บทที่ 83 - มากด้วยชื่อเสียงเกียรติยศ

ทุกคนต่างเงียบงัน!

ทุกสิ่งทุกอย่างต่างจบเพียงแค่ 1 กระบวนท่า!

ชื่อเสียงที่ได้สั่งสมมาทั้งหมดของ เหวินชิหยาง ต่างมะลายหายไปเพียงพริบตาภายใต้การจู่โจม[ พลังปราณใบมีด ] ที่น่าอัศจรรย์ของ เย่ชีเหวิน

มันมีความแตกต่างกันมากเกินไประหว่าง[ พลังปราณก่อเกิด ] และ [ พลังปราณก่อตั้ง ] ซึ่งแม้ว่าจักผันแปรไปเพียงแค่ 30% แต่นั่นก็มากพอแล้วที่จักกล่าวได้ว่าแข็งแกร่งซึ่งความแข็งแกร่งของนั้นหากกล่าวโดยรวมช่างน่าทึ่ง แต่นั่นก็ยังคงห่างไกลเมื่อเทียบกับ เย่ชีเหวิน

เย่ชีเหวิน ได้ใช้[ เขตแดนความคิด ]ของเขาควบคู่ไปกับ[ พลังปราณมีด ]ซึ่งนั่นมันทำให้พลังอำนาจของเขาเพิ่มสูงขึ้นจนถึงในระดับที่ยากเกินจักเชื่อ และทุกคนในที่นี้ต่างก็ตระหนักได้ถึงความจริงที่ว่า เย่ชีเหวิน นั้นได้ยับยั้งความแข็งแรงที่แท้จริงของเขาเอาไว้ เพราะหากไม่เป็นเช่นนั้นแล้ว เหวินชิหยาง คงได้ถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วนไปแล้วกับการโจมตีก่อนหน้านี้ แม้ว่ากฎของสำนักจักค่อนข้างกว้างขวาง แต่นั่นก็ไม่กว้างพอที่จักฆ่าคนภายในสำนักต่อหน้าฝูงชนที่มากมายเช่นนี้ได้ ซึ่งแน่นอนว่าตอนนี้อย่างน้อย เย่ชีเหวิน ก็ไม่ได้มีกำลังมากพอที่จักฝ่าฝืนกฎของสำนักได้ในตอนนี้

แต่ถึงอย่างไรก็ตาม หากพวกเขาต้องตายในวันนี้ด้วยน้ำมือของ เย่ชีเหวิน [สำนักย่อยเชาหยาง]ก็คงทำได้เพียงแค่กล้ำกลืนฝืนทนเท่านั้น หลังจากที่พวกเขาทุกคนในที่นี้ต่างรู้ตัวดีว่าตนนั้นเป็นฝ่ายชักศึกเข้าบ้าน ยิ่งไปกว่านั้นหลังจากที่ได้สูญเสียผู้นำศิษย์[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด ]ไปถึง 3 คนมันก็ยิ่งทำให้พวกเขารู้สึกหดหู่ยิ่งนัก เพราะหากอาศัยกำลังของพวกเขาเพียงลำพังแน่นอนว่าไม่มีทางที่พวกเขาจักผ่านการประเมินที่จักมาถึงในเร็ว ๆ นี้ได้เป็นแน่ และแน่นอนไม่มีใครในที่นี้เห็นใจผู้อ่อนแอ

จบ มันจบแล้วจริง ๆ

ศิษย์อัจฉริยะที่โดดเด่นที่สุดของ[สำนักย่อยเชาหยาง]ทั้งหมดต่างพ่ายแพ้ย่อยยับ หากพวกเขาไม่สามารถฟื้นตัวได้ในเร็ว ๆ นี้ก่อนวันการประเมินความสามารถ ข้าเกรงว่าด้วยความแข็งแกร่งของศิษย์คนอื่น ๆ ที่ไร้ซึ่งผู้นำของพวกเขา คงไม่มีที่จักทางผ่านการประเมินความสามารถครั้งนี้ไปได้เป็นแน่ มิหนำซ้ำพวกเขาอาจถูกเขี่ยจนตกรอบเป็นกลุ่มแรกก็เป็นได้

การประเมินความสามารถของสำนักหลักนั้น แน่นอนว่าย่อมมิใช่การประเมินธรรมดาหลังจากที่มันเกี่ยวโยงกับอนาคตของสำนักย่อยต่าง ๆ การที่พวกเขาจักได้ทรัพยากรมากน้อยแค่ไหนจากสำนักหลักนั้น แน่นอนว่าย่อมต้องขึ้นอยู่กับความสามารถของศิษย์ที่โดดเด่นของพวกเขาว่าจักมีความสามารถมากแค่ไหน

ในสายตาของสำนัก แน่นอนว่าย่อมมีการแบ่งชนชั้นของเหล่าศิษย์และศิษย์ที่โดดเด่นที่สุดของสำนักย่อยต่าง ๆ ก็จักถูกส่งมายังสำนัก ซึ่งหากศิษย์คนไหนมีประสิทธิภาพที่โดดเด่นสะดุจตาของพวกเขา สำนักย่อยที่ศิษย์ที่ส่งศิษย์ผู้นั้นมาก็จักได้รับทรัพยากรจำนวนมากกลับคืนไป ซึ่งมันเป็นทรัพยากรที่มากพอนับหลายปีที่เขาได้ฝึกฝนการบ่มเพาะพลังให้แก่ศิษย์ผู้นั้น

และด้วยเหตุนี้เอง สำนักย่อยต่าง ๆ จึงมิได้ลังเลที่จักใช้ทรัพยากรของพวกเขาจำนวนมากไปกับเหล่าศิษย์ที่โดดเด่นของพวกเขาก่อนที่จักส่งพวกเขาเข้าสู่สำนักหลัก

แต่ทว่าในขณะนี้ไม่เพียงแค่ศิษย์ที่โดดเด่นของพวกเขาจักมิได้เขาร่วมการประเมิน แต่พวกเขายังพ่ายแพ้อย่างง่ายดายต่อหน้าฝูงชนจำนวนมาก ซึ่งนั่นนับได้ว่าเป็นความอับอายที่ใหญ่หลวงมากสำหรับพวกเขา ยิ่งไปกว่านั้นจุดประสงค์หลักของพวกเขายังถูกทำลายและแน่นอนว่า[สำนักย่อยเชาหยาง]ในปีนี้ จักไม่ได้รับทรัพยากรที่พวกเขาสูญเสียไปในช่วงระยะหลายปีที่ผ่านมากลับคืน

ก่อนหน้า[สำนักย่อยเชาหยาง] ได้ระรานศิษย์จาก[สำนักย่อยหุบเขาฉิงฟง] โดยที่พวกไม่ได้คาดคิดว่าจะไปกระตุ้นบุคคลที่ไม่ควรกระตุ้นขึ้นมา ด้วยการ[ชักน้ำให้ลึก ชักศึกเข้าบ้าน]ของพวกเขา จึงทำให้ตนต้องพบกับชะตากรรมเช่นนี้

การต่อสู้ของพวกเขาทั้ง 2 ได้กลายเป็นตัวกำหนดชื่อเสียงของสำนัก ซึ่งผลสรุปที่ออกมาคือชื่อเสียงที่เพิ่มขึ้นอย่างล้นหลามของ[สำนักย่อยหุบเขาฉิงฟง] และกลายเป็นแผ่นเหล็กกล้าที่ยากจักทำลาย ในขณะที่ชื่อเสียงของ[สำนักย่อยเชาหยาง]ถูกทำลายย่อยยับจนป่นปี้

          “ หลังจากนี้ไปชื่อเสียงของเขาคงจักโด่งดังไปทั่วเป็นแน่! ” ศิษย์ที่อยู่ภายในฝูงชนต่างบ่น

…………………………..

ชื่อเสียงของเขาที่ได้นิ่งราวกับน้ำในสระ จู่ ๆ ก็ได้มีหินขนาดใหญ่ถูกโยนลงไป จนกลายเป็นเหมือนคลื่นขนาดใหญ่ถูกกวาดผ่านออกไปเป็นวงกว้าง

ข่าวที่ เย่ชีเหวิน ได้มอบความพ่ายแพ้ย่อยยับให้กับศิษย์ผู้โดดเด่นของ[สำนักย่อยเชาหยาง] เหวินชิหยาง ได้แพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็วราวกับไฟลามทุ่ง มากกว่า 100 สำนักย่อยได้รู้เรื่องเกี่ยวกับเขา

แต่เริ่มเดิมทีกว่าศิษย์นับพัน เหวินชิหยาง นั้นแน่นอนว่าย่อมมิใช่บุคคลที่เก่งกาจที่สุด และชื่อเสียงของเขาก็อยู่เพียงแค่ในระดับปานกลางเพียงเท่านั้น แม้ว่า เย่ชีเหวิน จักสามารถเอาชนะ เหวินชิหยาง ได้นั่นก็มิได้ทำให้ชื่อเสียงของเขาโด่งดังขึ้นมามากมายได้เช่นนี้ แต่นั่นเป็นเพราะว่าผู้คนที่ได้อยู่ที่นั่นต่างเป็นสักขีพยานว่าเขานั้นได้ใช้[ เขตแดนความคิด ]ของเคล็ดวิชาใบมีดที่ยากเกินจักเข้าใจ ซึ่งด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้เขาตกเป็นเป้าสายตาและกลายเป็นที่ดึงดูดความสนใจของผู้คนจำนวนมาก

ในลานพื้นที่ของ[สำนักย่อยหุบเขาฉิงฟง] เย่ฟง กำลังยืนอยู่ เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญ[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด ]และเพื่อที่จักเยี่ยวยารักษาอาการบาดเจ็บของเขา เย่ชีเหวิน จึงจำเป็นที่จักต้องใช้โอสถสมุนไพรคุณภาพสูงเป็นจำนวนมากในการรักษา จนในขณะนี้เขาสามารถเดินไปไหนมาไหนได้ด้วยตนเองแล้ว ซึ่งหากยังคงรักษาอัตราเช่นนี้ต่อไปมีความเป็นไปได้ว่าอาการบาดเจ็บของเขาจักถูกรักษาจนหายขาดก่อนถึงวันเริ่มต้นการประเมิน

ซึ่งอีกด้านหนึ่ง เย่ชีเหวิน และ เย่หรูเชว่ สองพี่น้องที่ยืนอยู่อย่างเงียบ ๆ ซึ่งไม่ห่างไกลมากนัก ในขณะที่ จางหยาง หวู่เฮา และ เฉิยนเหวิ่นลู้ กำลังรวมตัวเหล่าศิษย์รุ่นน้อง

          “ ข่าวเกี่ยวกับการต่อสู้ของ[ศิษย์น้องเย่]และ เหวินชิหยาง ได้กลายเป็นที่โด่งดังไปทั่ว หลังจากที่พวกเขาได้เห็น[ เขตแดนความคิด ]เคล็ดวิชาใบมีดของเขา ข้าเกรงว่าในตอนนี้คนเหล่านั้นคงไม่อาจหลับนอนได้เป็นแน่ และในตอนนี้ก็จะไม่มีใครกล้าที่จะดูหมิ่น[สำนักย่อยหุบเขาฉิงฟง]ของพวกเราอีก! ” เฉียนเหวิ่นลู้ กล่าวด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้น หลังจากที่[สำนักย่อยหุบเขาฉิงฟง]ของพวกเขานั้นตั้งอยู่ในพื้นที่ที่ห่างไกลจากเมืองหลวง ซึ่งด้วยเหตุนั้นเองมันจึงทำให้[สำนักย่อยหุบเขาฉิงฟง]ของพวกเขานั้นถูกเลือกปฏิบัติที่ไม่ดีนักเมื่อเข้ามายังเมืองใหญ่เช่นนี้

          “ ใช่แน่นอนว่าอาจมีคนที่ไม่อาจหลับนอนได้เกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ก็มีคนบางพวกเช่นกันที่ได้ใส่สีตีไข่มันลงไป! ” เย่ฟง กล่าวพร้อมถอดถอนหายใจ ข่าวได้แพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็วอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งนั่นแน่นอนว่าไม่ใช่ผลดีต่อตัวของพวกเขาเสียสักเท่าไหร่ หลังจากที่ข่าวได้แพร่กระจายออกไปเป็นวงกว้างแน่นอนว่าย่อมมีบุคคลที่ไม่หวังดีกับมันและใส่สีตีไข่มันลงไป

          “ มีใครบางคนต้องการให้พวกเราจมลงไปในโคลน!” จางหยาง ขมวดคิ้วพลางกล่าว “ มีใครบางคนพยายามทำให้พวกเรากลายเป็นจุดสนใจและร่วมพลังกันเพื่อทำลายพวกเรา! ”

          “ มีความเป็นไปได้อย่างที่เจ้ากล่าว หลายปีที่ผ่านมา[สำนักย่อยหุบเขาฉิงฟง]ของพวกเราได้มีมิตรสหายกว่าหลายสำนักย่อย ซึ่งมากพอ ๆ กับศัตรูที่พวกเรามีและใบอีกไม่ช้าพวกเขาจักรู้เกี่ยวกับเรื่องทั้งหมดนี้! ” เย่ฟง กล่าว

          “ ไม่สำคัญว่ามันจักถูกบิดเบือนไปมากเท่าใด แต่ตราบใดที่มีคนต้องการที่จักท้าทาย สิ่งที่พวกเราต้องทำก็แค่เตรียมพร้อมและเผชิญหน้ากับมัน! ” เย่ชีเหวิน กล่าว “ มันเป็นเรื่องง่ายที่พวกเราจักจัดการพวกมันทุกคน ที่คิดจักท้าทายพวกเรา! ”

เย่ชีเหวิน ได้กล่าวคำพูดที่เต็มไปด้วยความเชื่อมั่น เพราะเขารู้ดีว่าต่อให้คิดว่าแผนกันเช่นไรมันก็ไม่อาจหลีกหนีการเผชิญหน้าได้อยู่ดี ฉะนั้นแล้วมันจึงไม่จำเป็นที่จักต้องคิดอะไรให้มากเพียงแค่เผชิญหน้ากับมันและฟันฝ่ามันไปเท่านั้นก็พอ

          “ ฮะฮ่า ๆ น้องเล็กเจ้าพูดถูก ไม่มีความจำเป็นใด ๆ ที่จักต้องวางแผน เพียงแค่เผชิญหน้ากับพวกมันและโค่นล้มพวกมันเสียให้หมดก็พอ! ” เย่ฟง กล่าวพลางหัวเราะ

          “ หากพวกมันต้องการที่จักเห็นความสามารถของพวกเรานัก พวกเราก็จักสำแดงให้พวกมันเห็นว่า[สำนักย่อยหุบเขาฉิงฟง]ของพวกเรานั้น ก็มิได้ด้อยไปกว่าสำนักย่อยสาขาอื่น ๆ ” เย่ชีเหวิน กล่าวกลางปรากฏรอยยิ้มบนใบหน้า

          “ ใช่ถูกต้องแล้ว! ” เย่ฟง พยักหน้าพลางหันไปที่ เย่หรูเชว่ พร้อมกล่าวว่า “ ในตอนนี้ข้าไม่เป็นอะไรแล้ว เจ้าไม่จำเป็นที่จักต้องคอยดูแลข้า จงใช้เวลาที่เหลือก่อนที่จักถึงวันประเมินเพิ่มระดับการบ่มเพาะพลังของเจ้าเสีย มันจักเป็นการดีกว่าหากพวกเรามีผู้ช่วยเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งคน! ”

เย่หรูเชว่ จับจ้องไปที่ เย่ฟง พลางพยักหน้าพร้อมกล่าว “ ตกลง ”

นางนั้นรู้ตัวดีว่าหากตนไม่สามารถบรรลุไปยัง[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด ] นางก็ไม่อาจช่วยพวกเขาได้ แต่โชคดีที่นางนั้นมี[ เม็ดโอสถก่อเกิด ]ที่ได้รับมาจาก เย่ชีเหวิน ด้วยช่วยเหลือของมันมันสามารถพานางบุกฝ่าไปยัง[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด ]ได้อย่างง่ายดาย แต่ถึงไม่มีมันนางก็ยังคงสามารถบุกฝ่าไปยัง[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด ]ได้ด้วยสภาพแวดภายในสำนักหลัก เพียงแต่มันอาจที่จักต้องใช้เวลาและความพยายามเป็นอย่างมากที่จักบุกฝ่า

หวู่เฮา และ เฉียนเหวิ่นลู้ ต่างมองไปที่ เย่หรูเชว่ ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความอิจฉาหลังจากที่พวกเขานั้นไม่ได้มี[ เม็ดโอสถก่อเกิด ]เช่นนาง แต่ถึงอย่างนั้นการที่พวกเขาจักสามารถบุกฝ่าไปยัง[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด ]ได้ ก็ขึ้นอยู่กับเวลาเพียงเท่านั้น

แต่ในขณะนั้นเองก็ได้มีศิษย์ของ[สำนักย่อยหุบเขาฉิงฟง]กลุ่มหนึ่งวิ่งเข้มาภายในลานพร้อมทางทีที่ตื่นตระหนกพลางกล่าวว่า “ แย่แล้ว! ที่ด้านนอกมีคนต้องการที่จักท้าทาย[ศิษย์น้องเย่]! ”

          “ ติดไม่ถึงเลยว่าพวกมันจักมากันจริง ๆ! ” เย่ฟง กล่าว

          “ นี่มันเร็วกว่าที่คิดเอาไว้! ” จางหยาง ขมวดคิ้วพลางกล่าว

          “ ดีงั้นข้าจักไปดู! ” เย่ชีเหวิน กล่าวว่า

เย่ชิเหวิน ออกไปยังลานและต้องพบกับความประหลาดใจ ในด้านหน้าของเขาชายหนุ่มในชุดคลุมสีขาวได้จับจ้องมาที่เขาด้วยสายตาที่เยือกเย็น ร่างกายของเขานั้นช่างดูแข็งแกร่งและทนทานและมี[ พลังปราณบริสุทธิ์ ]จำนวนมาก แพร่ออกมาจากร่างกายของเขาและกระจ่ายออกไปทั่วทุกสารทิศ

กลิ่นอาจของเขานั้นช่างเยือกเย็นราวกับน้ำแข็ง อีกทั้งรูปลักษณ์หน้าตาและท่าทีของเขาก็ยังดูเยือกเย็นราวกับว่าเขานั้นเป็นรูปปั้นน้ำแข็ง

#########################################################
เอาละในช่วงท้ายก็มาพบกับเราเหล่าพี่น้อง 4B หัวดอที่จะมาเผานิยายเรื่องนี้ไปพร้อมกลับคุณ


B1 : เหวิน พึ่งจบ พ่อหนุ่มเยือกแข็งก็ออกมา

B2 : แลตัวออกตัวไวเช่นนี้ คงจบไม่เกิน 2 บท

B4 : พี่ให้บทเดียวเลย

B3 : มีอะไรจะอวยมันไปมากกว่านี้อีกไหม??

#########################################################
เอาล่ะก็ขอจบสาระเร้าใจ BY: นายกระทิข้น ไว้เท่านี้ก่อนนะครับขอบคุณครับสำหรับผู้อ่านทุกท่าน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม