บทที่ 92 - คำอำลาจาก ฮวาเหมิงฮั่น

แม้ว่าความแข็งแกร่งระดับนี้อาจจะไม่ได้มากเกินไปสำหรับสำนักหลัก แต่มันก็ถือได้ว่าอยู่ในระดับที่น่ากลัวเป็นอย่างมากสำหรับสำนักย่อย

ซึ่งไม่ต้องสงสัยเลยว่า หากเหล่าศิษย์ที่น่ากลัวเหล่านี้ได้เข้าไปยังภายในสำนักหลัก ความแข็งแกร่งของพวกเขานั้นจะต้องเพิ่มขึ้นมาเป็นอย่างมากเป็นแน่ และในอนาคตอันใกล้นี้มีความเป็นไปได้ที่พวกเขาจะสามารถก้าวไปยัง[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณแท้จริง ]

[ ระดับจุดสูงสุดขั้นที่ 3 ดินแดนลมปราณก่อเกิด ]? เย่ชีเหวิน เหลือบตามองศิษย์ชั้นนำทั้ง 3 และเห็นว่าความแข็งแกร่งของพวกเขานั้นมีเพียงแค่แผ่นกั้นบาง ๆ ระหว่างก้าวไปยัง[ ระดับขั้นที่ 4 ดินแดนลมปราณก่อเกิด ] ซึ่งแน่นอนว่าเขาในตอนนี้ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขา

แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น เย่ชีเหวิน ก็มิได้มีความกังวลมากนัก หากมั่นฝึกฝนให้มากกว่าผู้ใดอีกไม่นานเขาจะต้องตามทันความแข็งแกร่งของศิษย์ชั้นนำทั้ง 3 เหล่านี้ทันอย่างแน่นอน

          “ ศิษย์น้องหญิง นี่คือเหล่าศิษย์ใหม่ภายในปีนี้! ” ในขณะที่ดวงตาของ เย่ชีเหวิน ได้ปิดลงก็ได้มีเสียงบางอย่างดังขึ้น แว่วเข้ามาในหูของเขา

เสียงกระพือปีกของนกยักษ์ปีศาจค่อย ๆ ล่อนลงมาจากฟากฟ้า นอกจากนี้ยังมีชายหนุ่มที่ยืนอยู่บนด้านหลังของมัน ด้วยรูปร่างสันทัดของเขามั่นเหมาะที่จะเป็นชายหนุ่มอายุราว 20 ปี และสวมชุดคลุมจีนโบราณ บนใบหน้าของเขาได้แฝงไปด้วยรอยยิ้มบาง ๆ

ในขณะที่นกยักษ์อีกตัว มีลักษณะขนขาวบริสุทธิ์ดุจราวหิมะ ด้านหลังของมันมีหญิงสาวผู้หนึ่งในชุดคลุมสีดำ ดวงตาคู่คมคิ้วโค้งสีดำและผิวพันธุ์ที่ขาวบริสุทธิ์ ความงามของนางนั้นมันช่างเหมือนเทพธิดาที่ลงมาจากสรวงสวรรค์

ทุกสายตาต่างจับจ้องไปที่พวกเขาทั้ง 2 แม้แต่ เย่ชีเหวิน เองก็ยังมิมีข้องยกเว้น หากแต่สายตาของเขานั้นหาได้จับจ้องไปที่ชายหนุ่มไม่ แต่เป็นหญิงสาวที่อยู่บนหลังของนกอีกตัว

นางคือ ฮวาเหมิงฮั่น!

เย่ชีเหวิน มั่นใจว่าหญิงสาวผู้นี้คืออิสตรีที่เขาได้ช่วยเอาไว้ภายในถ้ำไม่ผิดแน่ หากแต่เมื่อเทียบกับครั้งสุดท้ายที่ได้พบนาง ความงามของนางในตอนนี้นั้นถือได้ว่ามีความเจิดจรัสเป็นอย่างมาก ซึ่งมันมีความแตกต่างเป็นอย่างมากเมื่อครั้งที่เขาได้พบนางเมื่อครานั้น ไม่ว่าจะมองไปที่มุมใดหรือสัดส่วนไหนมันก็ชั่งเจริญตายิ่งนัก

และในขณะเดียวกันดูเหมือนว่า ฮวาเหมิงฮั่น เองก็จะสัมผัสได้ถึงสายตาของ เย่ชีเหวิน ที่จับจ้องมายังนาง

เมื่อนางได้เห็น เย่ชีเหวิน มันก็ทำให้นางรู้สึกแปลกใจอยู่ไม่น้อย เพราะนางมิได้คาดคิดว่าจะได้พบ เย่ชีเหวิน ในเวลาที่รวดเร็วเช่นนี้ นอกจากนี้นางยังรู้สึกประหลาดใจอยู่ไม่น้อย เมื่อนางสัมผัสได้ว่า เย่ชีเหวิน ได้ก้าวเข้ามายัง[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด ]แล้ว ซึ่งหลังจากที่ได้พบกันเป็นครั้งสุดท้าย นางยังคงมั่นใจว่า เย่ชีเหวิน เป็นเพียงแค่ผู้เชี่ยวชาญ[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อตั้ง ] แม้ว่าเขาจะช่วยนางในการสังหาร ลู่เทียน ก็ตาม หากแต่ในยามนั้น ลู่เทียน ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสโดยนาง หากแต่ด้วยความแตกต่างกันของวันเวลาซึ่งอาจกล่าวได้ว่ามันเป็นเพียงแค่ช่วงระยะเวลาสั้น ๆ เขากลับสามารถบุกฝ่าไปยัง[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด ] ได้ซึ่งไม่เพียงเท่านั้นเขายังได้มาถึงแล้วใน[ ระดับจุดสูงสุดขั้นที่แรกดินแดนลมปราณก่อเกิด ]

ฮวาเหมิงฮั่น ได้กระโดดลงมาจากบนหลังของนกยักษ์และค่อย ๆ ก้าวเดินไปทาง เย่ชีเหวิน ในขณะที่ด้านหลังของนางนั้นก็ได้มีชายหนุ่มผู้หนึ่งเดินตามมาด้วยและพยายามที่จะพูดคุยกับนาง หากแต่นางหาได้สนใจไม่

          “ เจ้ามา ” ฮวาเหมิงฮั่น กล่าว

          “ แน่นอนข้าต้องมา! ” เย่ชีเหวิน กล่าวพร้อมพยักหน้า


          “ ครั้งสุดท้ายข้ายังมิได้ขอบคุณเจ้า! ” ฮวาเหมิงฮั่น กล่าวด้วยสีหน้าที่อมทุกข์ ในยามนั้นนางกำลังรีบร้อนและจากไปอย่างรวดเร็วโดยที่มิได้กล่าวขอบคุณเขา ซึ่งนั่นถือได้ว่าเป็นการกระทำที่ไร้มารยาท

          “ ไม่เป็นไร นั่นหาได้สำคัญไม่! ” เย่ชีเหวิน กล่าวพร้อมส่ายศีรษะ หาใช่ ฮวาเหมิงฮั่น คนเดี่ยวไม่ที่ได้รับผลประโยชน์ในครานั้น เพราะตัวเขาเองก็ได้รับเช่นกัน ซึ่งนั่นทำให้เขาไม่จำเป็นต้องขอสิ่งใดเพิ่มเติม

          “ ศิษย์น้องหญิง! ” ในยามนี้ชายหนุ่มชุดคลุมจีนได้กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง “ เจ้าเป็นใคร? ”

ชายหนุ่มชุดคลุมจีนกล่าวตะโกนออกมาในเสียงต่ำ โดยสัญชาตญาณของเขามันเตือนให้เขาได้รับรู้ถึงภัยคุกคามบางอย่าง

เมื่อเห็นชายหนุ่มชุดคลุมจีนกล่าวถาม เย่ชีเหวิน , ฮวาเหมิงฮั่น ก็ได้ขมวดคิ้วของนางลงเล็กน้อย หากแต่ในขณะนั้นเอง เย่ชีเหวิน ก็ได้เปิดปากว่ากล่าว “ ศิษย์จาก[สำนักย่อยหุบเขาฉิงฟง] เย่ชีเหวิน! ”

ด้วยลักษณะการตอบที่เย่อหยิ่งของ เย่ชีเหวิน จึงทำให้ภายในสายตาของชายหนุ่มชุดคลุมจีนเต็มไปด้วยความรังเกียจ ซึ่งโดยปกติแล้วแน่นอนว่าศิษย์หลักย่อมต้องมองลงมาที่ศิษย์สำนักย่อยด้วยสายตาที่แตกต่างออกไป เพราะด้วยความแข็งแกร่งที่ห่างชั้นกันราวกับฟ้าดินของพวกเขา

แต่ชายหนุ่มชุดคลุมจีนก็ยังคงบังคับรอยยิ้มของเขาออกมาพร้อมกล่าวออกไปว่า “ ยินดีต้อนรับศิษย์น้องใหม่ ข้ามีนามว่า ฮู้หยางเหิง สานุศิษย์จากฝ่ายหลัก! ”

ทันทีที่ ฮู้หยางเหิง กล่าวตนเป็นศิษย์ฝ่ายหลัก เย่ชีเหวิน ก็สามารถสัมผัสได้ถึงความเย่อหยิ่งในน้ำเสียงของมันได้อย่างชัดเจน ซึ่งมันเห็นได้ชัดว่า ฮู้หยางเหิง มีความสนใจในตัวของ ฮวาเหมิงฮั่น และต้องการที่จะเตือนเขาว่าให้อยู่ห่าง ๆ ฮวาเหมิงฮั่น เอาไว้

หากแต่เฉกเช่นเดียวกับ ฮวาเหมิงฮั่น , เย่ชีเหวิน เองก็มิได้สนใจต่อคำพูดของ ฮู้หยางเหิง เขาได้หยิบ[จี้หยกวิหคเพลิง]ขึ้นมาและยื่นมันให้แก่ ฮวาเหมิงฮั่น พร้อมกล่าวว่า “ สมบัติล้ำค่าหายากเช่นนี้ ข้าขอคืนให้แก่เจ้า ”

รูปลักษณ์ที่น่าตกใจได้ปรากฏขึ้นในสายตาของ ฮู้หยางเหิง เขาได้กวาดสายตาไปมาระหว่าง ฮวาเหมิงฮั่น และ เย่ชีเหวิน เพราะเขามิเข้าใจว่าเหตุใดจี้ห้อยคอที่มีค่าสำหรับ ฮวาเหมิงฮั่น ถึงได้ไปอยู่ในมือของผู้อื่น ยิ่งไปกว่านั้นมันยังอยู่ในมือของ เย่ชีเหวิน สิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างพวกเขา? เหตุใดจี้ห้อยคออันมีค่าของ ฮวาเหมิงฮั่น ถึงได้ไปอยู่ในมือของ เย่ชีเหวิน!

ความคิดมากมายได้หลั่งไหลเข้ามาภายในหัวของ ฮู้หยางเหิง และนั่นจึงทำให้เขาจับจ้องสายตาไปที่ เย่ชีเหวิน อย่างฉับพลันด้วยเจตนาฆ่าอันแรงกล้า

          “ ตั้งแต่ที่มันได้อยู่ในมือของเจ้า มันก็สมควรที่จะเป็นของเจ้า! ” ฮวาเหมิงฮั่น กล่าวเบา ๆ “ หากเทียบกับสิ่งที่เจ้าทำ แม้จะเป็นจี้หยกนี้ก็ยังคงไม่เพียงพอ ”

เมื่อเหล่าศิษย์ที่ยืนอยู่รอบ ๆ ต่างได้ยินคำพูดของ ฮวาเหมิงฮั่น พวกเขาก็สามารถคาดเดาได้ไม่ยากว่า เย่ชีเหวิน จะต้องทำบางสิ่งบางอย่างที่สำคัญมากเป็นแน่ หากมิเป็นเช่นนั้นแล้วเขาคงไม่สามารถเป็นมิตรกับเทพธิดาที่งดงามเช่นนี้ได้

และแน่นอนว่า เย่ชีเหวิน ไม่ต้องการที่จะอธิบายเรื่องราวทั้งหมดให้พวกเขาได้ฟังถึงเรื่องที่เกิดขึ้น เพราะเขาต้องการที่จะเก็บมันเอาไว้เป็นความลับระหว่างพวกเขาเพียงแค่ 2 คน!

          “ การประเมินจะเริ่มในเร็ว ๆ นี้ ข้าไม่ต้องการที่จะรบกวนเจ้าอีก! ”

หลังจากที่กล่าวกับ เย่ชีเหวิน เพียงไม่กี่ประโยค นางก็มิได้อยู่ที่นั่นนานนัก นางได้กลับไปที่นกยักษ์ปีศาจของนางและบินขึ้นสู่ฟากฟ้าและลับสายตาไปจากผู้คน

ทันทีที่ ฮู้หยางเหิง เห็น ฮวาเหมิงฮั่น บินจากไปเขาก็มิได้มีอารมณ์ที่จะอยู่ที่นั่น แต่ในขณะที่เขากำลังออก เขาก็ได้จับจ้องมาที่ เย่ชีเหวิน ด้วยสายตาที่มืดมน

หลังจากที่พวกเขาทั้ง 2 จากไป มันก็ได้ทำให้เหล่าศิษย์จำนวนมากต่างเริ่มมีความอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับ เย่ชีเหวิน เพราะพวกเขาไม่ทราบว่าเหตุใด เยชีเหวิน ถึงได้รู้จักศิษย์จาก[ยอดหุบเขาพระจันทร์เต็มดวง]ได้

โดยเฉพาะอย่างยิ่งศิษย์จาก[สำนักย่อยหุบเขาฉิงฟง] พวกเขาล้วนแล้วแต่มีความอยากรู้อยากเห็นยิ่งกว่าผู้ใด ว่า เย่ชีเหวิน นั้นได้ไปทำความรู้จักกับ ฮวาเหมิงฮั่น ตอนไหน? และหนี้สินที่พวกเขาติดค้างกันคือสิ่งใด? เหตุใดนางถึงได้มอบจี้หยกล้ำค่าเช่นนั้นให้กับเขา?

แม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้ถึงความสามารถที่แท้จริงของจี้หยก แต่พวกเขาสามารถรับรู้ได้ถึงออล่าของมัน ว่ามันมั่นเหมาะที่จะเป็นของวิเศษแทนที่จะเป็นจี้หยกธรรมดา

และเมื่อต้องเผชิญหน้ากับสายตาที่จับจ้องเข้ามาเป็นจำนวนมาก เย่ชีเหวิน ก๊อกไม่ได้ที่จะต้องหลับตาของเขาลง

เย่ชีเหวิน ได้ฆ่า ลู่เทียน และคนของมัน หากเรื่องนี้ได้ถูกแพร่พรายออกไป แน่นอนว่าผลกระทบที่ตามมาย่อมมิใช่ขนาดเล็ก

เย่ชีเหวิน ยังไม่ต้องการที่จะใช้นิสัยของเขาในตอนนี้ และไม่ต้องการที่จะสร้างปัญหาขึ้นในทุก ๆ ที่ ที่เขาไป

แต่ฝูงชนก็มิได้เลือกที่จะจับจ้องไปที่ เย่ชีเหวิน นานนัก เพราะการประเมินได้เริ่มตนขึ้นแล้ว

#########################################################
เอาละในช่วงท้ายก็มาพบกับเราเหล่าพี่น้อง 4B หัวดอที่จะมาเผานิยายเรื่องนี้ไปพร้อมกลับคุณ

B1 : เดี้ยว ๆ บทเดียวนี่มันคืออะไร เห้ย!!!! กลับมา!!!!
B3 : [ก.]บอกแล้วว่าเนี่ย มันคือตัวประกอบระดับ S 555555
B1 : ม๊ายยยยยยยยยยยย
B3 : 555555 เสียใจด้วย นางไม่ได้ไปต่อ!!!
B4 : ทำใจซะเถอะ สำหรับเรื่องนี้มันคงไม่มีนางเอกจริง ๆ
B2 : 92 บทออกมาแค่ 3 บท แถมมาแบบกระปิดกระปอย อีก เห้อทำใจ…ทำใจ
B1 : ไม่[ก.]ยังมีความเชื่อ นางต้องเป็น นางต้องเป็น นางคือนางเอก ฮวาเหมิงฮั่น!!!!!!!!!!!!
B2,B3,B4 : ไปละสมงสมอง เห้อเขาน่าสงสารจริง ๆ
B1 : สงสารพ่อง!!

#########################################################
เอาล่ะก็ขอจบสาระเร้าใจ BY: นายกระทิข้น ไว้เท่านี้ก่อนนะครับขอบคุณครับสำหรับผู้อ่านทุกท่าน

8 ความคิดเห็น:

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม