บทที่ 87 - เย่ชีเหวิน โผล่หัวออกมา!

ณ ลานคฤหาสน์[สำนักย่อยปิงเต่า] หนึ่งในสามสำนักย่อยชั้นนำ

ด้วยรูปลักษณ์ที่เยือกเย็นบนใบหน้าของ ชูซุน ได้จับจ้องเข้าไปยังภายในคฤหาสน์เป็นบ้างครา จากภายนอกของลาน

และผู้ยืนอยู่ข้างเขา ชายหนุ่มในชุดคลุมสีฟ้า ได้จับจ้องไปที่ ชูซุน พร้อมกล่าวด้วยรอยยิ้มบาง ๆ “ เมื่อไม่นานมานี้ ข้าได้ยินมาว่าเจ้าได้พ่ายแพ้ให้กับศิษย์จากชนบท! ”

ชูซุน เหลือบตามองไปที่ชายหนุ่มชุดคลุมสีฟ้าอย่างเยือกเย็น ซึ่งชายหนุ่มชุดคลุมสีฟ้านี้นั้นมีนาวว่า กงเย้า เช่นเดียวกับ ชูซุน เขาคือหนึ่งในศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดของ[สำนักย่อยปิงเต่า]และแน่นอนว่าความแข็งแกร่งของเขานั้น อยู่ในระดับที่เหนือกว่า ชูซุน

          “ หึ ข่าวนี้ได้แพร่กระจายออกไปทั่วอย่างรวดเร็ว เหล่าผู้คนจำนวนมากต่างหัวเราะเยาะ[สำนักย่อยปิงเต่า]ของพวกเรา ชื่อเสียงที่สะสมมานานแรมปีมลายหายไปภายในพริบตา สำนักของเราต้องมาเผชิญกับชะตากรรมที่อับอายขายหน้าเช่นนี้นั่นก็เป็นเพราะเจ้านั่นหละนะ! ” กงเย้า กล่าวพร้อมหัวเราะ

          “ หุบปากเหม็น ๆ ของเจ้าเสีย เจ้าคิดว่ามันเป็นเรื่องตลกหรืออย่างไร! ” ชูซุน กล่าวด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น “ ไม่ว่าจักเยี่ยงไรก็ตามข้าจักจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวของข้าเอง! ”

          “ เจ้าคิดว่าเจ้าสามารถทำได้อย่างที่กล่าว? ” กงเย้า กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ ตลอดระยะเวลาสามวันที่ผ่านมา มีคนมากมายกว่าสามสิบได้ท้าทายมัน แต่กลับไม่สามารถเอาชนะมันได้! ”

[ B3 //:// นี่[ม.]ฝั่งไหนเนี่ย ]

หลังจากที่ เย่ชีเหวิน ได้มอบความพ่ายแพ้ให้กับ ชูซุน และ สามพี่น้องจงชิ มันทำให้ชื่อเสียงของเขานั้นเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ และดึงดูดเหล่าจอมยุทธจำนวนมากมาท้าทายเขา เพื่อหวังแก่ชื่อเสียง

          “ ในเวลานี้ไม่มีความจำเป็นใด ๆ ที่จักต้องยุ่งเกี่ยวกับ เย่ชีเหวิน! ” ในขณะนั้นเองประตูบานใหญ่ก็ได้ถูกเปิดออก ปรากฏชายหนุ่มอายุราว 20 ปี รูปลักษณ์ของเขานั้นช่างดูเยือกเย็นและหยิ่งผยองกว่ามากเมื่อเทียบกับ ชูซุน เขาได้สวนชุดคลุมสีฟ้าเข้มและรอบกายของเขานั้นได้ปล่อยกลิ่นอายที่เป็นแรงกดดันออกมา

          “ เพราะเหตุใด? ” ชูซุน กล่าวถาม แต่มิกล้าที่จักสบตาโดยตรง และกล่าวคำพูดที่ไม่สุภาพในด้านหน้าของเขา หลังจากที่เขาถือศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดของ[สำนักย่อยปิงเต่า] เซี่ยงกัวเซวียนยี้ การบ่มเพาะพลังของเขานั้นช่างอยู่ในระดับที่ล้ำลึก และจัดเป็นหนึ่งในสามศิษย์ชั้นนำของหมู่ศิษย์รุ่นใหม่ทั้งหมดในปีนี้

          “ การทดสอบการประเมินจักเริ่มในอีกสองวันหลังจากนี้ ไม่มีเหตุผลอื่นใดทั้งนั้น! ” เซี่ยงกัวเซวียนยี้ กล่าวด้วยน้ำเสียงที่มิได้แยแสต่อสิ่งใด “ ทุกคนคอยจับตาดูและเฝ้ามองพวกเราอยู่ นอกจากนี้เจ้ายังมิใช่คู่ต่อสู้ของมัน ในยามนี้ปล่อยให้พวกมันได้ใจกันไปก่อน แล้วอีกไม่นานพวกเราจักจัดการพวกมันในภายหลัง! ”

          “ จงเตรียมตัวให้พร้อม เมื่อการทดสอบความสามารถเริ่มต้นขึ้น สำนักของเราจักต้องเป็นสำนักที่โดดเด่นที่สุด! ”

          “ รับทราบ! ”

…………………………………..

ในช่วงระยะเวลาเพียงสามวัน ภายในแหวนจัดเก็บพื้นที่ของเขานั้น ได้มี[ ศิลาวิญญาณระดับกลาง ]กว่า 3,000 ก้อน ซึ่งการจักมี[ ศิลาวิญญาณระดับกลาง ]จำนวนเท่านี้ในเวลาเพียงแค่สามวันนั้น แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญ[ระดับขั้นที่ 4 หรือ 5 ดินแดนลมปราณก่อเกิด ] ก็ยังมิอาจทำได้ และแน่นอนว่ามันมิใช่จำนวนที่น้อย

การที่เขาได้มอบความพ่ายแพ้ให้กับ ชูซุน และ สามพี่น้องจงชิ ที่เป็นถึงหนึ่งในหมู่ศิษย์ระดับสูงนั้น มันได้ทำให้ชื่อเสียงของเขากลายเป็นที่รู้จักกันไปทั่ว

และยิ่งไม่ต้องกล่าวถึง ชูซุน ที่เป็นถึงหนึ่งในศิษย์ผู้แข็งแกร่งของ[สำนักย่อยปิงเต่า] หรือ แม้แต่สามพี่น้องจงชิที่มีแนวการต่อสู้ที่ไร้ยางอาย จนผู้คนจำนวนมากรับไม่ได้กับแนวการต่อสู้ของพวกเขา แต่ถึงจักเป็นเช่นนั้นก็ต้องยอมรับว่าพวกเขานั้นมีความแข็งแกร่งเป็นอย่างมากโดยเฉพาะฉากที่พวกเขานั้นได้ร่วมมือกัน มันอาจกล่าวได้ว่าพลังอำนาจของพวกเขาในตอนนั้น นั้นเหนือเสียยิ่งกว่าศิษย์ระดับสูงบางคนเสียอีก

ในหมู่ศิษย์นั้นจะมีศิษย์บางคนที่ถูกเรียกว่า ศิษย์เมล็ดพันธุ์ ซึ่งศิษย์เมล็ดพันธุ์เหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดของแต่หละสำนัก ไม่ว่าจักเป็นสำนักย่อยหรือสำนักหลัก แม้กระทั่งฝ่ายในหรือฝ่ายนอก ก็ล้วนแล้วแต่มีศิษย์เมล็ดพันธุ์ทั้งสิ้น

และศิษย์เมล็ดพันธุ์เหล่านี้ ก็จักถูกจัดว่าเป็นกลุ่มคนที่น่าหวาดกลัว ซึ่งแน่นอนว่าทั้ง ชูซุน และ สามพี่น้องจงชิ เองก็ล้วนแล้วแต่เป็นศิษย์เมล็ดพันธุ์

ก่อนหน้าที่ เย่ชีเหวิน ได้เอาชนะ เหวินชิหยาง ซึ่งหากเปรียบเทียบกับเห่าศิษย์ผู้แข็งแกร่งแล้วนั้น เขาก็เป็นเพียงได้แค่ศิษย์กึ่งเมล็ดพันธุ์ซึ่งไม่มีค่าใดเลยให้กล่าวถึงนัก

เพียงแต่หลังจากที่ข่าวการพ่ายแพ้อย่างต่อเนื่องของ ชูซุน และ สามพี่น้องจงชิ ได้ถูกแพร่พรายออกไปเป็นวงกว้าง นั่นจึงทำให้ชื่อเสียงและเกียรติยศของ เย่ชีเหวิน เพิ่มพูนขึ้นอย่างท้วมท้น

และดึงดูดเหล่าศิษย์ผู้ที่มีชื่อเสียงจำนวนมาก พวกเขาต่างต้องการที่จักท้าทาย เย่ชีเหวิน เพื่อหวังที่จักเอาชนะเขาและเพิ่มชื่อเสียงให้กับตน เพียงแต่ในจำนวนผู้ที่เข้ามาท้าทายนั้นมีมากจนเกินไป เย่ชีเหวิน จึงได้ตั้งกฎขึ้น ซึ่งใครก็ตามที่ต้องการที่จักท้าทายเขาจำเป็นที่จักต้องวางเงินเดิมพันเป็น[ ศิลาวิญญาณระดับกลาง ]จำนวน 100 ก้อน หากมิยอมก็จักมิได้ต่อสู้ นอกจากนี้ในหนึ่งวันเขาจักรับคำท้าเพียงแค่ 10 ครั้งเท่านั้น

ซึ่งผู้ที่หวังที่จักมีชื่อเสียงโด่งดัง ต่างถูกจัดการจนหมดสิ้น โดยที่ไม่มีความแข็งแรงพอที่จักต่อต้านใด ๆ และนี่จึงเป็นเหตุผลว่าเหตุใดภายในระยะเวลาสามวัน เย่ชีเหวิน ถึงได้มี[ ศิลาวิญญาณระดับกลาง ]ถึง 3,000 ก้อน

อนึ่งในยามนี้นั้น เย่ชีเหวิน อาจถือได้ว่าเป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในหมู่ศิษย์ใหม่ภายในปีนี้ก็มิปาน เพราะแม้แต่เหล่าศิษย์เมล็ดพันธุ์อย่าง ชูซุน หรือ ศิษย์เมล็ดพันธุ์คนอื่น ๆ แค่สำหรับ 100 [ ศิลาวิญญาณระดับกลาง ]ก็ถือได้ว่าเป็นจำนวนสูงสุดของพวกเขาแล้ว

[ 4B //:// 1 ระดับกลาง = 1,000 ระดับต่ำ ]

แล้วยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงศิษย์[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด ]ที่พึ่งก้าวขึ้นมาใหม่ ๆ เพียงแค่มี[ ศิลาวิญญาณระดับกลาง ]จำนวนนับ 10 ก้อนก็ถือได้แล้วว่ามีสถานะที่มิได้น่าเกลียกอะไร

ท่ามกลางความท้าทายเหล่านี้ ก็มีศิษย์เมล็ดพันธุ์บางคนที่มีความแข็งแกร่งอยู่มากและระดับที่เหนือยิ่งกว่า ชูซุน ซึ่งนับได้ว่าเป็นเรื่องที่ยากลำบากสำหรับ เย่ชีเหวิน อยู่ไม่น้อยในการเอาชนะพวกเขาเหล่านั้น

แต่ถึงจักเป็นเช่นนั้น ก็นับได้ว่าเป็นการเก็บเกี่ยวที่ดีไม่น้อยสำหรับ เย่ชีเหวิน เพราะศิษย์เมล็ดพันธุ์แต่หละคนก็จักมีเคล็ดวิชาที่แข็งแกร่งเฉพาะตัวแตกต่างกันออกไปและยากที่จักรับมือ แต่เพราะอย่างนั้นมันก็ได้เสริมสร้างประสบการณ์การต่อสู้ให้กับ เย่ชีเหวิน

และหลังจากที่เขาได้ต่อสู้กับผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งจำนวนมาก ทุกเคล็ดวิชาของเขาก็ได้ถูกขัดเกลาจนพัฒนาไปในระดับที่ดีขึ้น

เมื่อเหล่าผู้ท้าชิงจำนวนมากต่างพ่ายแพ้ย่อยยับให้กับ เย่ชีเหวิน อย่างต่อเนื่อง จึงทำให้ชื่อเสียงของเขานั้นกลายเป็นที่โด่งดังไปทั่ว ภายในช่วงระยะเวลา 3 วันที่และไม่มีใครที่ไม่รู้จักเขา

เหล่าผู้คนจำนวนมากต่างเริ่มตระหนักได้แล้วว่า [สำนักย่อยหุบเขาฉิงฟง]นั้นได้มีการปรากฏตัวของอัจฉริยะผู้โดดเด่น

และแน่นอนว่า เย่ชีเหวิน ได้ถูกจัดเป็นหนึ่งในศิษย์เม็ดพันธุ์ระดับสูง ซึ่งทุกคนต่างยอมรับในความแข็งแกร่งอันมหาศาลที่ราวเหมือนกับปีศาจของเขา และไม่มีใครกล้าพอที่จักยั่วยุพวกเขาอีก

เย่ชีเหวิน รับรู้ได้ถึงพลังอำนาจที่ไหลพล่านอยู่ภายในร่างกายของเขา ราวเหมือนกับว่าเขากำลังเข้าสู่ช่วงการพัฒนาการอีกครั้ง ซึ่งมันสามารถก้าวไปสู่ระดับขั้นต่อไปได้ตลอด จนในที่สุดเขาก้ได้บุกฝ่าไปยัง[ ระดับขั้นที่ 2 ดินแดนลมปราณก่อเกิด ]

ทันทีที่เขาได้ก้าวไปสู่[ ระดับขั้นที่ 2 ดินแดนลมปราณก่อเกิด ] ความแข็งแกร่งของเขานั้นก็ได้คืบหน้าอย่างรวดเร็ว จนเขาในยามนี้สามารถต่อกรได้กับผู้เชี่ยวชาญ[ ระดับขั้นที่ 3 ดินแดนลมปราณก่อเกิด ]และได้ผันแปร[ พลังปราณก่อเกิด ]ไปแล้วกว่า 60%

และในตอนนี้ภายในแหวนพื้นที่ของ เย่ชีเหวิน ก็ยังมีศิลาวิญญาณอยู่อีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งนั่นก็มากเกินพอที่จักช่วยเหลือให้บุกฝ่าไปยังระดับขั้นต่อไปได้โดยที่มิมีปัญหาใด ๆ ตราบใดที่เขามีศิลาวิญญาณที่มากพอ การจักพัฒนาตนไปในระดับที่สูงขึ้นอย่างรวดเร็วนั้นย่อมมิใช่เรื่องยากสำหรับเขา

และหลังจากจากที่เขาได้ก้าวเข้าสู่สำนักหลักการพัฒนาของเขานั้นจักรวดเร็วมากยิ่งขึ้นเป็นเท่าตัว!

          “ บูม! ” กลิ่นอายอันงดงามได้แพร่ขยายและครอบคลุมไปทั่วทั้งลานของคฤหาสน์[สำนักย่อยหุบเขาฉิงฟง]

ซึ่งแน่นอนว่ามันเป็นกลิ่นอายของผู้เชี่ยวชาญที่ประสบความสำเร็จในการบ่มฝ่าไปยัง[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด ]

รูปลักษณ์ใบหน้าของ เย่ชีเหวิน ได้แสดงออกถึงความประหลาดใจ เพราะเพียงคนเดียวใน[สำนักย่อยหุบเขาฉิงฟง]ที่สามารถตัดผ่านไปยัง[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด ]ได้ภายในเวลานี้ มั่นเหมาะที่จักเป็น เย่หรูเชว่ ในขณะที่ เย่ชีเหวิน ได้เผชิญหน้ากับการท้าทายจากทุกทั่วสารทิศ นางก็ได้ตัวสินใจที่จักเก็บตัวเพื่อฝึกฝนในการบุกฝ่าไปยัง[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด ]

เมื่อ เย่ชีเหวิน ได้คิดเช่นนั้นเขาก็ได้รีบวิ่งเข้าไปภายในลานเพื่อหวังจักแสดงความยินดีกับ เย่หรูเชว่ แต่ในขณะนั้นเองก็ได้มีเสียงคำรามดังกึกก้องไปทั่วท้องฟ้า “ เย่ชีเหวิน! โผล่หัวออกมา! ”

#########################################################
เอาละในช่วงท้ายก็มาพบกับเราเหล่าพี่น้อง 4B หัวดอที่จะมาเผานิยายเรื่องนี้ไปพร้อมกลับคุณ

[ เข้าสู่ช่วงอธิบายเกร็ดความรู้ ]

B2 : เอาหละนะครับผม วันนี้เราจักมาพูดถึงเรื่องที่มีสาระและที่แน่นอนที่สุดคือ ระดับการบ่มเพาะพลังของ เย่ชีเหวินในตอนนี้คือ [[[ >>> ระดับขั้นที่ 2 <<< ซึ่งเขาสามารถต่อกรได้กับ >>> ระดับจุดสูงสุดขั้นที่ 3 <<< ]]] ซึ่งความต่างก็ประมาณ >> 1 ขั้นครึ่ง << (ทำไมไม่ 2 ขั้นไปเลยว่ะ - -*) และแล้วเกร็ดความรู้ของเราก็ขอจบลงแค่นี้

B1 : แค่นี้!!!

B3 : มันผันแปรพลังปราณก่อเกิด 60% ตอนไหนก็ได้บอก[ก.]ที

B4 : สาระบ้าบอไร ไม่ต้องบอกคนอ่านเขาก็รู้

B2 : [ก.]โคตรนอยพวก[ม.]

B1,B3,B4 : เรื่องของ[ม.]

B2 : [ส.] T^T….

#########################################################
เอาล่ะก็ขอจบสาระเร้าใจ BY: นายกระทิข้น ไว้เท่านี้ก่อนนะครับขอบคุณครับสำหรับผู้อ่านทุกท่าน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม