บทที่ 108 - การฝึกฝนภายในหุบเขา

เย่ชีเหวิน กำลังยืนอยู่บนกิ่งไม้ เขาได้เข้ามาภายในเขตพื้นที่ที่ค่อนข้างลึกภายในหุบเขา ยิ่งเขาเข้าไปลึกมากเท่าไหร่สัตว์ปีศาจภายในก็ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น แม้ว่าพวกมันในตอนนี้จะอยู่เพียงแค่[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อตั้ง ] แต่อย่าลืมว่านี่ยังคงอยู่เพียงแค่รอบนอกเท่านั้นยังมิได้เข้าไปยังส่วนใจกลางของหุบเขา อีกทั้งตัวที่อ่อนแอที่สุดในหมู่พวกมันยังคงอยู่ถึงใน[ ระดับขั้นที่ 7 หรือ ระดับขั้นที่ 8 ดินแดนลมปราณก่อตั้ง ] ซึ่งหากเทียบกับตัวที่มีระดับเดียวกันที่อยู่ใน[สำนักย่อยหุบเขาฉิงฟง] อาจกล่าวได้ว่าพวกมันมีทั้งจำนวนที่เยอะกว่าและแข็งแกร่งกว่ามาก

          “ วิ๊ง! ” เสียงโหยโหนเจาะหู ประกายแสงสว่างเย็นยะเยือกปรากฏขึ้นจากด้านหลังของ เย่ชีเหวิน ด้วยสัญชาตญาณอันว่องไวและเฉียบคมทำให้เขาดีดตัวหลบออกมาจากกิ่งไม้ได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งในเวลาเดียวกันเขาก็ได้มองเห็นตัวการของประกายแสงนั่น

มันคือ[ตั๊กแตนตำข้าว]ยักษ์ที่สูงราว 2 เมตร ผิวของมันเป็นสีเขียวและมีความแข็งแกร่งดั่งเกราะเหล็ก สองแขนของมันช่างคมกริบราวเหมือนกับใบมีดขนาดใหญ่ที่พร้อมฟาดฟันทุกสิ่งอย่างให้ขาดสะบั้นได้ภายในพริบตา

นอกจากนี้ปากของมันยังเต็มไปด้วยคมเคี้ยวที่แหลมคม อีกทั้งมี 2 ซีกขนาดใหญ่ยื่นออกมาจากปากของมัน ด้วยความแหลมคมระดับนี้มันสามารถบดเหล็กได้ภายในพริบตาด้วยการกัดเพียงครั้งเดียว นอกจากนี้มันยังมีอีก 2 ปีกขนาดใหญ่ที่ติดอยู่ทางด้านหนังของมันซึ่งทำให้มันสามารถบินบนฟ้าได้

ทันทีที่ เย่ชีเหวิน สามารถหลบหลีกการโจมตีของมันได้พ้น [ตั๊กแตนตำข้าว]ยักษ์ก็ได้กรีดร้องออกมาอย่างเสียงดัง ปีกขนาดใหญ่ของมันกระพือไปมาจนบังเกิดเป็นคลื่นลมแรง มันได้พุ่งกระโจนตรงเข้าใส่ เย่ชีเหวิน อย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้าฟาด ใบมีดขนาดใหญ่ของมันได้กวัดแกว่งไปมาและตัดทุดสิ่งอย่างที่ขวางหน้ามัน ทั้งการโจมตีและการเคลื่อนไหวของมันช่างคล้ายราวเหมือนกับนั่นเคล็ดวิชาการต่อสู้

เริงระบำหมัดตั๊กแตนตำข้าว!

โดยไม่ต้องสงสัย[ตั๊กแตนตำข้าว]ตัวนี้จะต้องเป็นสัตว์ปีศาจที่ทรงภูมิปัญญามากเป็นแน่ เพราะท่วงท่าที่มันแสดงออกมามันช่างคล้ายคลึงกับเริงระบำหมักตั๊กแตนตำข้าวที่ได้รับการฝึกฝนโดยมนุษย์เท่านั้น นี่จึงอาจกล่าวได้ว่า[ตั๊กแตนตำข้าว]ตัวนี้นั้นไม่ธรรมดาและมีความเป็นไปได้ว่ามันนั้นจะพิเศษกว่าตัวอื่น ๆ

[ตั๊กแตนตำข้าว]ได้รีดเร้นพลังปราณผ่าน[เส้นพลังปราณ]ที่อยู่ตามทั่วร่างกายของมัน มันก้าวขึ้นมาแล้วเป็นสัตว์ปีศาจ[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด ] อีกทั้งความแข็งแกร่งที่มากมายของมันก็ยังสามารถทำให้มันต่อกรกับผู้เชี่ยวชาญ[ ระดับขั้นที่ 2 ดินแดนลมปราณก่อเกิด ]ได้อย่างง่ายดาย

ขาที่เหมือนใบมีดของมันได้ปล่อย[ พลังปราณใบมีด ]ออกมาและสับตรงไปที่ เย่ชีเหวิน

          “ หนอยไอ้เจ้านรกนี่! ” เย่ชีเหวิน ตะโกนกล่าวพร้อมคว้าใบมีดยาวฟาดฟัน [ พลังปราณใบมีด ]ที่แสนน่ากลัวพุ่งชนเข้ากับ[ พลังปราณใบมีด ]ที่ปล่อยออกมาจากขาของ[ตั๊กแตนตำข้าว]

          “ ตึม! ” [ พลังปราณใบมีด ]ทั้ง 2 ต่างเข้าปะทะกันอย่างรุนแรงก่อให้เกิดเป็นคลื่นระเบิดขนาดใหญ่ แต่ทว่าความน่ากลัวของ[ พลังปราณใบมีด ]ของ เย่ชีเหวิน ยังคงมิหมดเพียงเท่านั้น มันได้ทะลวงผ่าน[ พลังปราณใบมีด ]ของ[ตั๊กแตนตำข้าว]และพุ่งตรงเข้าใส่ร่างของมันโดยตรง

ดวงตาของ[ตั๊กแตนตำข้าว]นั้นเบิกกว้างและเปล่งประกายไปด้วยความรู้สึกประหลาดใจ ด้วยความที่ว่ามันเป็นสัตว์ปีศาจที่ทรงภูมิปัญญาหลังจากที่มันได้ทะลุจาก[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อตั้ง ]ขึ้นมายัง[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด ] ซึ่งแน่นอนว่ามันมิใช่เรื่องง่ายที่สัตว์ปีศาจตัวไหน ๆ จะสามารถทำได้ และด้วยความรู้สึกที่ทะนงตนที่คิดว่าตนเป็นสัตว์ภูมิปัญญาจึงทำให้มันมีความคิดที่ว่า การจะจัดการมนุษย์ร่างเล็กอย่าง เย่ชีเหวิน นั้นย่อมมิใช่เรื่องยากสำหรับมัน

แต่แล้วในที่สุดมันก็ได้ตระหนักว่ามนุษย์ร่างเล็กผู้นี้ไม่ใช่สิ่งที่มันจะสามารถจัดการได้โดยง่าย อีกทั้งยังแลดูเป็นศัตรูที่จัดการได้ยากมากเกินไป ด้วยสถานการณ์ที่เป็นอยู่ในตอนนี้บังคับให้มันไม่มีทางเลือก มันไม่มีความลังเลใด ๆ อีกต่อไปที่จะกระพือปีกของมันเพื่อบินหลบหนีไปจาก[ พลังปราณใบมีด ]ที่แสนน่ากลัวนั่น

          “ คิดจะหนี? ” เย่ชีเหวิน แสยะยิ้มพร้อมกระโดดไปทาง[ตั๊กแตนตำข้าว]ราวกับลูกกระสุนปืนใหญ่ที่ถูกยิ่งออกไป

ร่างของ เย่ชีเหวิน พุ่งตรงออกไปราวกับศรธนู เพียงพริบตาเขาก็ได้ปรากฏยังด้านหน้าของ[ตั๊กแตนตำข้าว] พลังปราณที่แสนน่ากลัวได้เอ่อล้นออกมาจากร่างกายของเขา ฉับพลันร่างของเขาได้บิดตัวกลางอากาศพร้อมกวัดแกว่งใบมีดยาวไปทาง[ตั๊กแตนตำข้าว]

[ พลังปราณใบมีด ]ที่แสนน่ากลัว ได้แยกชั้นบรรยากาศออกเป็นทางในทันที
       
          “ ชึบ! ” ร่างกายที่ถูกปกคลุมไปด้วยเกราะหนาสีเขียวของ[ตั๊กแตนตำข้าว]ได้แตกออก ร่างกายของมันได้ถูกแบ่งครึ่งด้วยพลังอำนาจใบมีดที่แสนน่ากลัว

          “ ตึม! ” ร่างกายขนาดใหญ่ของ[ตั๊กแตนตำข้าว]ที่ถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วนได้ล่วงหล่นลงสู่พื้น ในขณะที่ เย่ชีเหวิน เองก็ลงจอดอย่างสง่างาม เขาได้เดินไปที่ร่างอันไร้วิญญาณของ[ตั๊กแตนตำข้าว]และเก็บมันใส่เข้าไปภายในแหวนพื้นที่ของเขา อาจต้องกล่าวก่อนว่าแม้มันจะตายไปแล้วแต่ร่างของสัตว์ปีศาจ[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด ]นั้นถือได้ว่ามีคุณค่าเป็นอย่างมาก จนบางตัวก็ถึงขั้นกล่าวได้ว่าเป็นสมบัติอันล้ำค่าที่หาได้ยากยิ่ง ด้วยเปลือกของมันที่แข็งแกร่งจนแปรสภาพกลายเป็นเกราะเหล็กหนาทึบ อีกทั้งยังมีขาที่คมกริบราวกับเป็นใบมีดคุณภาพสูง แม้ว่าของเหล่านี้จะมิได้มีความสำคัญอันใดสำหรับ เย่ชีเหวิน หากแต่สำหรับผู้ฝึกยุทธคนอื่นแล้วนั้นมันต่างกัน ด้วยคุณสมบัติของมันแน่นอนว่าต้องเป็นที่ดึงดูดความสนใจต่อผู้เชี่ยวชาญคนอื่นอยู่ไม่น้อย อีกทั้งหากนำมันไปขายเขาอาจแลกเปลี่ยนเป็นศิลาวิญญาณได้จำนวนหนึ่ง

แม้ว่าร่างของ[ตั๊กแตนตำข้าว]เพียงตัวเดียวจะแลกเปลี่ยนเป็นสิลาวิญญาณที่มิได้มากมายอะไรนักสำหรับ เย่ชีเหวิน แต่ถ้าหากเขาเก็บในจำนวนที่เยอะขึ้นมันก็อีกเรื่องหนึ่ง

เย่ชีเหวิน ไม่ได้คิดที่จะอยู่ที่นั่นนานนัก หลังจากที่เขาได้ยินเสียงกระพือปีกดังขึ้นมาจากท้องฟ้า ซึ่งเจ้าของเสียงกระพือปีกพวกนั้นก็มิใช่ใครอื่นนอกพวกฝูงแร้งที่ได้กลิ่นคราวเลือดมาจากซากศพของ[ตั๊กแตนตำข้าว]ที่ยังคงติดค้างอยู่บนพื้น

ซึ่งส่วนใหญ่ฝูงแร้งเหล่านี้จะอยู่ใน[ ระดับขั้นที่ 9 ดินแดนลมปราณก่อตั้ง ]และมีความสูงราวประมาณ 2 เมตร ปีกของมันมีความกว้างถึง 5 เมตร พวกมันสามารถบดบังดวงอาทิตได้ด้วยปีกขนาดใหญ่ของพวกมัน

และในหมู่ฝูงแร้งจำนวนมากมันก็ได้มีแร้งตัวหนึ่งที่โดดเด่นมากกว่าตัวใด ๆ สายตาของมันที่สาดส่องออกมานั้นช่างดูน่าหวาดกลัว อีกทั้งร่างกายของมันยังถูกปกคลุมไปด้วยขนสีเหลืองทอง ซึ่งมันจะเป็นใครอื่นไปไม่ได้นอกจาก[ราชันซากศพแร้งทองคำ]

แม้ว่าฝูงแร้งเล็ก ๆ เหล่านี้จะอาศัยอยู่ได้ด้วยกินซากศพ และมิใช่สัตว์ปีศาจที่แข็งแกร่งที่สุดในหุบเขานี้ แต่อย่าลืมว่าที่นี่ก็คือถิ่นฐานของพวกมัน

ทันทีที่พวกมันมิเจอซากศพของ[ตั๊กแตนตำข้าว] มันก็ได้โฉบเข้าใส่ เย่ชีเหวิน ในทันที แร้งจำนวนมากต่างโฉบลงมาด้วยความเร็วสูงพร้อมชักกรงเล็บที่คมกริบของพวกมันเข้าใส่ เย่ชีเหวิน อย่างรุนแรงราวเหมือนกับว่าพวกมันต้องการที่จะฉีกเขาออกเป็นชิ้น ๆ

ซึ่งหากเขาเป็นคนธรรมดาแล้วละก็ ร่างกายของเขามั่นเหมาะที่จะต้องถูกฉีกออกเป็นชิ้น ๆ ไปแล้วอย่างแน่นอน

          “ หนอยไอ้เจ้าสัตว์พวกนี้! ” เย่ชีเหวิน ตะโกนกล่าวพร้อมกวัดแกว่งใบมีดยาวออกไป เงา 9 ใบมีดได้ปรากฏขึ้นพร้อมพุ่งตรงไปที่ฝูงแร้งภายในชั่วพริบตาฝูงแร้งนับ 10 ตัวถูกตัดแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ด้วยพลังอำนาจใบมีดที่แสนน่ากลัว

เย่ชีเหวิน ยังคงฟาดฟันใบมีดยาวและปลดปล่อยใบมีดประกายแสงออกไปอย่างต่อเนื่อง ด้วยพลังอำนาจที่เหลือล้นไม่มี[แร้งซากศพ]ตนไหนสามารถต้านทานพลังอำนาจใบมีดของ เย่ชีเหวิน ได้เลยแม้แต่ใบมีดเดียว กระทั้งผู้นำของพวกมันที่อยู่ใน[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด ]อย่าง[ราชันซากศพแร้งทองคำ]ก็ยังมิใช่คู่ต่อสู้ของ เย่ชีเหวิน เพียงแค่พลังอำนาจไม่กี่ใบมีดของเขาก็สามารถสังหารฝูงแร้งและตัดพวกมันออกเป็นชิ้น ๆ ได้อย่างง่ายดาย

แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นพวกมันก็ยังคงมิยอมแพ้และเข้าห้อมล้อม เย่ชีเหวิน ด้วยจำนวนที่มากมายของพวกมันจึงทำให้พวกมันเป็นดั่งราวกับก้อนเมฆสีดำขนาดใหญ่ปกคลุ่มไปทั่วท้องฟ้า อีกทั้งมันยังเต็มไปด้วยเสียงกรีดร้องของพวกมัน หากบุคคลธรรมดาได้ยินเสียงกรีดร้องของพวกมัน แน่นอนว่าพวกเขาเหล่านั้นจะต้องรู้หนาวไปจนถึงกระดูกสันหลังเป็นแน่

ท่าทีของ เย่ชีเหวิน ได้เปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน เขาได้กวัดแกว่งใบมีดจนเกิดเป็นใบมีดประกายแสงห้อมล้อมร่างกายของเอาไว้ในลักษณะวงกลม และในขณะนั้นเอง[ พลังปราณใบมีด ]ที่แสนน่ากลัวนั่นมันก็ได้พุ่งเข้าใส่ร่างของ[แร้งซากศพ] ด้วยพลังอำนาจของ[ พลังปราณใบมีด ]ที่ไร้ช่องโหว่ จึงทำให้พวกมันไม่มีเส้นทางที่จะหลบหนี ร่างของพวกมันได้ถูกตัดออกเป็นชิ้น ๆ ด้วยพลังอำนาจใบมีดที่แสนน่ากลัว

[ พลังปราณใบมีด ]ที่แสนน่ากลัวของ เย่ชีเหวิน ได้สับร่างของพวกมันออกเป็นชิ้น ๆ ซึ่งแน่นอนว่าพวกมันไม่มีความแข็งแกร่งพอที่จะหลบหนี และต้องตกตายกันไปอย่างน่าสมเพศด้วยเสียงกรีดร้องอันน่าเวทนา

หลังจากที่ใบมีดของ เย่ชีเหวิน ได้ฆ่าฝูง[แร้งซากศพ]ไปนับ 100 และเหลือเพียงไว้แค่[ราชันซากศพแร้งทองคำ] ซึ่งในทันทีที่มันได้เห็น เย่ชีเหวิน ได้ฆ่าพวกพ้องของมัน[ราชันซากศพแร้งทองคำ]ก็โกรธเกรี้ยวเป็นอย่างมาก มันได้โฉบเข้าใส่ เย่ชีเหวิน ด้วยความเร็วสูงราวกับศรธนูที่พุ่งตรงไปยังร่างของเขา

แต่ทว่าในขณะนั้นเองใบมีดของ เย่ชีเหวิน ก็ได้สับออกกลายเป็นใบมีดประกายแสง

          “ เพล้ง! ” พลังอำนาจอันรุนแรงของใบมีดประกายแสงชนเข้ากับร่างของ[ราชันซากศพแร้งทองคำ]ก่อให้เกิดเป็นเสียงการแทะกันของโลหะ ซึ่งร่างกายของ[ราชันซากศพแร้งทองคำ]นั้นมีความแข็งเป็นพิเศษราวเหมือนกับว่าผิวหนังของมันนั้นทำมาจากเหล็กชั้นยอดดีดีนี่เอง จึงทำให้มันไม่ถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วนเหมือนกับ[แร้งซากศพ]ตัวอื่น ๆ

แต่อย่างไรก็ตามแม้ว่าการโจมตีใบมีดของ เย่ชีเหวิน จะยังมิสามารถสังหารมันได้ภายใน 1 ใบมีด หากแต่ด้วยพลังอำนาจอันรุนแรงส่งผลให้[ราชันซากศพแร้งทองคำ]นั้นรู้สึกวิงเวียน ร่างกายของมันนั้นถูกตีอย่างรุนแรงส่งผลให้ร่างของมันกระเด็นไปชนเข้ากับต้นไม้ขนาดใหญ่ ในขณะเดียวกันดวงตาของ เย่ชีเหวิน ก็เปล่งประกายขึ้นมาอย่างฉับพลัน เขาได้กระโดดสูงขึ้นไปยังทิศทางของ[ราชันซากศพแร้งทองคำ]และฟาดฟันใบมีดยาวของเขาออกไป

          “ ชึบ! ” แม้ว่าร่างกายของ[ราชันซากศพแร้งทองคำ]จะแข็งแกร่งดุจเหล็กกล้าและเป็นเรื่องยากที่อาวุธชนิดไหนจะสามารถตัดผ่านร่างกายของมันไปได้ หากแต่ด้วยความแข็งแกร่งที่ต่างกันมากเกินไป ใบมีดของ เย่ชีเหวิน จึงได้ตัดผ่านหัวของ[ราชันซากศพแร้งทองคำ]หลุดออกจากร่างของมัน

เย่ชีเหวิน ถอดถอนหายใจ ด้วยจำนวนซากศพที่มากเกินไปของ[แร้งซากศพ] เขาจึงได้ตัดสินใจเอามาเพียงแค่[ดวงจิตอสูร]ของพวกมันเท่านั้น

          “ ด้วยระดับเพียงแค่นี้คงไม่มีวันที่จะก้าวหน้าไปไหนได้แน่ต้องพยายามมากกว่านี้ ” เย่ชีเหวิน กล่าวพร้อมตัดสินใจเดินเข้าไปยังส่วนลึกภายในของหุบเขา

#########################################################

เอาละในช่วงท้ายก็มาพบกับเราเหล่าพี่น้อง 4B หัวดอที่จะมาเผานิยายเรื่องนี้ไปพร้อมกลับคุณ

B3 : ยัง ยัง ยังไม่จบอีก
B2 : เจอแต่พวกกาก ๆ แบบนี้ฝึกกี่อีก 10 ปีก็คงไม่เก่ง
B1 : เอาน่า B2 อันนี้เขาเรียกวอมอัพของจริงมันต้องหลังจากนี้
B4 : ของแบบเอาจริง ๆ เลยไม่ต้องวอมได้ไหม ขก.แปล แอดกระทิไม่ได้กล่าวไว้
B3 : มีการพาดพิง
B1,B2 : เดี้ยวก็โดนสั่งเก็บหลอก
B4 : *0*……

#########################################################
เอาล่ะก็ขอจบสาระเร้าใจ BY: นายกระทิข้น ไว้เท่านี้ก่อนนะครับขอบคุณครับสำหรับผู้อ่านทุกท่าน

3 ความคิดเห็น:

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม