บทที่ 111 - จิงเยี้ยนหนาน

ดวงตาของ[วานรหิมะ]เบิกกว้าง สีหน้าของมันบ่งบอกถึงอาการตกใจ ทันทีที่มันจับจ้องไปที่ เย่ชีเหวิน ความหวาดกลัวก็ได้ปรากฏขึ้นภายในดวงตาของมัน การพัฒนาอย่างฉับพลันของมนุษย์ที่ทำให้ความแข็งแรงพุ่งพรวดขึ้นมาเทียบเท่าได้กับ[ ระดับจุดสูงสุดขั้นที่ 4 ดินแดนลมปราณก่อเกิด ] วิธีการใดกันที่มนุษย์ถึงสามารถกระทำการเช่นนี้ได้
       
การต่อสู้ในครั้งนี้นับว่าคุ้มค่าสำหรับ เย่ชีเหวิน ที่มันสามารถทำให้เขาพัฒนาไปยังระดับขั้นต่อไปได้!
       
แต่อย่างไรก็ตาม[วานรหิมะ]ยังคงไม่เต็มใจที่จะยอมแพ้ มันเป็นสัตว์ที่ฉลาดมันรู้ดีว่าความแข็งแกร่งของ เย่ชีเหวิน ในตอนี้ยังอยู่ในรูปแบบที่ไม่เสถียรดีนัก และมันต้องการที่จะใช้ประโยชน์ในจุดนี้ในการฆ่าเขา
       
เล่ห์เหลี่ยมได้ปรากฏฉายอยู่ภายในดวงตาอันแดงกล่ำดุจโลหิตของ[วานรหิมะ] หากแต่ เย่ชีเหวิน ในตอนนี้เขาไม่ต้องการที่จะสูญเสียเวลาใด ๆ ไปโดยเปล่าประโยชน์ พร้อมฟาดฟันใบมีดยาวที่อยู่ในมือออกไปในทันที [ พลังปราณใบมีด ]ได้ตัดผ่านท้องฟ้าออกไปเป็นแนวยาว
       
หลังจากที่ความแข็งแกร่งของ เย่ชีเหวิน ได้เพิ่มมากขึ้นนับหลายเท่าตัว เคล็ดวิชาใบมีดของเขาก็มีความน่ากลัวเพิ่มมากขึ้นอย่างหาที่เปรียบมิได้ แม้แต่[วานรหิมะ]ที่ได้เห็นเช่นนั้นก็ยังได้ใช้ทุกสิ่งอย่างที่มันมีออกมาในการเผชิญหน้ากับการโจมตีในครั้งนี้
       
เสียงคำรามของ[วานรหิมะ]ดังกึกก้อง หิมะและน้ำแข็งที่หมุนวนอยู่ภายในชั้นบรรยากาศ ต่างหลอมรวมเข้าด้วยกันจนกลายเป็นกำแพงน้ำแข็งขนาดใหญ่ เพื่อป้องกันการโจมตี[ พลังปราณใบมีด ]ของ เย่ชีเหวิน
       
แต่ทว่าทุกสิ่งอย่างมันมิได้เป็นไปตามที่[วานรหิมะ]นั้นคาดคิด หลังจากที่กำแพงน้ำแข็งขนาดใหญ่ของมันมิอาจต้านทานพลังอำนาจใบมีดของ เย่ชีเหวิน ได้ กำแพงน้ำแข็งขนาดใหญ่ถูกตัดแบ่งครึ่งอย่างง่ายดายราวเหมือนกับว่ามันเป็นเพียงแค่แผ่นกระดาษชั้นบาง ๆ เมื่ออยู่ต่อหน้า[ พลังปราณใบมีด ]ที่แสนน่ากลัวของ เย่ชีเหวิน
       
          “ ชึบ! ” ใบมีดประกายแสงแพรวพราวได้ตัดผ่านเข้าร่างอันแข็งแกร่งดุจเหล็กกล้าของ[วานรหิมะ]และแบ่งมันออกเป็น 2 ส่วน โลหิตมากมายต่างสาดกระเซ็นไปทั่วพื้นทั้งเนื้อและโลหิตต่างกระจัดกระจายออกไปทั่วทุกทิศทาง มันได้ตายลงในทันทีด้วยดวงตาที่ยังคงอยู่ในลักษณะที่ประหลาดใจและไม่รู้ตัวว่ามันตายได้ยังไง
       
มันเป็นเพียงแค่สัตว์ปีศาจ[ ระดับแรกขั้นที่ 4 ดินแดนลมปราณก่อเกิด ]ที่ยังไม่เคยอาละวาดที่ไหนด้วยความแข็งแกร่งที่เพิ่มได้รับมาของมัน ซึ่งมันผิดเองที่ในครั้งนี้ที่มันได้เลือกคู่ต่อสู้ผิดคนและถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วนด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว!
       
เย่ชีเหวิน รู้สึกผ่อนคลายพร้อมถอดถอนหายใจด้วยความคิดที่ว่า[วานรหิมะ]ตัวนี้นั้นมีความแข็งแกร่งอย่างแท้จริง หากเขามิได้อยู่ใน[ ระดับจุดสูงสุดขั้นที่ 2 ดินแดนลมปราณก่อเกิด ] การจะจัดการมันก็คงกลายเป็นเรื่องยากสำหรับเขา
       
แต่หลังจากนั้นภายในดวงตาของเขาก็ได้ฉายแววออกมาถึงความสุข หลังจากที่เขาได้ก้าวมาถึงยังจุดสูงสุดของ[ ระดับขั้นที่ 2 ดินแดนลมปราณก่อเกิด ]และไม่ใช่แค่ว่าความก้าวหน้าที่ทำให้[ พลังปราณก่อเกิด ]ภายในร่างของเขาพุ่งพรวดขึ้นมาเป็น 80% ที่เทียบเท่าได้กับความแข็งแรงของผู้เชี่ยวชาญ[ ระดับจุดสูงสุดขั้นที่ 4 ดินแดนลมปราณก่อเกิด ]เท่านั้น หากแต่ในการพัฒนาครั้งต่อไป[ พลังปราณก่อเกิด ]ภายในร่างของเขาจะถูกเปลี่ยนเป็น 100% กลายเป็น[ พลังปราณก่อเกิด ]สมบูรณ์
       
แต่ในขณะนั้นเองก็ได้มีเส้นแสงสาดส่องทอดยาวลงมาจากฟากฟ้าซึ่ง เย่ชีเหวิน ก็ได้ใช้ฝ่ามือของเขายื่นออกไปรับเอาไว้ มันเป็นข้อความจาก เหยียนชือหลิง ที่เขาได้รับ[ยันต์ส่งสาร]จาก เย่ชีเหวิน ว่าหากมีสิ่งใดให้เขียนข้อความลงไปในนี้โดยใช้พลังปราณ จากนั้นผู้ที่ได้รับมันจะได้รับข้อมูลทั้งหมดโดยการโอนถ่ายจาก[ยันต์ส่งสาร]เข้าไปภายในจิตใจของผู้รับ
       
ซึ่งแน่นอนว่ามันเป็นข้อความจาก เหยียนชือหลิง!
       
เย่ชีเหวิน ไม่เสียเวลาและรีบผิวปากในทันที ฉับพลัน[ นกกระเรียนหัวแดง ]ก็ได้ปรากฏตัวขึ้นอย่างรวดเร็วราวเหมือนกับเส้นแสงของสายฟ้า เป็นเวลากว่า 3 วันที่มันได้โลดแล่นอยู่บนท้องฟ้าเพื่อรอคอยการเรียกจาก เย่ชีเหวิน
       
ทันทีเขาได้รีบขี่[ นกกระเรียนหัวแดง ]มาด้วยความเร็วสูงสุดของมัน เพียงแค่ครึ่งชั่วโมง เขาก็ได้กลับมาถึงยังสำนักหลัก
       
เย่ชีเหวิน ขมวดคิ้วเพราะดูเหมือนว่ามันจะเป็นไปตามอย่างที่เขาคาด สมาชิกของพรรคผู้อาวุโสก่อนหน้าไม่ต้องการที่จะว่างมือจากพรรคของพวกเขา ถึงแม้ว่าพรรคอื่น ๆ จะมิใช่ศัตรูไปเสียทั้งหมด หากแต่นั่นก็มิได้หมายความว่าพรรคเหล่านั้นจะเป็นมิตรกับพวกเขา
       
เหล่าพรรคน้อยใหญ่ต่างมีอยู่เป็นจำนวนมากและมีความแข็งแกร่งที่แตกต่างกัน ซึ่งจะมีพรรคบางพรรคที่มีความแข็งแกร่งเป็นพิเศษโดยเฉพาะพรรคที่ถูกก่อตั้งขึ้นโดยศิษย์ที่แท้จริง ซึ่งแน่นอนว่าพวกเขาจะรับคนจากศิษย์ฝ่ายหลักเท่านั้นและจะมีศิษย์ใหม่หรือศิษย์ฝ่ายในบางคนเท่านั้นที่มีความสามารถพิเศษสะดุดตาของพวกเขาจึงจะถูกรับเลือกให้เข้าร่วมพรรค และสำหรับเหล่าพวกพรรคระดับกลางพวกเขาจะรับคนที่เป็นศิษย์จากฝ่ายในและศิษย์ใหม่ และท้ายสุดสำหรับพวกพรรคระดับล่างเช่นพวกเขาจะรับศิษย์จากฝ่ายนอกและรวมไปถึงแม้แต่ศิษย์แรงงาน
       
ฉะนั้นแล้วจึงเป็นเรื่องที่โชคดีสำหรับ[พรรคเฉินฟู๋]ที่ถูกก่อตั้งขึ้นโดยเหล่าศิษย์ใหม่จึงทำให้พวกเขามิได้มีศัตรูอะไรมากมายนัก หากแต่พวกเขาก็ยังต้องเผชิญหน้ากับ 3 ถึง 4 พรรคยักษ์ใหญ่ที่อยู่ใน[ ยอดหุบเขา เสียดนภา ]ดั่งเช่นคู่แข่ง และในเวลานี้พวกเขาก็ได้ร่วมมือกันกับพรรคอื่น ๆ เพื่อหมายที่จะโค่นล้ม[พรรคเฉินฟู๋]ของพวกเขา
       
โดยธรรมชาติเมื่อใดก็ตามที่พรรคไหนมีท่าทีที่ขุมพลังอำนาจของพวกมันจะเพิ่มมากขึ้น พรรคของมันผู้นั้นจะถูกต่อต้านโดยอัตโนมัติจากพรรคอื่น ๆ
       
แต่ทันทีที่ เย่ชีเหวิน ได้กลับมาถึง[ ยอดหุบเขา เสียดนภา ] เขากับมิเห็นผู้ใดหรือคนจำนวนมากที่ไหน อัดแน่นอยู่ที่หน้าประตูของพวกเขาตามที่ เหยียนชือหลิง ได้บอกกล่าวมาใน[ยันต์ส่งสาร]เลยแม้แต่น้อย
       
เขามิได้กังวลใจอะไรมากนักสำหรับความปลอดภัยของพวกศิษย์ใหม่ หลังจากที่พวกเขาทั้งหมดได้ก้าวเข้ามายังภายในสำนักหลัก ซึ่งแน่นอนว่าเหล่าศิษย์ผู้อาวุโสย่อมมิกระทำการอะไรที่มันเกินเลยมากเกินไปนัก แม้ว่าพวกเขาจะพยายามกลั่นแกล้งหรือกดขี่ขมเหงแต่ก็ไม่มีใครก็พอที่จะทำให้ถึงตาย เพราะถ้าหากพวกเขาเกิดพลั้งมือฆ่าใครขึ้นมา มันอาจจะไปกระตุ้นเหล่าบุคคลระดับสูงเข้า
       
โดยทั่วไปเหล่าศิษย์ผู้อาวุโสระดับสูงมันไม่ยุ่งเกี่ยวกับเหล่าศิษย์ใหม่ หากพวกเขามิได้ก่อให้เกิดปัญหามากเกินไปพวกเขาจะมิทำการแทรกแซงเป็นอันขาด ในสายตาของพวกเขานี่ก็เป็นสิ่งที่มันจะเกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้งภายในสำนัก ซึ่งแน่นอนว่าพวกเขามิได้มีความสนใจต่อพวกศิษย์ที่อยู่ในระดับปานกลาง พวกเขาจะสนเพียงแต่เหล่าศิษย์ที่มากไปด้วยความสามารถอันโดดเด่น โดยเฉพาะศิษย์ที่โดดเด่นเพียง 1 คนก็มีค่าเทียบเท่าได้กับศิษย์ระดับปานกลางถึง 1000 คน
       
ฉะนั้นแล้ว เย่ชีเหวิน จึงมิได้คาดหวังว่าจะได้เห็นสถานการณ์ที่เลวร้ายอะไรมากนัก จึงได้รีบกลับมาเพื่อหวังที่จะหยุดสถานการณ์เหล่านั้นเอาไว้เพื่อไม่ให้มันรุนแรงมากขึ้น และจะแสดงให้เห็นว่า[พรรคเฉินฟู๋]ของพวกเขามิใช่พรรคที่ก่อตั้งขึ้นมาโดยเหล่าบุคคลอ่อนแอและแน่นอนพวกเขาจะต่อสู้กลับถ้าจำเป็น
       
ทันทีที่ เย่ชีเหวิน ได้มาถึง[ ยอดหุบเขา เสียดนภา ] เขาก็ต้องพบกับประหลาดใจเมื่อเขาได้เห็น เหยียนชือหลิง กำลังพูดคุยกับชายหนุ่มที่มีใบหน้าอันหล่อเหลาในชุดคลุมจีนสง่า
       
          “ ศิษย์พี่เหยียน นี่มันเกิดสิ่งใดขึ้น? ” เย่ชีเหวิน กล่าวถาม เหยียนชือหลิง ด้วยน้ำเสียงแปลกใจ เพราะเขามั่นใจว่าเขาได้รับข้อความที่ส่งมาจาก เหยียนชือหลิง ว่าที่พรรคกำลังมีภัย หากแต่สิ่งที่เกิดขึ้นมันกับดูราวปกติเหมือนมิได้มีอะไร
       
เมื่อ เหยียนชือหลิง ได้เห็นว่า เย่ชีเหวิน นั้นกลับมาใบหน้าของเขาก็แลดูสดใสขึ้นมาในทันที กระทั่งชายหนุ่มที่มีใบหน้าหล่อเหลาก็ยังจับจ้องไปที่ เย่ชีเหวิน ด้วยสายตาที่สนอกสนใจหากแต่มันก็แฝงไปด้วยความรู้สึกที่ประหลาดใจ
       
เหยียนชือหลิง กล่าวออกมาพร้อมรอยยิ้ม “ พี่ชายเย่ เราโชคดีที่ในยามนี้ศิษย์พี่จิง ได้มาช่วยเหลือพวกเราเอาไว้ ”
       
หลังจากที่ได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดจากปากของ เหยียนชือหลิง ในที่สุด เย่ชีเหวิน ก็ได้เข้าใจ หลังจากที่ได้มีศิษย์ผู้อาวุโสจำนวนมากมารวมตัวกันอยู่ที่หน้าประตูมันทำให้ เหยียนชือหลิง รู้สึกตื่นตระหนกเป็นอย่างมากเขาจึงได้รีบเขียน[ยันต์ส่งสาร]ส่งไปให้ เย่ชีเหวิน แต่ในขณะนั้นเอง ก็ได้มีชายหนุ่มที่มีใบหน้าหล่อเหลาปรากฏตัวขึ้นซึ่งนามของเขาคือ จิงเยี้ยนหนาน เขาได้มาเป็นซื่อกลางเจรจาเรื่องให้ระหว่างพวกเขาและเหล่าศิษย์ผู้อาวุโส แต่ว่ามันก็เป็นเพียงแค่การสงบศึกชั่วคราวเท่านั้น
       
          “ ข้าต้องขอขอบคุณศิษย์พี่จิง สำหรับการช่วยเหลือในครั้งนี้ ” เย่ชีเหวิน กล่าวอย่างสุภาพพร้อมป้องมือขึ้นเหนือหน้าอกในลักษณะที่ให้ความเคารพ
       
          “ นั่นมิใช่ความต้องการของข้า ข้าเพียงแค่ได้รับคำขอมาจากคนบางคนเท่านั้นว่าให้มาช่วยเหลือพวกเจ้า ” จิงเยี้ยนหนาน กล่าวออกมาพร้อมรอยยิ้ม
       
เย่ชีเหวิน รู้สึกงุนงงเพราะเขามิสามารถคาดเดาได้ ว่าผู้ใดกันที่ได้ส่งความช่วยเหลือมาให้แก่พวกเขา?
       
เมื่อสังเกตดูใบหน้าที่สับสนของ เย่ชีเหวิน เหยียนชือหลิง ก็ได้กล่าวออกมาพร้อมรอยยิ้มว่า “ ท่านไม่จำเป็นต้องคาดเดาเพราะข้ายินดีที่จะบอกท่านว่าผู้ใดกันที่ได้ส่งความช่วยเหลือมาให้พวกเรา ในความเป็นจริงแล้วมันคือศิษย์น้อง ฮวาเหมิงฮั่น ที่ได้ให้ความช่วยเหลือพวกเราในยามนี้! ”
       
#########################################################

เอาละในช่วงท้ายก็มาพบกับเราเหล่าพี่น้อง 4B หัวดอที่จะมาเผานิยายเรื่องนี้ไปพร้อมกลับคุณ
       
B1 : ง่ะถึงตัวจะไกล แต่ใจไม่เคยห่างกันนะจร๊
B3 : ก็มาแค่ชื่อละวะ
B2 : ว่าแต่ทำไม เหยียนชือหลิง เรียก ฮวาเหมิงฮั่น ว่าศิษย์น้องนั่นมันศฺษย์หลักนะโวย
B4 : ไอ้สอง!!!! [ม.]สปอย!!!!
B2 : หะ อะไรนะ [ก.]ไม่รู้แมวมันพิม!!!
B3 : โคตรแหล…..

#########################################################
เอาล่ะก็ขอจบสาระเร้าใจ BY: นายกระทิข้น ไว้เท่านี้ก่อนนะครับขอบคุณครับสำหรับผู้อ่านทุกท่าน

2 ความคิดเห็น:

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม