บทที่ 84 - 3 สำนักย่อยชั้นนำ

ศิษย์มากมายจากหลายสำนักย่อยต่างมารวมตัวกัน เพื่อดูการต่อสู้ในครั้งนี้ หลังจากที่พวกเขาได้ยินชื่อเสียงของ เย่ชีเหวิน มันก็ได้ดึงดูดความสนใจของพวกเขาเป็นจำนวนมาก และต้องการที่จักเห็นว่าศิษย์จาก[สำนักย่อยหุบเขาฉิงฟง]นั้นจักมีดีดั่งที่เขากล่าวลือกันหรือไม่

เย่ชีเหวิน มองออกไปพลางกล่าว “ เจ้าคือผู้ที่ต้องการที่จักท้าทายข้า ”

          “ ใช่! ” ชายหนุ่มผู้นั้นพยักใบหน้าj

          “ แล้วเจ้าคือผู้ใด? ” เย่ชีเหวิน กล่าวถาม

          “ [สักย่อยปิงเต่า] , ชูซุน! ” ชายหนุ่มกล่าวตอบ

ปิงเต่า เดิมเป็นศิษย์จาก[สำนัดย่อยปิงเต่า] มิน่าแปลกใจ!

บนชายฝั่งทะเลตะวันออกของ[ จักรวรรดิต้าเยว้ ]ได้มีสำนักย่อยยี่หยวนตั้งรกรากที่นั่นอยู่ ซึ่ง[ สำนักย่อยปิงเต่า ]นั้นถือเป็นหนึ่งในสำนักย่อยที่มีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่ง หลังจากที่พื้นที่แถบนั้นต่างเต็มไปด้วยน้ำแข็ง ซึ่งถูกสร้างเอาไว้โดยบรรพชนของพวกเขาเมื่อนานมาแล้ว และมักจักเห็นได้อย่างชัดเจนว่าศิษย์ทุกคนที่ได้ถูกส่งมาจากที่นั่นล้วนแล้วเป็นศิษย์ที่โดดเด่นและแข็งแกร่งทั้งสิ้น

ในบรรดาเหล่าสำนักย่อยนั้นจักถูกแบ่งออกเป็นสองประเภท คือ ประเภทที่แข็งแกร่ง และ ประเภทที่อ่อนแอ ซึ่ง[สำนักย่อยหุบเขาฉิงฟง]นั้นถูกจัดอยู่ในประเภทที่อ่อนแอ ในขณะที่[สำนักย่อยปิงเต่า]ถูกจัดเป็นอันดับที่ 3 ในบรรดาสำนักย่อยที่แข็งแกร่งที่สุด

          “ นั่น ชูซุน ศิษย์จาก[ สำนักย่อยปิงเต่า ] มิน่าแปลกใจว่าเหตุใดความแข็งแกร่งของเขาถึงได้ดูน่าหวาดกลัวยิ่งนัก! ” เหล่าศิษย์ต่างอุทาน

          “ มันเป็นเขามิน่าแปลกใจ หากไม่นับรวม 3 ศิษย์ชั้นนำที่มิอาจหาที่ใดเปรียบ ชูซุน อาจถือได้ว่าเป็น 1 ในศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดแล้วก็เป็นได้! ”

          “ เจ้าคือ ชูซุน? ” เย่ชีเหวิน กล่าว หลังจากที่เขาได้มาถึงที่นี่แล้วนับหลายวัน แน่นอนว่าเขาย่อมต้องรู้ดีว่าผู้ใดคือศิษย์ที่โดดเด่นจากสำนักย่อยต่าง ๆ

มันอาจกล่าวศิษย์รุ่นนี้นั้นเป็นศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดใน 100 ปี ที่ผ่านมา โดยเฉพาะ 3 ศิษย์ชั้นนำที่โดดเด่นจาก 3 สำนักย่อยชั้นนำ

ในอดีตที่ผ่านมา 3 สำนักย่อยเหล่านี้ถือได้ว่าเป็น 3 สำนักที่แข็งแกร่งและด้วยเหตุผลนั้นเองจึงทำให้พวกเขานั้นได้รับทรัพยากรอย่างมหาศาลเมื่อเทียบกับเหล่าสำนักย่อยสาขาอื่น ๆ พวกเขาจึงสามารถบ่มเพาะศิษย์ที่แข็งแกร่งและมีประสิทธิภาพเช่นนี้ออกมาได้เรื่อย ๆ จนมันหมุนวนกลายเป็นวงจรพอนานวันเข้า 3 สำนักย่อยนี้ก็ได้เป็น 3 สำนักย่อยที่น่าเกรงขามที่สุดในหมู่สำนักสาขาย่อยด้วยกันและด้วยความแข็งแกร่งของพวกเขาจึงทำให้พวกเขามีทรัพยากรที่เหนือกว่าสำนักย่อยสาขาอื่น ๆ

และไม่เพียงแค่เป็น 3 สำนักที่ดีที่สุดเท่านั้น แต่เหล่าศิษย์ของพวกเขาที่ได้ส่งเข้ามาภายในปีนี้ยังไม่มีแม้แต่คนเดียวที่อยู่ใน[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อตั้ง ] พวกเขาทุกคนที่ได้เข้ารับการประเมินล้วนแล้วแต่อยู่ใน[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด ]ทั้งสิ้น

เมื่อ เย่ชีเหวิน ได้ทราบข่าว เขาก็อดไม่ได้ที่จักต้องถอดถอนหายใจด้วยความรู้สึกที่ประหลาดใจ หลังจากที่เหล่าศิษย์ที่ถูกส่งมาทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นผู้เชี่ยวชาญ[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด ]ทั้งสิ้น จักมีอะไรที่มันย่ำแย่ไปกว่านี้อีกหรือไม่?

และที่สำคัญ 3 [สำนักย่อยชั้นนำ]เหล่านี้ ต่างได้พากันใช้ทรัพยากรจำนวนมากไปกับการบ่มเพาะพลังเหล่าศิษย์ของตนให้ก้าวไปสู่[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด ]เพื่อเพิ่มพลังให้กับพวกเขา ซึ่งทุก ๆ ครั้งศิษย์[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด ]ที่ถูกส่งไปยังสำนักหลัก ก็ยิ่งจักยิ่งเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ จึงทำให้สำนักย่อยอื่น ๆ เริ่มที่จักทำเช่นเดียวกับพวกเขาโดยการใช้ทรัพยากรทั้งหมดที่มีไปกับเหล่าศิษย์ที่โดดเด่นของตน

แม้ว่าพวกเขาจักมิได้คาดหวังว่าศิษย์ของตนนั้นจักดีกว่าศิษย์จาก 3 สำนักย่อยชั้นนำ แต่ถึงอย่างน้อยพวกเขาก็ไม่ควรที่จักถูกผู้ใดรังแกได้โดยง่ายจากศิษย์ 3 [สำนักย่อยชั้นนำ]

แต่หลังจากที่[สำนักย่อยหุบเขาฉิงฟง] ได้ตั้งอยู่ในรกรากที่ห่างไกลจากตัวเมืองของ[ จักรวรรดิต้าเยว้ ] นั่นจึงทำให้การรับรู้ข่าวคาวของพวกเขานั้นเป็นไปได้ยาก

และในตอนนี้ก็ยังไม่มีใครได้ล่วงรู้ถึงความแข็งแกร่งที่แท้จริงของ 3 ศิษย์ชั้นนำ หลังจากที่ไม่มีผู้ใดสามารถบังคับให้พวกเขาใช้ความแข็งแรงที่แท้จริงได้ แต่ถ้าหากกล่าวถึงเรื่องลำดับชั้นของศิษย์ที่แข็งแกร่งแล้วละก็ พวกเขานั้นต่างรู้กันดีเลยว่า ชูซุย นั้นอยู่ในตำแหน่งที่มีระดับสูงกว่าเมื่อเทียบกับ เหวินชิหยาง

แม้กระทั่งความแข็งแกร่งของเขาก็ยังเหนือล้ำกว่า เหวินชิหยาง อยู่มาก

          “ ข้าได้ยินมาว่าเจ้านั้นอ้างตนเป็นศิษย์อันดับหนึ่ง ฉะนั้นข้าจึงมาในวันนี้เพื่อสั่งสอนเจ้าให้รู้ซึ้ง ว่าอย่าได้พูดโอ้อวดให้มันมากนัก! ” ชูซุย ว่ากล่าวอย่างเย็น

แน่นอนว่า เย่ชีเหวิน ไม่เคยอ้างตนว่าเป็นศิษย์อันดับหนึ่ง แต่มีใครบางคนต้องการที่จักใช้ผลประโยชน์จากชื่อเสียงที่เพิ่มขึ้นของพวกเขา ซึ่งแน่นอนว่านั่นไม่ใช่ผลดี[สำนักย่อยหุบเขาฉิงฟง]และเหล่าศิษย์

          “ ไม่ว่าข้าจักกล่าวอ้างตนว่าเป็นศิษย์อันดับหนึ่งหรือไม่ นั่นก็ไม่ใช่ธุระกงการอะไรของเจ้า และนี่เจ้าคิดที่จักมาสงสอนข้า เจ้าคิดว่าเจ้ามีดีกว่าข้าเช่นนั้นหรือ! ” เย่ชีเหวิน กล่าวพลางยิ้มเยาะ

ชื่อเสียงก็เหมือนมงกุฎที่อยู่บนศีรษะ การอ้างตนว่าเป็นศิษย์อันดับหนึ่ง ย่อมมิใช่เรื่องดี

แต่ถึงจักเป็นเช่นนั้นลักษณะของ ชูซุน ก็ยังคงหยิ่งผยองมากเกินไป เพียงแค่ได้ข่าวลือว่า เย่ชีเหวิน ได้อ้างตนว่าเป็นศิษย์อันดับหนึ่ง ก็พลันต้องการที่จักสั่งสอนเขา แต่เขากลับคิดไม่ถึงว่า เย่ชีเหวิน จักตอกหน้าเขากลับด้วยวิธีการเช่นนี้!

          “ เจ้ารนหาที่ตาย! ” ชูซุน คำรามโกรธ เขาที่เป็นถึง 1 ในศิษย์จาก[สำนักย่อยปิงเต่า] 1 ใน 3 สำนักย่อยชั้นนำ กลับถูก เย่ชีเหวิน ว่ากล่าวด้วยวาจาดูหมิ่นเช่นนี้มันทำให้เขามิอาจที่จักยอมรับได้ “ ในวันนี้ข้าจักทำลายพลังยุทธและบดกระดูกของเจ้า เจ้าจักได้ไม่มีหน้าไปพูดจาโอ้อวดที่ไหนได้อีก! ”

          “ นั่นขึ้นอยู่กับเจ้าว่าจักมีความสามารถพอหรือไม่! ” เย่ชีเหวิน กล่าวยิ้มเยาะอย่างไม่มีทีท่าว่าจักหยุด

แววตาของ ชูซุน เป็นประกาย ฉันพลันพลังปราณได้แพร่ออกมาจากร่างกายของเขา อุณหภูมิของชั้นบรรยากาศโดยรอบต่างลดลงอย่างรวดเร็วราวกับมันได้เข้าสู่โลกแห่งน้ำแข็ง

พลังปราณสีขาวบริสุทธิ์ขนาดใหญ่ได้วนรอบร่างกายของเขา ซึ่งพลังอำนาจของเขานั้นช่างดูน่าหวั่นเกรงยิ่งนักอีกทั้งยังอยู่ในระดับที่ห่างไกลเกินกว่า เหวินชิหยาง ฉับพลัน[ พลังปราณก่อเกิด ]ที่ได้ถูกผันแปรไปแล้วกว่า 40% ก็ได้ตั้งตระหง่านขึ้นราวกับแท่งเหล็ก กระแสพลังปราณขนาดใหญ่ได้พุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าในด้านหน้าของทุกคน

โดยธรรมชาติแล้วผู้เชี่ยวชาญ[ ระดับขั้นแรกดินแดนลมปราณก่อเกิด ]ส่วนใหญ่จักมี[ พลังปราณก่อเกิด ] ที่ผันแปรไปแล้วกว่า 10% ซึ่งเมื่อพวกเขาสามารถผันแปรไปได้ถึง 20% พวกเขาก็จักก้าวขึ้นไปยัง[ ระดับจุกสูงสุดขั้นแรกดินแดนลมปราณก่อเกิด ]

และในทำนองเดียวกันผู้เชี่ยวชาญ[ ระดับขั้นที่ 2 ดินแดนลมปราณก่อเกิด ]จักมีการผันแปร[ พลังปราณก่อเกิด ]ไปแล้วกว่า 30% ซึ่งเมื่อพวกเขาสามารถผันแปรไปได้ถึง 40% พวกเขาก็จักก้าวขึ้นไปยัง[ ระดับจุกสูงสุดขั้นที่ 2 ดินแดนลมปราณก่อเกิด ]

ชูซุน นั้นเป็นถึง[ ระดับจุดสงสุดขั้นที่ 2 ดินแดนลมปราณก่อเกิด ]ซึ่งโดยรวมแล้ว หากเปรียบเทียบผู้เชี่ยวชาญปกติทั่วไปในระดับเดียวกันเขาถือได้ว่ามีความแข็งแกร่งที่เหนือล้ำกว่ามาก!

ชูซุน ได้ปล่อยฝ่ามือของเขาออกไป ซึ่งแน่นอนว่ามันได้ถูกห่อหุ้มไปด้วยพลังปราณสีขาวบริสุทธิ์ แต่กลับมีพลังอำนาจที่รุนแรงอย่างมิน่าเชื่อด้วยพลังความเย็นของมัน มันได้แช่แข็งชั้นบรรยากาศโดยรอบ

เมื่อ เย่ชีเหวิน ได้เห็นฝ่ามือของ ชูซุน โจมตีเข้ามา เย่ชีเหวิน ก็ได้ปล่อยฝ่ามือของเขาออกไปในทันที ซึ่งแน่นอนว่าฝ่ามือของ เย่ชีเหวิน นั้นได้ถูกปกคลุมไปด้วยพลังปราณที่น่าหวาดกลัวและพุ่งตรงต่อการโจมตีที่กำลังพุ่งเข้ามา

          “ ปัง! ”

          “ ปัง! ”

          “ ปัง! ”

การปะทะกันได้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง มากกว่า 10 พักที่พวกเขาได้แลกเปลี่ยนกัน ชูซุน ต้องประหลาดเมื่อเขามิได้คาดคิดว่า เย่ชีเหวิน จักสามารถป้องกันฝ่ามือของเขาได้นานถึงเพียงนี้ อีกทั้งมันยังเห็นได้ชัดว่าท่าทีของ เย่ชีเหวิน อยู่ในลักษณะที่ผ่อนคลายอย่างถึงที่สุด

ซึ่งแน่นอนว่าฝ่ามือที่ได้ถูกปล่อยออกไปนั้นย่อมมีพลังอำนาจอยู่ไม่น้อย!

ในฐานะที่เขาเป็นถึง 1 ใน 5 ศิษย์ชั้นนำของ[สำนักย่อยปิงเต่า] แม้ว่าเขาจักมิได้เป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุด แต่แน่นอนว่าเขาก็ยังคงเป็น 1 ใน 5 ศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดของสำนัก แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังคงมิสามารถจัดการกับ เย่ชีเหวิน ได้ ซึ่งความแข็งแกร่งของ เย่ชีเหวิน นั้นมันได้อยู่ในระดับที่ห่างไกลเกินกว่าที่เขาได้คาดคิดเอาไว้

แต่เดินเขาคิดแค่เพียงว่า เย่ชีเหวิน นั้นมีดีแต่โอ้อวดแล้วอ้างตนว่าเป็นศิษย์อันดับหนึ่ง ซึ่งนั้นทำให้เขามิได้ใส่ใจถึงความแข็งแกร่งของ เย่ชีเหวิน เสียสักเท่าไหร่นัก

หลังจากที่ได้มีหลายคนโง่ที่ได้เข้ามายังสำนักหลักโดยที่มิได้ทราบอะไรเลย แล้วอ้างตนว่าเป็นศิษย์อันดับหนึ่ง ซึ่งภายในความคิดของเขาแล้วคนเหล่านั้นมิได้แตกต่างอะไรไปจากตัวตลกเลยแม้แต่น้อย กระทั่งพี่ใหญ่ของเขาที่ถือได้ว่าเป็นศิษย์ที่แข็งแกร่งอย่างหาเปรียบมิได้ ก็ยังไม่เคยอ้างตนว่าเป็นศิษย์อันดับหนึ่งมาก่อน

นั่นจึงทำให้เขานั่นรู้สึกอารมณ์ไม่ดีเป็นอย่างมากและต้องการมาระบายมันลงที่ เย่ชีเหวิน แต่ทว่าเขากลับมิได้รับรู้อะไรเลยว่าการที่เขามาหาเรื่องกับ เย่ชีเหวิน นั้น มันเหมือนกับราวเป็นการเหวี่ยงเท้าเตะเข้ากับแผ่นเหล็ก

          “ เป็นไปได้ว่าเจ้ามีความสามารถเพียงเท่านี้? ” เย่ชีเหวิน กล่าวยิ้มอย่างเย้ยหยัน

#########################################################
เอาละในช่วงท้ายก็มาพบกับเราเหล่าพี่น้อง 4B หัวดอที่จะมาเผานิยายเรื่องนี้ไปพร้อมกลับคุณ

B1 : ความรู้สึกของผมที่ได้อ่านบท 48 84 มันราวเหมือนกับว่า เมื่อผมได้อ่านมาถึงย่อหน้าที่ 12 ผมก็ได้ลงไปสู่ห้วงอะไรก็ไม่รู้พอมารู้ตัวอีกทีแม้งก็มาอยู่ ปัง ปัง ปัง [ส.]ทั้งเรื่องมีแต่น้ำทั้งนั้นเลย

B2 : 55555555555

B4 : เขาเรียกว่าเท้าความ ตอนหน้าสิของจริง

B3 : เหอะ กากแล้วยังไม่เจียมตัว??

B1,B2,B4 : เอ๊ะมันว่าใคร

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม