บทที่ 81 - เหวินชิหยาง ปรากฏตัว

แต่ในช่วงว่าที่หลาย 10 จากศิษย์ของ[สำนักย่อยเชาหยาง]ได้ก้าวออกมาพวกมันก็ได้เข้าห้อมล้อม เย่ชีเหวิน ในทันที

          “ เจ้าเป็นใคร…เหตุใดถึงได้กล้ามาทำตัวอวดดีในด้านหน้าของ[สำนักย่อยเชาหยาง]ของพวกข้า! ”

หลายศิษย์จาก[สำนักย่อยเชาหยาง] ต่างกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่โกรธแค้น และในหมู่ของพวกมันก็ยังมีบางคนที่อยู่ภายในกลุ่มเดียวกันกับ ฮั่วเฉิง ที่ได้เหยียบเข้าไปในเขตพื้นที่ของ[สำนักย่อยยี่หุบเขาฉิงฟง]และได้หาเรื่องพวกเขา ทันทีที่พวกมันได้รับการยืนยันแน่ชัดแล้วว่าบุคคลที่ยืนอยู่ในด้านหน้าสำนักของพวกมันนั้นคือ เย่ชีเหวิน พวกมันก็ได้เกิดอาการหวาดกลัวขึ้นมาอย่างฉับพลัน เพราะพวกมันยังคงจับได้ดี ที่ลูกพี่[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด ]ของพวกมันนั้นนามว่า ฮั่วเฉิง ได้พ่ายแพ้ให้กับ เย่ชีเหวิน อย่างง่ายดายและตกอยู่ในสภาพที่น่าสังเวช

          “ ไปบอก เหวินชิหยาง ให้มันก้าวเท้าออกมาเดี๋ยวนี้! ” เย่ชีเหวิน ตะโกนกล่าว เหล่าศิษย์จาก[สำนักย่อยเชาหยาง] ต่างได้ใช้ประโยชน์จากการที่ผู้อาวุโสได้หายตัวไป ในการหาเรื่องและทำลายชื่อเสียงของ[สำนักย่อยหุบเขาฉิงฟง] ซึ่งแน่นอนว่าในขณะนี้ เย่ชีเหวิน ก็กำลังทำในสิ่งเดียวกันกับ[สำนักย่อยเชาหยาง] คือการเอาชนะศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดของสำนักในด้านหน้าของฝูงชน

ยิ่งไปกว่านั้นชื่อเสียงของ ฮั่วเฉิง มันยังไม่มากพอที่จักทำให้ เย่ชีเหวิน นั้นได้กลายเป็นที่รู้จักไปทั่ว ฉะนั้นแล้วตัวเลือกที่ดีที่สุดนั่นก็คือเขาจำเป็นที่จักต้องเอาชนะศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดของ[สำนักย่อยเชาหยาง]

          “ เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใครถึงได้กล้าเรียกชื่อของศิษย์พี่เหวินห้วน ๆ เช่นนั้น! ” ในเวลานี้ได้มีชายหนุ่มผู้หนึ่งอายุราว 20 ปี กล่าวขึ้นมาพลางก้าวเท้าออกมาจากคฤหาสน์พร้อมจับจ้องไปที่ เย่ชีเหวิน ด้วยสายตาที่มั่นอกมั่นใจ

          “ เหอะเป็นเพียงแค่ศิษย์จาก[สำนักย่อยหุบเขาฉิงฟง] แต่กับกล้ามาทำตัวอวดดีในด้านหน้าของ[สำนักย่อยเชาหยาง]ของพวกข้า เจ้านี่รนหาที่ตายโดยแท้! ” ชายหนุ่ม กล่าวเย้ยหยัน หลังจากนั้นเขาก็ได้ก้าวเท้าออกไปเพียงแค่ไม่กี่ก้าวก็ได้มาปรากฏยังเบื้องหน้าของ เย่ชีเหวิน อย่างรวดเร็วพร้อมกับกลิ่นอายที่น่าหวั่นเกรงแพร่กระจายออกมาจากร่างกายของเขา

เย่ชีเหวิน รู้ได้ในทันทีว่าชายหนุ่มคนนี้มั่นเหมะที่จักเป็น ชวี๋เหลี้ยง 1 ใน 3 ศิษย์[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด ] ของ[สำนักย่อยเชาหยาง] หลังจากที่ ฮั่วเฉิง ได้พ่ายแพ้ให้แก่เขาไปแล้ว และชายหนุ่มผู้นี้ยังเรียก เหวินชิหยาง ว่าศิษย์พี่ นั่นก็แสดงให้เห็นแล้วว่าเขานั้นมิใช่ เหวินชิหยาง แต่ควรที่จักเป็น 1 ใน 3 ศิษย์[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด ] ของ[สำนักย่อยเชาหยาง] นามว่า ชวี๋เหลี้ยง

ความแข็งแรงของ ชวี๋เหลี้ยง นั้นอยู่ในระดับที่สูงมากจนอาจกล่าวได้ว่าเขามิด้อยกว่า ฮั่วเฉิง เลยแม้แต่น้อย นั่นจึงเป็นที่พิสูจน์ได้อย่างชัดเจนแล้วว่าศิษย์ชั้นนำจาก[สำนักย่อยเชาหยาง] นั้นช่างมีประสิทธิภาพอย่างแท้จริง จึงไม่แน่แปลกใจที่เขาจักได้กล้าระรานสำนักย่อยสาขาอื่น ๆ ไปทั่วเช่นนี้

แต่อย่างไรก็ตามหลังจากที่ เย่ชีเหวิน ได้ผันแปรเป็น[ พลังปราณก่อเกิด ]ไปแล้วกว่า 50% นั่นจึงทำให้เขามีความแข็งแกร่งซึ่งเทียบเท่ากับผู้เชี่ยวชาญ[ ระดับขั้นที่ 3 ดินแดนลมปราณก่อเกิด ] และนอกจากนี้เขาเองก็ยังเป็นถึง[ ระดับจุดสูงสุดขั้นแรกดินแดนลมปราณก่อเกิด ] แล้วมีหรือที่ ชวี๋เหลี้ยง จักสามารถเป็นคู่ต่อสู้ของเขา?

เย่ชีเหวิน ยกฝ่ามือขึ้นมาปัดป้อง “ ฮึม ” เสียงลมแรง การโจมตีที่น่ารังเกียจของ ชวี๋เหลี้ยง ได้หยุดลงในทันทีในด้านหน้าร่างกายอันแข็งแกร่งดุจเหล็กกล้าของ เย่ชีเหวิน มีเพียงแค่เสียงระเบิดของแรงลมขนาดใหญ่แพร่กระจายออกทั่วทุกสารทิศ

ระหว่างการต่อสู้ของผู้เชี่ยวชาญ[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด ] ทุกหมัดที่ปล่อยออกสามารถสร้างคลื่นระเบิดให้กับชั้นบรรยากาศโดยรอบได้หรือกระทั่งกระแสลมแรงได้ เฉกเช่นเดียวกับละลอกคลื่นของทะเลทราบที่คอยทำให้เกิดการผันผวนบนผิวน้ำ

ดวงตาของ ชวี๋เหลี้ยง ได้เบิกกว้างขึ้นมาอย่างฉับพลัน ซึ่งมันเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ประหลาดใจ เพราะเขามิได้คาดคิดว่า เย่ชีเหวิน จักสามารถปัดป้องการโจมตีของเขาลงได้อย่างง่ายดาย แม้ว่าการจู่โจมของเขานั้นจักดูรีบร้อยเกินไปบ้าง หากแต่เขาก็ได้เตรียมใจมาดีแล้วนับตั้งแต่ที่เขาได้ก้าวออกมาจากคฤหาสน์เขาก็ได้กระทำการจู่โจม เย่ชีเหวิน อย่างฉับพลัน เพียงแต่การจู่โจมที่น่ารังเกียจของเขานั้นมันกับไร้ประโยชน์ในด้านหน้าของ เย่ชีเหวิน ในขณะที่เขาได้ยกฝ่ามือขึ้นมาปัดป้องเพียงแค่ ข้างเดียวเท่านั้น ซึ่งนั่นไม่ใช่สิ่งที่เขาจักสามารถยอมรับมันได้!

          “ ถึงทีข้าบ้าง! ” เย่ชีเหวิน ยิ้มเยาะ พลางเหวี่ยงลูกเตะที่รวดเร็วราวกับสายฟ้าฟาดออกไป บังเกิดเสียงโหยหวนเจาะอากาศราวกับเสียงของนกหวีดพุ่งตรงไปยัง ชวี๋เหลี้ยง

แต่ ชวี๋เหลี้ยง นั้นเตรียมพร้อมมาดีและเขาได้กระโดดหลบลูกเตะของ เย่ชีเหวิน หากแต่โดยที่มิได้มีความเหน็ดเหนื่อยใด ๆ เย่ชีเหวิน ไม่ต้องการให้มันได้มีเวลาที่จักหยุดพักและปล่อยฝ่ามือของเขาออกไปในทันที

เกรี้ยวกราดดุจสายฟ้า!

การโจมตีของ เย่ชีเหวิน นั้นได้ส่งเสียงฟ้าร้องออกมาถึง 9 ครั้งราวกับว่านั่นเป็นเสียงกู่ร้องที่ส่งมาจากสวรรค์

          “ ปัง! ” ชวี๋เหลี้ยง ได้ยกทั้ง 2 ข้างขึ้นมาป้องกัน เพียงแต่ในขณะนั้นเองก็ได้บังเกิดเสียงระเบิดแตกดังก้อง กระดูกแขนทั้ง 2 ข้างของ ชวี๋เหลี้ยง ได้ถูกทำลายลงในทันทีภายใต้แรงอัดกระแทกของฝ่ามือ เย่ชีเหวิน ที่ได้ครอบครองพลังอำนาจระดับขั้น[ 19 มังกร ] ซึ่งนับได้ว่าเป็นพลังอาจที่น่าหวาดกลัว เมื่อเทียบกับความแข็งแกร่งระดับขั้น[ 2 มังกร ] ของ ชวี๋เหลี้ยง แล้วเขาไม่อาจเป็นคู่ต่อสู้ต่อพลังอำนาจที่น่าหวั่นเกรงของ เย่ชีเหวิน ได้เลยแม้ว่า เย่ชีเหวิน จักมิได้ใช้เรียวแรงใด ๆ เลยในการปล่อยฝ่ามือออกไป แต่นั่นก็เพียงพอแล้วที่จักบดขยี้แขนทั้ง 2 ข้างของ ชวี๋เหลี้ยง

เสียงกระดูกหักได้ดังก้องไปทั่ว จนผู้คนของ[สำนักย่อยเชาหยาง]ตกอยู่ในความหวาดกลัวในทันที

          “ อ้า! ” ชวี๋เหลี้ยง กรีดร้องอย่างต่อเนื่องด้วยความเจ็บปวด แม้ว่าพวกเขาบางส่วนจักเคยเห็น เย่ชีเหวิน ทำร้าย ฮั่วเฉิง อยู่ฝ่ายเดียวมาก่อน และรู้ว่าเขานั้นเป็นบุคคลที่มีคามแข็งแกร่งมาก หากแต่พวกเขามิได้คิดว่าบุคคลที่แข็งแกร่งเช่น ชวี๋เหลี้ยง จริงจักบาดเจ็บสาหัสด้วยการโจมตีเพียงฝ่ามือเดียวของ เย่ชีเหวิน

ชวี๋เหลี้ยง ไม่เลยแม้แต่ที่จักสามารถป้องกันการโจมตีฝ่ามือเดียวของ เย่ชีเหวิน!

อีกทั้งมันยังรวดเร็วเกินไปกว่าที่ใครจักสังเกตเห็น การโจมตีจากฝ่ามือของ เย่ชีเหวิน ก่อนหน้านี้นั้น มันได้แฝงไปด้วยแก่นแท้ของ เคล็ดวิชา[ ตัดจันทร์หาย ] ซึ่งเขาได้รับการฝึกฝน เคล็ดวิชา[ ตัดจันทร์หาย ]มาถึงแล้วใน[ ดินแดนที่ 4 สูงสุด ] ซึ่งมันกล่าวได้ว่าเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับเขา เพราะเขาสามารถใช้นิ้วมือแทนใบมีดได้ในการสำแดงเคล็ดวิชา[ ตัดจันทร์หาย ] ได้ นอกจากนี้เขายังได้ปรับสภาพของเคล็ดวิชาให้เข้ากับร่างกายของเขา ฉะนั้นแล้วร่างกายของ เย่ชีเหวิน ในตอนนี้มันก็ราวเหมือนกับถูกห่อหุ้มด้วยเหล็กกล้า แม้ว่าจักสามารถโจมตีได้โดยที่มิต้องใช้ใบมีด แต่ทว่านั่นมันก็ไม่อาจสำแดงพลังอำนาจที่แท้จริงของเคล็ดวิชาออกมาได้ แต่ถึงจักเป็นนั้นในการโจมตีครั้งนี้มันก็ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าแม้จักมิได้สำแดงพลังอำนาจที่แท้จริงของมันออกมา หากแต่มันก็ยังนับได้ว่ามีประสิทธิภาพมากพอที่จักบดขยี้ ชวี๋เหลี้ยง ได้อย่างง่ายดาย

และนอกจากนี้การผสมผสานกันระหว่างแก่นแท้ของ เคล็ดวิชา[ ตัดจันทร์หาย ] และ [ ฝ่ามืออสนีบาต ] มันจึงทำให้ฝ่ามือของเขานั้นทั้ง รวดเร็ว รุนแรง และ หนักหน่วง จนอาจกล่าวได้ว่าอยู่ในระดับที่น่าหวาดกลัว

          “ ปัง! ” ฝ่ามือของ เย่ชีเหวิน ได้ถูกปล่อยไปอีกครั้งและอัดกระแทกเข้ากับหน้าอกของ ชวี๋เหลี้ยง จนกระดูกของเขานั้นได้ถูกทำลายลงในทันที

เย่ชีเหวิน ได้พยายามควบคุมความแข็งแรงของเขาที่ได้ปล่อยออกไป เพราะถ้าหากเขาไม่ยอมควบคุมมันและปล่อยออกไปเต็มที่เกรงว่า ชวี๋เหลี้ยง คงจักต้องตกตายไปแล้วในขณะนี้

แม้ว่า เย่ชีเหวิน จักพยายามควบคุมความแรงของเขาแล้ว หากแต่นั่นก็ยังนับว่าเป็นพลังอำนาจที่น่ากลัวอยู่ดี ด้วยความต่างชั้นของพลังที่มากกันเกินไป มันได้ส่งร่างกายของ ชวี๋เหลี้ยง ปลิวกระเด็นลอยออกไปอัดกระแทกเข้ากับฝูงชนศิษย์ของ[สำนักย่อยเชาหยาง]และด้วยผลกระทบที่เขาได้รับนั้นมันทำให้เขาสิ้นสติในทันที

เงียบงัน!

ความเงียบได้เข้าปกคลุมทั่วทั้งพื้นที่ของคฤหาสน์[สำนักย่อยเชาหยาง] หลังจากที่พวกเขาได้เห็น ชวี๋เหลี้ยง พ่ายแพ้ให้กับ เย่ชีเหวิน เพียงแค่ไม่กี่ฝ่ามือมันถึงกับทำให้พวกเขาต่างต้องอ้าปากค้าง

หลังจากนั้นเสียงซุบซิบก็ได้เริ่มดังขึ้นอีกครึ่งในพื้นที่บริเวณโดยรอบ

          “ นี่มันเป็นไปได้เยี่ยงไรที่ ชวี๋เหลี้ยง พ่ายแพ้อย่างง่ายดายโดยเพียงแค่ไม่กี่ฝ่ามือของชายหนุ่มผู้นี้! ”

          “ การโจมตีด้วยฝ่ามือนั่น ช่างเป็นพลังอำนาจที่น่าอัศจรรย์อย่างแท้จริง! ”

          “ ชายหนุ่มผู้นี้ช่างแข็งแกร่งยิ่งนัก ข้าเกรงว่าด้วยความสามารถของเขามีความเป็นไปได้ที่จักทัดเทียมกับ เหวินชิหยาง! ”

          “ ภายในปีนี้มันอาจกล่าวได้ว่ามีอัจฉริยะจำนวนมากที่ได้ก้าวเข้าไปยัง[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด ]หากเทียบกับเมื่อปีที่ผ่านมา ซึ่งแน่นอนว่าจักต้องมีพวกเขาไม่น้อยต้องกลายเป็นหินก้าวให้กับผู้อื่น ทั้ง ฮั่วเฉิง และ ชวี๋เหลี้ยง พวกเขาทั้ง 2 ต่างมิได้มีชื่อเสียงที่เล็กน้อย หากเขายังคงพัฒนาตนเองเช่นนี้ต่อไปเกรงว่าในภายภาคหน้าชื่อเสียงของพวกเขาจักต้องโด่งดังเป็นแน่ หากแต่ทว่าในยามนี้พวกเขากับกลายเป็นหินก้าวให้กับผู้อื่นไปเสียแล้ว!

          “ ข้าใฝ่ฝันเสมอที่จักมีความสามรถเฉกเช่นเดียวกันกับพวกเขา ที่ก้าวเดินไปเส้นทางแห่งการต่อสู้ที่เต็มไปด้วยขวาดหนาม เพียงรอให้ข้ามีความแข็งแกร่งมากกว่านี้และข้าจักเดินไปบนเส้นทางเดียวกันกับพวกเขา! ”

          “ หลังจากที่การต่อสู้ในครั้งนี้จบลง ไม่ว่าผลมันจักออกมาเป็นเช่นไร ข้าเกรงว่าชื่อเสียงของชายหนุ่มผู้นี้จักต้องโด่งดังไปทั่วทั้งสำนักหลักเป็นแน่ และข้ามั่นใจว่าจักต้องมีคนจำนวนมากมาท้าทายเขาอย่างแน่นอน! ”

หลังจากที่ได้เอาชนะ ชวี๋เหลี้ยง เย่ชีเหวิน ก็ได้ก้าวเท้าออกไปข้างหน้าพลางตะโกนกล่าวว่า “ เหวินชิหยาง นี่เจ้ายังไม่ยอมออกมา แล้วจักเรียกตนว่าเป็นลูกผู้ชายอยู่อีกได้หรือไม่! ”

          “ เจ้าเป็นใคร? แล้วชื่อสำนักของเจ้า? ” ครานี้ชายหนุ่มในชุดคลุมสีม่วงและมีใบหน้าที่สง่างาม ก้าวเดินออกมาจากคฤหาสน์พลางตะโกนกล่าว

          “ เจ้าคือ เหวินชิหยาง? ” เย่ชีเหวิน เหลือบมองไปที่เขาพลางกล่าว

          “ แล้วเจ้าเป็นใคร? ” เหวินชิหยาง มองไปที่ เย่ชีเหวิน พลางกล่าว

          “ ศิษย์จาก[สำนักย่อยหุบเขาฉิงฟง] เย่ชีเหวิน! ” เย่ชีเหวิน กล่าวด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง “ เจ้าคือคนที่ทำร้ายพี่ชายของข้าจนบาดเจ็บใช่หรือไม่! ”

          “ งั้นนี่ก็หมายความว่าเจ้าคือน้องชายของ เย่ฟง สินะ เหอะ!...เจ้ากล้ามากที่บังอาจมาก่อความสับสนวุ่นวายที่นี่ เจ้าค่อนข้างมีความกล้าหาญแต่คิดหรือว่าเจ้าจักสามารถรอดพ้นไปจากที่นี่ได้? เจ้าควรคิดให้ดีก่อนที่จักทำผิดกฎของสำนัก!่ ” เหวินชิหยาง กล่าว

#########################################################
เอาละในช่วงท้ายก็มาพบกับเราเหล่าพี่น้อง 4B หัวดอที่จะมาเผานิยายเรื่องนี้ไปพร้อมกลับคุณ

B1 : ฉิบหอยทำไมน้ำมันเยอะเช่นนี้แม้ว่าจะมีเส้นอยู่กระจุกนึงก็ตาม

B2 : ลูกชิ้น 3 ลูก

B4 : หมู 1 ชิ้นนอกนั้นผักเต็มชาม

B3 : [ก.]เริ่มจะอิ่มล่ะ

#########################################################
เอาล่ะก็ขอจบสาระเร้าใจ BY: นายกระทิข้น ไว้เท่านี้ก่อนนะครับขอบคุณครับสำหรับผู้อ่านทุกท่าน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม