บทที่ 103 - ก้าวเข้าสู่ยอดหุบเขาเสียดนภา

บนจุดสูงสุดห้องโถงของพระราชวัง มีสองรูปเงากำลังก้าวเดินออกมาอย่างใกล้เคียงกัน ซึ่งพวกเขาจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก เหยียนชือหลิง และ เย่ชีเหวิน
       
          “ ศิษย์พี่เย่ เคล็ดวิชาใบมีดของท่านนั้นมันช่างน่าอัศจรรย์ยิ่งนัก ข้าเกรงว่าน้อยนักในหมู่ศิษย์ฝ่ายในจะสามารถแสดงพลังอำนาจของเคล็ดวิชาใบมีดได้ยอดเยี่ยมเท่าท่าน! ” เหยียนชือหลิง กล่าวชม
       
          “ ศิษย์ชั้นยอดในหมู่ศิษย์ฝ่ายในนั้นมีอยู่มากมาย และพวกเขาส่วนใหญ่ก็ได้ฝึกฝนหลายเคล็ดวิชาใบมีดที่ยอดเยี่ยม! ” เย่ชีเหวิน กล่าวตอบเบา ๆ
       
          “ ศิษย์พี่เย่ท่านเจียมเนื้อเจียมตัวมากเกินไป แม้ว่าในหมู่ศิษย์ฝ่ายในนั้นจะมีความแข็งแกร่งมากกว่าพวกเราราวกับความห่างชั้นของสวรรค์และโลก หากแต่ทันทีที่ข้าได้เห็นภาพเคล็ดวิชาใบมีดของท่านมันช่างสง่างามเหลือเกิน ซึ่งข้าไม่เคยเห็นใครสามารถแสดง[ เขตแดนความคิด ]ที่สง่างามเช่นนั้นได้เท่าท่านมาก่อน แม้แต่ภายในศิษย์ฝ่ายในเองก็ตามมีน้อยมากที่จะสามารถบรรลุความสง่างามเช่นนี้! ” เหยียนชือหลิง กล่าวออกมาพร้อมรอยยิ้มที่ปรากฏบนหน้า มันมิใช่ว่าเขาต้องการที่จะประจบ เย่ชีเหวิน หากแต่ในช่วง 3 วันที่ผ่านมานี้เหล่าศิษย์ที่ได้อยู่ภายใน[ ดินแดนปีศาจมายา ] พวกเขาต่างเป็นสักขีพยานในความงดงามของ[ เขตแดนความคิด ]เคล็ดวิชาใบมีดของ เย่ชีเหวิน อีกทั้งมันยังเต็มไปด้วยพลังอำนาจที่น่าเกรงขามและน่าอัศจรรย์ และภาพความทรงจำเหล่านั้นมันได้ตราตึงอยู่ภายในจิตใจของพวกเขาทุกคน แม้แต่ เหยียนชือหลิง เองก็ยังไม่มีข้อยกเว้น
       
3 วันผ่านไปหลังจากเสร็จสิ้นการประเมิน ทุกคนได้ก้าวเข้ามายังภายในห้องโถงของพระราชวังสูงสุด แต่ทว่าพวกเขากลับมิได้คาดคิดว่าจะได้เห็นภาพเหล่านี้ เหล่าคนเฒ่าคนแก่ที่ได้ไล่ตามทุกการเคลื่อนไหวของ เย่ชีเหวิน และจ้องที่จะดึงตัวเขาให้กลายเป็นส่วนหนึ่งของ 1 ใน 10 ศิษย์ยอดหุบเขาของตน ซึ่งแม้แต่ เย่ชีเหวิน เองก็ยังต้องรู้สึกประหลาดใจ สำนักยี่หยวนนั้นมีขนาดใหญ่ ทุก ๆ 1 ปีจะมีเหล่าอัจฉริยะที่มากไปด้วยพรสวรรค์และความสามารถปรากฏขึ้นที่นี่ และทุก ๆ 3 ปีจะมีเหล่าอัจฉริยะมากมายปรากฏขึ้นในการทดสอบการประเมิน แต่ทว่าภายของเหล่าคนเฒ่าคนแก่ที่ไล่ตามศิษย์เช่นนี้นั้นไม่เคยมีมาก่อน สิ่งที่เกิดขึ้น? ความสามารถที่ราวเหมือนกับอสูรร้ายนี่มันคือสิ่งใด?
       
ในโลกใบนี้การทดสอบของพวกเขานั้นล้วนมิยุ่งยาก พวกเขาตัดสินเพียงแค่ความแข็งแกร่งที่โดดเด่นเท่านั้น แต่ถึงแม้ว่าพวกเขาจะตัดสินที่ความแข็งแกร่ง เย่ชีเหวิน ก็มิได้คาดคิดว่าเขานั้นจะเป็นบุคคลที่แข็งแกร่งที่สุดอีกทั้งยังผู้เฒ่าผู้แก่มารายล้อมเขามากมายถึงเพียงนี้
       
ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ดึงดูดความสนใจของบุคคลระดับสูงอยู่ไม่น้อย และแน่นอนว่าเขานั้นไม่ทราบถึงเรื่องนี้ ในเช้าวันถัดมาเขาก็ได้ทราบข่าวว่าตนนั้นได้ถูกหมอบหมายให้เข้าร่วมกับ[ ยอดหุบเขา เสียดนภา ] 1 ใน 10 ยอดหุบเขาหลักของสำนักหลักยี่หยวน ซึ่งแน่นอนว่ายอดหุบเขานี้มิได้มีด้อยไปกว่ายอดหุบเขาหลักอื่นเลย
       
นอกจากนี้เหล่าศิษย์ที่ได้เข้าร่วมกับ[ ยอดหุบเขา เสียดนภา ]มีเพียงแค่ไม่กี่คนเท่านั้น ซึ่ง เหยียนชือหลิง เองก็เป็น 1 ในพวกศิษย์เหล่านั้น
       
ส่วน เย่ฟง จางหยาง หวู่เฮ้า พวกเขาทั้ง 3 ได้ถูกรับเลือกให้เข้าร่วมกับ[ ยอดหุบเขาพระจันทร์เต็มดวง ] และ จางซุนยวี้หยิน เย่หรูเชว่ เฉียนเหวิ่นลู้ พวกนางทั้ง 3 ก็ได้ถูกรับเลือกให้เข้าร่วมกับ[ ยอดหุบเขาสตรีหยก ]
       
โดยทั่วไปแล้วพวกเขาจะถูกรับเลือกให้เข้าร่วมกับยอดหุบเขาที่แตกต่างกัน และในหมู่ยอดหุบเขาทั้งหมดเคล็ดวิชาของ[ ยอดหุบเขาพระจันทร์เต็มดวง ]ถือเป็นเคล็ดวิชาที่ยอดเยี่ยมที่สุดในหมู่ยอดหุบเขาทั้ง 10 หากแต่นั่นก็มิได้หมายความว่า[ ยอดหุบเขาพระจันทร์เต็มดวง ]จะเป็นยอดหุบเขาที่แข็งแกร่งที่สุด พวกเขา 10 ยอดหุบเขาหลักมีไว้เพื่อรักษาสมดุลของขุมพลังอำนาจภายในสำนัก ซึ่งหาก[ ยอดหุบเขาพระจันทร์เต็มดวง ]นั้นแข็งแกร่งที่สุดในหมู่ยอดหุบเขาทั้ง 10 เหตุใดพวกเขาถึงไม่ทุ่มเทและเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับ[ ยอดหุบเขาพระจันทร์เต็มดวง ]เพียงลูกเดียว แล้วจะก่อสร้างอีกยอดหุบเขา ทั้ง 9 ยอดขึ้นมาทำไม?
       
เนื่องจากในความเป็นจริงความแข็งแกร่งของพวกเขาก็มิต่างกันมากนัก ทุกครั้งที่ต้องเผชิญหน้าหรือตัดสินใจกระทำการสิ่งใด พวกเขาจำเป็นที่จะต้องลงประชามติรับฟังความคิดเห็นของแต่ละฝ่ายเพื่อรักษาสมดุลของขุมพลังอำนาจ
       
หลังจากที่ เย่ชีเหวิน ได้ก้าวเข้าสู่[ ยอดหุบเขา เสียดนภา ]เขาก็ได้พบกับเหล่าผู้คนมากมายที่เขาไม่คุ้นหน้า แต่ทว่าในหมู่คนเหล่านั้นเขาก็ได้เห็นใบหน้าที่แสนคุ้นเคย เหยียนชือหลิง เขาได้รีบเข้าไปหาเพื่อหมายจะพูดคุย หลังจากที่เหล่าศิษย์จากสำนักย่อยได้มาถึงที่นี่พวกเขาเองต่างรู้สึกเป็นกังวลเล็กน้อยและเข้าร่วมกลุ่มกับเหล่าศิษย์สำนักย่อยด้วยกัน ยิ่งไปกว่านั้นเหล่าศิษย์ที่ได้เข้าร่วมกับ[ ยอดหุบเขา เสียดนภา ]ยังมีถึง 200 คน
       
ในฐานะที่ เหยียนชือหลิง เองก็เป็นถึงสุดยอดผู้เชี่ยวชาญอีกทั้งยังเป็น 1 ใน 3 ศิษย์ชั้นนำจาก 3 สำนักย่อยชั้นนำ เขาก็ได้รวบรวมเหล่าบรรดาศิษย์ใหม่ไว้ข้างกายเขา ซึ่งก่อนหน้าที่พวกเขาจะเข้ามายังภายในสำนักหลักพวกเขาจะมิถูกอนุญาตให้จับกลุ่มหรือสร้างกองกำลังใด ๆ หากแต่นั่นไม่ใช่หลังจากที่พวกเขาได้เข้ามายังภายในสำนักหลัก ซึ่งพวกเขาในตอนนี้สามารถจับกลุ่มหรือสร้างกองกำลังเป็นของตนได้แล้ว เพื่อไม่ให้พวกเขาถูกรังแกโดยเหล่าศิษย์ผู้อาวุโส
       
ซึ่งแตกต่างจากสำนักย่อย ตรงที่พวกเขาไม่จำเป็นที่จะต้องจัดตั้งกองกำลังหรือว่าสร้างพรรคของตนเองขึ้น เพราะไม่ว่าเช่นไรพวกเขาก็จะถูกส่งไปยังสำนักหลัก ซึ่งด้วยเหตุนี้เองมันจึงไม่มีความจำเป็นที่พวกเขาจะต้องจัดตั้งกองกำลังหรือว่าพรรคขึ้น หากแต่หลังจากที่พวกเขาได้เข้ามายังภายในสำนักหลักแล้วกองกำลังหรือว่าพรรคเหล่านี้จะเป็นสิ่งจำเป็นมากสำหรับพวกเขา นอกจากนี้แม้ว่าพวกเขาจะได้ก้าวขึ้นไปเป็นศิษย์ที่แท้จริงแล้วเหล่ากองกำลังหรือว่าพรรคเหล่านี้ก็ยังคงอยู่กับเขา กว่า 100 ศิษย์ที่แท้จริงภายในสำนักหลักยี่หยวน พวกเขาทั้งหมดต่างมีกองกำลังหรือว่าพรรคเป็นของตนเองทั้งสิ้นเว้นเสียแต่สำหรับศิษย์ที่แท้จริงบางคนที่ต้องการอยู่อย่างสันโดษ นอกนั้นพวกเขาก็ล้วนแล้วแต่เป็นผู้นำพรรคของตน ไม่ก็เป็นสมาชิกของพรรคที่มีชื่อเสียงโด่งดัง
       
นอกจากนี้การทดสอบการประเมินในรอบ 3 ปี ยังเป็นถือเป็นโอกาสที่หลายพรรคจะดึงเหล่าศิษย์ใหม่ที่มากไปด้วยพรสรรค์เข้าสู่พรรคของตน เว้นเสียแต่บางพรรคที่มีศิษย์ที่แท้จริงเป็นผู้นำ ซึ่งพวกเขาจะคัดเลือกเฉพาะศิษย์ฝ่ายหลักเท่านั้นที่จะได้เข้าร่วมพรรคของพวกเขา เว้นเสียแต่ศิษย์ใหม่บางคนจะมีความสามารถที่โดดเด่นและดึงดูดความสนใจของพวกเขา พวกเขาถึงจะรับศิษย์ผู้เหล่านั้นเข้าร่วมพรรคของตน หากแต่การที่เหล่าศิษย์ใหม่จะได้เข้าร่วมกับพรรคของบุคคลระดับสูงนั้นช่างหาดูได้ยาก จนอาจกล่าวได้ว่ามันแทบไม่มีให้เห็นเสียด้วยซ้ำ
       
ซึ่งโดยปกติทั่วไป เหล่าศิษย์ใหม่มักจะชอบก่อตั้งพรรคขึ้น ซึ่งผู้ที่จะนำพรรคของพวกเขาส่วนใหญ่จะมุ่งไปที่ศิษย์ที่โดดเด่นที่สุดในหมู่พวกเขาอย่าง เย่ชีเหวิน หรือ เหยียนชือหลิง หากแต่ดูเหมือนว่า เย่ชีเหวิน นั้นจะมิได้สนใจที่จะก่อตั้งพรรคขึ้น หลังจากที่ศิษย์ที่แท้จริงผู้หนึ่งได้เป็นผู้นำของพรรค เขาจำเป็นที่จะต้องจัดการกิจวัตรประจำวันภายในพรรค ซึ่งหากมีศิษย์ใหม่เข้าร่วมเขาก็จำเป็นที่จะต้องทำการทดสอบด้วยตนเอง ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ เย่ชีเหวิน มิต้องการที่จะเข้าไปข้องแหวะ ฉะนั้นแล้วคำถามที่จะก่อตั้งพรรคหรือไม่นั้นได้ถูกลบออกไปจากหัวของเขาในทันที
       
เมื่อเหล่าศิษย์ที่ได้เข้ามายัง[ ยอดหุบเขา เสียดนภา ]เห็นว่า เย่ชีเหวิน นั้นมิได้มีความสนใจที่จะก่อตั้งพรรค พวกเขาจึงมิได้ให้ความสนใจกับ เย่ชีเหวิน และรีบมุ่งหน้ากันไปทาง เหยียนชือหลิง นอกจากนี้ยังคงมีกลุ่มศิษย์จากภายนอกที่ได้เข้ามายังยอดหุบเขาแห่งนี้อยู่อีกถึง 200 คน ซึ่งผู้นำของพวกเขาก็คือชายหนุ่มในชุดคลุมสีเหลือง ซึ่งถูก เย่ชีเหวิน จัดการไปภายใน[ ดินแดนปีศาจมายา ] นอกจากนี้ เย่ชีเหวิน ยังได้ทราบมาอีกว่านามของเขานั้นคือ หวางยี่หลิน ศิษย์ที่โดดเด่นที่สุดของ[ นิกาย ฮวงเยว้ ] ซึ่งแต่นอนว่ามันถือเป็นนิกายขนาดใหญ่และมากไปด้วยชื่อเสียง แม้ว่ามันจะมิสามารถเทียบเท่าได้กับสำนักยี่หยวนก็ตาม หากแต่การปกครองนิกายของเขานั้นก็ยังคงอยู่ในรูปแบบของเผด็จการ
       
การใช้ชีวิตของพวกเขานั้นจะง่ายขึ้นหากพวกเขาได้เข้าร่วมพรรค และในขณะเดียวกันมันจะยากลำบากมากขึ้นหากพวกเขานั้นไร้พรรค!
       
          “ ตอนนี้พวกเราทั้ง 2 ต่างก็ได้เข้าร่วมกับ[ ยอดหุบเขา เสียดนภา ] ซึ่งในวันข้างหน้าพวกเราอาจได้เข้าไปยังภายในสำนักหลักเดียวกัน เมื่อถึงเวลานั้นข้าหวังว่าศิษย์พี่เย่จะชี้แนะข้า! ” เหยียนชือหลิง กล่าวพร้อมหันหน้าไปทาง เย่ชีเหวิน แม้ว่าเขานั้นจะมีอายุมากกว่า หากแต่โลกใบนี้นั้นตัดสินกันที่ความแข็งแกร่ง ซึ่งแน่นอนว่าความแข็งแกร่งของ เย่ชีเหวิน นั้นอยู่เหนือเขามันจึงเป็นสิ่งจำเป็นที่เขาจะต้องให้ความเคารพ
       
          “ นั่นคืออนาคตหากเราเข้าร่วมสำนักหลักเดียวกัน ข้าเองก็หวังว่าเราจะช่วยเหลือซึ่งกันและกัน! ” เย่ชีเหวิน กล่าวด้วยรอยยิ้ม เพราะเขาไม่ต้องการที่จะกล่าวแบบไม่ใยดี เพราะว่านั่นจะเป็นการสร้างศัตรูใหม่เสียป่าว
       
          “ ตอนนี้ศิษย์พี่เหยียนได้กลายเป็นผู้นำของหมู่ศิษย์ใหม่แล้วมันช่างน่าอัศจรรย์ใจยิ่งนัก เมื่อถึงเวลามันคงเป็นข้าเสียมากกว่าที่จะต้องขอความช่วยเหลือจากท่าน! ” เย่ชีเหวิน กล่าวพร้อมหัวเราะเยาะในบางมุมของ เหยียนชือหลิง เขามีความรู้สึกประทับใจต่อชายผู้นี้อยู่ไม่น้อย แม้ว่าเขาจะค่อนข้างฉลาดและซับซ้อน หากแต่เขาเป็นชายหนุ่มที่ค่อนข้างใจกว้างและตรงไปตรงมา
       
เหยียนชือหลิง ถึงกับต้องยิ้มพร้อมกล่าว “ มันดูเหมือนว่าในตอนนี้จะไม่มีอะไร แต่หลังจากนี้ในอีกไม่กี่วันนั้นอาจไม่แน่ หากศิษย์ผู้อาวุโสได้เข้ามาแทรกแซงและกระทำการบางอย่าง นั้นอาจมิใช่เรื่องที่ดีสำหรับพวกเราเสียเท่าไหร่นัก ศิษย์พี่เย่ข้าขอกล่าวตามสัจจริงเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาได้มีศิษย์ที่แท้จริงมาหาข้า ซึ่งข้าก็ได้แต่หวังว่าจะได้เข้าร่วมพรรคกับพวกเขา ”
       
          “ ศิษย์ที่แท้จริง? ” เย่ชีเหวิน กล่าวในลักษณะตกใจ
       
          “ ใช่! ” เหยียนชือหลิง พยักหน้าพร้อมด้วยรอยยิ้มที่ราวเหมือนกับของนักบุญ แน่นอนว่าโดยทั่วไปแล้วเหล่าบุคคลระดับสูงมักมิได้ใส่ใจกับพวกศิษย์ใหม่ แต่ทว่า เหยียนชือหลิง นั้นมิใช่ศิษย์ใหม่ธรรมดา แม้ว่าความแข็งแกร่งของเขาจะมิสามารถเทียบเคียงกับ เย่ชีเหวิน ได้หากแต่มันก็เพียงพอที่จะสามารถดึงดูดความสนใจของเหล่าบุคคลระดับสูงได้ไม่น้อย
       
เย่ชีเหวิน เงียบไปชั่วครู่ หากฝ่ายตรงข้ามของเขาเป็นศิษย์ที่แท้จริงที่กำลังต้องการคัดเลือกศิษย์ใหม่ในปีนี้ มันอาจมิใช่ความคิดที่ดีนักที่จะปฏิเสธพวกเขา
       
          “ ถ้าข้าคิดไม่ผิดในเร็ว ๆ นี้พวกเขาสมควรที่จะมาหาท่าน เพื่อขอให้ท่านเข้าร่วมกับพวกเขา แล้วท่านจะยินดีเข้าร่วมกับพวกเขาหรือไม่? ”
       
#########################################################

เอาละในช่วงท้ายก็มาพบกับเราเหล่าพี่น้อง 4B หัวดอที่จะมาเผานิยายเรื่องนี้ไปพร้อมกลับคุณ
       
B1 : ฮะเฮ้ยยย เอาวะ ๆ ศึกทดสอบพึ่งจบศึกภายในก็เริ่มอีกแล้ว
B2 : ได้เวลาฉะ ๆ
B3 : ขอตัวโหด ๆ หน่อยเถอะ
B4 : เดี้ยวมันก็แพ้พระเอกเราอีกอยู่ดีนั่นแหละ

#########################################################
เอาล่ะก็ขอจบสาระเร้าใจ BY: นายกระทิข้น ไว้เท่านี้ก่อนนะครับขอบคุณครับสำหรับผู้อ่านทุกท่าน

2 ความคิดเห็น:

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม