บทที่ 98 - เข้าร่วมกลุ่ม

หลังจากที่วันเวลาได้ผ่านไปเกือบ 1 เดือนเต็มภายใน[ ดินแดนภูติปีศาจมายา ]

          “ ย้า! ” เย่ชีเหวิน ตะโกนดังลั่นด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้น ในขณะที่ใบมีดของเขาได้แยกร่าง[ปีศาจมายา]ขาดออกเป็น 2 ส่วน

ในตอนนี้ภูตผีปีศาจใน[ ระดับขั้นที่ 1 ดินแดนลมปราณก่อเกิด ]ย่อมมิใช่คู่มือของเขา อีกทั้งเขายังสามารถจัดการพวกมันและพวกมันออกเป็น 2 ส่วนได้อย่างง่ายดาย

หลังจากที่เขาได้ฆ่า[ปีศาจมายา] ครึ่งหนึ่งของ[ พลังปราณปีศาจ ]ภายในร่างของพวกมันจะระเหยออกมา และถูกดูดซับโดยพื้นที่ลึกลับของ เย่ชีเหวิน ซึ่งด้วย[ พลังปราณปีศาจ ]นี้เองมันจึงทำให้เคล็ดวิชาการต่อสู่ของ เย่ชีเหวิน นั้นมีความก้าวหน้าเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก


ตลอดระยะเวลา 1 เดือนที่ผ่านมา เขาต้องเผชิญหน้ากับภูตผีปีศาจ[ ระดับจุดสูงสุดขั้นที่ 3 ดินแดนลมปราณก่อเกิด ]มากมายและการจัดการพวกมันนั้นยังนับได้ว่าเป็นเรื่องยากสำหรับเขา หากแต่ในตอนนี้การที่จะจัดการพวกมันนั้นมันช่างแสนง่ายราวเหมือนกับพลิกฝ่ามือ อีกทั้งเมื่อ 5 วันที่ผ่านมาเขายังได้เผชิญหน้ากับภูตผีปีศาจใน[ ระดับขั้นที่ 4 ดินแดนลมปราณก่อเกิด ] ซึ่งการต่อสู้ของพวกเขาทั้ง 2 นั้นเป็นไปอย่างดุเดือน แต่มันกลับสามารถหลบหนีไปได้ด้วยบาดแผลรุนแรง

แม้ว่าประสิทธิภาพในการต่อสู้ของ[ปีศาจมายา]นั้นจะค่อนข้างต่ำ แต่นั่นก็เพียงพอแล้วที่จะใช้มันเป็นตัวทดสอบความแข็งแกร่งของเขา ซึ่งความแข็งแกร่งของเขาในตอนนี้สามารถจัดการกับผู้เชี่ยวชาญ[ ระดับจุดสูงสุดขั้นที่ 3 ดินแดนลมปราณก่อเกิด ]ที่มีการผันแปร[ พลังปราณก่อเกิด ]ไปแล้วกว่า 60% ได้อย่างง่ายดาย หรือแม้กระทั่งการต่อสู้กับผู้เชี่ยวชาญ[ ระดับขั้นที่ 4 ดินแดนลมปราณก่อเกิด ]ที่มีการผันแปร[ พลังปราณก่อเกิด ]ไปแล้วกว่า 70% ได้อย่างเท่าเทียน

ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา เย่ชีเหวิน มิได้รีบร้อนที่จะกลับเข้าไปยังกลุ่มศิษย์[สำนักย่อยหุบเขาฉิงฟง]ที่เขาจากมา เขาได้ใช้เวลาที่มีไปอย่างคุ้มค่ากับการทดสอบพลังใหม่ของเขา และการไล่ล่าฆ่า[ปีศาจมายา]เพื่อเสริมสร้างพัฒนาการเคล็ดวิชาของตนได้เริ่มกลายเป็นการทดสอบใหม่ของเขาไปด้วยเช่นกัน

ในช่วงระยะเวลาเพียง 1 เดือน เคล็ดวิชาการต่อสู้ต่าง ๆ ของ เย่ชีเหวิน ได้มีความคืบหน้าขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะเคล็ดวิชา[ หยุดรั้งลมหายใจ ]เขาได้ฝึกฝนมันมาจนถึงแล้วใน[ ดินแดนที่ 4 สูงสุด ] และเมื่อเขาเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ของตนจะไม่มีใครสามารถตรวจจับลมหายใจของเขาได้

และขั้นที่ 2 ของเคล็ดวิชา[ ย่างก้าวทูตสวรรค์ ]ก็ยังได้มาถึงแล้วใน[ ดินแดนที่ 3 เชี่ยวชาญ ] นอกจากความเร็วที่เพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ ท่วงท่าและการเคลื่อนไหวของเขายังแลดูสง่างามมากขึ้นนับหลายเท่า

อีกทั้งเคล็ดวิชา[ ตัดจันทร์หนาว ] , [ ตัดจันทร์เพ็ญ ]ก็ยังได้มาถึงแล้วใน[ ดินแดนที่ 3 เชี่ยวชาญ ]เช่นกัน
และกระบวนท่าแรกของเคล็ดวิชา[ ฝ่ามือมังกรขด ] , [ มังกรแผลงกาย ]ก็ยังได้รับการฝึกฝนมาถึงแล้วใน[ ดินแดนที่ 3 เชี่ยวชาญ ] เขาในตอนนี้สามารถใช้มันออกมาได้นับหลายครา ซึ่งด้วยพลังอำนาจที่น่าหวาดกลัวและน่าเกรงขามของ[ มังกรแผลงกาย ] จึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับ เย่ชีเหวิน ในการต่อกรกับผู้เชี่ยวชาญ[ ระดับขั้นที่ 4 ดินแดนลมปราณก่อเกิด ] แต่การจะใช้มันในแต่ละครั้งจำเป็นต้องเผาผลาญ[ พลังปราณก่อเกิด ]ไปถึง 10% แม้ว่า[ พลังปราณก่อเกิด ]ของ เย่ชีเหวิน ในตอนนี้จะมีอยู่ถึง 60% หากแต่ถ้าใช้มันออกไปนับหลายครั้งอย่างต่อเนื่อง มันก็จะส่งผลเสียต่อสภาพร่างกายของเขาเองอยู่ไม่น้อยเช่นกัน

นอกจากนี้วันเวลาทั้งหมดที่ได้ผ่านล่วงเลยไป เย่ชีเหวิน ยังได้ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการฝึกฝนพัฒนาขั้นที่ 2 ของเคล็ดวิชา[ กายาทรราช ] ด้วยการฝึกฝนอย่างหนักเขาได้เผาผลาญ[ ศิลาวิญญาณระดับกลาง ]ไปถึง 1,000 ก้อน และขั้นที่ 2 ของเคล็ดวิชา[ กายาทรราช ]ก็ได้มาถึงจุดสูงสุดของ[ ดินแดนที่ 1 แรกเริ่ม ] และความแข็งแกร่งของเขาขยายเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า ซึ่งก่อนหน้าความแข็งแกร่งของเขานั้นยังคงอยู่ในระดับขั้น[ 19 มังกร ] หากแต่ในตอนนี้ความแข็งแกร่งของเขาได้รุดหน้าไปถึงระดับขั้น[ 39 มังกร ] ซึ่งนี่คือผลพวงของการฝึกฝนเคล็ดวิชา[ กายาทรราช ] นอกจากนี้การผันแปร[ พลังปราณก่อเกิด ]ของเขาก็ได้มาถึงจุดสูงสุดของ 60% แล้ว

โชคดีที่การพัฒนาเคล็ดวิชา[ กายาทรราช ]ให้มาถึงขั้นที่ 2 นั้น เขาได้เผาผลาญ[ ศิลาวิญญาณระดับกลาง ]ไปเพียงแค่ 1,000 ก้อนเท่านั้น จึงทำให้เขาในตอนนี้ยังคงเหลือ[ ศิลาวิญญาณระดับกลาง ]ไว้ครอบครองอยู่ 2,000 ก้อนซึ่งยังคงถือได้ว่าร่ำรวยอยู่ไม่น้อย

และเหตุผลที่อยู่เบื้องหลังสำหรับการสูญเสียอันน้อยนิดเพียงเท่านี้ นั่นก็คือ[ พลังปราณปีศาจ ]ที่ เย่ชีเหวิน ได้ทำการดูดซับหลังจากที่เขาได้ฆ่า[ปีศาจมายา] ซึ่งด้วยปริมาณอันมหาศาลของ[ พลังปราณปีศาจ ]จึงทำให้มันสามารถใช้ทดแทนศิลาวิญญาณได้ นั่นจึงเป็นเหตุว่าว่าเหตุใดสำหรับการพัฒนาเคล็ดวิชาการต่อสู้ในครานี้ เขาถึงได้เผาผลาญศิลาวิญญาณไปในจำนวนที่น้อยมาก

และนี่ก็ยังเป็นเหตุผลที่ว่าเหตุใดเขาถึงมิได้รีบร้อนนักที่จะกลับเขาไปยังกลุ่มศิษย์[สำนักย่อยหุบเขาฉิงฟง] และเลือกที่จะอยู่อย่างสันโดษภายใน[ ดินแดนภูตปีศาจมายา ] นั่นก็เป็นเพราะว่าเขาไม่ต้องการให้ใครรับรู้ถึงเรื่องที่เกี่ยวกับ[ พื้นที่ลึกลับ ]ของเขา เพราะการฆ่า[ปีศาจมายา]ดูดซับ[ พลังปราณก่อเกิด ]นั้น มันมีความเกี่ยวข้องกับ[ พื้นที่ลึกลับ ]ของเขาโดยตรง และมันมีความเป็นไปได้ที่ผู้คนจะกังขาในความแข็งแกร่งที่ผิดปกติของเขา

[ พื้นที่ลึกลับ ]นั้นก็เปรียบเสมือนเครื่องบดถนน ในขณะที่ผู้เชี่ยวชาญจำเป็นต้องเดินบนเส้นทางที่เต็มไปด้วยขวาดหนามและอันตรายเพื่อให้บรรลุเป้าหมายของตน แต่[ พื้นที่ลึกลับ ]มีหน้าที่ในการบดขยี้ขวาดหนาวเหล่านั้นให้เป็นทางเรียบและไม่มีสิ่งกีดขวางใด ๆ ฉะนั้นแล้วไม่ว่าผู้ใดก็ตามที่แข็งแกร่งโดยใช้ความสามารถของ[ พื้นที่ลึกลับ ]นี้ มันก็เปรียบเสมือนเป็นการเอาเปรียบผู้อื่นอย่างแท้จริง

เย่ชีเหวิน ได้คำนวณวันเวลาเอาไว้เรียบร้อยแล้ว และดูเหมือนว่านี่ก็ใกล้จะถึงวาระที่พวกเขาจะต้องออกจาก[ ดินแดนภูตปีศาจมายา ]นี้แล้วเช่นกัน วันเวลาแห่งการทดสอบได้ผ่านล่วงเลยไปถึง 1 เดือนแล้วจวนจะสิ้นสุดลง อีกทั้งในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาเขายังจำมิได้เลยเสียด้วยซ้ำถึงจำนวน[ปีศาจมายา]ที่เขาได้ฆ่าไป แต่เขาก็มิได้สนใจเพราะมันถือเป็นการเก็บเกี่ยวครั้งใหญ่ที่สุดหลังจากที่เขาได้ก้าวมายัง[ ระดับขั้นที่ 2 ดินแดนลมปราณก่อเกิด ] ซึ่งถือได้ว่าเป็นการเดินทางที่คุ้มค่าอยู่ไม่น้อย

และในตอนนี้ก็ถึงเวลาแล้วที่เขาจะต้องกลับไปร่วมกับกลุ่มศิษย์จาก[สำนักย่อยหุบเขาฉิงฟง]ดั่งเดิม เขาทำได้เพียงแค่หวังว่าวันเวลาทั้งหมดที่ได้ผ่านไปเหล่านี้พวกเขาจะได้อยู่ห่างไกลจากปัญหา

หลังจากที่ทุกคนภายใน[ ดินแดนภูตปีศาจมายา ] ล้วนแล้วแต่เป็นศัตรูทั้งสิ้น อย่าลือเกี่ยวกับ[สำนักย่อยปิงเต่า]หรือแม้กระทั่ง ฮู้หยางเหิง ที่ได้ส่ง 7 ผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งมาสังหารเขา แม้ว่าพวกมันทั้ง 7 คนจะได้ถูกจัดการแล้วโดย เย่ชีเหวิน หากแต่มันก็เป็นเครื่องพิสูจน์ที่เห็นได้ชัดถึงความน่ากลัวและความโหดเหี้ยมของ ฮู้หยางเหิง แต่เริ่มเดิมทีเขาคิดว่า เย่ชีเหวิน มั่นเหมาะที่จะถูกจัดการลงได้โดยง่าย แต่หลังจากที่เขาได้ทราบข่าวว่าบุคคลที่เขาได้ส่งมานั้นกลับพ่ายแพ้และถูกส่งตัวออกจาก[ ดินแดนภูตปีศาจมายา ] เขาจะต้องโกรธเกรี้ยวมากเป็นแน่ หลังจากที่ผู้เชี่ยวชาญทั้ง 7 คนที่เขาได้เลือกสรรเองกับมือกับถูก เย่ชีเหวิน บดขยี้อย่างย่อยยับ

ถ้าหากเขาพบกับ 7 ผู้เชี่ยวชาญอีกครั้ง เขาไม่จำเป็นที่จะต้องต่อสู้ให้นานนมอย่างที่ผ่านมา ซึ่งเขาสามารถฆ่าบุคคลเหล่านั้นได้ในทันทีโดยไม่ต้องสูญเสียเหงื่อเลยแม้แต่หยดเดียว

หรือแม้แต่หลังจากที่เขาออกไป แล้วพวกมันพยายามที่จะหาเรื่องเขาอีกครั้ง เขาจะฆ่าพวกมันในทันทีโดยไม่ให้พวกมันได้มีโอกาสขอแม้แต่ความเมตตาใด ๆ จากเขา

ในที่สุด เย่ชีเหวิน ก็ได้ตัดสินใจและมุ่งหน้าไปยังทิศทางกลุ่มของ[สำนักย่อยหุบเขาฉิงฟง]

แม้ว่า[ ดินแดนภูตปีศาจมายา ]นั้นจะมีขนาดที่ใหญ่มาก หากแต่มันก็ยังเล็กมากเมื่อเทียบกับ[ โลกแห่งการต่อสู้ที่แท้จริง ] มันมิได้เป็นปัญหาเลยหากจะวิ่งทั่วรอบดินแดนโดยเฉพาะผู้ฝึกฝนเคล็ดวิชายุทธ

…………………………..

ในหุบเขาที่ห่างไกลกลุ่มศิษย์ที่จาก[สำนักย่อยหุบเขาฉิงฟง]และกลุ่มศิษย์จาก[สำนักย่อยยวี้นวี้] พวกเขาต่างรวมกลุ่มกันโดยได้มิคาดคิดและมีผู้นำเป็น เย่ฟง และ จางซุนยวี้หยิน

แต่ทว่าก็ยังมีกลุ่มคนอีกกลุ่มหนึ่งที่ยืนอยู่ฝ่ายตรงข้ามและเผชิญหน้ากับพวกเขา ซึ่งมันจะเป็นใครอื่นไปได้นอกเสียจาก[สำนักย่อยปิงเต่า]ผู้ถูกนำโดย 1 ใน 3 ศิษย์ชั้นนำอย่าง เซี่ยงกัวเซวียนยี้

และที่ยืนอยู่ด้านข้างของเขาคือชายหนุ่มในชุดคลุมสีม่วงที่มีกลิ่นอายอันหนักแน่น และชายหนุ่มชุดคลุมสีเหลืองที่มีคิ้วโด่งจนอาจกล่าวได้ว่าแปลกประหลาด

แต่ทว่าความแข็งแกร่งของพวกเขาทั้งสองนั้น กับมีมากมายมหาศาลอย่างมิน่าเชื่อจนเกือบเทียบเท่าได้กับ เซี่ยงกัวเซวียนยี้

และอหนึ่งอาจเห็นได้ว่ากลุ่มศิษย์จาก[สำนักย่อยเฉินเฮ่าเชิน] เองก็ยังเฝ้ามองอยู่ ณ สถานที่อันห่างไกล

          “ ศิษย์น้องหญิง จางซุนยวี้หยิน จงยอมจำนนและส่งมอบ[ขลุ่ยมนต์ตรา]นั่นมาเสีย! ” เซี่ยงกัวเซวียนยี้ กล่าวด้วยใบหน้าและน้ำเสียงที่เอาแต่ใจ

          “ ข้า และ พี่ชายเย่ ต่างผ่านอะไรด้วยกันมามากมายกว่าจะได้[ขลุ่ยมนต์ตรา]นี้มา มีหรือที่ข้าจะมอบมันให้แก่เจ้า อย่าฝันไปหน่อยเลย! ” จางซุนยวี้หยิน กล่าวด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น

          “ หยุดพูดไร้สาระกันได้แล้ว ไปชิงมันมาจากนางเสีย! ” ชายหนุ่มผู้มีคิ้วโด่งอันแปลกประหลาดว่ากล่าว

#########################################################
เอาละในช่วงท้ายก็มาพบกับเราเหล่าพี่น้อง 4B หัวดอที่จะมาเผานิยายเรื่องนี้ไปพร้อมกลับคุณ

B1 : ศึกเก่ายังไม่ส่าง ศึกใหม่มาอีกแล้ว
B2 : ขนาดนั้นเลยนะ
B1 : รู้สึกได้ถึง เซี่ยงกัวเซวียนยี้ มีความอยากได้อยากโดน
B3 : เล่นมันเลยไอ้เซี่ยงลูกพ่อ
B4 : เอิ่มแล้วสรุป เย่ฟง กับ จางซุนยวี้หยิน มันมาฟิตชะลิ่งกันตอนไหนเนี่ย
B3 : มีผ่านอะไรด้วยกันมามากมายด้วยนะ
B2 : แลดูเหมือนพระเอกจะมีพี่สะใภ้
B3 : ไอ้[ส.]นางเอกยังหาไม่เจอเลยว่าอยู่ไหน นี่เล่นล่อมีพี่สะใภ้ซะแล้ว
B1 : [ม.]ก็พูดไปไอ้สาม!!!!!!!!!!!!!
#########################################################
เอาล่ะก็ขอจบสาระเร้าใจ BY: นายกระทิข้น ไว้เท่านี้ก่อนนะครับขอบคุณครับสำหรับผู้อ่านทุกท่าน

3 ความคิดเห็น:

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม