บทที่ 101 - ฆ่า 2

หากพวกเขารู้ความแข็งแกร่งของ เย่ชีเหวิน ในตอนนี้พวกเขาก็คงมิได้แปลกใจอันใด เพราะด้วยความแข็งแกร่งของเขาในตอนนี้มันก็เพียงพอแล้วที่จะบดขยี้ผู้เชี่ยวชาญ[ ระดับจุดสูงสุดขั้นที่ 3 ดินแดนลมปราณก่อเกิด ]ลงได้อย่างง่ายดาย แม้กระทั่งต่อสู้หรือหลบหนีจากผู้เชี่ยวชาญ[ ระดับขั้นที่ 4 ดินแดนลมปราณก่อเกิด ]ก็ยังนับว่าเป็นเรื่องง่าย

นอกจากนี้การฆ่าชายหนุ่มชุดคลุมสีม่วงได้ด้วยเพียงใบมีดเดียว มันทำให้กระแสสงครามได้เปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน ซึ่งมันได้ผลักดันให้ฝ่ายตรงข้ามของพวกเขาตกอยู่ในสถานการณ์ที่เสียเปรียบ

พลังอำนาจอันยิ่งใหญ่ของใบมีด เย่ชีเหวิน ที่ได้สังหารผู้เชี่ยวชาญ[ ระดับจุดสูงสุดขั้นที่ 3 ดินแดนลมปราณก่อเกิด ] ได้สร้างความหวาดกลัวให้แก่ผู้สังเกตการณ์ที่รอคอยการแทรกแซงการต่อสู้ในครั้งนี้อยู่ไม่น้อย แม้แต่ผู้นำของฝ่ายตรงข้ามอย่าง เซี่ยงกัวเซวียนยี้ ที่จวนจะเป็นฝ่ายชนะอยู่รอมล่อและวางแผนที่จะจบการต่อสู้ในครั้งนี้ให้รวดเร็วที่สุด แต่ก็ต้องมาพบกับอุปสรรคที่คาดไม่ถึงเฉกเช่น เย่ชีเหวิน

ความวิตกกังวลต่างปรากฏขึ้นภายในดวงตาของพวกเขา ความแข็งแกร่งที่ล้ำลึกของ เย่ชีเหวิน ที่ได้สังหารผู้เชี่ยวชาญ[ ระดับจุดสูงสุดขั้นที่ 3 ดินแดนลมปราณก่อเกิด ]ราวเหมือนกับว่ามันมิได้เป็นอะไร แม้แต่ เหยียนชือหลิง เองก็ยังมีความหวาดกลัวปรากฏขึ้นภายในดวงตาของเขา ซึ่งนั่นจะนับประสาอะไรสำหรับผู้เชี่ยวชาญทั่วไป

พวกเขายังคงกล้าที่จะเผชิญหน้าและท้าทาย 3 ศิษย์ชั้นนำอย่าง เซี่ยงกัวเซวียนยี้ เหยียนชือหลิง หรือแม้แต่สุดยอดผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งคนอื่น ๆ หากแต่เมื่อต้องหันหน้าไปทาง เย่ชีเหวิน มันทำให้พวกเขารู้สึกหวาดกลัวที่จะตายภายใน 1 ใบมีดโดยที่ไม่มีโอกาสแม้แต่จะตอบโต้ใด ๆ ซึ่งนั่นนับได้ว่าเป็นความแข็งแกร่งที่น่าหวาดกลัวมากเกิน!

มันไม่ใช่ว่าพวกเขานั้นกลัวความตาย แม้ว่าพวกเขาจะตายภายในสถานที่แห่งนี้แต่พวกเขาก็ยังถูกส่งกลับออกไปยังโลกแห่งความเป็นจริง หากแต่พลังอำนาจจากการโจมตีใบมีดของ เย่ชีเหวิน นั้นมันอยู่ในระดับที่น่าหวาดกลัวมากเกินไป


          “ มิน่าเชื่อ ศิษย์น้องเย่ช่างแข็งแกร่งยิ่งนัก! ” จางหยาง กล่าวออกมาพร้อมจับจ้องไปที่ เย่ชีเหวิน ซึ่งในขณะเดียวกัน หวู่เฮ้า และ เฉียนเหวิ่นลู้ เองก็ยังคงพยักหน้าและจับจ้องสายตาไปที่เขาด้วยความรู้สึกกตัญญูและสรรเสริญ

พวกเขาอาจจะรู้อยู่แล้วถึงความแข็งแกร่งที่ผิดปกติของ เย่ชีเหวิน ด้วยระยะเวลาเพียงสั่น ๆ ความแข็งแกร่งของเขานั้นได้เพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก อีกทั้งนี่ยังมิใช่ครั้งแรกที่พวกเขาได้เห็นมัน ทุก ๆ ครั้งที่ความแข็งแกร่งของ เย่ชีเหวิน เพิ่มมากขึ้นมันจะพุ่งสูงขึ้นไปจนถึงในระดับที่พวกเขามิสามารถจะจินตนาการได้

แต่เมื่อมองไปยังฉากที่เกิดขึ้นตรงหน้า ใบหน้าของ เย่หรูเชว่ กลับนิ่งสงบราวเหมือนกับว่านางรู้อยู่แล้วว่าผลมันจะออกมาเป็นเช่นนี้ ด้วยการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้งกับน้องชายของนาง มันจึงทำให้นางรู้สึกราวเหมือนกับว่านี่เป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นต่อน้องชายของนางไปแล้ว

เย่ชีเหวิน ยิ้มเยาะและเดินไปทางชายหนุ่มชุดคลุมสีเหลือง ในขณะที่ชายหนุ่มชุดคลุมสีเหลืองที่ได้เห็นเช่นนั้นก็รู้สึกเกร็งขึ้นมาในทันที เพราะก่อนหน้าเขาได้เห็นเป็นสักขีพยานเองกับตาถึงพลังอำนาจอันยิ่งใหญ่ของใบมีด เย่ชีเหวิน

          “ น้องสาม! ” เย่ฟง กล่าวด้วยน้ำเสียงที่ประหลาดใจ ก่อนหน้าเขาตกอยู่ในสถานการณ์ที่ล่อแหลมอย่างมากในการเผชิญหน้ากับชายหนุ่มชุดคลุมสีเหลือง แต่เขาก็มิได้คาดคิดว่าน้องชายของเขาจะปรากฏตัวออกมาได้ทันเวลาพอดี อีกทั้งยังเปลี่ยนการหลั่งไหลของกระแสสงคราม

เย่ชีเหวิน ได้พยักหน้าให้กับ เย่ฟง แต่ในขณะนั้นเองชายหนุ่มชุดคลุมสีเหลืองก็ได้กระโจนเข้าใส่ เย่ชีเหวิน อย่างรวดเร็วราวสายฟ้าฟาดและยิงฝ่ามือของเขาออกมา การโจมตีในครั้งนี้อาจกล่าวได้ว่าช่างน่าอัศจรรย์ยิ่ง แม้แต่ชั้นบรรยากาศโดยรอบก็เริ่มแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ จากผลกระทบจากพลังปราณที่รุนแรงที่ได้พุ่งเข้าใส่ เย่ชีเหวิน

เงาฝ่ามือได้ปรากฏเต็มไปทั่วท้องฟ้า เห็นได้อย่างชัดว่ามันพยายามที่จะคว้าจับ เย่ชีเหวิน ซึ่งอาจกล่าวได้ว่ามันเป็นการโจมตีที่โหดร้ายและไร้ความปราณี

เย่ชีเหวิน ยิ้มเยาะมีหรือที่เขาจะมาพ่ายแพ้ให้กับเคล็ดวิชาเช่นนี้ ทันทีเขาได้ปลดปล่อย[ ฝ่ามืออสนีบาต ]ออกไป เสียงฟ้าร้องดังกึกก้อง

          “ ปัง! ” การโจมตีของพวกเขาทั้ง 2 ต่างชนเข้าด้วยกันอย่างรุนแรง ส่งผลให้ชายหนุ่มชุดคลุมสีเหลืองกระเด็นถอยกลับออกไป แต่ในขณะเดียวกัน เซี่ยงกัวเซวียนยี้ ก็ได้ปล่อยฝ่ามือเยือกแข็งของเขาไปที่ เย่ชีเหวิน แทบจะในทันที เขานั้นรู้ดีว่าผู้เชี่ยวชาญที่เป็นภัยคุกคามอันใหญ่หลวงที่สุดต่อแผนการของเขานั้นจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก เย่ชีเหวิน ซึ่งหากเขาสามารถฆ่า เย่ชีเหวิน ได้เขาก็จะได้มีโอกาสผลิกกระแสสงครามที่เขากำลังเป็นฝ่ายเสียเปรียบอยู่ ณ ตอนนี้ได้

แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น เซี่ยงกัวเซวียนยี้ เองก็มิได้มีความแข็งแรงมากพอที่จะจัดการกับ เย่ชีเหวิน ได้ด้วยความแข็งแกร่งของตนเองเพียงลำพัง ฉะนั้นแล้วเขาจึงได้คิดที่จะเข้าร่วมมือกับชายหนุ่มชุดคลุมสีเหลืองในการจัดการกับ เย่ชีเหวิน

เย่ชีเหวิน รับรู้ได้ในทันทีถึงฝ่ามือที่กำลังพุ่งเข้ามา อีกทั้งมันยังมีพลังอำนาจที่รุนแรงไม่น้อย ซึ่งในขณะนั้นเองเขาก็ได้ปลดปล่อย[ เกรี้ยวกราดดุจสายฟ้า ]อย่างฉับพลันและยิงเข้าปะทะกับฝ่ามือที่ถูกปกคลุมไปด้วยพลังปราณเยือกแข็งในทันที

          “ ปัง! ”

การเข้าปะทะกันของ 2 พลังปราณที่รุนแรงได้ก่อให้เกิดคลื่นระเบิดแพร่กระจายออกไปเป็นวงกว้าง

เซี่ยงกัวเซวียนยี้ ถูกผลักกลับออกไปนับหลายก้าวโดยแรงระเบิด ซึ่งแม้แต่ตัวเขาเองก็ยังแอบบ่นในใจถึงความแข็งแกร่งที่น่าทึ่งของ เย่ชีเหวิน แต่ในเวลาต่อมาชายหนุ่มชุดคลุมสีเหลืองก็ได้กระโจมเข้าใส่ เย่ชีเหวิน ในทันทีหมายที่จะไม่ให้เขาได้มีโอกาสแม้แต่จะหยุดพัก ซึ่งแต่เริ่มเดิมทีเขาได้เข้าร่วมมือกับ เซี่ยงกัวเซวียนยี้ เพียงแค่การชั่วคราวเท่านั้นและเขายังคงมีเจตนาซ่อนเร้นบางอย่าง แต่ทว่าในตอนนี้เขามิได้มีเจตนาแอบแฝงใด ๆ อีกแล้ว เป้าหมายหนึ่งเดียวของพวกเขาในตอนนี้คือต้องสังหาร เย่ชีเหวิน ลงให้จงได้ เพราะหากมิเป็นเช่นนั้นแล้วพวกเขาทั้งหมดจะฝ่ายที่ถูกฆ่าเสียเอง

แม้ว่า เย่ฟง อยากที่จะยื่นมือเข้าช่วย แต่เมื่อเขาเห็นว่า เย่ชีเหวิน สามารถรับมือได้อย่างง่ายดายราวเหมือนกับว่าเขากำลังเล่นอยู่กับเด็ก มันจึงทำให้เขาตัดสินใจที่จะไม่เข้าไปยุ่งกับการต่อสู้ของพวกเขาในครั้งนี้

เมื่อพวกเขาทั้ง 2 ต่างร่วมใจกันจู่โจมใส่ เย่ชีเหวิน ทุกสิ่งอย่างเริ่มกลายเป็นรวดเร็วมากขึ้น ชั้นบรรยากาศโดยรอบเกิดการสั่นสะเทือนจากการต่อสู้ของพวกเขา อีกทั้งการประสานงานทั้งรุกและรับก็ยังทำได้อย่างยอดเยี่ยมจนอาจกล่าวได้ว่าเป็นฉากการต่อสู้ที่สวยงาม การร่วมมือกันที่สมบูรณ์แบบของพวกเขาได้กลายเป็นความหวังเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่จะผลักดัน เย่ชีเหวิน ให้ตกอยู่ในสถานการณ์ที่เสียเปรียบ แต่แล้วมันก็มิได้เป็นไปอย่างที่พวกเขาคาดหวัง เมื่อการโจมตีของพวกเขาทั้งหมดต่างถูกสวนกลับออกมาแทบจะทุกกระบวนท่า อีกทั้งในเวลานี้ เย่ชีเหวิน ก็มิได้ต้องการที่จะเล่นต่อสู้กิ๊กก๊อกเช่นนี้อยู่อีกต่อไป เขาได้ชักใบมีดของเขาออกมาและฟาดฟันออกไป [ พลังปราณใบมีด ]ที่แสนน่ากลัวและทรงพลังกลายเป็น[ เขตแดนความคิด ]ของกระบวนท่า[ ตัดจันทร์เพ็ญ ]

          “ ปัง! ” [ เขตแดนความคิด ]กลายเป็นภาพเงาของพระจันทร์ขนาดใหญ่ ที่กำลังล่วงหล่นลงมาจากฟากฟ้าและพุ่งชนเข้าปะทะกับการโจมตีของพวกเขาทั้ง 2 ด้วยความแข็งแรงของพวกเขาในตอนนี้ไม่มีทางที่พวกเขาจะสามารถต้านทานพลังอำนาจที่ไร้ที่ติของ[ เขตแดนความคิด ][ ตัดจันทร์เพ็ญ ]ได้เลย ร่างกายของพวกเขาได้ถูกบดขยี้และกลายเป็นเส้นแสงและลับหายไปจาก[ ดินแดนภูมปิศาจมายา ]

เมื่อฉากการตายของสุดยอดผู้เชี่ยวชาญทั้ง 2 ได้ปรากฏขึ้นบนหน้า มันทำให้พวกเขารู้สึกตื่นตระหนกและแยกย้ายกันออกไปในทันทีคนละทิศทาง แม้ว่าศิษย์จาก[สำนักย่อยปิงเต่า]นั้นล้วนแล้วแต่เป็นศิษย์[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด ] หากแต่เมื่อต้องหันหน้าไปยังขุมพลังที่มีความแข็งแกร่งใกล้เคียงกับตนอย่าง[สำนักย่อยยวี้นวี้]และภายใต้การนำของผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งและโหดเหี้ยมอย่าง เย่ฟง จางซุนยวี้หยิน และ เย่ชีเหวิน เมื่อต้องเผชิญหน้ากับสุดยอด 3 ผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งเหล่านี้โดยเฉพาะ เย่ชีเหวิน พวกเขาคงจะถูกฆ่าตายภายใน 1 ใบมีดเฉกเช่นเดียวกับผู้นำของพวกเขาเป็นแน่

นอกจากนี้เหล่าศิษย์ที่ได้เฝ้ามองดูสถานการณ์อยู่ ณ ที่อันห่างไกลก็ไม่กล้าที่จะอยู่ที่นั่นนานนักและรีบออกไปในทันที เพราะพวกเขารู้ดีว่าหากฝ่ายตรงข้ามของพวกเขากำลังอยู่ในอารมณ์ที่คุยกันไม่รู้เรื่องนั่นจะทำให้พวกเขาตกสู่ความหายนะไปด้วยเช่นกัน ภายใต้การนำของ 3 สุดยอดผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งโดยเฉพาะ เย่ชีเหวิน มันทำให้พวกเขารู้สึกหวาดกลัวมากจากจิตใจของพวกเขาอย่างแท้จริง

          “ น้องสาม! ครั้งนี้ข้าได้เจ้าช่วยเอาไว้อีกแล้ว! ขอคารวะ ” เย่ฟง กล่าวพร้อมเดินไปทาง เย่ชีเหวิน ด้วยลักษณะใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มและถอดถอนหายใจ หาก เย่ชีเหวิน มิได้ปรากฏตัวขึ้นเขาในตอนนี้ก็คงอยู่ในสภาพที่ปางตายไปแล้ว

          “ โปรดอย่าได้กล่าวเช่นนั้นเลยพี่ใหญ่ ว่าแต่นี่ท่าน… ” เย่ชีเหวิน จ้องมองไปที่ เย่ฟง ด้วยความรู้สึกประหลาดใจ ครั้งล่าสุดที่เขาได้เห็น เย่ฟง ยังคงเป็นเพียงแค่ผู้เชี่ยวชาญ[ ระดับจุดสูงสุดขั้นที่ 1 ดินแดนลมปราณก่อเกิด ]เท่านั้น หากแต่เมื่อเขาพบเห็นในยามนี้เขากลับอยู่ใน[ ระดับจุดสูงสุดขั้นที่ 3 ดินแดนลมปราณก่อเกิด ]สิ่งที่เกิดขึ้น? อะไรทำให้เขาสามารถบุกฝ่าได้ถึง 2 ขั้นภายในช่วงระยะเวลาอันสั่นเพียงแค่ 1 เดือนนี้กัน

นี่มันช่างเป็นการเปลี่ยนแปลงที่แปลกประหลาดยิ่งนัก

ภายในหัวของ เย่ชีเหวิน ไม่อาจเข้าใจถึงสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ได้ แต่ในขณะนั้นเอง…

          “ นี่หรือว่าท่านใช้[ ผลไม้โลหิตหยวน ]… ” ความคิดนี้จู่ ๆ ก็ได้แล่นขึ้นมาอย่างฉับพลัน เพราะการที่จะสามารถบุกฝ่าและเพิ่มความแข็งแกร่งไปได้ถึง 2 ระดับขั้นภายในช่วงระยะเวลาอันสั่น มีเพียงแค่ต้องใช้[ ผลไม้โลหิตหยวน ]เท่านั้นจึงจะสามารถทำได้

แต่อย่างไรก็ตามนี่มันไม่ถูกต้อง พี่ชายของเขาไม่สมควรที่จะเป็นคนที่โง่เขลาเช่นนี้ หลังจากที่ทุกคนต่างรู้ดีว่าภายใน[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด ][ ผลไม้โลหิตหยวน ]นั้นมีค่าเหนือกว่าสิ่งอื่นใด หากกลั่นมันในเวลาที่เหมาะสมมันสามารถเพิ่มระดับการบ่มเพาะพลังให้แก่มันผู้นั้นได้ถึง 2 ระดับขั้น นอกจากนี้มันยังทำให้ผู้เชี่ยวชาญ[ ระดับขั้นที่ 8 ดินแดนลมปราณก่อเกิด ]บุกฝ่าไปยัง[ ระดับขั้นที่ 9 ดินแดนลมปราณก่อเกิด ]ได้อย่างง่ายดายราวกับปลอกกล้วย ซึ่งมันอาจกล่าวได้ว่านี่คือผลประโยชน์อันยิ่งใหญ่หากเลือกที่จะกลั่นมันในภายหลัง

แล้วสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้!

#########################################################
เอาละในช่วงท้ายก็มาพบกับเราเหล่าพี่น้อง 4B หัวดอที่จะมาเผานิยายเรื่องนี้ไปพร้อมกลับคุณ

B1 : อ้าวไม่ได้เป็นเพราะพรหมจรรย์หรอ
B3 : [ม.]ไปเล่นตรงนู้นเลยนะ พรหมจรรย์พ่อง[ม.]สิ แค่นางเอกยังแทบจะไม่มีเลย แล้วนี้จะมามีโมเม้นแบบนี้ได้ยังไง
B1 : ถ้าเป็น[ก.]นะจับกดไปแล้ว
B4 : อย่าลืมว่าพลังมันเท่ากัน
B1 : ของแบบนี้มันต้องมีการใช้กำลังกันเป็นเรื่องธรรมดา
B3 : ในหัว[ม.]นี่มีอะไรมั่งถามจริง??
B2 : ถ้ามันเป็นอย่างที่ อาเหวิน พูดงั้น อาฟ่ง แม้งก็โคตร ควายโง่เลยน่ะสิ
B3 : [ก.]ไม่มีไรจะพูดหละ เพราะตัวร้ายแม้งก็ตายห่าหมด ฆ่าอย่างกะผักปลา นี่ถ้ามันเอาไปต้มได้นี่มันคงเอาไปแล้ว
B2 : ไม่เอาน่าอย่าพาดพิงถึงโทริโกะแบบนี้สิ พูดแล้วน้ำตาไหนนางจบไปแล้ว
B3 : พาดพิงหน้า[ม.]สิ[ก.]ยังไม่ได้พูดถึงโทริโกะ เลยไอ้ฟวยเอย
B4 : นี่ไงพูดแล้ว
B3 : #&*@%&#%$@%^$@#

#########################################################
เอาล่ะก็ขอจบสาระเร้าใจ BY: นายกระทิข้น ไว้เท่านี้ก่อนนะครับขอบคุณครับสำหรับผู้อ่านทุกท่าน

11 ความคิดเห็น:

  1. ฮา B1...พรหมจรรย์..มีพาดพิง 55555555

    ตอบลบ
  2. รอรอรอ รอตอนต่ออยู่นะครับ

    ตอบลบ
  3. ฆ่าตัวประกอบอีกแล้วสิ

    ตอบลบ
  4. รอตอนต่อไปมาหน่อยน่าเราอยู่กันบนยอดไม้นานละลมมันเย็น5555

    ตอบลบ

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม