โมฮัน ที่ได้ถูกผลักดันไปจนถึงขอบลานประลองมีความรู้สึกอึดอัดใจ และไม่สามารถหลบซ่อนความตกตะลึงออกไปจากใบหน้าของเขาได้ หลังจากที่เขาได้ปะทะเข้ากับ เย่ชีเหวิน โดยตรงก็ส่งผลให้เขาตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ ในที่สุดเขาก็ได้เข้าใจถึงความแข็งแรงที่กดขี่ข่มเหงที่แท้จริงของศัตรู ซึ่งมันเป็นความจริงที่ยากเกินจะรับไหวสำหรับเขา
“ ศิษย์น้องเย่ นี่มันมนุษย์ในคราบของอสูรร้ายชัด ๆ! ” จางหยาง กล่าวด้วยสายตาที่จับจ้องออกไปด้วยความรู้สึกประหลาดใจ
แม้แต่ เย่ฟง ก็ยังจับจ้องไปที่น้องชายของตนด้วยความรู้สึกที่มิอยากจะเชื่อ ความก้าวหน้าที่พัฒนาไปอย่างก้าวกระโดดจนต้องรู้สึกประหลาดใจ เขาในตอนนี้ได้ถูกน้องชายของตนทิ้งเอาไว้เบื้องหลังอย่างสมบูรณ์ ซึ่งเดิมที่ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาเขาเป็นกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของน้องชายของเขาและพยายามที่จะพูดคุยเกี่ยวกับการต่อสู้ในครั้งอยู่หลายครา เพราะมันมิใช่ครั้งแรกที่ศิษย์ใหม่ได้ลุกขึ้นสู้เพื่อต่อต้านเหล่าศิษย์ผู้อาวุโส มันได้เกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้งเมื่อในอดีตที่ผ่านมา เหล่าศิษย์ใหม่ที่ได้ก้าวเข้าสู่สำนักหลักด้วยความรู้สึกทะเยอทะยานและทะนงตนหลงคิดว่าตนคืออัจฉริยะเพียงหนึ่งเดียว จนถูกเหล่าศิษย์ผู้อาวุโสบดขยี้ด้วยความคิดเช่นนั้น แม้ว่าศิษย์ใหม่ในปีนี้ที่ได้เข้าร่วมยังสำนักหลักจะมีเหล่าบุคคลอัจฉริยะปะป่นมาอยู่เป็นจำนวนมาก แต่มันก็ไม่ได้สร้างความแตกต่างอะไร เพราะด้วยความแข็งแกร่งของเหล่าศิษย์ผู้อาวุโสมันยังคงห่างชั้นกับพวกเขาอยู่หลายขุมนัก
แต่สำหรับเหล่าศิษย์ใหม่การต่อสู้ในครั้งนี้คือการเดิมพันด้วยศักดิ์ศรีของพวกเขาที่ เย่ชีเหวิน กำลังต่อสู้อยู่มันมิได้เป็นเพียงแค่การปกป้อง[พรรค เฉินยู้]ของพวกเขาเพียงเท่านั้น แต่มันยังรวมไปถึงการปกป้องศักดิ์ศรีของเหล่าศิษย์ใหม่ด้วย หากการต่อสู้ในครั้งนี้ เย่ชีเหวิน เป็นฝ่ายที่ชนะ ศักดิ์ศรีของเหล่าศิษย์ใหม่จะถูกกู้คืนและพวกศิษย์ผู้อาวุโสจะต้องยอมรับว่าพวกเขามิสามารถมองลงมาที่เหล่าศิษย์ใหม่ด้วยสายตาที่ดูหมิ่นเหยียดหยามเช่นนั้นได้อีก
และเช่นเดียวกับ เย่ชีเหวิน ที่ได้รับ[ หยวนจินตัน ]จาก[ ยอดหุบเขา เสียดนภา ] สำหรับรางวัลที่ได้รับจากการทดสอบการประเมิน เย่ฟง เองก็ได้รับ[ หยวนจินตัน ]ด้วยเช่นกัน และแน่นอนว่าในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาเขาต้องการที่จะมอบมันให้กับ เย่ชีเหวิน เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้ที่จะมาถึง หากแต่เขากับไม่มีโอกาสได้พบ เย่ชีเหวิน เลนแม้แต่ครั้งเดียว
เย่ชีเหวิน ที่ได้ทำการปิดประตูเพื่อบ่มเพาะพลังได้กล่าวเอาไว้อย่างเคร่งครัดว่าห้ามให้ผู้ใดรบกวนเป็นอันขาดตลอดหนึ่งเดือนหลังจากนี้ ในขณะที่ เย่ฟง เองก็รู้อยู่ว่า เย่ชีเหวิน นั้นมี[ หยวนจินตัน ]หากรวมกับของเขาเข้าไปด้วย เย่ชีเหวิน ก็จะมีถึงสอง[ หยวนจินตัน ] เมื่อเป็นเช่นนั้นเขาก็จะมีความหวังว่าในช่วงนะยะเวลาสั่น ๆ เย่ชีเหวิน จะสามารถบุกฝ่าไปยัง[ ระดับขั้นที่ 5 ดินแดนลมปราณก่อเกิด ]ได้
แม้ว่า[ หยวนจินตัน ]จะเปรียบเสมือนเป็นดั่งสมบัติอันล้ำค่า แต่ในใจของเขามันก็มิได้มีค่าไปกว่าน้องชายคนเล็กของเขา
แต่เขาก็มิได้คาดคิดว่าภายในระยะเวลาอันสั่นความแข็งแกร่งของ เย่ชีเหวิน จะพุ่งสูงขึ้นจนอยู่ในระดับที่น่าหวาดกลัวถึงเพียงนี้ แต่เดิมภายในใจของเขาก็ได้รับรู้อยู่แล้วว่า เย่ชีเหวิน นั้นแข็งแกร่ง แต่เขาไม่เคยได้รับรู้ถึงขอบเขตความสามารถที่แท้จริงของ เย่ชีเหวิน
แต่ในตอนนี้เขาก็ได้เข้าใจแล้วว่า แม้จะมีเพียงแค่ 1 [ หยวนจินตัน ] เย่ชีเหวิน ก็มีความสามารถเกินพอที่จะเอาชนะผู้เชี่ยวชาญ[ ระดับจุดสูงสุดขั้นที่ 5 ดินแดนลมปราณก่อเกิด ]ได้อย่างง่ายดาย
แม้ว่าในตอนนี้พวกเขาจะยังคงมองไม่เห็นร่างของ เย่ชีเหวิน หากแต่พวกเขาทุกคนต่างก็ได้ตกตะลึงอย่างสมบูรณ์ต่อสิ่งที่เกิดขึ้น เย่ฟงและคนอื่น ๆ ต่างคิดว่าการจะบรรลุความแข็งแกร่งได้เช่นนี้ย่อมมิใช่เรื่องง่าย ซึ่งในความเป็นจริงการที่ เย่ชีเหวิน จะสามารถบรรลุ[ ระดับจุดสูงสุดขั้นที่ 3 ดินแดนลมปราณก่อเกิด ]ได้ เพียง 1 [ หยวนจินตัน ]มันยังคงไม่เพียงพอ เขาต้องกลั่นอย่างน้อยไปอีกถึง 2,000 ศิลาวิญญาณระดับกลาง แต่ถึงอย่างนั้นแม้ว่าเขาจะกลั่นศิลาวิญญาณเพิ่มขึ้นไปอีกถึง 2 เท่า มันก็ไม่มีอะไรรับประกันได้ว่าเขาจะประสบความสำเร็จ
แต่ถึงอย่างนั้นหลังจากที่เขาต้องกลั่นศิลาวิญญาณไปในจำนวนมหาศาล ในที่สุดมันก็ได้ผลักดันเขาจนไปถึงในระดับความแข็งแกร่งที่น่าสะพรึงกลัวอย่างในตอนนี้
โมฮัน ค่อย ๆ ย่างกายเข้าใกล้ เย่ชีเหวิน ด้วยกลิ่นอายที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ฝ่ามือที่กำหอกไว้แน่นและหันชี้เข้าใส่ เย่ชีเหวิน สายตาจับจ้องและล็อคแน่นไปที่ร่างของ เย่ชีเหวิน ฉับพลัน 10 ทิศรอบด้านของ โมฮัน ก็ได้ระเบิดกลิ่นอายอันน่าเกรงขามออกมา [ พลังปราณก่อเกิด ]ได้เอ่อล้นและเข้าห่อหุ้มร่างกายของ โมฮัน พร้อมกลิ่นอายที่ปกคลุมไปทั่วทั้งลานประลอง
ปลายเท้าของ โมฮัน เหยียบลงไปที่พื้นอย่างหนักแน่น พร้อมคมหอกที่ตั้งฉากขึ้นระนาบข้างตัว [ พลังปราณก่อเกิด ]ได้เริ่มไหลเวียนหลอมรวมเข้าด้วยกันอย่างรวดเร็ว กลิ่นอายอันน่าอัศจรรย์ไหลบ่าออกมาจากร่างกายของ โมฮัน คมหอกที่ได้หลอมรวมเข้ากับ[ พลังปราณก่อเกิด ]ได้กลายเป็นออล่าที่ปกคลุมไปทั่วร่าง ในยามนี้ร่างกายของ โมฮัน ได้กลายเป็นรูปแบบของมนุษย์คมหอกที่พร้อมจะทะลวงทุกสิ่งอย่างที่ขวางหน้า ฉับพลันปลายเท้าเหยียดพุ่งแรงดีดอันมหาศาลและคมหอกอันแหลมคมได้ทะลวงผ่านชั้นบรรยากาศพุ่งตรงไปยังทิศทางของ เย่ชีเหวิน
พลังอำนาจที่น่าทึ่งได้พุ่งสูงขึ้นจนเกินขีดจำกัดความแข็งแกร่ง[ ระดับจุดสูงสุดขั้นที่ 5 ดินแดนลมปราณก่อเกิด ]!
แท้จริงนี่คือเขตแดนของการผสานร่างมนุษย์คมหอก หลังจากที่ได้ถูกต้อนจนจนมุมโดย เย่ชีเหวิน โมฮัน ที่ได้รับรู้สึกถึงแรงกดดัน ในที่สุดเขาก็ได้บรรลุเขตแดนที่มีเพียงแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถบรรลุมัน นี่ถือได้ว่าเป็นไม้ตายก้นหีบสำหรับเขาในตอนนี้ ด้วยพลังอำนาจของมันเขามีความเชื่อมั่นว่ามันจะช่วยทำให้เขาพริกสถานการณ์กลับมาได้เป็นแน่
ผสานร่างมนุษย์คมหอก!
เป็นอีกครั้งที่เหล่าคนของ[พรรค ฟู๋ตี่]ได้ส่งเสียงเชียร์ที่เต็มไปด้วยความรู้สึกตื่นเต้น ให้กับรองผู้บังคับบัญชาการฝ่ายหลักของพวกเขา ในขณะที่เหล่าคนของ[พรรค เฉินยู้]ต่างนั่งลงด้วยความรู้สึกหวาดกลัวและขวัญผวา เพราะการที่จะสามารถบรรลุเขตแดนผสานร่างมนุษย์คมหอกที่มีเพียงไม่กี่คนสามารถบรรลุได้นั้น ความแข็งแกร่งย่อมมิใช่เรื่องน่าขัน
มีผู้ฝึกยุทธมากมายที่พยามฝึกฝนตลอดชั่วชีวิตของพวกเขา แต่ก็ยังไม่สามารถบรรลุเขตแดนผสานร่างมนุษย์คมหอกนี้ได้ และสำหรับผู้เชี่ยวชาญที่ไปถึงเขตแดนนี้แล้ว พวกเขาก็จำเป็นที่จะต้องมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งต่อเคล็ดวิชาประเภทอาวุธและโดยธรรมชาติความสามารถของพวกเขาจำเป็นที่จะต้องอยู่ในระดับที่สูงมาก
เมื่อต้องเผชิญกับศัตรูที่น่าหวาดกลัวเฉกเช่น เย่ชีเหวิน ที่เขามิสามารถรับมือและบังคับให้เขาต้องจนมุม มันก็ได้ทำให้เขาตกอยู่ภายใต้แรงกดดันอันมหาศาลจนในที่สุด เขาก็ประสบความสำเร็จในการผสานร่างของตนเข้ากับคมหอก ซึ่งแม้แต่ผู้ที่ได้มาดูการต่อสู้ในครั้งนี้ก็ยังต้องรู้สึกตกใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนของ[พรรค ฟู๋ตี่]
“ เยี่ยม! เยี่ยม!! ” ฉินมู้เจ้อ จับจ้องไปที่ โมฮัน พร้อมหัวเราะเสียงดังและกล่าวว่า “ ข้าดูคนไม่ผิดจริง ๆ! ”
การผสานร่างเข้ากับคมหอก ภายในสำนักหลักยี่หยวนแล้วมีเพียงแค่ศิษย์ไม่กี่คนเท่านั้นที่บรรลุเขตแดนนี้ แม้ว่ามันจะแสดงผลออกมาเพียงแค่ในช่วงระยะเวลาสั่น ๆ หากแต่พลังอำนาจของมันจะพุ่งทะยานสูงขึ้นจนถือได้ว่าอยู่ในระดับที่สูงมาก ซึ่งเชามิเคยคาดคิดเลยว่าภายในพรรคของเขาจะมีบุคคลที่สามารถบรรลุเขตแดนที่หาได้ยากยิ่งเช่นนี้ได้ นั่นจึงเป็นเหตุที่ ฉินมู้เจ้อ แลดูมีความสุขมากจนอดไม่ได้ที่จะต้องส่งเสียงหัวเราะออกมา
ในตอนนี้แม้ว่า โมฮัน จะต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ไปในการต่อสู้และถึงแม้ว่าพรรคของเขาจะต้องเสียหน้า เขาก็ไม่รู้สึกเสียใจเพราะต้องขอบคุณสำหรับการต่อสู้ในครั้งนี้ ที่ทำให้รองผู้บังคับบัญชาฝ่ายหลักของเขามีความน่ากลัวมากยิ่งขึ้น ฉะนั้นแล้วไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นเขาก็ไม่รู้สึกเสียใจ
“ มันยังเร็วเกินไปที่จะดีใจ ” จิงเยี้ยนหนาน กล่าวกับ ฉินมู้เจ้อ
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีที่รุนแรงของ โมฮัน เย่ชีเหวิน ไม่คิดที่จะเข้าปะทะโดยตรง เพราะพลังอำนาจของมนุษย์คมหอกมิใช่เรื่องน่าขัน หากเลือกเข้าปะทะโดยตรงมันคงมิใช่ความคิดที่ดีนัก พลังปราณได้ระเบิดออกมาจากปลายเท้าของเขา เพียงพริบตาเขาก็ได้หายไปจากจุดที่เขายืนอยู่
การโจมตีของเขตแดนผสานร่างมนุษย์คมหอกของ โมฮัน ที่ได้มุ่งเป้าไปที่ เย่ชีเหวิน ได้สูญเสียเป้าหมายไปอย่างฉับพลัน แม้ดูผิวเผินมันจะเป็นเพียงแค่การสูญเสียเป้าหมาย หากแต่นั่นถือเป็นจุดอ่อนที่ร้ายแรงที่สุดของเขตแดนผสานร่างมนุษย์คมหอก ซึ่งการโจมตีด้วยพลังอำนาจเต็มที่เขาจำเป็นที่จะต้องระบุเป้าหมายอย่างชัดเจน แต่ในขณะนั้นเองเขาก็ต้องรู้สึกตกใจที่ได้เห็นร่างเงาสีฟ้าที่พัดผ่านไปตามลม
ประกายความคิดได้แล่นผ่านราวกับฟ้าที่ผ่ากลางใจ โมฮัน ได้หันหลังกลับอย่างฉับพลัน พร้อมคมหอกที่ทิ่มทะลวงออกไปอย่างรุนแรงในจุดที่ตาของเขามองไม่เห็น
" ทะลวง! "
เสียงแหลมคมเจาะหูดังกึกก้องประกายไฟสาดส่องไปทั่วทั้งลานประลอง ฉากที่น่ากลัวจากการประทั้งกันของสองพลังอำนาจที่รุนแรง ทันทีที่ โมฮัน ได้หันหลังกลับและทะลวงคมหอกออกไปใบมีดยาวของ เย่ชีเหวิน ก็ได้ฟาดฟันลงมาอย่างเหมาะเจาะจากด้านหลังของเขา จึงก่อให้เกิดการปะทะกันอย่างรุนแรง หากแต่ด้วยการโจมตีอันหนักหน่วงของใบมีดยาวได้ส่งผลให้คมหอกนั้นเกิดงอเล็กน้อย
ในที่สุดร่างของ เย่ชีเหวิน ก็ได้ปรากฏอยู่ด้านหลังของใบมีดยาวด้วยรอยยิ้มจาง ๆ บนใบหน้า จากการปะทะกันมันทำให้เขาได้รับรู้ว่าพลังอำนาจของร่างมนุษย์คมหอกนั้นมีประสิทธิภาพเป็นอย่างมาก แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตามในท้ายที่สุดแล้วชัยชนะครั้งนี้ก็ต้องตกเป็นของเขา เพราะถ้าก่อนหน้านี้เขาต้องเผชิญหน้ากับพลังอำนาจเต็มที่ของร่างมนุษย์คมหอกแล้วล่ะก็เขาก็คงจะเป็นฝ่ายที่พ่ายแพ้ไปแล้ว หากแต่ด้วยการหายตัวไปอย่างฉับพลันจึงทำให้ร่างมนุษย์คมหอกนั้นสูญเสียเป้าหมายของตนไปซึ่งแน่นอนว่าพลังอำนาจของมันก็ได้หายไปกว่าครึ่งด้วย แม้ว่ามันจะสามารถโจมตีได้ต่ออีกครั้งแต่พลังอำนาจของมันก็ไม่อยู่ในระดับเต็ม 100 เหมือนในคราแรก ฉะนั้นมันจึงถูกตีโต้กลับด้วยการโจมตีของ เย่ชีเหวิน!
โมฮัน รู้สึกหวาดกลัวจากก้นบึ่งของหัวใจ แม้เขาจะบรรลุเขตแดนผสานร่างมนุษย์คมหอก แต่เขาก็ยังเป็นรอง เย่ชีเหวิน และไม่สามารถเปลี่ยนแปลงผลของการต่อสู้ในครั้งนี้ได้ตามที่เขามุ่งหวังเอาไว้
โดยไม่มีท่าทีลังเลใด ๆ เย่ชีเหวิน ได้สับใบมีดยาวออกไปอย่างรุนแรง และฟาดฟันเข้าใส่คมหอกอย่างหนักหน่วงอย่างต่อเนื่อง ภายในการโจมตีอันรุนแรงและน่าหวาดกลัวของ เย่ชีเหวิน ได้ส่งผลให้ โมฮัน ไร้เรี่ยวแรงต้านทานจนในที่สุดเขาก็ไม่สามารถคงสภาพร่างผสานของมนุษย์หอกเอาไว้ได้ จนเขาต้องแยกออกจากกันในที่สุด
หลังจากที่ โมฮัน ได้แยกตัวออกมาจากเขตแดนร่างมนุษย์คมหอก ผลของการต่อสู้ในครั้งนี้ก็ได้กลายเป็นที่ประจักต่อสายตาผู้คนในทันที!
โมฮัน ได้ถูกตอบโต้กลับตลอดการต่อสู้อีกทั้ง เย่ชีเหวิน ยังใช้ประโยชน์จากการโจมตีจากด้านหลังฟาดฟันเข้าใส่ โมฮัน ด้วยใบมีดยาวของเขาอย่างไรความปราณี
“ ปัง! ” ร่างของ โมฮัน ถูกตีอย่างรุนแรงและปลิวกระเด็นลอยออกนอกลานประลองไปนับหลายเมตร!
เหล่าผู้คนต่างเงียบงัน!
ผู้ที่ได้รับชัยชนะในครั้งนี้คือ เย่ชีเหวิน!
#########################################################
เอาละในช่วงท้ายก็มาพบกับเราเหล่าพี่น้อง 4B หัวดอที่จะมาเผานิยายเรื่องนี้ไปพร้อมกลับคุณ
B1 : เป็นไงเล่า!!!!!!!!!!!!!!!!!!! รู้ซึ้ง!! รู้ซึ้ง!!!!!!!!!
B2 : ตาถลน ก้ามแถมฉีกกันไปดี 55555555
B3 : [ก.]เกลียดมัน
B4 : ไอ้ร่างมนุษย์หอกนี่มันหมายถึง หลอมรวมเข้าไปในหอกเลยชะ แบบหอกบินได้อย่างงั้นอะหรอตอนโจมตี หรือจะเป็นแบบในอนิเมะเรื่องหอกล่าปีศาจอะไรนั่น ไอ้ตอนสู้กับฮากุเม็งนั่นอ่าใช่การโจมตีแบบนั้นไหม [ค.]นึกภาพไม่ออกจริง ๆ ไอ้เยสเข้
#########################################################
เอาล่ะก็ขอจบสาระเร้าใจ BY: นายกระทิข้น ไว้เท่านี้ก่อนนะครับขอบคุณครับสำหรับผู้อ่านทุกท่าน
thank you ka
ตอบลบขอบคุณครับ
ตอบลบขอบคุณครับ
ตอบลบเป็นไงละ พระเอกกูก็ชนะอยู่ดี
ตอบลบมีเจ็ดพันซื้อนกหนึ่งพันกลั่นศิลาสองพันเหลือสี่พันศิลาแต่มันลงเดิมพันห้าพันศิลาคืองง
ตอบลบคิดไรมากกุทำใจละแค่เรื่องแต่งขึ้น555
ลบ