได้ประจักแก่ตา

ทันทีที่ เย่ชีเหวิน ได้ทราบว่า เย่ฟง นั้นได้รับบาดเจ็บและเกือบที่จักต้องสูญเสีย[ พลังยุทธ ]ของตนมันทำให้ เย่ชีเหวิน นั้นรู้สึกโกรธแค้นเป็นอย่างมาก เพียงเพื่อต้องการที่จะกลั่นแกล้งศิษย์จาก[สำนักย่อยยี่หยวนหุบเขาฉิงฟง]อย่างไร้เหตุผลและจักทำลายการบ่มเพาะพลังของผู้ใดก็ได้เช่นนั้นหรือ? ดูเหมือนว่าในครั้งนี้ศิษย์จาก[สำนักย่อยยี่หยวนเชาหยาง]จักได้ล้ำเส้นของพวกมันมากเกินไปแล้ว

          “ ใครเป็นผู้อาวุโสที่ได้นำพากลุ่มศิษย์จาก[สำนักย่อยยี่หยวนหุบเขาฉิงฟง]เข้าสู่สำนักหลัก? และเขาในตอนนี้อยู่ที่ไหน? ” เย่ชีเหวิน กล่าวถาม เพราะโดยธรรมชาติแล้วเป็นไปไม่ได้ที่ศิษย์จากสำนักย่อยจะเดินทางเข้ามายังสำนักหลักโดยลำพัง เพื่อปกป้องภยันตรายที่อาจเกิดขึ้นกับพวกเขาผู้อาวุโสจึงจำเป็นที่จักต้องมาด้วยและนำพาพวกเขาเข้าสู่สำนักหลัก

นอกจากนี้มันยังเป็นผลประโยชน์ต่อพวกเขาเองด้วย แม้ว่าศิษย์ของพวกเขาจักได้ทำการบ่มเพาะพลังและฝึกฝนตนอยู่ภายในสำนักหลัก หากแต่ในภายภาคหน้าเมื่อพวกเขาได้เติบใหญ่และมีสถานะที่สูงขึ้นภายในสำนักหลัก พวกเขาก็จักกลายเป็นผู้ที่คอยให้การสนับสนุนรายใหญ่ให้กับสำนักสาขาย่อยเหล่านี้

          “ มันเป็นท่านเจ้าสำนักหลินท่านได้มากับพวกเราในครั้งนี้! ” จางหยาง กล่าวตอบ

          “ ท่านเจ้าสำนักหลิน! ” เย่ชีเหวิน กล่าวด้วยน้ำเสียงที่ประหลาดใจ เพราะเขามิได้คาดคิดเลยว่าท่านเจ้าสำนักหลินจักมาส่งพวกเขาเป็นการส่วนตัว ทั้งที่เรื่องเหล่านี้มั่นเหมาะที่จักเป็นหน้าที่ของผู้อาวุโสภายในสำนัก!

          “ ข้าเห็นว่าเจ้าได้ออกเดินทางไปแล้วเป็นเวลานาน เจ้าคงจักยังไม่รู้สินะว่าท่านเจ้าสำนักหลิน ได้ถอนตัวออกจากตำแหน่งของตนแล้วและได้ส่งมันไปยังรุ่นต่อไปแล้ว ซึ่งนั่นก็คือท่านพ่อของเจ้า เขาคือท่านเจ้าสำนักคนปัจจุบันในตอนนี้! ” จางหยาง กล่าว

          “ เจ้าว่าเยี่ยงไรนะ! ” เย่ชีเหวิน ถึงกลับต้องสะดุ้ง หลังจากที่เขาได้จากสำนักไปเพียงไม่กี่เดือน แต่กลับมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ถึงเพียงนี้ และในตอนนี้ท่านพ่อของเขาก็ยังได้เป็นเจ้าสำนักของ[สำนักย่อยยี่หยวนหุบเขาฉิงฟง]

แม้ว่า เย่คงหมิง เดิมจักเป็นผู้อาวุโสระดับสูง แต่สถานะของผู้อาวุโสระดับผู้เฒ่าผู้แก่นั้นต่างก็มิได้ด้อยไปกว่าเจ้าสำนักเลยแม้แต่น้อย หากเปรียบเทียบกับสำนักหลักสถานะของพวกเขามันก็ราวเหมือนกับสถานะของ[ศิษย์ที่แท้จริง] แต่พ่อของเขากับถูกรับเลือกโดยตรงจากท่านเจ้าสำนักว่าให้ขึ้นตำแหน่งเป็นเจ้าสำนักคนต่อไป!

          “ 1 เดือนที่ผ่านมาท่านเจ้าสำนักหลินได้ละทิ้งตำแหน่งของตนและมุ่งหน้ามายังสำนักหลักเพื่อกล่าวถามถึงเรื่องบางอย่าง! ” จางหยาง อธิบาย

          “ แล้วท่านเจ้าสำนักหลินตอนนี้อยู่ที่ใด? ” เย่ชีเหวิน กล่าวถาม

#########################################################
เอาละในช่วงท้ายก็มาพบกับเราเหล่าพี่น้อง 4B หัวดอที่จะมาเผานิยายเรื่องนี้ไปพร้อมกลับคุณ

B1 : อารมเหมือนมีแต่น้ำแต่ไม่มีเส้น

B2 : ลูกชิ้นก็ไม่มี

B4 : หมูก็หายไปแม้แต่ผักซักชิ้นก็ยังไม่เห็น

B3 : เดี้ยว ๆ ไอ้[ส.]พวก[ม.]พูดถึงเรื่อง[ห.]อะไรกันเนี่ย

#########################################################
เอาล่ะก็ขอจบสาระเร้าใจ BY: นายกระทิข้น ไว้เท่านี้ก่อนนะครับขอบคุณครับสำหรับผู้อ่านทุกท่าน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม