บทที่ 89 - ความแข็งแกร่งของ หลินเจิ่นเทียน

          “ ตาเฒ่าในวันหน้าท่านจักต้องชดใช้ในสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้! ” เย่ชีเหวิน ขบฟันกล่าวในขณะที่เหงื่อของเขาได้ไหลไปทั่วบริเวณใบหน้า

          “ มันจักไม่มีวันหน้าสำหรับเจ้า! ” ชายเฒ่า คำรามด้วยรูปลักษณะที่ค่อนข้างน่ากลัว

          “ หยุดบัดเดี้ยวนี้! ” แต่ทว่าทันใดนั้นเองก็ได้มีเสียงตะโกนพร้อมกับฝ่ามือขนาดใหญ่ปรากฏขึ้น ทอดยาวลงมาจากท้องฟ้าคว้าจับฝ่ามือขนาดใหญ่ของชายเฒ่าและระเบิดมัน

          “ นี่เจ้ากำลังพยายามที่จักทำอะไร? ” เสียงตะโกนดังมาจากท้องฟ้าและรูปเงาที่ค่อย ๆ บินลงมา ซึ่งนั่นมิใช่ใครอื่นเขาคืออดีตท่านเจ้า[สำนักย่อยหุบเขาฉิงฟง] หลินเจิ่นเทียน

ชายเฒ่าในชุดคลุมสีดำจับจ้องไปที่ หลินเจิ่นเทียน อย่างเยือกเย็น

          “ ไอ้เจ้าเด็กเหลือขอนี่มันเป็นเพียงแค่สัตว์เดรัจฉาน มันได้ทำร้ายศิษย์สายตรงจากสำนักย่อยของข้าอย่างโหดเหี้ยม จนพวกเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสและไม่สามารถเอาร่วมการประเมินได้และความเกลียดชังนี้มิใช่เรื่องง่ายที่จักลบล้าง! ” ชายเฒ่า ขบฟันกล่าวด้วยความเครียดแค้น
          “ เหลวไหล! ” เย่ชีเหวิน เปิดปากกล่าว “ เห็นได้ชัดว่าศิษย์จากสำนักย่อยของท่านเป็นฝ่ายระรานพวกเราก่อน อีกทั้งยังพยายามที่จักยึดคฤหาสน์ของพวกเรา และยังได้ทำร้ายพี่ชายข้าจนได้รับบาดเจ็บสาหัสนอกจากนี้ยังเกือบทำลายพลังยุทธของเขา พวกมันได้ล้ำเส้นมากเกินไป หากข้ามิได้เมตตาข้าคงทำลายพลังยุทธของพวกมันไปจนหมดสิ้นแล้ว! ”

          “ หนอยไอ้เด็กบัดซบนี้เจ้า… ” ชายเฒ่าชุดดำกล่าวคำสบถใส่ แต่นั่นก็มิใช่ว่าเขาจักมิได้ทราบเรื่องทั้งหมดแล้ว เขาเพียงแค่ใช้โอกาสในขณะที่ หลินเจิ่นเทียน นั้นไม่อยู่ในการจัดการกับ เย่ชีเหวิน แต่ทว่าในเวลานี้มันดูเหมือนกับว่าอะไร ๆ จักมิได้เป็นไปอย่างที่เขาได้คาดการณ์เอาไว้ หลังจากที่เขาได้ถูกแทรกแซงโดย หลินเจิ่นเทียน

          “ ออกไปจากที่นี่เสีย! ” หลินเจิ่นเทียน ตะโกนดังพร้อมเหวี่ยงแขนของเขา บังเกิดเสียงฟ้าร้องดังกระหึ่ม ซึ่งแทบจักในทันทีแรงดันที่น่าหวาดกลัวได้อัดกระแทกเข้ากับหน้าอกของชายเฒ่าชุดคลุมสีดำ

          “ พัวะ! ” ชายเฒ่าชุดดำ กระอักโลหิตออกมาหนึ่งคำ ก่อนที่ร่างกายของเขานั้นจักเปลี่ยนกระเด็นออกไปและอยู่ในลักษณะพลิกคว่ำ เพียงแค่หนึ่งฝ่ามือของ หลินเจิ่นเทียน ก็สามารถทำให้ผู้เชี่ยวชาญเช่นเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสได้ ซึ่งเขาต่างมิได้คาดคิดเลยว่า หลินเจิ่นเทียน นั่นจัดมีความแข็งแกร่งถึงเพียงนี้

          “ แท้ จริง … ” ชายเฒ่าชุดคลุมสีดำ กล่าวออกมาพร้อมจับจ้องไปที่ หลินเจิ่นเทียน ด้วยสายตาที่รุนแรงพร้อมกล่าวว่า “ หลินเจิ่นเทียน เจ้าจักต้องเสียใจกับมันที่ทำเช่นนี้! ”

          “ รีบไสหัวไป! ไม่มีใครหน้าไหนกล้าแตะต้องศิษย์ของข้าทั้งนั้น! ” หลินเจิ่นเทียน กล่าวด้วยน้ำเสียงอันแข็งแกร่ง เขาได้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเขา ซึ่งเทียบเท่าได้กลับศิษย์ที่เรียกตนว่า” ศิษย์ที่แท้จริง ” หากเปรียบเทียบกันศิษย์หลักแล้วพวกเขาเป็นเพียงแต่แค่ชนชั้นกลางเท่านั้น และศิษย์ที่แท้จริงจักถูกเปรียบว่าเป็นศิษย์ระดับสูง

ในสำนักใหญ่ ๆ อย่างเช่น[สำนักหลักยี่หยวน]มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่เป็นศิษย์ที่แท้จริง ในขณะที่ศิษย์ฝ่ายหลักและศิษย์ฝ่ายในนั้นมีเป็นร้อยเป็นพัน หากนับรวมกับก็มีจำนวนเกือบแสน ช่องว่างระหว่างระดับชั้นและความสำคัญของพวกเขานั้นอาจเห็นได้ชัดถึงจำนวนตัวเลขพวกนี้

ชายเฒ่าชุดดำจับจ้องไปที่ หลินเจิ่นเทียน อย่างขมขื่น โดยไม่ต้องสงสัยเลยว่าหากพวกเขาอยู่ในสถานที่อื่นโดยที่มิใช่ภายในสำนักหลัก เขาคงถูกสังหารไปแล้วโดยน้ำมือของ หลินเจิ่นเทียน

นอกจากนี้การแข่งขันที่กำลังจักเกิดขึ้นนั้น มันไม่ได้เป็นเพียงแค่การต่อสู้กันของแต่หละฝ่าย แต่มันเป็นกำหนดและจี้ชะตาความรุ่งเรืองของสำนักในภายภาคหน้า ซึ่งหากใครมีความสามารถที่โดดเด่นในการแข่งขันครั้งนี้ พวกเขาจักได้รับอนุญาตให้เข้าสู่สำนักหลัก

ชายเฒ่าจ้องมองไปที่ เย่ชีเหวิน และ ศิษย์ของ[สำนักย่อยหุบเขาฉิงฟง]อย่างขมขื่น ก่อนที่เขาจักได้ก้าวเท้าเดินออกไป

          “ เราเข้าไปด้านในกันเถอะ! ” หลินเจิ่นเทียน กล่าว

หลังจากที่ได้เห็นการกลับมาของ หลินเจิ่นเทียน มันทำให้ศิษย์ของ[สำนักย่อยหุบเขาฉิงฟง]นั้นรู้สึกราวเหมือนกับว่าพวกเขาได้รับกระดูกสันหลังของพวกเขากลับคืนมา ซึ่งหากไม่มี หลินเจิ่นเทียน พวกเขาคงตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากมากกว่านี้เป็นแน่ ฉะนั้นแล้วบนใบหน้าของพวกเขาทุกคนจึงแสดงออกมาถึงรอยยิ้มที่มีความสุขอย่างชัดเจน

และหลังจากที่ฟังเรื่องราวทั้งหมด หลินเจิ่นเทียน ก็ได้จับพร้อมจับจ้องไปที่ เย่ชีเหวิน พลางกล่าวว่า “ เยี่ยมเจ้าทำได้เยี่ยมมาก นับว่าเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่[สำนักย่อยหุบเขาฉิงฟง]ของพวกเรานั้นมีบุคคลเช่นเจ้า! ”

หลินเจิ่นเทียน ยังคงรู้สึกประหลาดใจภายในใจของเขา เพราะเขามิเคยได้คาดคิดมาก่อนว่า เย่ชีเหวิน นั้นจริงจักมีประสิทธิภาพและพัฒนาการที่ยอดเยี่ยมถึงเพียงนี้ แม้แต่เหล่าศิษย์เมล็ดพันธุ์ระดับสูงมากมายต่างก็มิใช่คู่ต่อสู้ของเขา อีกทั้งพวกเขาเหล่านั้นยังต้องพ่ายแพ้ให้กับ เย่ชีเหวิน อย่างง่ายดาย ซึ่งมันทำให้ หลินเจิ่นเทียน นั้นอดไม่ได้ที่จักต้องปราบปลื้มในตัวของ เย่ชีเหวิน หลังจากที่ได้มีเหตุการณ์มากมายเกิดขึ้นในยามที่เขามิอยู่

          “ ในยามที่ข้ามิอยู่ พวกเจ้าทำได้ยอดเยี่ยมมาก! ” หลินเจิ่นเทียน กล่าวชม

          “ ขอบคุณท่านเจ้าสำนัก! ” ศิษย์ทุกคนต่างกล่าวเป็นเสียงเดียวกัน

          “ เอาหละที่นี้ข้าจักบอกพวกเจ้าถึงสิ่งที่อยู่เบื้องหลังในการประชุมผู้อาวุโสอย่างฉับพลันในครานี้ ซึ่งมันถือได้ว่าเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างมาก และข้าคิดว่ามันอาจเป็นสิ่งจำเป็นที่พวกเจ้าจักต้องรับรู้! ” หลินเจิ่นเทียน กล่าว

รูปลักษณ์ใบหน้าของศิษย์แต่หละคนเริ่มกลายเป็นจริงจังมากขึ้น เพราะเขารู้ดีว่าสิ่งที่ หลินเจิ่นเทียน กำลังจักกล่าวออกมานั้นย่อมมิใช่เรื่องที่เล็กน้อย

          “ สถานการณ์ในยามนี้มันได้แตกต่างออกไปเล็กน้อย หลังจากที่พวกเราได้ส่งคนไปรับศิษย์ที่จักมาเข้าร่วมทดสอบการประเมินเข้าสู่สำนักหลักภายในปีนี้ แต่กลับพบว่ามีมากกว่าสามสิบสำนักย่อยได้ถูกโจมตี และกว่าอีกหกสำนักย่อยถูกทำลายอย่างราบคาบ แม้แต่เถ้ากระดูกของพวกเขาก็ยังมิอาจพบเห็น! ” หลินเจิ่นเทียน กล่าวด้วยรูปลักษณ์ใบหน้าที่ชิงชัง

ทันทีที่ทุกคนได้ยินเช่นนั้น พวกเขาก็ต่างสูดลมหายใจลึก แม้ว่าสำนักเหล่านั้นจักเป็นเพียงแค่สำนักย่อยของสำนักยี่หยวน หากแต่เมื่อเทียบกับสำนักทั่วไปแล้วนั้นพวกเขาถือได้ว่ามีความแข็งแกร่งกว่ามาก และถึงแม้ว่าพวกเขาจักไม่มีเหล่าศิษย์แต่พวกเขาก็ยังมีเหล่าผู้อาวุโส[ ระดับขั้นที่ 5 ดินแดนลมปราณก่อเกิด ]หรือสูงกว่านั้นอยู่อีกมาก แต่ทว่าพวกเขาทั้งหมดกำถูกโจมตีวิธีการที่เป็นไปได้?

การจักสามารถทำลายเหล่ากลุ่มผู้เชี่ยวชาญระดับสูงเช่นนี้ แน่นอนว่ากองกำลังของฝ่ายตรงข้ามนั้นย่อมมิใช่ธรรมดา

          “ ในช่วงเวลาที่ผ่านมาแม้ว่าจักมีการโจมตีใส่สำนักย่อยของเหล่าศิษย์อยู่บ้าง แต่นั่นก็เกิดขึ้นเป็นแห่ง ๆ ไป แต่ทว่าในยามนี้มันกลับถูกโจมตีถึงสามสิบสำนักย่อย แน่นอนว่าเรื่องนี้ได้ดึงดูดความสนใจของสำนักหลักเป็นอย่างมาก และหลังจากที่พวกเขาได้ส่งคนไปตรวจสอบเรื่องนี้ก็ได้รับรู้ว่าฝ่ายตรงข้ามของเรานั้นมีกองทัพและขุมพลังอำนาจที่มีขนาดใหญ่มาก! ”

          “ เหตุผลที่ข้าได้กล่าวเรื่องนี้กับเจ้า นั่นก็เพราะว่าข้าต้องการที่จักตักเตือนพวกเจ้า ว่าหลังจากที่พวกเจ้าได้เข้าสู่นสำนักหลัก จงระมัดระวังตัวเองกันเอาไว้ให้มาก! ” หลินเจิ่นเทียน กล่าวเตือน

การมีส่วนร่วมในการประเมินครั้งนี้นั้นถือได้ว่ามีความสำคัญเป็นอย่างมากต่อหลายสำนักย่อย เพราะการที่พวกเขาได้ส่งศิษย์ของตนเข้าสู่สำนักหลัก มันมีความเป็นไปได้ที่พวกเขาจักสามารถก้าวเข้าสู่สำนักฝ่ายใน ฝ่ายหลัก หรือสูงกว่านั้น

และเมื่อพวกเขามีความสำเร็จมากขึ้น เหล่าสำนักย่อยเหล่านี้ก็จักได้รับทรัพยากรเป็นจำนวนมากเพื่อเป็นการตอบแทนของสำนักที่ส่งศิษย์ชั้นนำดี ๆ เช่นนี้ให้แก่พวกเขา และนั่นจึงเป็นเหตุผลว่าเหตุใดผู้อาวุโสของ[สำนักย่อยเชาหยาง]ถึงได้บ้าคลั่งเช่นนั้น

          “ รับทราบ! ” เหล่าศิษย์ทุกคนต่างกล่าวอย่างพร้อมเพียงกัน

#########################################################
เอาละในช่วงท้ายก็มาพบกับเราเหล่าพี่น้อง 4B หัวดอที่จะมาเผานิยายเรื่องนี้ไปพร้อมกลับคุณ

B3 : นั่นไง[ก.]บอกแล้วว่าแม้งไม่มีปัญญา
B2 : 555555 สุดท้ายก็คลานเยี่ยงหมา
B4 : โคตรน่าสงสาร
B1 : ไปดีเถอะนะไอ้เชา กลับสู่บ้านเกิดของพวกเจ้าเสีย

#########################################################
เอาล่ะก็ขอจบสาระเร้าใจ BY: นายกระทิข้น ไว้เท่านี้ก่อนนะครับขอบคุณครับสำหรับผู้อ่านทุกท่าน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม