บทที่ 100 - สังหารเพียงแค่ 1 กระบวนท่า

แต่ทว่าในขณะนั้นเอง ใบมีดประกายแสง ก็ได้พุ่งมาจากสถานที่อันห่างไกลโดยไม่ทราบทิศทาง อีกทั้งมันยังได้พุ่งตรงเข้าไปยังชายหนุ่มในชุดคลุมสีม่วง

ชายหนุ่มในชุดคลุมสีม่วงต่างหลบหลีกอย่างรวดเร็วด้วยความตื่นตระหนก พร้อมตะโกนกล่าวออกไปด้วยความโกรธแค้น “ ใครมันคือใคร! ”

รูปเงาของชายหนุ่มผู้หนึ่งได้ปรากฏยังเส้นขอบฟ้า ณ สถานที่อันห่างไกลพร้อมใบมีดคมยาวในฝ่ามือของเขา

          “ น้องเล็ก! ” เมื่อรูปลักษณ์ ณ เส้นขอบฟ้าที่แสนคุ้นเคย เย่ฟง ก็ได้ตะโกนกล่าวขึ้น

เย่ชีเหวิน ได้ก้าวเดินมาอย่างช้า ๆ มุ่งหน้าเข้าสู่สมรภูมิรบ

ด้วยใบมีดที่คมยาวในฝ่ามือของเขา เย่ชีเหวิน จึงได้เปิดปากกล่าวขึ้น “ มันยังเร็วเกินไปที่พวกเจ้าจะฉลองชัยชนะ สงครามยังมิจบ อย่าได้คิดที่จะนับศพทหาร! ”

ทุกคนสายตาต่างจับจ้องไปที่ เย่ชีเหวิน เป็นหนึ่งเดียว ด้วยความรู้สึกที่พวกเขามิได้คาดคิดว่า เย่ชีเหวิน จริงจะปรากฏขึ้นในสถานที่แห่งนี้

          “ ใบมีดประกายแสงที่ถูกปล่อยออกมาจากสถานที่อันห่างไกลคงจะเป็นฝีมือของ เย่ชีเหวิน ไม่ผิดแน่ ในช่วงระยะเวลา 1 เดือนที่ผ่านมาเกรงว่าความแข็งแกร่งของเขาจะต้องมีความก้าวหน้าเพิ่มขึ้นอย่างมากเป็นแน่! ” ผู้ที่เฝ้ามองยังสถานที่อันห่างไกล เหยียนชือหลิง ต่างขุ่นคิดในขณะที่จับตามองไปยัง เย่ชีเหวิน แม้ว่าเขาจะอยู่ในสมรภูมิรบอันห่างไกล แต่เขาก็มั่นใจว่าชายผู้นั้นจะต้องเป็น เย่ชีเหวิน ไม่ผิดแน่

ในตอนนี้ เหยียนชือหลิง ทำได้เพียงแค่เป็นพยานรู้เห็นในพลังอำนาจใบมีดที่น่าอัศจรรย์ของ เย่ชีเหวิน ซึ่งเขาอดไม่ได้ที่จะต้องตกใจในพลังอำนาจของมัน แม้ว่าก่อนหน้านี้เขาจะได้ตระหนักถึงการดำรงอยู่ของ เย่ชีเหวิน หากแต่เขาก็มิได้รู้เกี่ยวอะไรกับ เย่ชีเหวิน มากนัก แม้ว่าเขาจะได้รวบรวมข้อมูลของเหล่าศิษย์ชั้นนำจากหลายทั่วทั้งสำนักย่อยที่อาจกลายมาเป็นคู่ต่อสู้ที่สมน้ำสมเนื้อให้แก่เขา หากแต่นั่นก็ไม่สำคัญเหตุใดทำไมเขาจะต้องไปใส่ใจกับเหล่าศิษย์จากสำนักย่อยที่แสนอ่อนแอพวกนั้น

ก่อนหน้านี้ เย่ชีเหวิน ได้กระทำการวุ่นวายครั้งใหญ่ และดึงดูดความสนใจของ เหยียนชือหลิง เป็นระยะเวลาสั่น ๆ เพราะเขาคิดว่า เย่ชีเหวิน ไม่ควรค่าแก่การเก็บเกี่ยวข้อมูล แต่ทว่า เย่ชีเหวิน ที่เขาพบเห็นในวันนี้กลับมีความแข็งแกร่งที่เทียบเท่าได้กับผู้เชี่ยวชาญ[ ระดับจุดสูงสุดขั้นที่ 3 ดินแดนลมปราณก่อเกิด ]หรืออาจมากกว่านั้น ความแข็งแกร่งของเขาในตอนนี้มั่นเหมาะที่จะเทียบเท่าได้กับศิษย์ชั้นนำที่แข็งแกร่งที่สุดในรอบปี นี่หรือศิษย์จากสำนักย่อยที่แสนอ่อนแอและไม่ควรค่าแก่การเก็บเกี่ยวข้อมูล

ตอนนี้ เหยียนชือหลิง ไม่มีทางเลือกและต้องมุ่งเป้าความสนใจไปที่ เย่ชีเหวิน แต่ก็ยังไม่ถึงกับจุดที่ทำให้เขาต้องรู้สึกหวาดกลัว แต่อย่างไรก็ตามพลังอำนาจที่ถูกปลดปล่อยออกมาจาก เย่ชีเหวิน ก่อนหน้านี้มันก็เป็นเครื่องพิสูจน์ที่เห็นได้อย่างชัดเจนว่าความแข็งแกร่งของเขานั้น มิได้ด้อยไปกว่าผู้เชี่ยวชาญ[ ระดับจุดสูงสุดขั้นที่ 3 ดินแดนลมปราณก่อเกิด ]


นอกจากนี้ความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้นอย่างฉับพลันของ เย่ฟง ที่พุ่งทะยานขึ้นมาเป็น[ ระดับจุดสูงสุดขั้นที่ 3 ดินแดนลมปราณก่อเกิด ]ก็ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจมากเกินพออยู่แล้ว แต่เขามิได้คาดคิดว่าน้องชายของ เย่ฟง , เย่ชีเหวิน จะมีพัฒนาการที่ก้าวกระโดดในช่วงระยะเวลาอันสั่นเช่นนี้ ชื่อเสียงของ[สำนักย่อยหุบเขาฉิงฟง]นั้นแทบจะถูกกล่าวขานว่าเป็นสำนักที่อ่อนแอมากที่สุดในหมู่สำนักย่อย แต่ทว่าในเวลานี้กลับปรากฏสุดยอดอัจฉริยะที่มิอาจหาที่ใดเปรียบปรากฏขึ้นถึง 2 คนอีกทั้งความแข็งแกร่งของพวกเขาก็มิได้ด้อยไปกว่าศิษย์ชั้นนำของ 3 สำนักย่อยชั้นนำเลยแม้แต่น้อย

และเมื่อการประเมินนี้สิ้นสุดลงเขาเกรงว่าชื่อเสียงของ[สำนักย่อยหุบเขาฉิงฟง] นั้นจะต้องโด่งดังและมากไปด้วยชื่อเสียงเป็นแน่ภายในสำนักหลัก

          “ เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใคร ถึงได้กล้าแอบลอบทำร้ายข้า! ” ชายหนุ่มในชุดคลุมสีม่วง กล่าวด้วยน้ำเสียงที่โกรธแค้น

          “ ข้า เย่ชีเหวิน สานุศิษย์แห่ง[สำนักย่อยหุบเขาฉิงฟง]! ” เย่ชีเหวิน กล่าวด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น

          “ ดี! งั้นเจ้าก็กำลังรนหาที่ตาย! ” ทันทีที่ชายหนุ่มในชุดคลุมสีม่วงได้ยินเช่นนั้น ความโกรธของเขามันก็ยิ่งเพิ่มสูงขึ้นพร้อมพุ่งกระโจนเข้าใส่ เย่ชีเหวิน ในทันที ลูกเตะที่รวดเร็วดุจ สายฟ้าฟาดได้กวาดเข้าใส่ เย่ชีเหวิน ดั่งคลื่นพายุที่รุนแรง

และใบชั่วพริบตาใบมีดประกายแสงของ เย่ชีเหวิน ก็ได้ฟาดฟันออกไปกลายเป็นพลังอำนาจที่น่าหวาดกลัว

          “ ปัง! ”

สองคลื่นพลังอำนาจต่างเข้าปะทะกันอย่างรุนแรง ส่งผลให้ชั้นบรรยากาศโดยรอบเกิดการสั่นสะเทือน บังเกิดเป็นเสียงแหลมคนเจาะหู

การจู่โจมของพวกเขาทั้ง 2 เป็นกลาง ส่งผลให้ร่างของพวกเขาทั้ง 2 กระเด็นถอยกลับออกไป
ชายหนุ่มในชุดคลุมสีม่วงมิได้คาดคิดจริง ๆ ว่า เย่ชีเหวิน นั้นจะมีความแข็งแกร่งมากมายถึงเพียงนี้

          “ ไม่มันไม่สมควรที่จะมีความแข็งแกร่งถึงเพียงนี้! ” ชายหนุ่มในชุดคุมสีม่วงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่มิอยากจะเชื่อ หากนับ เย่ชีเหวิน ด้วยแล้วการสู้รบในครั้งนี้จะเป็นการจับคู่ 3 ต่อ 3 ของสุดยอดผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่ง ซึ่งนั่นมันมิใช่เรื่องที่ดีนักและทุกอย่างจะมิเป็นไปตามแผนของพวกเขา การที่ฝ่ายตรงข้ามมีผู้เชี่ยวชาญถึง 3 คนจะทำให้การต่อสู้ในครั้งนี้นั้นยืดเยื้อออกไป และแผนการในการรับมือกับ เหยียนชือหลิง ของพวกเขาก็จะพังทลาย สุดท้ายผู้ที่จะได้รับผลประโยชน์ทั้งหมดก็จะเป็น เหยียนชือหลิง

ใบหน้าของชายหนุ่มในชุดคลุมสีม่วงกลายเป็นมืดมนมากขึ้นพร้อมกล่าวตะโกนออกมาอย่างเสียงดัง “ บังเกิดวายุคลั่ง ”

นี่คือ[ เคล็ดวิชาการต่อสู้ระดับขั้นก่อเกิด ]ที่สืบทอดกันมาภายในตระกูลรุ่นสู่รุ่น โดยบรรพชนของเขาที่ได้ใช้พลังอำนาจของมันในการนำมาซึ่งชื่อเสียงและสร้างขุมพลังอำนาจให้แก่วงศ์ตระกูลของตน

          “ ปัง! ”

ลูกเตะได้อัดกระแทกเข้าใส่ร่างกายของ เย่ชีเหวิน อย่างรุนแรง ก่อให้เกิดเป็นแรงระเบิดขนาดใหญ่ผลักดันให้ร่างกายของเขาถอยกลับออกมานับหลายก้าว ซึ่งในขณะที่เขากำลังจะทำการจู่โจมอีกครั้ง เขาก็ต้องพบกับความประหลาดใจเมื่อเห็นว่าการจู่โจมของเขามิได้สร้างความเสียหายใด ๆ ให้กับ เย่ชีเหวิน อีกทั้งร่างกายของเขายังคงยืนอยู่ที่เดิมดุจราวเหมือนกับมันถูกสร้างขึ้นมาจากเหล็กกล้าที่ไม่มีวันพังทลาย

เย่ชีเหวิน ยิ้มเยาะพร้อมกล่าว “ นี่เจ้ามีความสามารถเพียงแค่นี้? ”

สีหน้าของชายหนุ่มในชุดคลุมสีม่วงได้เปลี่ยนไปอย่างฉับพลันพร้อมกล่าวพึมพำออกมา “ ไม่นี่มันเป็นไปไม่ได้! ”

เขาเข้าใจดีว่าด้วยแรงระเบิดก่อนหน้านี้ มันจึงทำให้ร่างกายของเขานั้นกระเด็นถอยกลับออกมานับหลายก้าว หากแต่เขาไม่เข้าใจว่าเหตุใดร่างกายของ เย่ชีเหวิน กลับมิได้เป็นอะไรเลยแม้แต่น้อย อีกทั้งมันยังมิได้ขยับเขยื้อนไปไหนหรือถอยหลังกลับเลยแม้แต่ก้าวเดียว

ด้วยเหตุใดเขาถึงได้มีความแข็งแกร่งถึงเพียงนี้!

เย่ชีเหวิน เย้ยหยัน เขาเพียงแค่ต้องการที่จะทดสอบความแข็งแรงของชายหนุ่มในชุดคลุมสีม่วง แต่ผลที่ออกมามันราวเหมือนกับว่าเขามิได้เป็นอะไร

ในขณะที่ชายหนุ่มชุดม่วงที่ชิงโจมตีก่อนด้วยลูกเตะเพื่อหวังความได้เปรียบในจังหวะแรก แต่มันกลับมิสามารถทำอะไร เย่ชีเหวิน ได้ เขาจึงมิต้องการที่จะสูญเสียเวลาครุ่นคิดใด ๆ และเริ่มโจมตีด้วย[ วายุคลั่ง ]กวาดใส่ เย่ชีเหวิน อีกครั้ง

[ ตัดจันทร์เพ็ญ ]!

เย่ชีเหวิน ฟาดฟันใบมีดของขาออกไป กลายเป็นความงดงามที่หาที่ใดเปรียบ [ พลังปราณใบมีด ]ที่กวาดผ่านออกไปได้บังเกิดเป็นลมพายุรุนแรง แม้ว่าฝึกฝนกระบวนท่า[ ตัดจันทร์เพ็ญ ]จะยังมิได้ไปถึงใน[ ดินแดนที่ 4 สูงสุด ] อีกทั้งยังไม่ได้แสดง[ เขตแดนความคิด ]ของมัน หากแต่มันก็ยังครอบครองพลังอำนาจที่ไร้ที่ติ อย่าลืมว่ามันยังคงเป็น 1 ในกระบวนท่าของ[ เคล็ดวิชาการต่อสู้ระดับขั้นก่อเกิด ] ซึ่งการโจมตีในครั้งนี้มันมีพลังอำนาจเสียยิ่งกว่ากระบวนท่า[ มังกรแผลงกาย ] แต่การจะใช้มันในแต่ครั้งนั้น จำเป็นที่จะต้องเผาผลาญ[ พลังปราณก่อเกิด ]ไปเป็นจำนวนมาก ซึ่งหากมิจำเป็นเขาจะมิใช้มัน

          “ บูม! ”

ด้วยพลังอำนาจที่รุนแรงของ[ พลังปราณใบมีด ] ทำให้ชั้นบรรยากาศโดยรอบเกิดการผันผวนกลายเป็นคลื่นลมแรงแพร่กระจ่ายออกไปยังพื้นที่บริเวณโดยรอบ ราวเหมือนกับว่ามันเป็นคลื่นสึนามิที่จะพัดพาทุกสิ่งไปกับมัน

ทุกคนต่างตกตะลึงกับสิ่งที่เห็นและเข้าสูภาวะเงียบสงัด ในขณะที่[ พลังปราณใบมีด ]ที่แสนน่ากลัวค่อย ๆ ย่างกายเข้าสู้ชายหนุ่มในชุดคลุมสีม่วงและสับลง

ชายหนุ่มในชุดคลุมสีม่วงไม่มีโอกาสแม้แต่จะหลบหนีหรือปัดป้องใด ๆ เขาได้กลายเป็นเส้นแสงและลับหายไปจาก[ ดินแดนภูมิปีศาจมายา ]ในทันที

          “ เพียง 1 กระบวนท่า! ” เหยียนชือหลิง กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่รู้สึกได้ถึงความหวาดกลัว จากสถานที่อันห่างไกลแม้ว่าเขาจะเห็นไม่ชัดมากนักหากแต่เขาสามารถรับรู้ได้อย่างชัดเจนถึงสิ่งที่เกิดขึ้น และความสับสนได้ปรากฏขึ้นภายในดวงตาของเขา เพราะเขามิได้คาดคิดว่าสุดยอดผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งอย่างชายหนุ่มในชุดคลุมสีม่วง จะถูกสังหารลงภายใน 1 กระบวนท่าโดยใบมีดของ เย่ชีเหวิน

การสำแดงพลังอำนาจใบมีดของ เย่ชีเหวิน อาจกล่าวได้ว่ามันอยู่ในระดับที่น่ากลัวเป็นอย่างมาก เพราะเพียงแค่ใบมีดเดียวเขาก็สามารถสังหารผู้เชี่ยวชาญ[ ระดับจุดสูงสุดขั้นที่ 3 ดินแดนลมปราณก่อเกิด ]ได้อย่างง่ายดาย

แม้แต่ เหยียนชือหลิง เองก็ยังคอยเฝ้าถามตัวเองว่าระหว่างความแข็งแกร่งของเขาและชายหนุ่มในชุดคลุมสีม่วงจะแตกต่างกันมากเสียเท่าใดนัก หากแต่นี่ชายหนุ่มในชุดคลุมสีม่วงกับถูกสังหารโดย เย่ชีเหวิน เพียงแค่ 1 ใบมีด แล้วเขาจะนำอะไรไปต่อกรกับ เย่ชีเหวิน ได้กันหากมันเป็นเช่นนี้!

ทุกคนต่างตกใจในสิ่งที่เกิดขึ้น ในตอนแรกพวกเขาคาดคิดเพียงแค่ว่ามันเป็นการต่อสู้ที่เท่าเทียมกันระหว่าง 2 สุดยอดผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่ง หากแต่พวกเขามิได้คาดคิดเลยว่ามันจะเป็นการสังหารอยู่ฝ่ายเดียวเช่นนี้

ซึ่งจริง ๆ แล้วพวกเขามิได้ทราบอะไรเลยในช่วงระยะเวลา 1 เดือนที่ผ่านมา เย่ชีเหวิน ต้องต่อสู้กับ[ปีศาจมายา]มากมายและบ่อยครั้งที่เขาต้องเผชิญหน้ากับ[ปีศาจมายา][ ระดับขั้นที่ 4 ดินแดนลมปราณก่อเกิด ] และยังได้รับบาดเจ็บสาหัสมานับครั้งไม่ถ้วนจนเกือบต้องตกตายไปแล้วนับครั้ง แม้ว่า[ปีศาจมายา]จะเป็นสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กและถูกจัดอยู่ชั้นปีศาจระดับต่ำหากแต่ด้วยการที่มันเป็นปีศาจ[ ระดับขั้นที่ 4 ดินแดนลมปราณก่อเกิด ] จึงทำให้พวกมันนั้นมีความแข็งแกร่งอยู่ไม่น้อยและอาจบังคับให้เหล่าศิษย์ชั้นนำตกอยู่ในสถานการที่ยากลำบากได้ แม้ว่าความแข็งแกร่งของเขาในตอนนี้จะยังมิสามารถเทียบเคียงได้กับผู้เชี่ยวชาญ[ ระดับขั้นที่ 4 ดินแดนลมปราณก่อเกิด ] แต่มันก็คงอยู่ในระดับที่ห่างไกลกว่า[ ระดับจุดสูงสุดขั้นที่ 3 ดินแดนลมปราณก่อเกิด ] เฉกเช่น 3 ศิษย์ชั้นนำของ 3 สำนักย่อยในปีนี้จะสามารถเทียบเคียงได้

#########################################################
เอาละในช่วงท้ายก็มาพบกับเราเหล่าพี่น้อง 4B หัวดอที่จะมาเผานิยายเรื่องนี้ไปพร้อมกลับคุณ
B1 : ตายไป 1 เหลืออีก 2
B2 : งานนี้มีเงิบ
B3 : ว่าแต่ไอ้ เย่ฟง มันมาถึงระดับจุดสูงสุดขั้นที่ 3 ได้ยังไง
B4 : นั่นสิ!!
B2 : เดี้ยวตอนหน้าก็คงมีเฉลยนั่นแหละมั้ง
B1 : ไม่แน่อาจเป็นเพราะมันพรากพรหมจรรย์ไปแล้วก็ได้จึงทำให้พลังภายในที่หลับใหลตื่นขึ้นมา
B4 : [ม.]ก็พูดไปเรื่อย
B3 : หมกมุ่นอยู่กับไอ้เรื่องแบบนี้แหละนะ[ม.]เนี่ย
B2 : ขนาดนั้นเลยนะ B1
B1 : มันก็อย่างนั้นแหละ B2
B1,B2 : 5555555
B3,B4 : อะไรของพวกมันว่ะ….??

#########################################################
เอาล่ะก็ขอจบสาระเร้าใจ BY: นายกระทิข้น ไว้เท่านี้ก่อนนะครับขอบคุณครับสำหรับผู้อ่านทุกท่าน

4 ความคิดเห็น:

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม