บทที่ 109 - วานรหิมะ

เพียงพริบตาวันเวลาก็ได้ผ่านล่วงเลยไปแล้วกว่า 3 วัน เย่ชีเหวิน ได้เดินลึกเข้าไปยังภายในส่วนลึกของหุบเขา ซึ่งเขาต้องพบเจอกับสัตว์ปีศาจแข็งแกร่งมากมายที่เขาไม่รู้จัก อีกทั้งบางพวกยังนิยมโจมตีแบบกลุ่ม นอกจากนี้เขายังต้องพบเจอกับเหล่าสัตว์ปีศาจมากมายที่มีความแข็งแกร่งเทียบเท่าได้กับผู้เชี่ยวชาญ[ ระดับจุดสูงสุดขั้นที่ 3 ดินแดนลมปราณก่อเกิด ]
         
ซึ่งในช่วง 3 วันที่ผ่านมา เย่ชีเหวิน มิได้ผ่อนคลายตัวเองลงเลยแม้แต่น้อย ยิ่งเขาต้องการที่จะแข็งแกร่งมากเท่าใด เขาก็ยิ่งต้องบังคับตัวเองให้ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากและอันตรายมากเท่านั้น
         
แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็มิได้รีบร้อนอะไร เพราะเนื่องจากเขายังมิได้รับข้อความใด ๆ จาก เหยียนชือหลิง เขาและ เหยียนชือหลิง ได้ทำข้อตกลงกันไว้ว่าหากมีสิ่งใดเกิดขึ้น เหยียนชือหลิง สามารถใช้ยันสื่อสารเรียกเขาได้ในทันที และเขาจะรีบเรียก[ นกกระเรียนหัวแดง ]บินกลับไปด้วยความเร็วสูงสุด
         
ฉะนั้นแล้ว เย่ชีเหวิน ในตอนนี้จึงไม่จำเป็นที่จะต้องรู้สึกกังวลต่อสิ่งใด เขาสามารถฝึกฝนภายในหุบเขาได้อย่างเต็มที่โดยไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลังว่าจะมีสิ่งใดเกิดขึ้นกับพวกพ้องของเขา
         
ซึ่งเขาเองก็มีวิธีที่จะจัดการกับความกังวลที่อาจเกิดขึ้น ในช่วงระยะเวลา 3 วันที่ผ่านมาเขาไม่กล้าแม้แต่จะหยุดพัก เพราะนั่นอาจทำให้เขาต้องสูญเสียแรงจูงใจในการฝึกฝน และบางทีหากเลวร้ายที่สุดมันอาจทำให้เขาต้องสูญเสียชีวิตของตน อย่าลืมว่าภายในหุบเขานี้ยังมีสัตว์ปีศาจอันตรายมากมายที่เขาไม่รู้จัก ทางเลือกที่ดีที่สุดก็ควรที่จะหลีกเลี่ยงมันเอาไว้ แม้แต่สภาพแวดล้อมภายใน[ ดินแดนปีศาจมายา ]ก็ยังไม่อาจนำมาเปรียบได้ เมื่อเทียบการที่เขาต้องอยู่เพียงคนเดียวภายใน[ หุบเขาฉิงฟง ]แล้ว สัตว์ปีศาจที่นี่ยังคงมีจำนวนมากกว่าแข็งแกร่งกว่าและอันตรายกว่า ซึ่งหากเขาประมาทแม้เพียงนิดมันอาจทำให้เขาถึงแก่ความตายได้
         
หลายครั้งที่ เย่ชีเหวิน ต้องพบเจอกับภยันตรายมากมาย แม้ว่าเขาจะเดินลึกเข้าไปยังภายในหุบเขาเป็นเวลากว่า 3 วัน หากแต่สัตว์ปีศาจที่เขาได้เผชิญหน้าอย่างต่อเนื่องกับมีความแข็งแกร่งที่มิได้ต่างกันมากนัก อีกทั้งพวกมันยังมิได้มีความแข็งแกร่งที่อยู่ในระดับสูงเท่าที่ควร แม้ว่าการที่เขาได้เดินเข้ามายังภายในหุบเขาซึ่งมันก็มั่นเหมาะที่จะกล่าวว่าลึกมากแล้ว หากแต่ในความเป็นจริงพื้นที่แถบนี้ที่เขายืนอยู่นั้นมันก็ยังคงเป็นเพียงแค่เขตพื้นที่รอบนอกสุดของหุบเขานี้เท่านั้น
         
แต่อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเขาจะอยู่ภายในเขตพื้นที่รอบนอกของหุบเขา แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังคงเต็มไปด้วยสัตว์ปีศาจ[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อเกิด ]จำนวนมาก นับแต่ที่เขาได้เริ่มเดินทางเข้ามายังภายในหุบเขานี้เป็นระยะเวลา 3 วัน เขาแทบมิได้เจอสัตว์ปีศาจ[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อตั้ง ]เลยแม้แต่ตัวเดียว นี่จึงเป็นข้อพิสูจน์ได้เป็นอย่างดีว่าภายในหุบเขาแห่งนี้ไม่ใช่สิ่งที่สัตว์ปีศาจ[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณก่อตั้ง ]จะสามารถอยู่รอดได้
         
เย่ชีเหวิน มีความมั่นใจว่าหากเขาเดินลึกเข้าไปภายในหุบเขามากกว่านี้ เขาจะต้องได้พบเจอสัตว์ปีศาจ[ ระดับขั้นที่ 5 ดินแดนลมปราณก่อเกิด ]หรืออาจสูงมากกว่านั้น หรือแม้กระทั่งบางทีเขาอาจได้พบเข้ากับสัตว์ปีศาจ[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณแท้จริง ] ซึ่งแน่นอนว่าภายในใจกลางของหุบเขามันจะต้องมีสัตว์ปีศาจ[ ระดับขั้นดินแดนลมปราณแท้จริง ]หลบซ่อนอยู่ ซึ่งมันสมควรที่จะจำศีลเพื่อทำการบ่มเพาะพลังตัวมันเอง
         
แต่อย่างไรก็ตาม นี่ก็เป็นเพียงแค่การคาดเดาเท่านั้น ซึ่งเขามิได้มีหลักฐานใด ๆ ที่จะยืนยันว่าพวกปีศาจระดับสูงเหล่านั้นจะอยู่ภายในหุบเขานี้จริงหรือไม่
         
กว่า 3 วันที่ เย่ชีเหวิน ต้องเผชิญหน้ากับความเป็นความตายและหลากหลายสถานการณ์ ซึ่งเขายังคงพยายามที่จะพัฒนาต้นเองให้ก้าวไปสู่ยังระดับขั้นต่อไปอยู่ต่อเนื่อง ซึ่งโดยรวมแล้วมันก็ส่งผลดีต่อเขาอยู่ไม่น้อย ในขณะนี้[ พลังปราณก่อเกิด ]ภายในร่างของเขาได้มาถึงจุดสูงสุดแล้วของ 60% ซึ่งเขารู้สึกราวเหมือนกับว่าตนเองนั้นเป็นอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และมีน้ำที่อัดแน่นเอียดอยู่ภายในที่พร้อมจะเอ่อล้นได้ตลอดเวลา
         
แน่นอนว่าเขารู้สึกคุ้นเคยกับความรู้สึกเช่นนี้ ซึ่งมันเป็นสัญญาณบอกเหตุถึงความก้าวหน้าที่อาจเกิดขึ้นในเร็ว ๆ นี้
         
เย่ชีเหวิน กระโดดจากขอนไม้หนึ่งไปยังอีกขอนไม้หนึ่ง แต่ในขณะนั้นเองดินลมฟ้าอากาศก็ได้เกิดการแปรปรวนขึ้นอย่างฉับพลันโดยมิได้มีรางบอกเหตุใด ๆ
         
เย่ชีเหวิน ได้รีดเร้นพลังลมปราณขึ้นอย่างฉับพลัน ด้วยสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป เหล่าสัตว์ปีศาจน้อยใหญ่ต่างกรีดร้องก้องกังวานดังไปถึงสวรรค์ โลกที่เปลี่ยนแปลงไปราวเหมือนกับเป็นคนละโลกด้วยสภาพอากาศ คงไม่ต้องกล่าวถึงเหล่าสัตว์ปีศาจจำนวนมากที่ต้องทำการหลบ ๆ ซ่อน ๆ
         
แต่โชคดีที่ขอบเขตพื้นที่มันยังคงมีจำกัด เพราะการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน มันเป็นด้วยเนื่องมาจากพลังอำนาจของสัตว์ปีศาจตนหนึ่ง ซึ่งแน่นอนว่าหากเป็นสัตว์ปีศาจธรรมดามันย่อมมิมีความสามารถถึงเพียงนี้
         
ฟากฟ้าที่ต่างเต็มไปด้วยฝูงลูกเห็บขนาดใหญ่ ต่างพุ่งชนเข้าใส่ต้นไม้ที่ตั้งสูงตระหง่านจนโค่นล้มบ้างก็แหลกออกเป็นเสี่ยง ๆ ลูกเห็บจำนวนมากเหล่านี้ต่างตกทั้งกลางวันและกลางคืน ฉะนั้นแล้วหากไม่ถูกห่อหุ้มด้วยพลังปราณหรือสมบัติล้ำค่าบางชนิดก็คงไม่ต้องกล่าวถึง ด้วยฝูงลูกเห็บจำนวนมากที่มีขนาดเท่ากำปั้นจึงทำให้บรรยากาศดูน่ากลัวไม่น้อย
         
แต่ทว่ามันกับมีบางสิ่งที่ไม่ได้เป็นไปตามที่ เย่ชีเหวิน ได้คาดคิดเอาไว้ เพราะเนื่องจากมันมิได้มีเพียงแค่สภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไปเท่านั้น แต่ทว่ามันยังคงมีสัตว์ปีศาจที่เป็นต้นเหตุของการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศครั้งนี้อยู่ด้วย
         
ซึ่งมันคือ[วานรหิมะ] สัตว์ปีศาจร่างยักษ์ที่มีความสูงนับ 3 เมตร ร่างกายของมันถูกปกคลุมไปด้วยขนสีขาวที่ราวเหมือนกับหิมะ อีกทั้งใบหน้าของมันก็ยังแฝงไปด้วยความก้าวร้าว
         
เย่ชีเหวิน สามารถตระหนักได้ในทันทีถึงปรากฏการณ์พายุลูกเห็บที่เกิดขึ้น เพราะเนื่องมันมาจากการพัฒนาการไปยัง[ ระดับขั้นที่ 4 ดินแดนลมปราณก่อเกิด ]ของ[วานรหิมะ] แต่ทว่าลมหายใจของมันยังไม่มั่นคง อีกทั้งมันยังได้สูญเสียการควบคุม จึงก่อให้เกิดปรากฏการณ์ธรรมชาติและสภาพแวดล้อมเช่นนี้ขึ้น
         
          “ คำราม! ” กำปั้นขนาดใหญ่ดุจค้อนของ[วานรหิมะ]ได้ทุบลงที่หน้าอกของมันอย่างต่อเนื่อง เสียงคำรามดังกึกก้องไปทั่วชั้นฟ้า แม้แต่ชั้นบรรยากาศโดยรอบก็ยังเกิดการเปลี่ยนแปลง บังเกิดกลายเป็นพายุขนาดใหญ่แพร่กระจายไปทั่วทุกทิศทาง
         
เพียง 1 หมัดของ[วานรหิมะ] ก็สามารถระเบิดชั้นบรรยากาศจนก่อให้เกิดเป็นคลื่นพายุหิมะขนาดใหญ่ได้โดยง่าย ราวเหมือนกับว่า[วานรหิมะ]ได้รับการฝึกฝนเคล็ดวิชาแระเภทกำปั้น ซึ่งถึงแม้ว่าเคล็ดวิชาของมันจะสามารถเดาทางได้ง่าย หากแต่มันก็มีประสิทธิภาพล้นเหลือ
         
ดวงตาของ[วานรหิมะ]ได้จับจ้องไปที่ เย่ชีเหวิน เจตนาฆ่าได้ฉายอยู่ภายในดวงตาของมัน ทันทีที่มันเห็นว่า เย่ชีเหวิน ได้รุกล้ำเข้ามาภายในเขตพื้นที่ของมัน ซึ่งตัวของ เย่ชีเหวิน ก็พลันรู้สึกได้ถึงรูปลักษณ์ใบหน้าที่เปลี่ยนแปลงไปของ[วานรหิมะ] ที่ราวเหมือนกับว่ามันกำลังตื่นเต้นต่อบางสิ่ง
         
เย่ชีเหวิน รู้สึกประหลาดใจไปชั่วครู่ แม้ว่าเขาจะเคยเห็นสัตว์ปีศาจที่ครอบครองสติปัญญา หากแต่เขายังไม่เคยเห็นสัตว์ปีศาจตนไหนสามารถแสดงสีหน้าท่าทางที่คล้ายดั่งมนุษย์เช่นมันมาก่อน ด้วยสติปัญญาอันสูงส่งจึงไม่ต้องกล่าวถึงเลยว่ามันมีพฤติกรรมที่คล้ายกับมนุษย์มาก
         
เย่ชีเหวิน รู้สึกได้อย่างเช่นเจนและเข้าใจเป็นอย่างดีต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น มันมีความเป็นไปได้ที่ว่า[วานรหิมะ]ตัวนี้พึ่งจะก้าวข้ามไปยัง[ ระดับขั้นที่ 4 ดินแดนลมปราณก่อเกิด ]และมันก็กำลังมองหาคู่ต่อสู้ที่จะเป็นคู่มือให้กับมัน ซึ่งนั่นก็คือเขา
         
เย่ชีเหวิน ได้พยายามที่จะคิดหาวิธีการที่จะจัดการกับเจ้า[วานรหิมะ] หากแต่ในขณะนั้นเองหมักขนาดใหญ่ของมันก็ได้พุ่งตรงมาทาง เย่ชีเหวิน อย่างฉับพลัน หมัดของมันถูกห่อหุ้มไปด้วยชั้นน้ำแข็งหนาขนาดใหญ่ที่ถูกสร้างขึ้นมาโดยพลังปราณของมัน
         
เย่ชีเหวิน ไม่กล้าที่จะประมาทการโจมตีของัน หลังจากที่มันได้ก้าวไปยัง[ ระดับขั้นที่ 4 ดินแดนลมปราณก่อเกิด ]ย่อมต้องเป็นเรื่องที่แน่ชัดอยู่แล้วว่าพลังหมัดของมันนั้นจะต้องไม่ธรรมดา เย่ชีเหวิน จึงได้รีบชักใบมีดยาวออกมาและฟาดฟันมันออกไป
         
          “ ตึม! ” เย่ชีเหวิน เปิดตัวด้วยการโจมตีใบมีดฟาดฟันต่อคลื่นพายุหิมะที่กำลังพุ่งเขามา สองขั้วพลังต่างเข้าปะทะกันจนก่อให้เกิดเป็นคลื่นระเบิดขนาดใหญ่ ส่งผลให้ร่างกายของ เย่ชีเหวิน ปลิวกระเด็นขึ้นไปบนอากาศ ร่างของเขาทั้งร่างถูกแช่แข็งในทันทีด้วยสภาพอากาศที่หนาวจัด
         
เย่ชีเหวิน ได้เรียกคืนสติอย่างรวดเร็วและรีดเร้นพลังปราณภายในร่าง ซึ่งในขณะเดียวกันนั้นเองเขาก็ได้สังเกตเห็นใบหน้าของ[วานรหิมะ]ที่มีลักษณะราวเหมือนกับว่ามันยิ่งรู้สึกตื่นเต้นมากขึ้น อีกทั้งมันยังได้วิ่งมาทาง เย่ชีเหวิน ด้วยลักษณ์ที่เร่งรีบพร้อมกับเท้าขนาดใหญ่ของมันที่ได้ฝากรอยหลุมลึกเอาไว้ที่พื้น
         
การเคลื่อนไหวของ[วานรหิมะ]นั้นรวดเร็วมาก ราวเหมือนเส้นแสงสีขาวที่พุ่งตรงเข้ามายังด้านหน้าของ เย่ชีเหวิน ในสายตาของ เย่ชีเหวิน มันราวเหมือนกับได้มีก้อนหิมะขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นยังด้านหน้าของเขา โดยที่เขาไม่มีเวลาพอที่จะได้ตั้งตัวกำปั้นสีขาวขนาดใหญ่ก็เจาะชั้นบรรยากาศตรงดิ่งเข้ามายังร่างกายของเขา ส่งผลให้อุณหภูมิโดยรอบเย็นตัวลงอย่างฉับพลัน
         
กำปั้นน้ำแข็งขนาดใหญ่ของ[วานรหิมะ]ไม่มีท่าทีว่าจะลดความเร็วลงเลยแม้แต่น้อย ในขณะที่ เย่ชีเหวิน เองก็ยังไม่มีโอกาสมากที่จะทำให้เขาสามารถฟื้นตัวได้อย่างเต็มที่
         
กลิ่นอายอันน่าหวั่นเกรงของ[วานรหิมะ]ได้ล็อคแน่นไปที่ร่างกายของ เย่ชีเหวิน อีกทั้งยังบวกกับสภาพอากาศที่หนาวเย็นจึงเป็นเรื่องมากที่จะหายใจได้อย่างสะดวก เย่ชีเหวิน จึงได้ตะโดนพร้อมยิ่งฝ่ามือออกไปอย่างฉับพลัน [ มังกรแผลงกาย ]
         
          “ เสียงคำราม! ” ไม่นานนักมังกรขนาดใหญ่ก็ได้พวยพุ่งออกมาจากฝ่ามือของ เย่ชีเหวิน มันได้ทะยานพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าก่อนที่มันจะดิ่งลงมาแล้วเข้าพุ่งชนกับ[วานรหิมะ]
         
          “ ตึม! ” ด้วยร่างมังกรขนาดใหญ่และกลิ่นอายที่น่าเกรงขาม[วานรหิมะ]จึงได้ป้องแขนของมันขึ้นเพื่อป้องกันการโจมตี
         
          “ แกรก ” แขนของ[วานรหิมะ]ได้หักลงในทันที เมื่อมันได้สัมผัสกับพลังอำนาจอันมหาศาลของเคล็ดวิชา[ ฝ่ามือมังกรขด ]
         
#########################################################

เอาละในช่วงท้ายก็มาพบกับเราเหล่าพี่น้อง 4B หัวดอที่จะมาเผานิยายเรื่องนี้ไปพร้อมกลับคุณ

B1 : นี่แค่ซอฟ ๆ นะรับรองตอนหน้าของจริง
B2 : งานนี้มีพัฒนาแน่นอนครับผม
B3 : แดกแม้งเลยไอ้ลิงขาว
B4 : ตายแน่นอน

#########################################################
เอาล่ะก็ขอจบสาระเร้าใจ BY: นายกระทิข้น ไว้เท่านี้ก่อนนะครับขอบคุณครับสำหรับผู้อ่านทุกท่าน

8 ความคิดเห็น:

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม